Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2104 ปิดฉาก

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2104 ปิดฉาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เวลานี้ไม่เพียงแต่ราชันสวรรค์ยิวเท่านั้นที่ดูจะมีท่าทีให้ความเคารพต่อราชันซื่อตี้เป็นอันมาก แม้แต่บรรดาจอมราชันที่รอดชีวิตจากการช่วยเหลือก็แสดงความเคารพต่อราชันซื่อตี้ ถ้าหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากราชันซื่อตี้ พวกเขาคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีก เกรงว่าพวกเขาคงกลายเป็นศพแห้งไปแล้ว ราชันซื่อตี้ยอมเสียสละผลประโยชน์ของตระกูลเฉี่ยนเพื่อช่วยเหลือพวกเขา เรียกได้ว่ามีบุญคุณดั่งขุนเขา

“จี๊ด…” เสียงหนึ่งดังขึ้น สุดท้ายหลี่ชิเย่ได้ดูดเอาชะตาฟ้าของบรรดาจอมราชันทั้งหมดจนหมดสิ้น ชะตาฟ้าทั้งหมดถูกกลืนกินโดยวังวนทอง เงิน และเหล็ก วังวนทั้งสามล้วนแล้วแต่ส่งประกายระยิบระยับหลังจากได้กลืนกินชะตาฟ้าไปแล้ว แน่นอน คิดจะจุดติดวังวันทั้งสามจนสว่างไสวเป็นเรื่องที่ยากมาก นั่นหมายถึงต้องอาศัยชะตาฟ้าจำนวนมหาศาล

“พวกเราไปกันเถอะ” เวลานี้ราชันซื่อตี้เตรียมถอนตัว เผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าพวกเขาได้พ่ายแพ้อย่างหมดรูปเสมือนดั่งการผ่ากระบอกไม้ไผ่ ขืนยังคงรั้งอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว

ที่พวกของราชันสวรรค์รออยู่ก็คือคำๆ นี้ นาทีนี้พวกเขาอยากจะไปจากที่นี่ทันทีให้มันรู้แล้วรู้รอดไป แรกทีเดียวพวกเขาพกพาความมั่นใจมาเต็มเปี่ยม สุดท้ายต้องกลับไปอย่างสิ้นหวัง กระทั่งมีจอมราชันเซียนหวังจำนวนมากต้องเสียชีวิตไปด้วยเหตุนี้

แรกเริ่มเดิมที ในสายตาของพวกราชันสวรรค์ยิวมองว่า พวกเขามีคนมีกำลังเป็นจำนวนมาก อีกทั้งสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็ยังอยู่ในช่วงวิกฤต อาศัยกำลังของพวกเขาหากต้องการสังหารอีกาทมิฬใช่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

แต่ว่า เมื่อเรื่องราวดำเนินไปถึงที่สุดแล้ว พวกของราชันสวรรค์ยิวจึงได้เข้าใจ แผนการของพวกเขาช่างน่าขันเสียเหลือเกินเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าอีกาทมิฬ มันดูช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน

แม้จะกล่าวว่าพวกเขามีแผนการที่จะไปเล่นงานอีกาทมิฬแล้ว อย่างไรก็ตาม อีกาทมิฬได้วางกักดักรอให้พวกเขากระโดดลงไปมาตั้งแต่พันล้านปีก่อนหน้า อีกทั้งเหยื่อที่แท้จริงของอีกาทมิฬยังไม่ใช่พวกเขา พวกเขาเป็นตัวประกอบเล็กๆ เท่านั้นเอง

ลองนึกภาพดู พวกเขาพยายามพิจารณาใคร่ครวญอย่างสุดความสามารถวางแผนการเอาไว้ เมื่อเทียบกับแผนการพันล้านปีของอีกาทมิฬแล้วมันไม่คู่ควรจะกล่าวถึง ช่างเป็นอะไรที่น่าขันเหลือเกิน

การพ่ายแพ้อย่างยับเยินในวันนี้ พวกของราชันสวรรค์ยิวไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว พวกเขาบังเกิดความคิดที่จะกำจัดอีกาทมิฬอย่างปัจจุบันทันด่วน ขณะที่อีกาทมิฬพันล้านปีก่อนหน้านั้นก็ได้ขุดหลุมพรางรอเล่นงานพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว พูดถึงเรื่องแผนการ พูดถึงเรื่องตวามมุ่งมั่น เรื่องความคิดที่ประเสริฐ พวกเขาเทียบกับอีกาทมิฬแล้ว เรียกได้ว่าห่างกันราวฟ้ากับดินเลยทีเดียว

แม้ว่าพวกของราชันสวรรค์ยิวกับอีกาทมิฬจะเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน แต่การพ่ายแพ้อย่างยับเยินในวันนี้ พวกราชันสวรรค์ยิวก็ไม่มีอะไรจะพูด นับว่าพ่ายแพ้ทั้งกายและใจ ได้แต่บอกว่าเป็นพวกเขาเองที่วิชาสู้คนอื่นเขาไม่ได้ แผนการสู้เขาไม่ได้!

“ตาเฒ่าเฉี่ยน อย่าลืมข้อแลกเปลี่ยนของพวกเรา อย่าลืมส่งสำเนามาให้หละ” ในขณะที่ราชันซื่อตี้นำพาพวกราชันสวรรค์ยิวถอนตัวออกไปนั้น หลี่ชิเย่โบกไม้โบกมือให้กับราชันซื่อตี้เป็นการอำลา พร้อมกับยิ้มกล่าวขึ้นมา

ท่าทีของราชันซื่อตี้ดูเย็นชาและไม่ต้องการจะพูดอะไร พาพวกของราชันสวรรค์ยิวจากไป

ขณะที่พวกของราชันสวรรค์มาถึงนั้น เรียกได้ว่ายโสโอหังอย่างยิ่ง ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา มีท่าทีที่กำจัดสิ้นทั่วหล้า แต่ยามที่ต้องเดินจากไปกลับเหมือนสุนัขที่ไม่มีเจ้าของ มีผู้คนจำนวนมากต้องเสียชีวิตอยู่ที่ตรงนี้ กระทั่งรวมถึงจอมราชันเซียนหวังหลายสิบคนก็ต้องตายอนาถอยู่ตรงนี้

ศึกในครั้งนี้เมื่อเทียบกับศึกล่าราชันในครั้งนั้นนับว่ามีความโหดร้ายมากกว่าหลายเท่าตัว จอมราชันเซียนหวังจำนวนมากต้องมาเสียชีวิตอย่างน่าเวทนาในครั้งนี้ กล่าวได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ทุกคนต่างอยู่ในอาการนิ่งเงียบ หลังจากที่ราชันซื่อตี้ได้จากไปแล้ว เผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าต้องปีกหักกลับไป ช่างเป็นเรื่องที่สะเทือนหวั่นไหวแก่ผู้คนอย่างยิ่ง กี่ปีมาแล้วที่เผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่ายโสโอหังเช่นใด โดยเฉพาะก่อนศึกล่าราชัน เผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าเป็นผู้ปกครองสิบสามทวีป พวกเขาคือเจ้าของสิบสามทวีป เป็นผู้ที่ชี้เป็นชี้ตาย หลังจากศึกล่าราชันแล้ว เผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าต่างจากเดิมไปมาก แต่ยังคงมีฐานะที่ร้อยชาติพันธุ์ไม่สามารถเทียบเคียงได้เลย

หลังจากศึกในวันนี้แล้ว เกรงว่าเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าคงต้องใช้เวลาที่ยาวนานมากในการฟื้นคืนพลัง แน่นอน ในศึกครั้งนี้ร้อยชาติพันธุ์เองก็มีเซียนหวังที่ต้องตายอนาถไปสิบกว่าคน เฉกเช่นพวกของเซียนหวังจุ้งเทียนเป็นต้น แต่ทว่าในสายตาของผู้คนจำนวนมากมองว่าเป็นการหาเรื่องใส่ตัวของพวกเซียนหวังจุ้งเทียน

“อ๊ากก…” ขณะที่ทุกคนกำลังอยู่ในอาการนิ่งเงียบอยู่นั้น เสียงร้องที่น่าเวทนาดังก้องฟ้าดิน เวลานี้ทุกคนต้องทยอยกันมองไปที่ต้นเสียง มองเห็นเหรินเซิ่นถูกราชันทักษิณสังหารไปเรียบร้อยแล้ว

เพียงแต่การคิดจะสังหารผู้ที่อยู่ในฐานะเป็นจอมราชันเซียนหวังคนหนึ่งนั้นใช่เป็นเรื่องง่ายดาย แต่ว่า ต่างก็เป็นจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสี่สายด้วยกัน ขณะที่ชะตาฟ้าของราชันทักษิณเป็นชะตาฟ้าดั้งเดิม ชะตาฟ้าของเขาจึงมีความได้เปรียบกว่าของเหรินเซิ่น ในขณะนี้ราชันทักษิณกลับทำลายชะตาฟ้าของเหรินเซิ่นเอาดื้อๆ ท่ามกลางเสียงร้องที่น่าเวทนา เหรินเซิ่นตายไปท่ามกลางความสิ้นหวังและเปี่ยมด้วยความไม่เต็มใจ

กล่าวสำหรับเหรินเซิ่นแล้ว เขาเพิ่งกลายเป็นจอมราชันเซียนหวังมาหมาดๆ ยังไม่ทันได้เกรียงไกรไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ยังไม่ทันได้สร้างผลงานก็ต้องถูกสังหารไปเช่นนี้ กล่าวสำหรับตัวเขาแล้ว มันช่างเป็นเรื่องที่ไม่เต็มใจ และเป็นเรื่องน่าสิ้นหวังอย่างยิ่ง

ความจริงแล้ว ศึกระหว่างราชันทักษิณกับเหรินเซิ่นนั้นน่าตื่นเต้น และน่าประทับใจยิ่งนัก ทั้งสองฝ่ายต่างงัดสารพัดวิชาออกมาไม่มีสิ้นสุด เพียงแต่เสียดายที่การต่อสู้ระหว่างอีกาทมิฬกับเหล่าราชันเพียงลำพังนั้นตื่นเต้น และยอดเยี่ยมยิ่งกว่าปราศจากผู้เทียบเทียม ดังนั้น จึงทำให้ศึกระหว่างราชันทักษิณกับเหรินเซิ่นดูสลดและอับแสงลง มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะไปให้ความสนใจกับการต่อสู้ระหว่างพวกเขา

ทุกคนต่างนิ่งเงีบบกับการตายอย่างอนาถของเหรินเซิ่น เนื่องจากเหรินเซิ่นเคยเป็นบุรุษผู้สูงส่งของร้อยชาติพันธุ์ ร้อยชาติพันธุ์เคยตั้งความหวังไว้กับเขาสูงมาก เคยคาดหวังว่าเขาจะสามารถนำพาให้ร้อยชาติพันธุ์ก้าวสู่ความรุ่งโรจน์ชัชวาลกว่าที่เป็นอยู่ ไม่นึกไม่ฝันว่ามาวันนี้เขาจะพบกับจุดจบลักษณะเช่นนี้

มองเลยไปข้างหน้า มองเห็นหลิวจินเซิ่นที่สองมือเปื้อนไปด้วยเลือดสดๆ ที่ไหลหยดลงเป็นทาง เขาได้จัดการสังหารจอมเทพเก้ากระบี่ตายคาที่ ย่อมไม่ต้องสงสัยที่ต่างฝ่ายต่างมีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงเช่นกัน ขณะที่หลิวจินเซิ่นกลับเหนือกว่าจอมเทพเก้ากระบี่อยู่ไม่น้อย การที่จอมเทพเก้ากระบี่ถูกสังหาร ณ ที่ตรงนี้ก็ไม่นับเป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใด

“จี๊ด…” เสียงหนึ่งดังขึ้น หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ทุกคนรับรู้ถึงอานุภาพของกาลเวลาที่เคลื่อนผ่านไปอย่างกะทันหัน ทุกคนจึงทยอยกันมองไปที่นั่น Aileen-novel

“ไม่…” เวลานี้ราชันเซียนหยินหยางที่อยู่ท่ามกลางอาณาจักรกาลเวลาร้องเสียงดังขึ้นมา ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่สามารถก้าวเดินไปบนเส้นแห่งกาลเวลาของตนได้ถูกต้อง แม้ว่าเขาจะต้านกับอานุภาพการไหลเคลื่อนไปของกาลเวลามาโดยตลอด ต่อให้เป็นถึงราชันเซียนยังคงต้านการเคลื่อนผ่านนับพันล้านปีของกาลเวลาเอาไว้ได้ ถูกบดขยี้ทำลายอย่างช้าๆ ท่ามกลางอาณาจักรกาลเวลา ตายอนาถกลายเป็นเถ้าธุลีอยู่ท่ามกลางอาณจักรแห่งกาลเวลา

กาลเวลาได้สังหารราชันเซียนหยินหยางไป และหมากูได้เรียกกาลเวลากลับคืน เหินฟ้าลงมาเสมือนดั่งเทพธิดาที่ลงมายังโลกมนุษย์ แม้แต่อวี่เชียนเสวียนที่งดงามแห่งยุคเมื่อเปรียบกับนางแล้วก็ต้องยอมรับว่าห่างชั้นกับนางมาก

ตูม…จังหวะที่ทุกคนกำลังจ้องมองหมากูที่ยอดเยี่ยมแห่งยุคดั่งเซียนอยู่นั้น เกิดเสียงดังสนั่นเสียงหนึ่งขึ้นมา สวรรค์ลงทัณฑ์บนท้องฟ้ายังคงอยู่ตลอด โดยสวรรค์ลงทัณฑ์ที่น่ากลัวถูกหลี่ชิเย่รวบรวมเอาไว้เท่านั้นเอง เหมือนว่าหลี่ชิเย่ได้ลากจูงสวรรค์ลงทัณฑ์เอาไว้ตลอดเวลาอย่างนั้น ดังนั้น สวรรค์ลงทัณฑ์จึงไม่เคยหยุดนิ่งโดยตลอด

เวลานี้ หลี่ชิเย่ได้ดึงให้สวรรค์ลงทัณฑ์เข้าโจมตีเรือนตำราของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ซึ่งสร้างความตกใจให้กับทุกคนที่ดึงให้สวรรค์ลงทัณฑ์เข้าโจมตีสถาบันศึกษาเทพเจ้ากะทันหัน ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่รู้ว่าเขาต้องการจะทำอะไร

เสียงตูม…ดังสนั่นในขณะนี้ สวรรค์ลงทัณฑ์ได้ผ่าเข้าให้ที่ภูเขาเตี้ยๆ ขนาดเล็กลูกหนึ่งที่อยู่ภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้า ด้วยความน่ากลัวของสวรรค์ลงทัณฑ์ที่โจมตีลงมา อย่าว่าแต่เป็นเพียงภูเขาลูกหนึ่งเลย ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังก็ต้องถูกสังหาร

แต่ว่า เวลานี้สวรรค์ลงทัณฑ์ที่ผ่าลงมากลับไม่ได้ทำลายภูเขาเตี้ยๆ ขนาดเล็กลูกนี้ไป ได้ยินเสียงดังคร๊ากก คร๊ากก คร๊ากกเหมือนเสียงแตกกะเทาะออกดังขึ้น มองเห็นภูเขาเตี้ยๆ ลูกนี้ปรากฎเศษหินเศษดินที่พังถล่มลงมาเป็นจำนวนมาก ในที่สุดเหลือไว้เพียงผนังหินที่อยู่ด้านหน้าภูเขาลูกนั้น ดูไปแล้วผนังหินนี้เหมือนเป็นก้อนหินขนาดยักษ์เสียมากกว่า

ในเวลานี้เอง สวรรค์ลงทัณฑ์ได้ฟาดลงบนผนังหินด้านนั้น ภายใต้การกระแทกของสวรรค์ลงทัณฑ์ ผนังหินดังกล่าวปรากฏเป็นประกายขึ้นมาเป็นจุดๆ จากนั้นสายฟ้าจากสวรรค์ลงทัณฑ์เสมือนดั่งเป็นสายน้ำที่ไหลชโลมผนังหินแผ่นนี้ และไหลรินไปตามลวดลายเต๋าดั่งสายน้ำ โดยมีอัตราการไหลที่รวดเร็วมาก เหมือนว่าต้องการจุดติดลวดลายเต๋าของผนังหินนี้อย่างช้าๆ

ทุกคนต่างรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เมื่อสวรรค์ลงทัณฑ์ที่ฟาดเข้าใส่ผนังหินเช่นนี้แล้ว กลับไม่ได้ทำลายผนังหินนี้จนแหลกละเอียดไป ผนังหินด้านนี้มันคืออะไรกันแน่

ความจริงแล้ว ต่อให้เป็นบรรดาผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าผนังหินนี้คืออะไรกันแน่ และมีเพียงโอรสราชันเซียนเฟยในฐานะที่เป็นโอรสราชันเท่านั้นที่พอจะทราบอยู่บ้าง เนื่องจากในครั้งนั้นทั้งราชันเซียนเฟย และราชันเทพจงหนานต่างก็เคยมาทำความบรรลุภูเขาเตี้ยๆ ขนาดเล็กลูกนี้มาก่อน

สวรรค์ลงทัณฑ์คล้ายดั่งน้ำตกที่ตกลงมาจากบนฟ้าอย่างนั้น แต่สวรรค์ลงทัณฑ์กลับไม่ได้แตกกระจายเหมือนดั่งเช่นสายน้ำ แต่เป็นการหล่อเลี้ยงซึมเข้าไปภายในหน้าผา ค่อยๆ จุดประกายหน้าผาให้สว่างขึ้นมาช้าๆ แน่นอนที่สุด หากคิดจะจุดประกายให้สว่างไสวไปทั่วทั้งหน้าผานี้เกรงว่าคงต้องอาศัยระยะเวลาหนึ่ง

สวรรค์ลงทัณฑ์เทราดลงมาอย่างไม่ขาดสายและพุ่งกระแทกใส่ผนังหินด้านนี้ ภาพที่เห็นนับว่าอลังการยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นจอมราชันเซียนหวังใดๆ ก็ตามก็ต้องถอยออกห่างให้ไกลๆ หากเข้าไปใกล้เมื่อไร ไม่แน่นักอาจจะล่อเอาสวรรค์ลงทัณฑ์เข้ามาหาตน หากสวรรค์ลงทัณฑ์ฟาดใส่ร่างของตนย่อมเท่ากับเป็นการรนหาที่ตายเอง

“เอาหละ ทุกท่าน ความสนุกสนานได้ชมการจบแล้ว สมความสิ้นสุดกันได้แล้ว” เวลานี้หลี่ชิเย่ปรบมือและยิ้มกล่าวว่า “ทุกคนมาจากไหนก็ให้กลับไปทางนั้นก็แล้วกัน”

เวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะเช่นใด จอมเทพก็ดี จอมราชันเซียนหวังก็ช่าง ทั้งหมดปราศจากท่าทีโดยสิ้นเชิง และไม่มีท่าทีของความหยิ่งผยอง แม้แต่ราชันซื่อตี้ยังต้องอ่อนข้อให้ พวกเขาที่เป็นจอมราชันเซียนหวังยังจะมีคุณสมบัติอะไรมาวางมาดว่าสูงเด่นต่อหน้าอีกาทมิฬ

ดังนั้น เวลานี้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นจอมเทพหรือจอมราชันเซียนหวังต่างก็ล่าถอยไปอย่างเงียบๆ กระทั่งไม่กล้าทำให้ดูมีการเคลื่อนไหวมากขณะที่ไปจาก เรียกได้ว่าระวังตัวอย่างที่สุด

“ทุกท่าน อย่าลืมหละ การมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ควรระมัดระวังรอบคอบเอาไว้เป็นการดี อย่าได้พูดมากความ” จังหวะที่ทุกคนกำลังจากไปเงียบๆ นั้น หลี่ชิเย่ได้พูดเฉยเมยขึ้นมา

คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้ภายในใจของทุกคนต้องสะดุ้ง ทุกคนต่างเข้าใจในความหมายของคำพูดดังกล่าว แม้ว่าคำพูดนี้ไม่มีลักษณะของการข่มขู่คุกคามมากนัก แค่พูดแบบเอ้อระเหยเท่านั้นเอง

แต่ทว่า แค่คำพูดที่เอ้อระเหยเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว คำพูดที่เอ้อระเหยเช่นนี้กลับมีอำนาจมากว่าคำพูดข่มขู่คุกคามใดๆ กล่าวได้ว่า เมื่อคำๆ นี้ถูกพูดออกมาก็เท่ากับสูงสุดไร้ผู้เทียบเทียม ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใดๆ ก็ต้องอึดอัดหายใจไม่ออกทีหนึ่ง

พวกเขาที่เป็นระดับจอมราชันเซียนหวังเหล่านี้ ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังระดับล่างก็เคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับอีกาทมิฬมาบ้าง พวกเขาเข้าใจได้ว่ามันคือสิ่งต้องห้ามอย่างหนึ่ง พูดสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ยิ่งไม่สมควรวิจารณ์

ในอดีต จอมราชันเซียนหวังบางส่วนอาจจะเข้าใจว่ามีใครแกล้งทำเป็นลึกลับซับซ้อนหรือพูดเกินจริง จากการศึกในวันนี้ได้เปลี่ยนความคิดของจอมราชันเซียนหวังเหล่านี้อย่างสิ้นเชิง พวกเขาเข้าใจโลกนี้มีสิ่งต้องห้ามจริงๆ เป็นความจริงที่มีคนผู้หนึ่งห้ามเอ่ยถึง!

…………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *