Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2371 กระบี่ไฟ

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2371 กระบี่ไฟ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทุกคนต่างรู้สึกได้ว่าไอเย็นได้ผุดขึ้นในใจตลอด เมื่อมองเห็นโลกที่ถูกผนึกด้วยน้ำแข็งจนเป็นน้ำแข็งก้อน ถ้าหากลำแสงเป็นมัดเช่นนี้ยิงไปยังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตน เกรงว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตนก็ต้องถูกผนึกด้วยน้ำแข็งจนกลายเป็นก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์เช่นนี้ เมื่อเป็นดังนี้แล้วเกรงว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งหมดก็ต้องถูกทำลายไป

“นี่ นี่ นี่มันเป็นเพียงอาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุคเท่านั้นเอง ถ้าหากเป็นอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคที่แท้จริงล่ะก็ มันช่างน่ากลัวเช่นใดนะเนี่ย หากถูกโจมตีด้วยอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคที่แท้จริง โลกมิต้องถูกทำลายโดแท้จริงอย่างนั้น สามารถทำลายแดนลัทธิพรรษจนสิ้น?” มีผู้ที่พึมพำขึ้นมา

แม้แต่ระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิยังต้องรู้สึกสั่นเทิ้มขึ้นมา มิน่าเล่าปฐมบรรพบุรุษจึงไม่ทิ้งอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคเอาไว้ให้ เพราะอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคเช่นนี้อานุภาพช่างน่ากลัวโดยแท้จริง!

“สิ้นสุดแล้วรึ?” แม้แต่ระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิก็ต้องร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ที่ถูกผนึกด้วยน้ำแข็งนั้น ถึงกับพึมพำขึ้นมาว่า “เกรงว่าคงตายแน่นอนเสียแล้ว”

“ด้วยพลังผนึกน้ำแข็งที่น่ากลัวเช่นนี้ เกรงว่ากายเนื้อที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ก็รับไม่ไหว ต้องตายอย่างแน่นอนนะเนี่ย อย่าว่าแต่ระดับเทพแท้จริงเลย แม้แต่ขั้นอมตะเกรงว่าก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อต้องอยู่ภายใต้ผนึกน้ำแข็งเช่นนี้” ระดับบรรพบุรุษผู้หนึ่งมองดูหลี่ชิเย่ที่ถูกผนึกด้วยน้ำแข็งแล้ว ก็เข้าใจว่าหลี่ชิเย่ต้องตายอย่างแน่นอนเสียแล้ว

“ในที่สุดก็ตายแล้ว” ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ทยอยกันหายใจด้วยความโล่งอก พลันรู้สึกลิงโลดขึ้นมา เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ที่ถูกผนึกด้วยน้ำแข็งนั่น

จะอย่างไรเสีย ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่สนับสนุนมู่เส้าเฉินนั้นมีเป็นส่วนใหญ่ พวกเขาต่างมั่นใจในมู่เส้าเฉิน พวกเขากระทั่งนำอนาคตมาวางเป็นเดิมพันไว้บนตัวของมู่เส้าเฉิน และด้วยเหตุนี้เองพวกเขาจึงกล้าติดตามมู่เส้าเฉินสั่นคลอนต่อฐานะความเป็นผู้นำของพรรคหยางหมิง

กล่าวสำหรับบรรดาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่ยืนอยู่ฝั่งค่ายของมู่เส้าเฉินแล้ว ถ้าหากมู่เส้าเฉินพ่ายแพ้ต่อหลี่ชิเย่ ย่อมสามารถจินตนาการได้ถึงอนาคตของพวกเขาแล้ว เกรงว่าคงมีแต่ดำมืด

เวลานี้มู่เส้าเฉินได้ผนึกร่างหลี่ชิเย่ด้วยน้ำแข็งและเอาชนะหลี่ชิเย่ได้ พลันทำให้พวกเขาทุกคนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อมู่เส้าเฉินมีศักยภาพที่น่ากลัวเช่นนี้ อนาคตต้องสามารถเป็นผู้นำของแดนลัทธิพรรษทั้งหมดแน่นอน การที่พวกเขายืนอยู่ข้างฝั่งของมู่เส้าเฉินย่อมไม่ผิดอย่างแน่นอน

“ฮึ ถึงหลี่ชิเย่จะแข็งแกร่งมากว่านี้แล้วเป็นอย่างไร ยังคงเทียบไม่ได้กับนายน้อยมู่” โอรสเทพของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหัวเราะเยาะทีหนึ่งกล่าวเหยียดหยามว่า “สมควรทราบว่า นายน้อยมู่คือผู้สืบทอดของตระกูลมู่ มีของวิเศษในครอบครองนับไม่ถ้วน อย่าว่าแต่แค่สังหารหลี่ชิเย่เลย แม้แต่การทำลายระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสักแห่งก็ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือเท่านั้น”

“นั่นสิ เจ้าคนแซ่หลี่ไม่รู้จักเจียมตน ถึงกับกล้าเป็นศัตรูกับนายน้อย มันคือการรนหาที่ตายเอง” โอรสปราชญ์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นๆ ต่างทยอยกันคล้อยตาม

ระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิก็ได้ทอดถอนใจเบาๆ ขณะมองดูหลี่ชิเย่ที่ถูกผนึกร่างด้วยน้ำแข็ง กล่าวด้วยท่าทีรู้สึกเสียใจว่า “เมื่อเปรียบเทียบกับตระกูลมู่แล้วอย่างไรเสียด้านธาตุแท้ภายในก็ด้อยกว่ากันนิดหนึ่ง ถ้าหากไม่ตายอยู่ที่นี่ล่ะก็ ถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าอนาคตต้องปราดเปรื่องน่าทึ่ง หนึ่งไม่มีสองในหล้านะเนี่ย”

“ฮึ เทียบพลังกับปฐมบรรพบุรุษของข้า มันไม่คู่ควรจะกล่าวถึงอยู่แล้ว” มู่เส้าเฉินมองดูหลี่ชิเย่ที่ถูกผนึกร่างเอาไว้ด้วยน้ำแข็ง กล่าวด้วยท่าทีเหยียดหยาม

เวลานี้มู่เส้าเฉินได้เงยหน้าขึ้นมองดูหวู่ปิงหนิงที่ยืนอยู่ในที่ที่ห่างไกล หัวเราะเสียงดังและกล่าวว่า “เจ้าเลือกคนผิด ลำพังอาศัยคนแซ่หลี่คนหนึ่งมีสิทธิ์กล้าเป็นศัตรูกับข้า? พวกเจ้ายังคงยอมนายน้อยอย่างข้าแต่โดยดีเสียเถอะ เป็นสะใภ้ตระกูลมู่ของข้าแต่โดยดี มีความมั่งมีศรีสุขให้เจ้าได้เสพไม่สิ้น”

“ทำกระหยิ่มยิ้มย่อง” หวู่ปิงหนิงมองดูมู่เส้าเฉินด้วยท่าทีเมินเฉย กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าไม่มีทางได้รับรู้ว่าเป็นศัตรูกับผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะน่ากลัวเพียงใด รอให้เจ้าเข้าใจอย่างแท้จริงแล้ว เจ้าก็ไม่ห่างไกลจากความตายสักเท่าไรแล้ว”

“วาจาสามหาว เจ้าคนแซ่หลี่ไม่มีทางได้ฟื้นกลับมาอีกแล้ว” มู่เส้าเฉินหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ทะนงตนและกล่าวเย็นชาว่า “นายน้อยอย่างข้าไม่กลัวว่าเจ้าจะไม่ยอมในเวลานี้ นายน้อยอย่างข้ามีวิธีมากมาย ช้าหรือเร็วก็จะทำให้เจ้ายอมสยบทั้งกายและใจ ให้เจ้ายินยอมต่อนายน้อยอย่างข้าแต่โดยดี”

“ดูสิ นั่นมันอะไร…” ในเวลานี้เอง มีผู้ที่ร้องเสียงดังขึ้นมาและมองไปทางก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์

ในเวลานี้ ทุกคนต่างมองเห็นบริเวณหน้าอกของหลี่ชิเย่มีประกายสายหนึ่งแวบวับ โดยที่ประกายสายนี้คล้ายดั่เป็นเปลวไฟที่วูบวาบอยู่อย่างนั้น

จึ๊ด…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในพริบตาเดียวนี้เองหลี่ชิเย่ขยับตัวแล้ว แม้ว่าพลังน้ำแข็งที่ผนึกร่างของเขาจะน่ากลัวไร้ขอบเขต ผนึกสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ในพริบตาเดียวนี้เอง เขากลับไม่ได้รับผลกระทบแม้เพียงน้อยนิด และท่วงท่าการเคลื่อนไหวก็ไม่ได้ดูแข็งทื่อ ทุกๆ ความเคลื่อนไหวล้วนแล้วแต่เป็นไปด้วยความราบรื่นอย่างยิ่ง

อีกทั้งน้ำแข็งที่ผนึกกลับไม่ส่งผลกระทบใดๆ บนตัวของเขา เขาก้าวเดินเข้ามาทีละก้าวๆ เหมือนเป็นการเหินฟ้ามาอย่างนั้น ไม่เหมือนเป็นการก้าวออกมาจากก้อนน้ำแข็ง

ที่ไม่น่าเชื่อก็คือ พริบตาเดียวนั้นเองหลี่ชิเย่ก็ได้ก้าวออกมาจาก้อนน้ำแข็งและยืนอยู่บนก้อนน้ำแข็งแล้ว ยังคงมีท่าทางที่ไม่สะทกสะท้านในขณะนี้ ไม่มีน้ำที่หยดลงมาจากบนตัวของเขาแม้แต่น้อยนิด และไม่มีเกล็ดน้ำแข็งบนตัวแม้แต่นิดเดียว เหมือนว่าคนที่ถูกผนึกด้วยน้ำแข็งคนนั้นไม่ใช่ตัวเขาอย่างนั้น

“เจ้า…” ทุกคนต่างรู้สึกหวาดผวา เมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้ ที่หวาดผวามากที่สุดย่อมต้องเป็นมู่เส้าเฉินแล้ว เขาไม่เชื่อว่าอาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุคของตนจะไม่สามารถทำอันตรายใดๆ ต่อหลี่ชิเย่

“อาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุคเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “สิ่งนี้ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นได้แค่อาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุค เปรียบเทียบกับอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคที่แท้จริงแล้วห่างชั้นกันมากเหลือเกิน”

หลี่ชิเย่เวลานี้ดูช่างเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หัวเราะบางๆ และกล่าวว่า “ข้าสามารถควบคุมเย็นสุด และร้อนสุด พลังน้ำแข็งผนึกเช่นนี้กล่าวสำหรับข้าแล้วมันก็แค่หิมะที่กำลังละลายในฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น ท่ามกลางความอุ่นแฝงไว้ซึ่งความเย็นนิดหนึ่ง น้ำเมื่อเย็นก็จะกลายเป็นน้ำแข็ง เดิมทีข้าต้องการทดสอบดูว่าพลังน้ำแข็งผนึกนี้ของอาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุคนี้ว่าจะมีพลังสักแค่ไหน เสียดาย ทำให้ข้าต้องผิดหวังเสียแล้ว”

“อาศัยตัวเองทดสอบอาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุค!” ทุกคนล้วนแล้วแต่งุนงงโดยสิ้นเชิงเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ นาทีนี้ทุกคนจึงได้เข้าใจอย่างแท้จริงว่า หลี่ชิเย่เพียงต้องการทดสอบพลังผลึกน้ำแข็งของอาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุคนี้จะทรงพลังแค่ไหนเท่านั้นเอง

จะอย่างไรเสีย ผู้ที่มีความรู้สักนิดก็จะรู้ว่า เมื่อต้องเผชิญกับพลังเย็นยะเยือกควรอาศัยพลังหยาง และแข็งกร้าวไปสู้ ไม่ใช่โจมตีด้วยกระบี่น้ำ เพราะน้ำคือความเย็นและอ่อนนุ่ม อาศัยพลังลักษณะเช่นนี้เข้าโจมตีต่อพลังเย็นยะเยือกมิเท่ากับเป็นการราดน้ำมันเข้ากองไฟ รนหาที่ตายเอง

หลี่ชิเย่ถึงกับทำผิดในสิ่งที่แม้แต่คนธรรมดาก็ไม่ทำ เขาไม่ได้ทำผิด เพียงแค่อาศัยตัวเองไปทดสอบอาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุคเท่านั้นเอง

ในเวลานี้ทุกคนต่างอ้าปากตาค้าง แม้แต่ระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ก็งุนงงอย่างสิ้นเชิง พึมพำว่า “นี่ นี่ นี่มันบ้าระห่ำเกินไปแล้ว โลกนี้ยังจะมีใครที่บ้าคลั่งมากกว่าเขาอีก อาศัยตัวเองไปทดสอบอาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุค นี่ นี่คือการเบื่อที่จะมีชีวิตต่อไปแล้วชัดๆ”

“อาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุคช่างน่าเบื่อเหลือเกิน” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่งและกล่าวว่า “วันหน้าหากมีโอกาส ต้องได้รับการชี้แนะจากอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคปฐมบรรพบุรุษตระกูลมู่พวกเจ้า อย่างนี้สิค่อยน่าสนใจหน่อย เวลานี้ สมควรจบสิ้นกันได้แล้ว”

คำพูดของหลี่ชิเย่ทำหผู้คนรู้สึกใจหายใจคว่ำ นี่ต้องการไปท้าสู้กับปฐมบรรพบุรุษจริงๆ นะเนี่ย กลุ่มคนรุ่นใหม่มีใครที่ไหนกล้าท้าสู้กับปฐมบรรพบุรุษ อย่าว่าแต่กลุ่มคนรุ่นใหม่เลย ทั่วทั้งโลกา ผู้ที่กล้าท้าสู้กับปฐมบรรพบุรุษเกรงว่าคงมีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น

ตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง ในมือของหลี่ชิเย่ได้กำกระบี่เล่มหนึ่งเอาไว้ เป็นกระบี่สีแดง ไม่สิ หากสังเกตให้ดีนี่หาใช่กระบี่สีแดง แต่เป็นกระบี่ไฟเล่มหนึ่ง หรือจะให้ถูกต้องยิ่งกว่าคือกระบี่ไฟทรวง

กระบี่เล่มนี้จะมีสีแดงทั้งเล่ม ลักษณะของมันคล้ายกระบี่เหล็กศักดิ์สิทธิ์เล่มหนึ่งที่ถูกไฟร้อนแรงเผาจนกลายเป็นสีแดงอย่างนั้น แต่ว่า กระบี่ไฟที่มีสีแดงเล่มนี้กลับไม่มีเปลวไฟแลบออกมา อุณหภูมิที่สูง และไฟอันร้อนแรงทั้งหมดล้วนแล้วแต่รวมอยู่ภายในตัวกระบี่เล่มนี้

กระบี่ลักษณะเช่นนี้มีอุณหภูมิที่สูงสุดและน่ากลัวที่สุดในโลกซ่อนอยู่ภายใจ แม้แต่ดวงตะวันบนท้องฟ้าเมื่อเปรียบกับมันแล้ว เกรงว่าดวงตะวันคงเป็นได้แค่เยือกเย็นดังเหล็กเท่านั้นเอง

ที่น่ากลัวยิ่งกว่านี้หาใช่อุณหภูมิที่สูงมากของกระบี่เล่มนี้ แต่อยู่ที่หลี่ชิเย่สามารถควบคุมมันได้ดั่งใจ ต่อให้เป็นอุณหภูมิที่สูงกว่านี้ หรือไฟที่ร้อนแรงกว่านี้ ทั้งหมดล้วนรวบรวมอยู่ภายในตัวกระบี่เล่มนี้ โดยไม่มีเปลวไฟแม้เพียงน้อยนิด และปราศจากพลังที่รั่วไหลออกสู่ภายนอก นี่แหละคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด

ทุกคนต่างร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่งเมื่อได้เห็นกระบี่ลักษณะเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดก็ตาม จะเป็นของวิเศษก็ดี เทพแท้จริงก็ช่าง กระทั่งเป็นฟ้าดิน เมื่อไรที่สัมผัสกับกระบี่เล่มนี้แล้วก็ต้องถูกเผาไหม้ไปทันทีไม่เหลือแม้กระทั่งเถ้าธุลี ถูกทำให้ระเหยไปโดยตรง

จี๊ดเสียงหนึ่งดังขึ้น แม้แต่ช่องว่างที่สัมผัสเข้ากับกระบี่เล่มนี้ก็ถูกหลอมละลายไปโดยพลัน ช่องว่างนั้นกลายเป็นบิดๆ เบี้ยวๆ เหมือนมีลักษณะเหนียวๆ อย่างนั้น

กระบี่ไฟเล่มนี้ที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่ก็คือหนึ่งใน ‘กระบี่สิ้นสุด’ กระบี่เล่มนี้แข็งกร้าวและมีลักษณะเป็นหยาง มันมีอุณหภูมิที่สูงสุดในโลก สามารเผาผลาญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างชั่วพริบตาเดียว ทุกคนที่สัมผัสกับมันก็ต้องระเหยไปในทันที

“ฆ่า…” ภายในใจของมู่เส้าเฉินบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาเมื่อมองเห็นกระบี่ไฟที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่ แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น ลูกแก้ววิเศษในมือพลันพวยพุ่งประกายที่เจิดจ้าและพร่างพราวออกมาช่อหนึ่ง

“มาได้จังหวะ” หลี่ชิเย่เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อเผชิญกับพลังผลึกน้ำแข็งที่ปราศจากผู้ต่อกรเช่นนี้ หัวเราะทีหนึ่ง และกระบี่ไฟในมือสะบัดออกไปตามอารมณ์ แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น กระบี่ไฟได้ฟันเข้าไปตรงๆ

จี๊ด…ในพริบตาเดียวนั่นเอง เย็นสุดขั้วกับร้อนสุดขั้วได้ประทะกันทันที ช่องว่างถูกทำให้ระเหยไปทั้งช่อง ฟ้าดินพลันดูเลือนราง

จี๊ด…เสียงหนึ่งดังขึ้น เย็นสุดขั้วต้านร้อนสุดขั้วไม่ได้ อุณหภูมิที่สูงมากและน่ากลัวพลันพุ่งเข้าหามู่เส้าเฉิน และเทพอินทรีหวินตู้

เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว ในพริบตาเดียวนั่นเอง มู่เส้าเฉินได้อาศัยพลังยิ่งใหญ่ที่หยิบยืมมาสร้างเป็นกำแพงยักษ์ด้านหนึ่งที่สูงขึ้นไปบนท้องฟ้า พลันกั้นขวางอยู่ด้านหน้าของพวกเขา

จังหวะที่มู่เส้าเฉินเปรียบประดุจจักจั่นลอกคราบโจมตีด้วยพลังยิ่งใหญ่ออกไปนั้น ตัวของเขาเสมือนหนึ่งสายฟ้าแลบหลบหนีจากที่ตรงนั้นทันที ก้าวข้ามช่องว่างในพริบตาเดียว และหายไปในเส้นขอบฟ้าทันที

ดูท่ามู่เส้าเฉินได้เผื่อทางหนีทีไล่เอาไว้ก่อนแล้ว มีการกำหนดพิกัดตำแหน่งเอาไว้ล่วงหน้า เมื่อเห็นท่าไม่ดีก็หลบหนีไปในพริบตาเดียว

เทพอินทรีหวินตู้ตะลึงนิดหนึ่ง เขานึกไม่ถึงว่ามู่เส้าเฉินจะหนีไปโดยไม่บอกกล่าวกันสักคำ

จี๊ด…เสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่เทพอินทรีหวินตู้ตะลึงนั้น พลังยิ่งใหญ่ก็ต้านความร้อนสุดขั้วไม่อยู่ ถูกระเหยไปในทันที

“ทำลาย…” เทพอินทรีหวินตู้ตกใจยิ่ง รีบเร่งทำท่าผลักออกไป โจมตีด้วยกระบวนท่าป้องกันที่ทรงพลังและแกร่งที่สุดในชีวิตทันที นี่คือกระบวนท่าป้องกันที่แกร่งที่สุดในชีวิต เนื่องจากในพริบตาเดียวนี้เขาไม่สามารถหลบหนีได้ทันอีกแล้ว

อ๊ากกก…เสียงร้องที่น่าเวทนาดังก้องอยู่ในฟ้าดิน แม้ว่าเทพอินทรีหวินตู้จะอาศัยกระบวนท่าป้องกันที่แกร่งที่สุดแล้วก็ไม่สามารถต้านร้อนสุดขั้วเช่นนี้ได้ ถูกเผาไหม้ไปในทันที ร่างกายของเขาไม่หลงเหลือแม้แต่ดถ้าธุลี ถูกระเหยไปโดยตรง

ความร้อนที่สุดขั้วนี้พลันทะลุผ่านอากาศ ดูเหมือนจะห่างไกลไปนิดหนึ่ง พุ่งโจมตีเข้าหามู่เส้าเฉินที่กำลังวิ่งหนี

……………………………………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *