Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1830 เมืองสวรรค์นอกอาณาจักร

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1830 เมืองสวรรค์นอกอาณาจักร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1830 เมืองสวรรค์นอกอาณาจักร
เมืองสวรรค์นอกอาณาจักรไม่ได้ตั้งอยู่ในชิงโจว มันห่างไกลจากชิงโจวมาก มันตั้งอยู่ริมขอบฟ้า หรือบางทีอาจจะกล่าวได้ว่ามันอยู่ในริมเส้นขอบของชิงโจว มันแขวนอยู่สูงขึ้นไปบนทางช้างเผือก

สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากชิงโจวหนึ่งหมื่นล้านล้านลี้ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนโดยทั่วไปไม่สามารถเหาะจากชิงโจวถึงเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรได้อยู่แล้ว ต้องอาศัยประตูมิติจากสายสำนักราชันเซียนส่งไปถึงประตูเมืองสวรรค์นอกอาณาจักร

แม้ว่าเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรจะอยู่บริเวณริมขอบของชิงโจวแล้วก็ตาม แต่ว่าที่ตรงนี้ยังไม่ใช่ที่สุด และไม่ใช่จุดที่เป็นปลายทาง

ตรงกันข้าม เมืองสวรรค์นอกอาณาจักรเป็นเพียงก่าวแรกของการเริ่มต้นเท่านั้นเอง มันคือจุดเริ่มต้นที่ที่นักผจญภัยทั้งหมดจะมาเริ่มต้นกันที่ตรงนี้ จากจุดนี้เพื่อไปยังสถานที่ที่ไกลกว่าและอันตรายมากกว่า

ออกจากเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรแล้วก็คือ แดนแห่งการสืบค้นสถานที่ที่บรรดาผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดของชิงโจวพูดถึง และเป็นสถานที่ที่ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนใฝ่ฝันถึง

มีตำนานเกี่ยวกับแดนแห่งการสืบค้นมากมาย อีกทั้งทุกๆ ทวีปก็จะมีแดนแห่งการสืบค้น และทุกๆ แดนแห่งการสืบค้นก็จะแตกต่างกันออกไป

พันล้านปีที่ผ่านมา ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ได้เคยเข้าออกแดนแห่งการสืบค้นมา และยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนที่เคยใฝ่ฝันถึงแดนแห่งการสืบค้น และมียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตน ที่เอาชีวิตมาทิ้งอยู่ในแดนแห่งการสืบค้น

ผู้คนบนโลกไม่มีใครรู้ว่าแดนแห่งการสืบค้นกว้างใหญ่เท่าไร ไม่มีใครสามารถวาดภาพของแดนแห่งการสืบค้นออกมาได้ทั้งหมด แม้กระทั่งคิดจะวาดเพียงมุมใดมุมหนึ่งของแดนแห่งการสืบค้นก็ยังยาก

ถ้าพูดถึงกรณีของแดนแห่งการสืบค้นของชิงโจว มันกว้างขวางไร้ขอบเขต ไม่มีใครรู้ว่ามันกว้างแค่ไหน กระทั่งมีคนบอกว่า แดนแห่งการสืบค้นนอกเขตชิงโจวเพียงมุมหนึ่งก็มีขนาดใหญ่กว่าชิงโจวมากทีเดียว

ตั้งแต่อดีตกาลเป็นต้นมา ไม่เคยมีใครสามารถเดินได้ทั่วทั้งแดนแห่งการสืบค้น เล่าลือกันว่า แม้แต่จอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดนก็ไม่สามารถเดินไปทั่วแดนแห่งการสืบค้น ต่อให้พวกเขาที่ดำรงอยู่ในระดับสูงสุดก็ไม่สามารถสำรวจเห็นภาพทั้งหมดของแดนแห่งการสืบค้น

สิ่งที่แดนแห่งการสืบค้นถูกผู้คนกล่าวขวัญถึงมากที่สุดก็คือ มันเป็นสถานที่ที่สำหรับหลีกเลี่ยงการถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ ขอเพียงค้นพบสถานที่ที่เหมาะสม โอกาสที่เหมาะสม แดนแห่งการสืบค้นก็จะสามารถหลีกเลี่ยงการถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ได้ ทำให้สวรรค์ลงทัณฑ์ไม่ปรากฎตลอดไป เล่าลือกันว่าแม้แต่สวรรค์ก็ไม่สามารถมองเห็นภาพของแดนแห่งการสืบค้นได้ทั้งหมด

ด้วยเหตุที่แดนแห่งการสืบค้นสามารถหลีกเลี่ยงสวรรค์ลงทัณฑ์ได้ มันจึงเป็นสถานที่ที่บรรดาจอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดน กระทั่งจอมเทพ เทพโบราณใช้สำหรับปลีกตัวออกจากโลกปัจจุบัน

พูดได้อย่างเต็มปากว่า บรรดาจอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดน กระทั่งเทพโบราณ พวกเขาทั้งหมดต่างก็ปลีกตัวออกจากโลกปัจจุบันอยู่ตามแดนแห่งการสืบค้นของทวีปต่างๆ แม้แต่จอมเทพจำนวนแปดถึงเก้าในสิบก็จะปลีกตัวมาอยู่ที่แดนแห่งการสืบค้น

ด้วยสาเหตุนี้เอง ก็มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยไปที่แดนแห่งการสืบค้น พวกเขาคิดจะได้พบเห็นหน้าตาของจอมราชันเซียนหวังราชันเซียนเก้าแดน และมียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนบางส่วนก็คิดอยากจะได้เห็นหน้าบรรพบุรุษของตน

แน่นอน โดยพื้นฐานสำหรับจอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดนแล้ว พวกเขาจะไม่พบบุคคลภายนอก ต่อให้เป็นลูกหลานที่ขอเข้าเฝ้า พวกเขาก็จะไม่ให้พบ มีเพียงระดับบรรพบุรุษที่มีน้ำหนักพอ หรือจอมเทพเท่านั้นที่บางที่อาจจะได้เข้าพบจอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดน

แดนแห่งการสืบค้นนอกจากจะเป็นที่ที่บรรดาจอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดนใช้เป็นสถานที่ปลีกตัวออกจากโลกปัจจุบันแล้ว ขณะเดียวกันแดนแห่งการสืบค้นยังเป็นสถานที่ที่ผจญภัยและขุดหาสมบัติอีกด้วย

ในแดนแห่งการสืบค้นมีสิ่งที่ทำให้ตระหนกระคนกับดีใจที่ผู้คนคาดไม่ถึง บริเวณใต้ดินของแดนแห่งการสืบค้นได้มีการฝังอาวุธจอมเทพรุ่นดึกดำบรรพ์ และฝังสมุนไพรเซียนบุปผาสวรรค์รุ่นดึกดำบรรพ์เอาไว้ และมีข่าวลือว่าบริเวณที่ลึกเข้าไปภายในแดนแห่งการสืบค้นยังมีหินศักดิ์สิทธิ์โลหะเซียนตั้งแต่ยุคแรกเริ่มขมุกขมัวนั่น

หากสามารถได้ของวิเศษอะไรจากแดนแห่งการสืบค้นสักชิ้นหนึ่ง ล้วนแล้วแต่ไม่ด้อยไปกว่าของวิเศษของจอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดน หินศักดิ์สิทธิ์โลหะเซียนที่ขุดมาได้จากแดนแห่งการสืบค้นก็ยากจะหาใดเทียมในหล้า ยิ่งสมุนไพรเซียนบุปผาสวรรค์ที่ขุดได้จากแดนแห่งการสืบค้นล่ะก็สามารถชุบชีวิตเสียด้วยซ้ำ!

ด้วยความที่แดนแห่งการสืบค้นสามารถขุดอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ยากจะหาผู้ใดเทียมในหล้า และสมุนไพรเซียนบุปผาสวรรค์ที่พบเห็นได้ยากในหล้า จึงทำให้มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่หนุนเนื่องกันมาในพันล้านปีที่ผ่านมา

แน่นอนที่สุด มีผลตอบแทนก็ต้องมีอันตราย แม้ว่าสามารถขุดหาอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของวิเศษได้จากแดนแห่งการสืบค้น แต่ก็สามารถขุดเจอสิ่งที่ดุร้ายได้เช่นกัน

สิ่งที่ดุร้ายที่ถูกขุดพบในแดนแห่งการสืบค้นมีจำนวนนับไม่ถ้วนในห้วงพันล้านปีที่ผ่านมา เคยมีผู้ที่ขุดเอาศพแห้งออกมา พลันทำให้ขบวนที่มีผู้คนจำนวนนับพันคนกลับกลายเป็นศพไป และเคยมีผู้ที่ขุดเอามารร้ายได้ พลันทำให้มีจอมเทพถึงเจ็ดคนถูกควักเอาหัวใจออกมา ยิ่งไปกว่านั้น เคยมีผู้ผู้ที่ขุดเจอน้ำพุเหลืองที่อยู่ในตำนาน ทำให้โอรสราชันและธิดาราชันทั้งหมดต้องกลายเป็นน้ำศพ…

ในแดนแห่งการสืบค้น ถ้าหากบุคคลผู้นั้นขุดพบของวิเศษ เป็นการบ่งบอกว่าจะได้ลาภก้อนโต แต่ หากว่าบุคคลผู้นั้นขุดเจอสิ่งที่ดุร้ายเข้า ย่อมบ่งบอกว่าต้องตายหมดทั้งกองทัพ กระทั่งตายโดยไร้ที่ฝัง

แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ยังคงมียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนที่หนุนเนื่องกันขึ้นมา แม้ว่าทุกคนจะรู้ดีว่าการเดินทางมาครั้งนี้อาจจะไปแล้วไปลับก็ตาม แต่ว่า ยังคงไม่สามารถกั้นขวางอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของผู้บำเพ็ญตนทั่วหล้าที่ต้องการผจญภัยและชิงของวิเศษ

เมืองสวรรค์นอกอาณาจักรคือจุดเริ่มต้นที่จะตรงไปยังแดนแห่งการสืบค้น ณ ที่ตรงนี้จะมียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากมาตั้งต้นออกเดินทางกันที่นี่ พกพาเอาความฝันและปณิธานจำนวนนับไม่ถ้วนมุ่งไปข้างหน้า

ทั่วทั้งเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรแขวนเอาไว้บนทางช้างเผือก มันเป็นเมืองโบราณที่สร้างขึ้นโดยดวงดาวที่ใหญ่โตมโหฬารดวงหนึ่ง เป็นเมืองโบราณที่เต็มไปด้วยร่องรอยความเก่าแก่อยู่เต็มไปหมด จากการที่มันแขวนอยู่บนทางช้างเผือก ทำให้มีสุริยันจันทราที่ล้อมรอบ ช่วงกลางวันและกลางคืนของมันจึงไม่ได้แตกต่างอะไรกับชิงโจว

ครั้นไปถึงเมืองสวรรค์นอกอาณาจักร สิ่งที่ได้เห็นคือกำแพงศักดิ์สิทธิ์ที่มีขนาดยักษ์ล้อมรอบไปทั่วดวงดาวดวงนี้ ถ้าหากนำเอาเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรมาเปรียบกับเมืองๆ หนึ่งล่ะก็ กำแพงศักดิ์สิทธิ์นี้ก็คือกำแพงเมืองที่ยากจะก้าวข้ามไปได้แล้ว

เมืองสวรรค์นอกอาณาจักรมีความคึกครื้นและเจริญรุ่งเรืองเป็นอันมาก เรียกได้ว่าที่ตรงนี้คือเมืองใหญ่ที่มีความเจริญเป็นอันดับต้นๆ ของชิงโจว มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับพันนับหมื่นที่อาศัยตั้งรกรากอยู่ที่ตรงนี้

ท่ามกลางเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรลักษณะเช่นนี้ สถานที่ตรงนี้มีภูเขาที่สูงตระหง่าน ล้อมรอบด้วยแม่น้ำขนาดใหญ่ ภาพรวมของเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรแลดูไม่ได้แตกต่างอะไรกับเมืองขนาดใหญ่ของชิงโจวเท่าไรนัก

จากวันเวลาที่ผ่านไป ไม่รู้ว่ามียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนเท่าไรที่ได้มาอาศัยตั้งรกรากอยู่ที่เมืองสวรรค์นอกอาณาจักร กระทั่งตั้งสำนักอยู่ที่ตรงนี้ ดังนั้น เมืองสวรรค์นอกอาณาจักรจึงมีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ

หลี่ชิเย่มาถึงเมืองสวรรค์นอกอาณาจักร ขณะเดินอยู่ในถนนโบราณ เขาถึงกับทอดถอนใจออกมา ก่อนหน้านั้นไม่นาน ที่ตรงนี้เคยเป็นด่านแรกที่เปิดศึกกับเผ่าสวรรค์ เผ่ามาร และเผ่าเทพสามเผ่า ด้านนอกของกำแพงเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรเคยต้านการรุกเข้าโจมตีของเผ่าสวรรค์ เผ่ามาร และเผ่าเทพสามเผ่า

มาวันนี้ ไฟสงครามได้สงบลง ทั้งภายนอกและภายในกำแพงได้กลายเป็นสวรรค์ของนักผจญภัย ทุกคนต่างก็ลืมเลือนไปแล้วว่า ที่ตรงนี้เคยเป็นที่ที่กระดูกกองสุมเป็นภูเขา การที่ร้อยชาติพันธุ์สามารถยืนหยัดจนถึงวันนี้ได้ เกิดจากปรัชญาเมธีแต่ละคนใช้เลือดของตนแลกเอามา

ถนนโบราณกว้างขวางมาก เพียงพอที่จะรองรับรอม้าสิบคันวิ่งตีคู่กันได้ ถนนโบราณนี้สร้างโดยปูด้วยหินสีดำ มีความแข็งแกร่งและทนต่อการบดทับ พันล้านปีผ่านไปยังคงไม่สามารถบดทำให้มันราบเรียบได้

เดิมหลี่ชิเย่ได้นัดสมทบกับธิดาราชันฉีหลินที่เมืองสวรรค์นอกอาณาจักร แต่ว่า ก่อนที่จะพบกับธิดาราชันฉีหลิน หลี่ชิเย่อยากจะแวะไปดูชนรุ่นหลังของสหายเก่า

สุดถนนโบราณมีจวนอยู่หลังหนึ่ง จวนหลังนี้มีขนาดที่ใหญ่โตมหึมา ประตูใหญ่ของจวนดูไปแล้วเหมือนดั่งกำแพงเมือง มีน้ำหนักมากและหนามั่นคงแข็งแรง เหมือนว่าสามารถต้านทานกองทัพเป็นหมื่นพันได้อย่างนั้น ด้านข้างซ้ายขวาของจวนมีสิงโตทองแดงนั่งอยู่ ท่าทางองอาจห้าวหาญ

ภายใต้การกัดกร่อนของกาลเวลาตัวจวนแลดูเก่าแก่โบราณ ขณะที่สิงโตทองแดงสองตัวที่อยู่หน้าบ้านก็มีรอยสนิมเป็นจุดๆ พวกมันไม่รู้ว่าได้ผ่านการตากแดดตากฝนมานานเท่าไรแล้ว

ด้านบนของจวนแขวนกป้ายเก่าๆ เอาไว้แผ่นหนึ่ง บนป้ายนั้นเขียนหนังสือเอาไว้สองตัวว่า “จวนเผิง” แรงกดตัวหนังสือทะลุถึงด้านหลังของแผ่นป้าย พลังราชันผาดโผน แม้ว่าตัวป้ายจะเก่าแก่มากแล้ว แต่วันเวลายังคงไม่สามารถลบเลือนพลังราชันที่ผาดโผนไปได้

ใต้ตัวหนังสือคำว่า “จวนเผิง” ลงชื่อไว้ว่า “หมิงเหริน” ตัวหนังสือสองคำที่เขียนเอาไว้เปรียบประดุจราชันเซียนองค์หนึ่งได้ยืนอยู่ตรงนั้น ทำให้ผู้ที่มองเห็นป้ายเก่าแก่นี้แล้วก็ต้องเกิดความรู้สึกเคารพนับถือขึ้นมา

ความจริงแล้ว ผู้ที่รู้จักจวนเผิงก็ต้องเกิดความรู้สึกเคารพนับถือขึ้นมา กระทั่งยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนของร้อยชาติพันธุ์เวลาเดินผ่านมาก็ต้องถอดหมวกโค้งแสดงความเคารพต่อจวนเผิง

จวนเผิงคือหนึ่งในจำนวนตระกูลขุนนางโบราณขนาดใหญ่หลายแห่งของเมืองสวรรค์นอกอาณาจักร ตระกูลขุนนางโบราณตระกูลนี้เคยมีจอมเทพมาแล้วหลายองค์ แม้ว่าจวนเผิงจะไม่เคยมีจอมราชันเซียนหวัง แต่มันยังคงได้รับความเคารพจากยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนของร้อยชาติพันธุ์ในชิงโจวอยู่ไม่น้อย

ในบรรดาจอมเทพหลายองค์ของจวนเผิง องค์ที่มีผู้คนกล่าวขวัญถึงมากที่สุดก็คือจอมเทพท่าซิง (จอมเทพเหยียบดาว) และก็คือจอมเทพที่ได้รับความเคารพมากที่สุดของจวนเผิง

จอมเทพท่าซิงคือจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์เก้าดวง อีกทั้งยังได้มีการประสานเข้าด้วยกันอีกด้วย สิ่งนี้ยังไม่ใช่จุดที่จอมเทพท่าซิงแข็งแกร่งที่สุด นอกจากจอมเทพท่าซิงจะมีดวงตราสัญลักษณ์เก้าดวงที่ประสานเข้าด้วยกันแล้ว เขายังมีสายเลือดที่ล้ำค่ายิ่งนักคือสายเลือดเก้ากระถาง (กระถางสามขา)

ควรจะทราบว่า สายเลือดเก้ากระถางคือหนึ่งในแปดสายเลือดเก่าแก่โบราณ ยิ่งไปกว่านั้น มันคือหนี่งในสองสายเลือดที่ล้ำค่ามากที่สุดของร้อยชาติพันธุ์ โดยเฉพาะเผ่าพันธุ์มนุษย์

การที่จอมเทพท่าซิงมีดวงตราสัญลักษณ์เก้าดวงที่ประสานเข้าด้วยกัน ยิ่งกว่านั้น ยังมีสายเลือดเก้ากระถาง ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกเคารพนับถือขึ้นมา ถือเป็นจอมเทพที่แข็งแกร่งมากยิ่งแล้ว

แต่ว่า สิ่งนี้ยังไม่ใช่สิ่งที่เกิดความรู้สึกเคารพนับถือขึ้นมา สิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเคารพนับถือจอมเทพท่าซิงคือ เขาเคยเข้าร่วมศึกล่าราชันเพื่อร้อยชาติพันธุ์แล้วยังมีชีวิตรอดกลับมา

ด้วยเหตุนี้ ภายหลังราชันเซียนหมิงเหรินได้ทำการเขียนตัวอักษรให้กับจวนเผิงด้วยตนเอง ทั้งยังได้ลงชื่อราชันของตนอีกด้วย เรียกได้ว่า นี่เป็นการเขียนตัวอักษรให้ในระดับสูงสุดของราชันเซียนแล้ว

มาวันนี้ จวนเผิงไม่ได้เป็นตระกูลขุนนางโบราณที่มีอำนาจผาดโผนเหมือนเก่าอีกแล้ว ในยามโพ้เพ้ จวนเผิงจึงมีลักษณะเงียบเหงา เห็นเพียงโคมไฟไม่กี่ดวงที่แขวนอยู่ภายในจวนอย่างเงียบเหงา

ในขณะนี้ หน้าจวนเผิงได้แขวนโคมไฟสีแดงอยู่สองดวง บนตัวโคมเขียนอักษรคำว่า “โซ่ว” (อายุยืน) เมื่อหลี่ชิเย่มองเห็นโคมไฟโซ่วแต่ไกล ถึงกับทำท่านับนิ้วขึ้นมา

“นับดูแล้ว อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันเกิดของจอมเทพท่าซิง ดูท่าลูกหลานของเขาคงจะอวยพรจากระยะไกลไปให้เขา” หลี่ชิเย่มองดูโคมไฟโซ่วแล้วพึมพำออกมา

กล่าวพลาง หลี่ชิเย่ก้าวเท้าเข้าไปหาจวนเผิง แม้ว่าเขาไม่ต้องการไปรบกวนจอมเทพท่าซิง แต่ก็จะไปอวยพรจากระยะไกลสักครั้ง

ด้านหน้าประตูมีศิษย์ของตระกูลเผิงสองคนยืนตัวตรงคอยเฝ้าอยู่ เมื่อหลี่ชิเย่มาถึงแล้ว หนึ่งในศิษย์ก็เอ่ยถายขึ้นมาว่า “ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่ากระไร? มีเรื่องอะไรให้ช่วยรึ?”

วันเกิดของจอมเทพท่าซิงใกล้เข้ามาแล้วสิ” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นช้าๆ กับศิษย์ผู้นี้

ศิษย์ผู้นี้ถึงกับสะดุ้งนิดหนึ่ง และตกใจอยู่บ้างเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ แม้ว่าวันเกิดบรรพบุรุษของพวกเขาหาใช่เป็นความลับแต่อย่างใด แต่ สำหรับผู้ที่มีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนาน การที่ยังคงมีคนจดจำวันเกิดของเขาได้นับว่าไม่ง่ายนัก เว้นแต่จะเป็นลูกหลาน

“ถูกต้อง” เมื่อลูกศิษย์ผู้นี้ได้สติกลับมา จึงกล่าวว่า “ไม่ทราบว่าท่านมีธุระอันใดรึ?”

หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ในเมื่อเป็นวันเกิดของจอมเทพ ข้ามาเพื่ออวยพรให้กับท่าน”

“เรื่องนี้…” หลี่ชิเย่ทำให้ศิษย์ผู้นี้ต้องลังเลนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “วันเกิดของบรรพบุรุษ ไม่ได้จัดงานเลี้ยงแขกใต้หล้า”

…………………………………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *