Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1621 เมืองปีศาจมู่จั๋ว

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1621 เมืองปีศาจมู่จั๋ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1621 เมืองปีศาจมู่จั๋ว
เย่จิ่วโจวลังเลนิดหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ควรจัดการกับพวกเขาอย่างไรดีหละ? รั้งตัวเอาไว้หรือว่าปล่อย?”

“สุดแล้วแต่พวกเขาเถอะ พวกเขาอยากอยู่ก็ให้อยู่ อยากไปก็ให้ไป” ท่าทีกู้จุนอย่างไรก็ได้ไม่มีปัญหา กล่าวว่า “พวกเขาก็แค่เป็นเหยื่อล่อเท่านั้นเอง ในเมื่อล่อเอาปลาตัวใหญ่ออกมาแล้ว เหยื่อล่อจะมีหรือไม่มีก็ได้แล้ว”

“ศิษย์เข้าใจ” เย่จิ่วโจวพยักหน้าและกล่าวด้วยความหนักแน่น

“ต้องคึกครื้นมากแน่นอน” กู้จุนเผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น และกล่าวว่า “เพียงแต่ ไม่รู้ว่าพรรคเซียนเหินในคราวนี้จะมีตาเฒ่าจำนวนเท่าไรที่สามารถปรากฎตัวออกมา มีตาเฒ่าจำนวนเท่าไรที่สามารถร่วมคึกครื้นกับงานนี้ได้บ้าง ข้ากลับคาดหวังให้พรรคเซียนเหินยกออกมาได้ทั้งหมด”

“พรรคเซียนเหินจะหลงกลหรือไม่?” เย่จิ่วโจวถึงกับกล่าวด้วยความกังวลว่า “พรรคเซียนเหินยังคงมีขุนพลที่รู้ถึงการดำรงอยู่เช่นใต้เท้าอีกาทมิฬอยู่!”

“แน่นอน” กู้จุนซึ่งมีแผนอยู่ในใจแล้ว กล่าวว่า “ถือโอกาสตาเฒ่าหลายคนนั้นยังนอนอยู่ กวนน้ำให้มันขุ่นมากขึ้นกว่าเดิมอีก เมื่อถึงขั้นนั้นแล้ว เกรงว่าพรรคเซียนเหินคิดจะเอาตัวรอดก็คงไม่เป็นตัวของตัวเองเสียแล้ว”

“เกรงว่าพรรคเซียนเหินจะเป็นเหมือนเช่นครั้งครานั้นที่ยอมอ่อนข้อ หากพรรคเซียนเหินยอมอ่อนข้อไม่แน่นักอาจสามารถรอดจากเคราะห์กรรมครั้งนี้ไปได้เหมือนกัน” เย่จิ่วโจวถึงกับพูดออกมาเช่นนี้

“ไม่ ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว” กู้จุนส่ายหน้า และกล่าวว่า “บรรดาตาเฒ่าในครั้งนั้นต่างรู้ดีว่าที่ตัวเองเผชิญอยู่นั้นคือใคร ยิ่งไปกว่านั้น ที่พวกเขาเผชิญคือผู้ดำรงอยู่ในฐานะเช่นใด? ราชันเซียนเชียนหลี่ ราชามังกรดำ เมื่อมีผู้ยิ่งใหญ่ลักษณะเช่นนี้ยืนอยู่ตรงนั้น พรรคเซียนเหินคิดจะไม่อ่อนข้อให้ก็ไม่ได้แล้ว!”

“แต่ว่า เวลานี้มันต่างกัน ตาเฒ่าของพรรคเซียนเหินรับรู้ถึงการดำรงอยู่ของเขา แต่กลุ่มคนรุ่นใหม่ไฟแรงยังไม่รู้หรอกว่าที่ตนเผชิญอยู่นั้นคือผู้ดำรงอยู่ในฐานะเช่นใด ต่อให้พวกเขาเคยได้ยินตำนานมาบ้าง เกรงว่าภายในใจของพวกเขาคงไม่ใยดีกับเรื่องนี้”

เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว กู้จุนถึงกับเผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าออกมา กล่าวว่า “โดยเฉพาะบรรพบุรุษหลง เขาแทบอยากจะเข้าสู่ยุทธภพ ให้มันรู้แล้วรู้รอดมานานแล้ว อยากแสดงฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์มานานแล้ว ครั้งนั้น บรรพบุรุษหลงนับได้ว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะบุคคลคนหนึ่ง เขาบรรลุกายเซียนขั้นสมบูรณ์ตั้งแต่อายุยังน้อย ความจริงแล้วเขาควรได้เข้าสู่ยุทธภพขัดเกลาตัวเองเพื่อสืบทอดชะตาฟ้า และกลายเป็นราชันเซียน…”

“แต่ว่า เขาเกิดไม่ถูกจังหวะ พรรคเซียนเหินได้ปิดสำนัก ทำให้เข้าพลาดโอกาสที่จะได้เป็นราชันเซียน กล่าวสำหรับเขาแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เขาต้องจดจำอยู่ในใจเสมอไม่อาจลืมเลือน พรรคเซียนเหินในเวลานี้อยู่ภายใต้ผู้นำที่มาจากสายของราชันเซียนเหรินเสียน ยิ่งไปกว่านั้น บรรพบุรุษหลงในฐานะหัวหน้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ไฟแรง เขามีความทะเยอทะยานมานาน แทบอยากจะกรำศึกทั่วหล้ารวบรวมเก้าแดนเอาไว้ทั้งหมด!”

“เจ้าคิดว่าเฉกเช่นพวกบรรพบุรุษหลงที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ไฟแรงจะยอมประนีประนอมรึ? พวกเขามีกำลังที่ปราศจากผู้ต่อกรอย่างเพียงพอ เจ้าคิดว่าพวกเขาจะถือเอาตำนานมาใส่ใจอย่างนั้นรึ? พวกเขาต้องคิดว่าตำนานมีไว้ทำลาย มีเพียงทำลายตำนานเสีย พวกเขาจึงสามารถกลายเป็นตำนานได้!” เมื่อกล่าวถึงสุดท้ายแล้ว กู้จุนถึงกับหัวเราะออกมา

ภายในใจของเย่จิ่วโจวถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินนคำพูดของผู้เป็นอาจารย์ เขาถึงกับเอ่ยขึ้นมาแผ่วเบาว่า “อาจารย์ พรรคเซียนเหินสามารถชนะได้หรือไม่?”

“ไมได้…” กู้จุนส่ายหน้า และกล่าวว่า “ในบรรดาราชันเซียนห้าองค์ของพรรคเซียนเหิน สองในห้าเป็นศิษย์ของเขา หากเขาต้องการตีพรรคเซียนเหินให้แตกล่ะก็ เกรงว่าเขาคงมีแต้มต่อที่พรรคเซียนเหินไม่มีอยู่ในมือ”

“แล้วอาจารย์หละ?” จากนั้น เย่จิ่วโจวได้เอ่ยถามขึ้นมาเบาๆ

กู้จุนนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นสายตาดูน่ากลัว ความแหลมคมของประกายตาเสมือนหนึ่งสามารถผ่าโลกออกมาได้อย่างนั้น หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาได้ละสายตากลับมา จ้องมองดูเย่จิ่วโจว และกล่าวว่า “จิ่วโจว ถ้าหากเจ้ากลัวล่ะก็ถอนตัวออกไปเถอะ ข้าจะไม่โทษเจ้า คนที่เกรงกลัวต่อเขาในพันล้านปีที่ผ่านมาใช่จะมีเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น แม้แต่ราชันเซียนยังหวั่นเกรงต่อเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่นอีกเลย”

“ไม่…” เย่จิ่วโจวส่ายหัวและกล่าวว่า “อาจารย์ ศิษย์รู้ว่าเป็นศัตรูอยู่กับใคร ขอเพียงอาจารย์ไม่เลิก ศิษย์ก็ไม่เลิกเช่นกัน ชีวิตของศิษย์ก็คือชีวิตของอาจารย์!”

“เสียดาย เจ้าเกิดผิดยุคเสียแล้ว มิฉะนั้นเจ้าก็มีโอกาสได้เป็นราชันเซียนเหมือนกัน” กู้จุนส่ายหน้ากล่าวพร้อมกับทอดถอนใจออกมา

เย่จิ่วโจวไม่พูดอะไรออกมาอีกต่อไป เขารู้ว่าตัวเองกำลังเป็นศัตรูอยู่กับใคร แต่ ไม่ว่าจะเป็นศัตรูกับใครก็ช่าง เขาก็เลือกที่จะยืนอยู่ข้างอาจารย์ของเขา ต่อให้รู้อยู่แล้วว่ายากจะหนีพ้นความตายไปได้เขาก็ไม่เสียใจ!

เมืองปีศาจมู่จั๋วคือสำนักขนาดใหญ่ในมหาสมุทรอุดร เรียกได้ว่าเป็นสำนักที่มีอันดับอยู่ในมหาสมุทรอุดรเลยทีเดียว

เมืองปีศาจมู่จั๋วตั้งสูงตระหง่านยิ่งนัก กำแพงเมืองสูงนับพันจ้าง อาณาเขตของเมืองกว้างขวางเป็นหมื่นลี้ กำแพงเมืองมีความแข็งแกร่งมากจนไม่อาจตีให้แตกได้ เหมือนหนึ่งมันได้กลับกลายเป็นอาณาจักรที่อยู่เป็นเอกเทศของมันเอง ถือเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ที่มีความโบราณแห่งหนึ่งของมหาสมุทรอุดร และเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ในอุดมคติของเผ่าปีศาจจำนวนมาก

เมืองปีศาจมู่จั๋วมีประชากรอาศัยอยู่เป็นพันล้านคน โดยที่เมืองปีศาจเมืองนี้มีความเจริญรุ่งเรืองยิ่งนัก เมืองปีศาจมู่จั๋วยังคงเจริญรุ่งเรืองเช่นนี้แม้ผ่านยุคสมัยมายุคแล้วยุคเล่า ไม่อาจไม่กล่าวว่า สำนักนี้สามารถปกครองได้ดีทีเดียว

เมืองปีศาจมู่จั๋วได้ชื่อว่าเป็นสายสำนักราชันเซียน มีสัจอาวุธราชันเซียนอยู่ในครอบครอง ธาตุแท้ภายในที่แข็งแกร่ง กำลังที่แก่กล้า เพียงพอที่จะเทียบเคียงกับสายสำนักราชันเซียนอื่นๆ ในแดนมนุษย์กษัตราได้

การที่เมืองปีศาจมู่จั๋วได้ชื่อว่าเป็นสายสำนักราชันเซียนนั้น พวกมันมีหลักฐานอ้างอิงอยู่เหมือนกัน ความจริงแล้วอาศัยต้นกำเนิดของพวกเขาแล้ว การที่เมืองปีศาจมู่จั๋วเรียกตัวเองเป็นสายสำนักราชันเซียนถือว่าไม่เกินเลยอะไร

เมืองปีศาจมู่จั๋วเรียกตัวเองว่าเป็นผู้สืบทอดระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิของราชันเซียนมู่จั๋ว มีสุดยอดวิชาของราชันเซียนมู่จั๋วอยู่ในครอบครองไม่น้อย ดังนั้น พวกเขาจึงถือว่าตัวเองเป็นสายตรงของราชันเซียนมู่จั๋ว ขณะที่ผู้สืบทอดแต่ละรุ่นของเมืองปีศาจมู่จั๋วก็ถือว่าตัวเองเป็นทายาทรุ่นหลังของราชันเซียนมู่จั๋ว

ไม่ว่าจะมองทางด้านของการสืบทอดระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิ หรือจะเป็นด้านของสายเลือดก็ตาม การที่เมืองปีศาจมู่จั๋วถือว่าตนเองคือสำนักและเป็นทายาทรุ่นหลังของราชันเซียนมู่จั๋วนับว่าไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด

แต่หากจะกล่าวว่า พวกเขาคือสายตรงของราชันเซียนมู่จั๋วล่ะก็ วิธีการพูดเช่นนี้สมควรต้องมีการถกเถียงกันบ้างแล้ว กระทั่งกล่าวได้ว่า วิธีการพูดเช่นนี้มีส่วนคล้ายกับการบุกรุกและครอบครองบ้านหรือที่ดินของผู้อื่นโดยพลการ

มีบันทึกเกี่ยวกับชีวประวัติของราชันเซียนมู่จั๋วอยู่น้อยมาก กระทั่งมีผู้ฟันธงว่าราชันเซียนมู่จั๋วไม่เคยถ่ายทอดระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิของตนเอาไว้ ถึงแม้ว่าเมืองปีศาจมู่จั๋วจะบอกว่าได้รับสุดยอดเคล็ดวิชาจากราชันเซียนมู่จั๋วมาไม่น้อยก็ตาม แต่ เคยมีผู้ที่ทำการศึกษาค้นคว้าแล้วพบว่า ราชันเซียนมู่จั๋วไม่เคยถ่ายทอดสัจธรรมสวรรค์ของตนให้กับใคร หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ราชันเซียนมู่จั๋วไม่เคยให้การยอมรับว่าเมืองปีศาจมู่จั๋วเป็นระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิของเขา

ส่วนเรื่องที่เมืองปีศาจมู่จั๋วยกย่องตัวเองว่าเป็นผู้สืบทอดเคล็ดวิชาส่วนใหญ่ของราชันเซียนมู่จั๋วเอาไว้นั้น บางคนที่เคยทำการศึกษาค้นคว้ากลับไม่คิดเช่นนั้น เนื่องจากไม่เคยมีผู้ใดรู้ว่าตลอดชั่วชีวิตของราชันเซียนมู่จั๋วได้คิดค้นเคล็ดวิชาขึ้นมาเท่าไร กระทั่งคนรุ่นหลังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสุดยอดหลักสัจธรรมของราชันเซียนมู่จั๋วคืออะไรด้วยซ้ำ

มีความเป็นไปได้สูงมากกับการที่เมืองปีศาจมู่จั๋วพูดว่าตนเองได้สืบทอดเคล็ดวิชาส่วนใหญ่ของราชันเซียนมู่จั๋วนั้น เป็นการพูดไปเองเท่านั้น

แน่นอน โลกนี้นอกจากเมืองปีศาจมู่จั๋วแล้ว ยังไม่เคยได้ยินว่ามีคนอื่น หรือสำนักอื่นที่บอกว่าตนนั้นเป็นผู้สืบทอดเคล็ดราชันของราชันเซียนมู่จั๋ว ดังนั้น การที่เมืองปีศาจมู่จั๋วจะยกย่องตนเองว่าเป็นผู้สืบทอดระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิของราชันเซียนมู่จั๋ว ก็นับว่าพอรับกันได้

แต่ว่า เมืองปีศาจมู่จั๋วไม่ใช่สายตรงของราชันเซียนมู่จั๋วอยู่แล้ว ไม่ปฏิเสธว่าสายเลือดของเมืองปีศาจมู่จั๋วเป็นทายาทของราชันเซียนมู่จั๋ว และไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะต้องเป็นสายตรงของราชันเซียนมู่จั๋ว

บันทึกเกี่ยวกับชีวประวัติของราชันเซียนมู่จั๋วไม่ชัดเจน แต่ว่า หลังจากที่ราชันเซียนมู่จั๋วได้เป็นราชันเซียนแล้วนั้น เคยมีสตรีผู้รู้ใจอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน เคยมีความสัมพันธ์ชั่วครั้งชั่วคราวกับสตรีผู้รู้ใจจำนวนไม่น้อย ในจำนวนนั้นมีเทพธิดา ปีศาจสวรรค์ หญิงสาวศักดิ์สิทธิ์เป็นต้น สุดท้าย ราชันเซียนมู่จั๋วได้แต่งงานกับสาวงามอันดับหนึ่งของแดนๆ หนึ่งเป็นภรรยาในที่สุด

สำหรับเมืองปีศาจมู่จั๋วนั้นก่อตั้งขึ้นโดยบุตรชายที่กำเนิดจากราชันเซียนมู่จั๋วกับปีศาจสวรรค์ ภายหลังปีศาจสวรรค์ก็ได้พักอาศัยอยู่ที่ตรงนี้ อย่างไรก็ตาม ราชันเซียนมู่จั๋วในฐานะที่เป็นบิดากลับไม่เคยได้พักอาศัยอยู่ที่เมืองปีศาจมู่จั๋วเลยแม้แต่วันเดียว

เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง หรือก็คือกำลังจะบอกว่าสายตรงของราชันเซียนมู่จั๋วไม่ใช่เมืองปีศาจมู่จั๋ว เมืองปีศาจมู่จั๋วเป็นได้อย่างมากแค่ลูกภรรยาน้อยเท่านั้น

สำหรับสายตรงของราชันเซียนมู่จั๋ว หรือก็คือราชินีของราชันเซียนมู่จั๋วที่หายตัวไปพร้อมกับราชันเซียนมู่จั๋วแล้วทำให้สายนี้กลับกลายเป็นไร้ซึ่งร่องรอย เพียงแต่มีคนบอกว่า สายนี้ก็มีทายาทเช่นกัน เพียงแต่ทายาทสายนี้ไปอยู่เสียที่ไหนชนรุ่นหลังไม่สามารถล่วงรู้ได้

จากการที่สายตรงนั้นได้หายสาบสูญไปไร้ร่องรอย ทำให้เมืองปีศาจมู่จั๋วที่ยกย่องตนเองว่าเป็นสายตรงของราชันเซียนมู่จั๋ว โดยที่ชนรุ่นหลังก็ไม่เคยไปสงสัยในสายเลือดของเมืองปีศาจมู่จั๋ว!

ไม่ว่าเมืองปีศาจมู่จั๋วจะเป็นสายตรงหรือไม่ แต่ทว่า เมืองปีศาจมู่จั๋วมีความเจริญรุ่งเรืองเสมอมา มันไม่ได้ทำให้ชื่อเสียงของราชันเซียนมู่จั๋วต้องเสื่อมเสีย และไม่ได้ทำให้เกียรติของสายสำนักราชันเซียนต้องได้รับความอัปยศ

เมืองปีศาจมู่จั๋วมีความเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาเต็มเปี่ยม ผู้คนเดินกันขวักไขว่ไปมาแออัดเบียดเสียดยัดเยียด ขณะที่ผู้คนในเมืองปีศาจมู่จั๋วทั้งหมดกำลังวุ่นวายอยู่กับกิจการงานกันอยู่นั้น ทันใด้นั้นปรากฏอำนาจศักดิ์สิทธิ์สายหนึ่งที่อหังการยิ่งได้มาปกคลุมไปทั่วทั้งเมืองปีศาจมู่จั๋ว ทันใดนั้นเมืองปีศาจมู่จั๋วทั้งเมืองก็ตกอยู่ในความครอบคลุมของกลิ่นอายที่สุดอหังการสายนี้ไปทั่ว

ภายใต้อำนาจลักษณะเช่นนี้ ไม่รู้ว่ามีมนุษย์ปุถุชนธรรมดาจำนวนเท่าไรที่ต้องก้มลงกราบ ไม่รู้ว่ามีผู้บำเพ็ญตนจำนวนเท่าไรที่ต้องสั่นเทา

เสียง “ตูม…” ดังสนั่นหวั่นไหว ปรากฏสุดยอดเส้นทางสายหนึ่งที่ม้วนตัวจากฟากฟ้าได้มาถึง ทันใดนั้น มันได้ปูลาดอยู่บนท้องฟ้า ประกายเซียนไม่มีสิ้นสุดได้ตลบอบอวลไปทั่ว

ท่ามกลางประกายเซียน ปรากฏบุปผาสวรรค์โปรยปราย มีต้นไม้เซียนที่เสียดสีกัน มีกวางที่วิ่งห้อกัน ยามที่สุดยอดทางสายนี้ปูลาดมานั้น เหมือนหนึ่งวิมานเซียนถูกเปิดออกมาอย่างนั้น

ในเวลานี้เอง ปรากฏคนผู้หนึ่งเดินมาอย่างช้าๆ จากขอบฟ้าด้านหนึ่ง มาพร้อมกับบุคลิกลักษณะของสุดยอดความเป็นเซียน ยามที่เขาก้าวเดินมานั้น คล้ายดั่งเป็นเซียนองค์หนึ่งที่ก้าวเดินออกมาจากวิมานเซียน!

เขาเป็นชายหนุ่มผู้หนึ่งที่มีชุดปลิวไสว ขณะที่เขาก้าวเดินมาทีละก้าวๆ ปรากฎเสียงสัจธรรมสอดประสาน สรรพวิชาติดตาม บนตัวของเขาเปล่งรัศมีเซียนที่คล้ายดั่งได้บรรลุมรรคผลจนกลายเป็นเซียน ขณะที่เขาก้าวเดินมานั้น ดุจดั่งทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกล้วนได้รับความกรุณาจากเขาอย่างนั่น ทำให้สรรพสิ่งบนโลกล้วนแล้วแต่ต้องก้มกราบแทบเท้าของเขาเพื่อรอการประทานจากเขาอย่างนั้น

คนผู้นี้ก้าวเดินมาด้วยท่าทีที่หมางเมินทั่วหล้า มองดูสรรพดินแดนอย่างเย้ยหยัน ก้มมองดูสรรพชีวิตหมื่นเผ่าพันธุ์ เหมือนว่าตัวเขามาในฐานะราชันเซียน

ขณะที่สิบเอ็ดลัคนาของเขาลอยอยู่เหนือศีรษะนั้น กลิ่นอายแห่งความเป็นอมตะสายหนึ่งได้อบอวลไปทั่วฟ้าดิน ตัวของเขาเปี่ยมด้วยพลังที่ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนได้

ขณะที่เข้าก้าวเดินมาทีละก้าวๆ บนท้องฟ้าปรากฎกลิ่นอายขมุกขมัวตกลงมา เหมือนว่าตัวเขามาจากแรกเริ่มกำเนิดฟ้าดิน มาจากแรกเริ่มสัจธรรม เหมือนดั่งว่าทั่วโลกามีเพียงเขาที่เป็นใหญ่!

“หลงอ้าวเทียน!” มีผู้ที่ร้องเสียงแหลมดังออกมา เมื่อเห็นชายหนุ่มที่ก้าวเดินบนสุดยอดเส้นทางที่ปราศจากผู้ต่อกรเข้ามา

ต่อให้ผู้ที่ไม่เคยพบเห็นเขามาก่อน เมื่อได้ยินชื่อหลงอ้าวเทียนแล้วก็ต้องรู้สึกสั่นเทาภายในใจ และรู้สึกหวั่นไหว

ชื่อหลงอ้าวเทียนชื่อนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ทำให้ผุ้อื่นต้องลุ่มหลงบูชา เขาเป็นตัวแทนความสูงส่ง ตัวแทนที่ปราศจากผู้ต่อกร ตัวแทนรัศมีวงแหวนทุกอย่าง!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *