Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2321 กระบี่นั้น ปราศจากผู้ต่อกรเหลือเกิน

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2321 กระบี่นั้น ปราศจากผู้ต่อกรเหลือเกิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ภายในระยะเวลาอันสั้น คุณชายผิงเฉิงก็สู้ไม่ได้ ปรากฏบาดแผลเต็มตัวไปหมด เลือดสดๆ ไหลริน เสื้อผ้าบนตัวถูกเลือดสดๆ ย้อมจนกลายเป็นสีแดงฉาน

บาดแผลบนตัวของคุณชายผิงเฉิงส่วนใหญ่จะเป็นบาดแผลที่เกิดจากดาบ ล้วนแล้วแต่เป็นแผลที่องค์ชายดาบมารได้ฝากเอาไว้ทั้งสิ้น ในช่วงที่คุณชายผิงเฉิงอาศัยคนเดียวต้านกับสองคนเขายังสามารถคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ ยังมีโอกาสตอบโต้ เวลานี้เมื่อองค์ชายดาบมารเข้ามาร่วมวง พลันทำให้คุณชายผิงเฉิงตกอยู่ในสถานการณ์คับขันทันที สถานการณ์ของเขาพังทลายลงทันที ไม่สามารถต้านเอาไว้ได้อีกต่อไป

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง องค์ชายดาบมารมักจะฝากแผลบริเวณกลางหลังที่เป็นจุดสำคัญอยู่เสมอๆ ทุกๆ ดาบล้วนแล้วแต่เป็นการลอบโจมตีที่ถึงตายได้ทั้งสิ้น ทำให้ยากที่จะป้องกัน ดังนั้น จึงทำให้คุณชายผิงเฉิงถูกฟันไปหลายสิบครั้งรวดเดียวภายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งบาดแผลตามร่างกายส่วนใหญ่มีองค์ชายดาบมารเป็นผู้ฝากเอาไว้

ฉึกเสียงหนึ่งดังขึ้น องค์ชายดาบมารได้ทำการลอบจู่โจมได้เป็นผลสำเร็จอีกครั้ง ฝากรอยแผลจากดาบบนขาทั้งสองข้างลึกเห็นกระดูก พลาดไปนิดเดียวเท่านั้นเกือบฟันเอาขาทั้งสองข้างของคุณชายผิงเฉิงจนขาด

ฆ่าแม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม คุณชายผิงเฉิงยิ่งมีความฮึกเหิมในการต่อสู้มากขึ้นไปอีก ทั้งเนื้อทั้งตัวโชกไปด้วยเลือด แต่ต่อสู้ได้อย่างดุเดือดยิ่งนัก เสมือนหนึ่งเป็นต่อสู้แบบสุนัขจนตรอก

ปัง ปัง ปังเสียงกระทบกันดังขึ้นเป็นระลอกไม่ขาดสาย ภายในระยะเวลาอันสั้น คุณชายผิงเฉิงถูกโจมตีอย่างหนักได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง กระทั่งมีดาบหนึ่งขององค์ชายดาบมารเกือบจะตัดเอาศีรษะของคุณชายผิงเฉิงได้ โดยทิ้งบาดแผลบนคอหอยของเขา

เสียงตึงดังขึ้นเสียงหนี่ง ภายใต้หนึ่งกระบี่นั้นแม้ว่าคุณชายผิงเฉิงจะต้านหนึ่งกระบี่จากเจี้ยนจุนเอาไว้ได้ แต่กลับถูกดาบขององค์ชายดาบมารแทงทะลุร่างกาย เลือดสดๆ พุ่งกระฉูด

ปังเสียงหนึ่งดังขึ้น ก่อนหน้าและหลังจากถูกคุณชายพานหลงกระแทกเข้าจนแยกไม่ออกว่าไหนเลือดไหนเนื้อ และส่งคุณชายผิงเฉิงตัวลอยออกไป

กว่าคุณชายผิงเฉิงที่ดถูกกระแทกจนตัวลอยจะลุกขึ้นยืนได้นับว่าไม่ง่ายนัก เวลานี้เขาได้รับบาดเจ็บที่สาหัสมาก คิดจะยืนยังยืนได้ไม่มั่นคงนัก อาศัยกระบี่มังกรพเนจรพยุงร่างกายเอาไว้

ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต่างนิ่งเงียบเมื่อเห็นร่างของคุณชายผิงเฉิงโชกไปด้วยเลือด ทุกคนล้วนแล้วแต่กลั้นลมหายใจเอาไว้ ในเวลานี้เองก็มีบางคนที่ต่างสบตากันและกัน

ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้ว่ามันจบสิ้นกันแล้วสำหรับคุณชายผิงเฉิงในคราวนี้ วันนี้เขาต้องเสียชีวิตอยู่ที่ตรงนี้แน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอาศัยกำลังโดยลำพังตนเองต้านพวกขององค์ชายดาบมารสามคนได้

แต่ทว่า เวลานี้ไม่มีใครยินดียื่นมือเข้าช่วยเหลือ แม้ว่ามีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่รู้จักกับคุณชายผิงเฉิง แต่บอกได้แต่เพียงว่าเป็นความสัมพันธ์แบบผิวเผินเท่านั้นเอง ไม่ได้คบกันอย่างลึกซึ้ง

ต่อให้มีความสัมพันธ์ ในเวลานี้ก็ไม่แน่เสมอไปว่ามีคนที่สามารถยื่นมือเข้าช่วย จะอย่างไรเสียไม่ว่าใครก็ตามก็ต้องประเมินตนเองเมื่อเผชิญหน้ากับเจี้ยนจุน คุณชายพานหลง และองค์ชายดาบมารพวกเขาทั้งสามคน ในบรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่ไม่มีใครสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาอย่างแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังมีเบื้องหลังเป็นตัวแทนของสามระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิ หากยื่นมือเข้าช่วยเหลือในเวลานี้ล่ะก็ ย่อมบ่งบอกว่าต้องการเป็นศัตรูกับระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิทั้งสาม เกรงว่าเรื่องเช่นนี้คงมีไม่กี่คนที่ยินดีจะทำ ต่อให้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งก็ทำไม่ได้

“จะอย่างไรเสียผู้สนับสนุนไม่แกร่งพอนะเนี่ย” ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ ถ้าหากคุณชายผิงเฉิงมีชาติกำเนิดเหมือนเช่นพวกขององค์ชายดาบมารล่ะก็ เกรงว่าเวลานี้ระดับบรรพบุรุษของพวกเขาคงยื่นมือเข้าช่วยเหลือไปแล้ว เสียดายคุณชายผิงเฉิงเดียวดายอยู่คนเดียว ต่อให้ถูกผู้อื่นลุมก็ไม่มีใครยื่นมือเข้าช่วยเหลือ

“ยอดเยี่ยมมาก องค์ชายดาบมารหาใช่มีชื่อเสียงจอมปลอมจริงๆ” แม้ว่าเวลานี้คุณชายผิงเฉิงจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ยังคงพูดคุยได้อย่างสนุกสนาน ยังคงมีรอยยิ้มที่สดใส

“ข้ากลับรู้สึกเลื่อมใสในความกล้าหาญของเจ้า เสียดาย มีผู้ให้ราคาสูงเอาไว้แล้ว” องค์ชายดาบมารกล่าวน้ำเสียงเย็นชาออกมา

“ใม่เป็นไร ใครจะเป็นผู้แพ้ผู้ชนะยังไม่แน่” แม้ว่าร่างกายของคุณชายผิงเฉิงจะชุ่มไปด้วยเลือด แต่ยังคงมีท่าทีเหมือนผ่อนคลายเหลือเกิน แม้ว่าเขาจะลุกขึ้นยืนไม่ไหวแล้วก็ยังคงยิ้มออกมาได้ และรอยยิ้มของเขามีความสดใสตลอดและมีพลังโน้มน้าวให้ผู้อื่นคล้อยตามสูงมาก

“เสียดาย เจ้าแค่สืบทอดเคล็ดวิชาบางส่วนเท่านั้น ไม่ได้มีอาวุธบรรพบุรุษที่ว่า” คุณชายพานหลงเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่ายหน้า

ความจริงแล้ว สิ่งที่คุณชายพานหลงอยากเห็นก็คือ คุณชายผิงเฉิงมีอาวุธบรรพบุรุษในมือ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุด

“เจ้าคิดคำนวณไว้อย่างดี เสียดาย ข้าจะไม่ให้เจ้าได้สมปรารถนาอยู่แล้ว” คุณชายผิงเฉิงส่ายหน้าพร้อมกับหัวเราะเสียงดังขึ้นมา

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ส่งเจ้าไปปรโลกก็แล้วกัน” คุณชายพานหลงพูดน่าเกรงขามขึ้นมา ดวงตาทั้งสองเผยให้เห็นปณิธานการฆ่าที่น่ากลัว

“ไปสู่สุขติเถอะ ข้าจะจัดการกับเจ้าภายในดาบเดียว ไม่เจ็บปวดมากหรอก” องค์ชายดาบมารก็พูดน่าครั่นคร้ามออกมา

ในขณะนี้ พวกของคุณชายพานหลงสามคนต่างทยอยกันเดินเข้าหาคุณชายผิงเฉิง พวกเขาเตรียมพร้อมที่จะโจมตีในครั้งสุดท้าย และเป็นการโจมตีที่ทรงพลังมากที่สุด ต้องการสังหารคุณชายผิงเฉิงให้ตาย

“สามารถมีคนจำนวนมากมาส่งข้า นับว่ามีความหมายเหมือนกัน” คุณชายผิงเฉิงพูดพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง

ตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น เวลานี้ดาบมารที่อยู่ในมือขององค์ชายดาบมารออกจากฝักแล้ว คราวนี้เขาไม่ได้ลงมือลอบจู่โจมอีก แต่ดาบในมือชี้ไปที่คุณชายผิงเฉิงโดยตรง

ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้เมื่อเห็นว่าคุณชายผิงเฉิงไม่สามารถตอบโต้ ทุกคนต่างรู้ว่ามาวันนี้คุณชายผิงเฉิงจะต้องฝังร่างที่นี่แล้ว เวลานี้บรรยากาศตึงเครียดถึงขีดสุด

“แยกย้ายกันไปเถอะ” จังหวะที่ชีวิตของคุณชายผิงเฉิงแขวนอยู่บนเส้นด้ายนั้น เสียงที่เหนื่อยหน่ายเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำลายบรรยากาศที่ตึงเครียดยิ่งนี้ไป

ทุกคนต่างหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงนี้ มองเห็นเจ้าของเสียงก็คือหลี่ชิเย่ที่นั่งอยู่บนยอดเขาอีกลูกด้วยท่าทีที่เหนื่อยหน่าย ไม่รู้หลินซิม่อไปหาเก้าอี้ตัวใหญ่ตัวหนึ่งมาให้ตั้งแต่เมื่อไรกัน หลี่ชิเย่นั่งกึ่งเอนตัวคล้ายอาบแดดอยู่ตรงนั้น

ในขณะนี้ หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้พูดคำๆ นี้ออกมาแล้วก็ไม่ได้มองตรงๆ ไปยังพวกเขาสักครั้ง เพียงหรี่ตาเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่นอย่างนั้น

เดิมคุณชายพานหลง องค์ชายดาบมารและเจี้ยนจุนทั้งสามคนที่กำลังเดินกระชับพื้นที่เข้าไปยังคุณชายผิงเฉิงพลันชะงักทีหนึ่งหยุดก้าวเดินต่อไปข้างหน้า เมื่อหลี่ชิเย่ได้พูดคำๆ นี้ออกมา ต่างจ้องมองไปยังหลี่ชิเย่พร้อมกัน

หากเป็นอดีต พวกของคุณชายพานหลง เจี้ยนจุนบางทีอาจไม่มองหลี่ชิเย่อยู่ในสายตา แต่ทว่า เวลานี้พวกเขาทั้งสามต้องลังเลแล้วล่ะ สมควรทราบว่า หลี่ชิเย่เพิ่งจะสยบยายเฒ่าเทวะล่าวายุไปหยกๆ นั่นคือเทพแท้จริงขั้นสวรรค์ชั้นแปดเชียวนะ ต่อให้พวกเขาสามคนร่วมมือกันและพยายามอย่างสุดฝีมือก็เทียบไม่ได้กับเทพแท้จริงขั้นสวรรค์ชั้นแปด จะอย่างไรเสีย นี่คือผู้ดำรงอยู่ในฐานะสามารถท้าสู้กับราชันแท้จริงระดับล่างได้ ขณะที่พวกเขายังไม่ได้เป็นราชันแท้จริง

“พี่หลี่ นี่เป็นเรื่องบุญคุณความแค้นส่วนตัวของพวกเรา” เวลานี้ดวงตาทั้งสองของคุณชายพานหลงเพ่งไปข้างหน้า และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “หวังว่าพี่หลี่อย่าได้ยื่นมือเข้ามาสอด”

ในอดีต คุณชายพานหลงไม่สนใจต่อหลี่ชิเย่เสียด้วยซ้ำ มาวันนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว คำพูดที่หลี่ชิเย่พูดออกมาย่อมมีน้ำหนักเพียงพอ

สำหรับเจี้ยนจุนนั้น เขาถือโอกาสไม่พูดอะไรออกมาให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ขณะหลินซิม่อยืนอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่นี่เองเขายังทำอะไรไม่ได้ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าหลินซิม่อมาด้วยเรื่องของสุสานกระบี่ และในมือก็ยังมีกุญแจสำคัญที่จะตามหาสุสานกระบี่อีกด้วย แต่ เขาถือเสียว่ามองไม่เห็น จะอย่างไรเสียภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจอย่างเด็ดขาด เขาเองก็ไม่ต้องการไปหาเรื่องกับหลี่ชิเย่

“แล้วมันอย่างไรเล่า?” หลี่ชิเย่เอ่ยด้วยท่าทีเหนื่อยหน่ายว่า “ข้าบอกว่าเลิกก็ต้องเลิก”

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่มองไปที่หลี่ชิเย่ ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างยิ้มเจื่อนๆ นี่มันเป็นการใช้อำนาจบาตรใหญ่เหลือเกิน ในปัจจุบันจะมีสักกี่คนที่กล้าพูดเช่นนี้กับพวกขององค์ชายดาบมาร เป็นการไม่เห็นพวกขององค์ชายดาบมารเป็นพวกที่ดำรงอยู่ในสถานะไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึงชัดๆ ประเภทที่เรียกให้มาก็มา ไล่ให้ไปก็ไป

แต่ทว่า เมื่อนึกดูอีกที แม้แต่ยายเฒ่าเทวะไล่วายุเขายังอาศัยหนึ่งกระบองฟาดจนกระเด็นไป กล้าหาเรื่องกระทั่งเทพสงครามมังกรคชาธาร ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งแดนลัทธิพรรษ สำหรับสามคุณชาย สองสุดยอดดาบกระบี่อะไรนั่น เกรงว่าเขาคงไม่ใส่ใจอยู่แล้ว

“พี่หลี่ออกจะใช้อำนาจบาตรใหญ่เกินไปแล้วกระมัง?” ภายในใจของคุณชายพานหลงรู้สึกไม่สบอารมณ์ทันที จะอย่างไรเสียเวลานี้พวกเขาสามารถสังหารคุณชายผิงเฉิงได้เลย สามารถขจัดภัยที่จะตามมาภายหลังให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงได้ตลอดไป

“ถูกต้อง ข้าใช้อำนาจบาตรใหญ่อย่างนี้แหละ” หลี่ชิเย่พูดแบบป่าเถื่อนง่ายๆ ออกมา

“วาจาสามหาวนัก!” องค์ชายดาบมารพลันโกรธขึ้นมาทันทีเหมือนกัน กล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “เป็นศัตรูกับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพวกเราทั้งสาม เจ้ารับไหวรึ?”

“ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งสาม?” เวลานี้หลี่ชิเย่เพิ่งจะเหลือบมององค์ชายดาบมารทีหนึ่งอย่างเชื่องช้า เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีเหนื่อยหน่ายว่า “ก็แค่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งสามเท่านั้นเอง ไม่ต้องมาทำอวดเก่งต่อหน้าข้าเลย เป็นศัตรูกับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งหมดในแดนลัทธิพรรษ หนังตาข้ายังไม่ขยับเลย”

เมื่อคำพูดนี้ถูกพูดออกมา ใบหน้าขององค์ชายดาบมารแดงก่ำขึ้นทันที ท่าทีนั้นดูไม่จืดอย่างยิ่ง นี่เป็นการดูแคลนกันอย่างโจ่งแจ้ง

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างใจหายใจคว่ำ และส่งเสียงจี๊ดจ๊าดออกมา ไม่ใส่ใจกระทั่งเป็นศัตรูกับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งหมดในแดนลัทธิพรรษ ช่างเป็นคำพูดที่ไม่เพียงแค่พาลและใช้อำนาจบาตรใหญ่เท่านั้น

แต่ทว่า เมื่อนึกดูให้ละเอียดอีกที เรื่องนี้ก็ใช่จะเป็นเรื่องแปลกอะไร เขามิใช่เปิดศึกกับกองทัพพันธมิตรมาก่อน ขณะอยู่ที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงรึ? สิ่งนี่มิใช่เป็นศัตรูกับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งหมดในแดนลัทธิพรรษเหมือนกันรึ? เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้กุมอำนาจระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเช่นเขานับว่าไม่ได้ใส่ใจที่จะเป็นศัตรูกับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งหมดในแดนลัทธิพรรษจริงๆ

“พี่หลี่ ท่านเข้ามาขัดขวางเรื่องเช่นนี้นับว่าเป็น…” คุณชายพานหลงอดที่จะพูดขึ้นมา

ในพริบตาเดียวนี้เอง ประกายกระบี่แวบขึ้นมา จากนั้นได้ยินเสียงดังตึงดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง แล้วทุกคนจึงมองเห็นหลี่ชิเย่ถือโอกาสชักกระบี่เหล็กที่สะพายอยู่ด้านหลังของหลินซิม่อออกมา แต่ว่า เรื่องที่หลี่ชิเย่ออกกระบี่อย่างไรนั้นพวกเขามองเห็นไม่ชัดเจนเสียแล้ว

ความจริงแล้ว ลำดับขั้นตอนที่แท้จริงควรจะเป็นหลี่ชิเย่ชักกระบี่ออกมา จากนั้นเป็นเสียงคำรามของกระบี่ที่ดังตึงขึ้นมา จากนั้นจึงเป็นประกายกระบี่ที่แวบขึ้นมา

แต่ว่า ความเร็วของหลี่ชิเย่นั้นรวดเร็วมากเหลือเกิน ลำดับขั้นตอนทั้งหมดจึงถูกทำลาย แม้แต่เรื่องของลำดับเวลาก็ถูกทำลายลงเช่นกัน

จังหวะที่ประกายกระบี่แวบขึ้นมานั้น ในใจของพวกองค์ชายดาบมารสะท้านขึ้นมา ความรู้สึกเย็นยะเยือกระเบิดขึ้นกลางใจของพวกเขา ลงมือเพื่อตอบโต้โดยสัญชาตญาณ

แต่แล้ว ในพริบตาเดียวนั่นเองทุกอย่างก็สายเกินไปเสียแล้ว พวกเขารู้สึกเจ็บที่บริเวณหัวไหล่ และมีเลือดที่ไหลซึมออกมาจากบาดแผล แล้วค่อยๆ ย้อมเสื้อของพวกเขาจนแดงฉาน

ในพริบตาเดียวนั่นเอง หนึ่งกระบี่ของหลี่ชิเย่สร้างความบาดเจ็บที่หัวไหล่ของพวกเขาทั้งสาม เมื่อพวกเขาคิดจะลงมือ ปรากฏว่ากระบี่เหล็กของหลี่ชิเย่ได้กลับเข้าไปอยู่ในฝักเรียบร้อยแล้ว เขายังคงแอนนอนด้วยท่าทีเหนื่อยหน่ายอยู่ตรงนั้น เหมือนว่าไม่เคยลงมือมาก่อนอย่างนั้น

ภาพเช่นนี้ทำให้พวกขององค์ชายดาบมารสามคนรู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกซู่ กระทั่งขนหัวลุก พวกเขาก้าวถอยหลังไปหลายก้าวด้วยสัญชาตญาณ แต่ทว่า การก้าวถอยหลังติดต่อกันหลายก้าวเช่นนี้ก็ไร้ประโยชน์ เมื่อจะต้องเผชิญหน้ากันจริงๆ

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกซู่ และคันที่หนังศีรษะ เมื่อมองเห็นชัดว่าได้เกิดอะไรขึ้น

ย่อมไม่ต้องสงสัย ต่อให้เป็นพวกองค์ชายดาบมารสามคน พวกเขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะลงมือ ทันทีที่หลี่ชิเย่ได้ลงมือ

สิ่งนี้ใช่ว่าหลี่ชิเย่นั้นแข็งแกร่งมากเพียงใด มีพลังวัตรที่ทรงพลังเช่นใด แต่เป็นเพราะความเร็วของหลี่ชิเย่นั้นรวดเร็วเหลือเกิน รวดเร็วจนแซงล้ำหน้าทุกสิ่งทุกอย่าง!

……………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *