Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2500 นี่แหละคือเคล็ดวิชาจิ่วมี่

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2500 นี่แหละคือเคล็ดวิชาจิ่วมี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2500 นี่แหละคือเคล็ดวิชาจิ่วมี่
เวลานี้ ผู้คนทั้งหมดต่างมองดูด้วยความงุนงงกับแสงจำนวนหนึ่งหมื่นล้านล้านล้านล้านสายที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า สูงเหนือศีรษะขึ้นไปราวสามฟุต ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มองดูภาพนี้โดยอ้าปากกว้างค้างอยู่อย่างนั้น

“นี่มันคืออะไร?” มีผู้พึมพำขึ้นมา จากนั้นเอื้อมมือไปช้อนแสงที่อยู่เหนือศีรษะของตน แต่ทว่าแสงเหล่านี้หาใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถช้อนเอามาได้อยู่แล้ว เหมือนว่าแสงเหล่านี้ไร้รูปไร้เงา เมื่อฝ่ามือของพวกเขาสัมผัสพลันทะลุผ่านฝ่ามือพวกเขาไปโดยไม่เหลือทิ้งร่องรอยใดๆ เอาไว้

ในเวลานี้เอง ได้ยินเสียงดังปุขึ้นมาเสียงหนึ่ง เห็นเพียงนิ้วมือของหลี่ชิเย่ดีดเบาๆ ทีหนึ่ง ได้ยินเสียงแว้งค์ แว้งค์ แว้งค์ดังแผ่วเบาขึ้นมาเป็นระลอก แสงที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าทั้งหมดเกิดการสั่นเทาขึ้นมา

อีกทั้งแสงทั้งหมดเกิดอาการสั่นเทารุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งท้ายที่สุด แสงทั้งหมดเหมือนถูกดึงดูดโดยอะไรบางอย่าง แสงแต่ละสายเหมือนเป็นเข็มทองคำได้รับการดึงดูดจากแม่เหล็กอย่างนั้น

จี๊ด จี๊ด จี๊ด…ทันใดนั้นเอง แสงทั้งหมดได้บินขึ้น ทำให้แสงจำนวนหนึ่งหมื่นล้านล้านล้านล้านสายรวมตัวกันกลายเป็นกระแสเข็มแต่ละสายที่เคลื่อนที่ขึ้นมาทันที

แสงจำนวนหนึ่งหมื่นล้านล้านล้านล้านสายรวมตัวกัน และกลับกลายเป็นกระแสเข็มแต่ละสายที่ไหลเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ขณะกระแสเข็มแต่ละสายไหลเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วนั้นกลับไม่มีการก้าวก่ายซึ่งกันและกัน ดูเป็นระเบียบอย่างยิ่ง ไม่มีตรงไหนที่ดูสับสนวุ่นวายเลย

ภาพเช่นนี้ดูอลังการเหลือเกิน ขณะแสงจำนวนหนึ่งหมื่นล้านล้านล้านล้านสายรวมตัวกันกลายเป็นกระแสเข็มนั้น มันคล้ายดั่งเป็นสายน้ำของลำธารแต่ละสายที่ไหลพลุ่งพล่านอย่างนั้น แต่ทว่า ที่ไหลพลุ่งพล่านอยู่ในลำธารเล็กๆ นี้หาใช่เป็นน้ำของลำธาร แต่เป็นกระแสเข็มที่ไหลอย่างเชี่ยวกราก กระแสเข็มลักษณะเช่นนี้เหมือนว่าสามารถแทงทะลุได้ทุกสิ่งทุกอย่าง

จากการที่แสงจำนวนหนึ่งหมื่นล้านล้านล้านล้านสายรวมตัวกันกลายเป็นกระแสเข็มนั้น กระแสเข็มแต่ละสายได้เริ่มมีการรวมตัวกันขึ้น อีกทั้งการรวมตัวกันของกระแสเข็มทุกสายล้วนแล้วแต่มีความเป็นระเบียบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมัน ไม่เกิดความสับสนวุ่นวายแม้แต่น้อย กระแสเข็มทุกสายไหลเคลื่อนที่สวนกันไปมาท่ามกลางท้องฟ้าดูเรียบร้อยเป็นระเบียบ โดยไม่เกิดข้อผิดพลาดใดๆ

ภาพที่เห็นเสมือนหนึ่งเป็นสนามแม่เหล็กขนาด่ยักษ์กำลังทำให้เกิดการโคจรไปรอบๆ กระแสเข็มแต่ละสายดุจดั่งเป็นพลังมหาประลัยที่ทรงพลัง โดยสภาพการโคจรและเปลี่ยนแปลงล้วนแล้วแต่ปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างหนึ่งที่ไม่เป็นที่รู้จักของผู้คนอย่างนั้น

กระแสเข็มแต่ละสายได้รวมตัวกันกลายเป็นกระแสเข็มที่มีขนาดใหญ่มากขึ้นไปอีก สุดท้าย กระแสเข็มทั้งหมดก็ได้รวมตัวเข้าด้วยกัน กลายเป็นกระแสเข็มรวมเก้าสายด้วยกัน ขณะที่กระแสเข็มทั้งเก้าสายไหลพลุ่งพล่านนั้น ภาพเหตุการณ์น่าสะเทือนหวั่นไหวเป็นอย่างยิ่ง และดูอลังการยิ่งนัก

ตูม ตูม ตูมเสียงดังตูมตามดังขึ้นไม่ขาดสาย เสมือนดั่งกองทัพนับหมื่นนับพันกำลังวิ่งห้ออย่างนั้น มองเห็นกระแสเข็มทั้งเก้าสายพุ่งลงมาจากบนท้องฟ้า จากนั้นก็พุ่งสวนขึ้นไปบนท้องฟ้า เสมือนดั่งเป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์จำนวนนับล้านล้านเล่มที่พุ่งโจมตีฟ้าดินอย่างนั้น สยบจิตใจผู้คน และทำให้จิตวิญญาณหวั่นไหวถึงกับหวาดกลัวยิ่งนัก

กระแสเข็มทั้งเก้าสายลักษณะเช่นนี้หอบเอาพลังที่ทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างพุ่งโจมตีเข้ามานั้น สามารถทำลายตะวันจันทรา ทำลายดวงดาว เหมือนว่าพริบตาเดียวนั่นเองก็สามารถทำลายเขาจิ่วเหลียนซานจนแหลกละเอียดได้

ขณะมองดูกระแสเข็มทั้งเก้าสายที่อาศัยอยู่ตรงหน้าที่อาศัยกระแสเสียงที่สร้างความหวาดผวายิ่งแก่ผู้คนซึ่งไหลพลุ่งพล่านเข้ามานั้น ไม่รู้ว่าได้ทำให้ผู้คนจำนวนเท่าไรตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ เข่าอ่อนทั้งสองข้างและสั่นเทาตลอดเวลา

ตึง ตึง ตึงเสียงดังอึกทึกดังขึ้นเป็นระลอกไม่ขาดสาย ในเวลานี้เอง มองเห็นกระแสเข็มทั้งเก้าสายที่ไหลพลุ่งพล่านมาอย่างรวดเร็วกลับหยุดลง โดยกระแสเข็มทุกสายได้ต่อเข้าด้วยกัน กลายเป็นด้ายสีทองที่มีขนาดเล็กและยาวแต่ละเส้น เมื่อมองดูให้ละเอียดพบว่ามันไม่ใช่ด้ายสีทอง แต่เป็นหลักกฎเกณฎ์แต่ละเส้นที่มีขนาดเล็กจิ๋วมาก ทุกๆ หลักกฎเกณฑ์ที่เหมือนเส้นไหมขนาดเล็กอย่างนั้น แต่ก็มีความลึกซึ้งและซับซ้อนอย่างยิ่ง

เมื่อเป็นเช่นนี้ กระแสเข็มทุกสายก็ได้กลับกลายเป็นหลักกฎเกณฑ์ที่เล็กเหมือนใยไหมขนาดเล็กนับล้านล้านเส้น ท่ามกลางเสียงดังตึง ตึง ตึงภายในระยะเวลาอันสั้น แสงทั้งหมดก็ได้เชื่อมต่อเข้าไปกลายเป็นหลักกฎเกณฑ์แต่ละเส้นที่มีขนาดเล็กจิ๋วเหมือนใยไหม

ครั้นหลักกฎเกณฑ์ที่มีขนาดเล็กเหมือนใยไหมทั้งหมดได้เชื่อมต่อเข้าด้วยกันจนสำเร็จแล้ว หลักกฎเกณฑ์ทั้งหมดถึงกับเริ่มมีการถักทอเข้าด้วยกันโดยปราศจากซุ่มเสียง เมื่อหลักกฎเกณฑ์ที่เล็กจิ๋วดั่งใยไหมถักทอซึ่งกันและกัน เหมือนเป็นมือคู่หนึ่งที่ยอดเยี่ยมและปราศจากรูปร่างทำการชักนำให้หลักกฎเกณฑ์ที่เล็กจิ๋วดั่งใยไหมแต่ละเส้นถักทอเข้าด้วยกันอย่างนั้น

ภายในระยะเวลาอันสั้น หลักกฎเกณฑ์จำนวนนับล้านล้านเส้นได้ถักทอเข้าด้วยกันจนสำเร็จ ปรากฎเป็นหลักกฎเกณฑ์แต่ละเส้นที่มีขนาดใหญ่มาก โดยที่หลักกฎเกณฑ์แต่ละเส้นที่มีขนาดใหญ่เสมือนหนึ่งเป็นโซ่เหล็กขนาดใหญ่แต่ละเส้นทอดข้ามไประหว่างฟ้าดิน ซึ่งเป็นหลักกฎเกณฑ์แต่ละเส้นที่มีขนาดใหญ่ทอดข้ามบนท้องฟ้ามีด้วยกันทั้งหมดเก้าเส้น ทั่วทั้งบริเวณดูอลังการจนไม่สามารถเปรียบเปรยได้ด้วยตัวอักษร

แช้งค์ แช้งค์ แช้งค์…เสียงโลหะที่หนักแน่นอันเกิดจากโลหะที่กระทบเข้าด้วยกันได้ดังขึ้น ในเวลานี้เอง เห็นเพียงหลักกฎเกณฑ์เก้าเส้นที่มีขนาดใหญ่มากพันขดเข้าด้วยกัน เสมือนดั่งเป็นมังกรแท้จริงที่มีชีวิตกำลังวิวัฒนาการตนเอง และเปลี่ยนแปลงสภาพตนเองอย่างนั้น

จากการที่หลักกฎเกณฑ์ที่มีขนาดใหญ่มากเก้าเส้นพันขดเข้าด้วยกัน และจากากรที่มันทำการวิวัฒนาการ และเปลี่ยนแปลงสภาพตนเองนั้น พวกมันได้เปล่งประกายที่ละลานตายิ่งออกมา มีความเจิดจรัสยิ่งนักจนผู้คนยากจะลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมาได้

แช้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง หลักกฎเกณฑ์เส้นแรกได้ทำการวิวัฒนาการและเปลี่ยนแปลงสภาพจนสำเร็จเสร็จสิ้น ในพริบตาเดียวนั่นเองมันได้พวยพุ่งประกายที่ไม่มีสิ้นสุดออกมาท่วมมิดฟ้าดิน

ตูม…เสียงดังสนั่นขึ้นมาเสียงหนึ่ง ฟ้าดินสั่นไหวโคลงแคลง ในชั่วพริบตาเดียวนี้เองกลิ่นอายที่น่ากลัวอย่างยิ่งได้พุ่งทะลักขึ้นมา คล้ายดั่งกลิ่นอายที่รุนแรงอย่างยิ่งพุ่งโจมตีเข้ามาด้วยพลังทำลายล้างสูงปราศจากสิ่งใดต้านทานได้ สามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในทันใด

ภายใต้พลังที่น่ากลัวเช่นนี้ อย่าว่าแต่ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนคนอื่นๆ เลย แม้แต่ระดับเทพแท้จริงก็อดขาทั้งสองข้างสั่นเทาไม่ได้ พลันรู้สึกว่าตนเองช่างเล็กจิ๋วอะไรขนาดนั้น ไม่คู่ควรจะกล่าวถึงอย่างนั้น

เสียงปังดังสนั่นขึ้นเสียงหนึ่ง มองเห็นหลักกฎเกณฑ์เส้นแรกได้ทำการวิวัฒนาการและเปลี่ยนแปลงสภาพจนสำเร็จได้กลับกลายเป็นอักขระโบราณตัวหนึ่งแล้ว มันได้ทำการประทับสลักอยู่บนท้องฟ้าโดยตรงท่ามกลางเสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหว

“หลิน…” ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนมากต่างจดจำตัวอักขระโบราณตัวนี้ได้ทันที เมื่อเห็นอักขระโบราณดังกล่าวนี้ประทับสลักโดยตรงบนท้องฟ้า

แม้แต่ดาบอริยะกวานไห่ผู้ซึ่งผ่านประสบการณ์มานับไม่ถ้วนก็อดที่จะใจหายใจคว่ำขึ้นมา เมื่อมองเห็นตัวอักขระคำว่า ‘หลิน’ หวาดผวาจนหน้าเปลี่ยนสี เนื่องจากที่เขาฝึกปรือมาก็คือ ‘เคล็ดวิชาหลินมี่’ !

ตูม…เสียงดังสนั่นกึกก้องเสียงที่สองดังขึ้น สั่นสะเทือนหวั่นไหวฟ้าดิน ตามติดๆ ด้วยหลักกฎเกณฑ์เส้นที่สองได้วิวัฒนาการและเปลี่ยนแปลงสภาพจนสำเร็จ ภายใต้พลังที่ยิ่งใหญ่ไม่มีสิ้นสุด มองเห็นอักขระโบราณตัวหนึ่งที่ประทับสลักบนท้องฟ้า

“ปิง…” ผู้คนจำนวนมากอดที่จะร้องเสียงแหลมดังขึ้นมาไม่ได้ เมื่อมองเห็นอักระตัวที่สองได้ประทับสลักบนท้องฟ้า

สีหน้าของปิงฉือหานยวี่ขาวซีด พลันที่ได้เห็นอักขระโบราณตัวนี้ เนื่องจากที่นางฝึกปรือมาก็คือ ‘เคล็ดวิชาปิงมี่’ นางจึงมีความคุ้นเคยกับตัวอักขระโบราณตรงหน้ามากเหลือเกิน กลิ่นอายที่พุ่งเข้ามาปะทะใบหน้า ดูเก่าแก่ดั้งเดิมยิ่งกว่า มีความบริสุทธิ์ยิ่งกว่าที่นางฝึกอยู่เสียอีก!

ตูม…หลักกฎเกณฑ์เส้นที่สามสำเร็จ และถูกประทับสลักตามมาติดๆ บนท้องฟ้า

“โต่ว…” ผู้คนจำนวนมากร้องเสียงแหลมดังขึ้นมาพร้อมๆ กัน เมื่อมองเห็นอักขระโบราณตัวนี้

“เจ่อ…”อักขระตัวที่สี่ปรากฏ ทุกคนล้วนแล้วแต่ร้องเสียงแหลมดังขึ้นมา

“เจีย…” อักขระตัวที่ห้าปรากฏ ทุกคนต่างร้องเสียงแหลมดังขึ้นมาพร้อมกัน กระทั่งมีคนกระโดดตัวลอย

“เจิ้น…” อักระตัวที่หกปรากฏ ผู้คนจำนวนไม่น้อยได้ร้องเสียงแหลมด้วยอารมณ์ถึงขีดสุด ด้วยโทนเสียงที่สูงยิ่ง และลากเสียงยาวมาก

“เลียด…” ตัวอักขระตัวที่เจ็ดปรากฎ เสียงร้องแหลมดังได้ดังก้องอยู่บนท้องฟ้าเป็นเป็นเวลานาน

“เฉียน…” อักขระตัวที่แปดปรากฏ บางคนได้ส่งเสียงร้องจนเสียบแหบแห้งไปแล้ว แต่ยังคงอดไม่ได้ที่จะร้องคำรามเสียงดังขึ้นมา

“สิง…” ตัวอักขระตัวที่เก้าปรากฏ และเป็นอักขระตัวสุดท้าย ทุกคนต่างอดที่จะคำรามเสียงอันดัง โดยเสียงคำรามดังกล่าวดังก้องทั่วฟ้าดิน เสมือนว่าทั่วทั้งเขาจิ่วเหลียนซานก็ถึงกับสั่นไหวโคลงแคลงท่ามกลางเสียงคำรามเสียงนี้

“หลินปิงโต่วเจ่อ เจียเจิ้นเลียดเฉียนสิง…” สุดท้าย อักขระทั้งเก้าได้ปรากฏออกมาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ มีผู้ที่อ่านคาถาประโยคนี้ขึ้นมารวดเดียว กลิ่นอายคาถาลอยเลื่อนตลบอบอวลไปทั่วฟ้าดิน

“เคล็ดวิชาจิ่วมี่ เป็นเคล็ดวิชาจิ่วมี่จริงๆ…” ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่เสียบุคลิกตนร้องเสียงแหลมขึ้นมา ขณะมองดูอักขระทั้งเก้าตัวที่ประทับสลักอยู่บนท้องฟ้า

แม้แต่ผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่านี้ก็ตะลึงลานทันที ตะลึงงันอย่างสิ้นเชิง มองดูอักขระทั้งเก้าตัวที่ประทับสลักอยู่บนท้องฟ้าด้วยท่าทีเหม่อลอย ไม่สามารถเรียกสติกลับมา

“เคล็ดวิชาจิ่วมี่ เคล็ดวิชาจิ่วมี่น่ะ…” ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ทิ้งตัวนั่งลงกับพื้น พึมพำกับตัวเองด้วยท่าทีเหม่อลอย

แม้แต่ปรมาจารย์ตระกูลขุนนางโบราณก็ถูกทำให้สะเทือนหวั่นไหวกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ถึงกับเหม่อลอยไปในขณะนี้ กล่าวพึมพำขึ้นมาว่า “ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าข้ายังมีโอกาสได้เห็นเคล็ดวิชาจิ่วมี่ขณะมีชีวิตอยู่ ชาติ ชาตินี้นับว่าไม่เสียเปล่าแล้ว แม้ต้องตายก็ไม่เสียใจอีก ชาตินี้สามารถได้เห็นเคล็ดวิชาจิ่วมี่ก็ไม่เสียทีที่เป็นศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่นะเนี่ย”

“เคล็ดวิชาจิ่วมี่นะเนี่ย…” มีผู้ที่ร้องไห้ออกมาโดยไม่สามารถอธิบายได้ ขณะมองดูอักขระทั้งเก้าตัวที่ประทับสลักอยู่บนท้องฟ้า น้ำตาอุ่นๆ นองเต็มหน้า กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว เคล็ดวิชาจิ่วมี่ช่างเป็นอะไรที่ห่างไกลตัวพวกเขาเหลือเกิน เป็นสิ่งที่ไม่สามารถอาจเอื้อมได้ถึง

มาวันนี้กลับสามารถมองเห็นเคล็ดวิชาจิ่วมี่ด้วยตาของตนเอง ในฐานะที่เป็นศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ แม้ว่าไม่สามารถฝึกปรือเคล็ดวิชาจิ่วมี่ได้ แต่สามารถมองเห็นหน้าตาของเคล็ดวิชาจิ่วมี่ได้ก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจอีกแล้ว และนับว่าไม่เสียเปล่าไม่เสียทีที่เป็นศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่

“เคล็ดวิชาจิ่วมี่…” แม้แต่ฉินเจี้ยนเหยาที่ดูสงบเยือกเย็นมาโดยตลอด เวลานี้ก็อดที่จะเหม่อลอย ปากเล็กๆ ที่งดงามต้องอ้าปากกว้างอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อมองเห็นอักขระทั้งเก้าที่อยู่บนท้องฟ้า

กล่าวสำหรับนางแล้ว ภาพที่อยู่ตรงหน้าสร้างความสะเทือนหวั่นไหวได้มากเหลือเกิน ผู้คนจำนวนเท่าไรที่ทุ่มเทชั่วชีวิตก็ไม่สามารถบรรลุได้แม้แต่เคล็ดวิชาเดียว แต่ว่า เวลานี้เคล็ดวิชาทั้งเก้าอยู่ตรงหน้านี้เอง มันอยู่ใกล้กับทุกคนมากเหลือเกิน

เรื่องแบบนี้ช่างสร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจได้เพียงใด เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเช่นใด

นาทีนี้ สีหน้าของปิงฉือหานยวี่ซีดเผือดคล้ายอยู่ในความฝัน จ้องมองอักขระทั้งเก้าตัวอย่างไม่น่าเชื่อ นางไม่นึกไม่ฝันเลยว่าขณะมีชีวิตอยู่สามารถได้เห็นเคล็ดวิชาจิ่วมี่ มันเป็นเรื่องที่นางไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนแม้แต่น้อย

ใครบ้างล่ะจะไม่หวั่นไหวกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า แม้แต่ชายตัดฟืนแห่งเขาหนานซานในเวลานี้ก็ได้หยุดสูบกล้องยาสูบในมือ จ้องมองไปที่อักขระทั้งเก้าที่อยู่บนท้องฟ้า

“เคล็ดวิชาจิ่วมี่นะเนี่ย ในโลกนี้มีเพียงราชันแท้จริงจิ่วหนิงที่สามารถฝึกปรือจนครบถ้วนบริบูรณ์ เวลานี้แค่เอื้อมมือก็คว้าเอามาได้แล้ว” ชายตัดฟืนแห่งเขาหนานซานอดที่จะรู้สึกเสียวสันหลังวาบอย่างลึกซึ้งกับสิ่งนี้ รู้สึกปลงอนิจจังยิ่ง

“เคล็ดวิชาจิ่วมี่…” ดาบอริยะกวานไห่คิดว่าตนเองเป็นผู้ที่สงบเยือกเย็นมากที่สุด ผ่านอุปสรรคมามากมาย ในเวลานี้เขารุ้สึกว่าตนเองถูกภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าทำให้ตกใจจนเซ่อไปแล้ว เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าเคล็ดวิชาจิ่วมี่จะปรากฎตรงหน้าตนเองเช่นนี้ได้

โดยเฉพาะสำหรับทังเฮ่อเสียงนั้น ยิ่งตื่นตระหนกจนยืนตัวแข็งทื่อ ไม่สามารถเรียกสติกลับมาได้เป็นเวลานาน

……………………………………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *