Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2145 ใครสามารถทำให้เขาซาบซึ้งใจ

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2145 ใครสามารถทำให้เขาซาบซึ้งใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผู้คนจำนวนไม่น้อยหัวใจเต้นตูมตามขณะจ้องมองของวิเศษสามชิ้นที่วางอยู่บนพื้น ทุกคนต่างอยากได้ครอบครองเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่รู้ว่าควรจะไปทำให้ผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้าซาบซึ้งใจได้อย่างไร

“ท่านผู้เฒ่า ข้ามีสุราชุนหน่วนอยู่กาหนึ่ง ซึ่งบ่มหมักไว้นานคุณภาพชั้นเลิศของแคว้นเย่หลิวพวกเรา ท่านต้องการลองจิบสักคำหรือไม่?” เวลานี้มีชายหนุ่มผู้หนึ่งหยิบเอากาสุราออกมา พลันที่เปิดฝาออก กลิ่นหอมของสุราตลบอบอวลฟุ้งไปทั่ว ทำให้ทุกคนถึงกับน้ำลายหกในเวลานี้

“หอมมาก สุราเยี่ยมมาก” ผู้คนจำนวนมาอดที่จะกลืนน้ำลายเอื้อก เมื่อได้กลิ่นสุราที่โชยเข้ามา อดที่จะกล่าวชื่นชมออกมา

“นี่คือสุราชั้นเลิศของแคว้นเย่หลิวพวกเรา สามารถแก้ความอยากดื่มได้” ชายหนุ่มผู้นี้ดูจะมีความลำพองใจอยู่สามส่วน จะอย่างไรเสียสุรากานี้เขาได้มาไม่ง่ายนัก

“ท่านผู้เฒ่า ต้องการจิบสักคำหรือไม่?” เวลานี้ชายหนุ่มผู้นี้ได้ยื่นสุราให้กับผู้เฒ่าผู้นี้

แต่ว่า ผู้เฒ่าผู้นี้ยังคงหนังตาหย่อนตั้งแต่ต้นจนจบ เหมือนว่าได้นอนหลับไปแล้วอย่างนั้น ไม่มองชายหนุ่มผู้นี้สักแวบหนึ่ง ยิ่งไม่ได้มองดูสราเลิศรสที่อยู่ในกาด้วยซ้ำ

เมื่อชายหนุ่มผู้นี้เห็นว่าผู้เฒ่าไม่มีปฏิกิริยาตอบ จึงได้แต่เก็บสุรากานี้ขึ้นด้วยความโกรธแค้น ถอยไปอยู่ด้านข้างอย่างจนด้วยเกล้า เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะไปทำให้ผู้เฒ่าซาบซึ้งใจได้อย่างไร

“ท่านผู้เฒ่า ข้าบำเพ็ญเพียรมาสามพันปี ต้องเผชิญกับลมและฝนที่โหมสาดซัดใต้หน้าผา เพื่อสัจธรรมแล้วข้าต้องฟันฝ่าอุปสรรคขวากหนาม มีสิงสาราสัตว์เคียงข้างทุกคืนวัน ต้องถูกสัตว์ร้ายลอบโจมตีเป็นประจำ หวังจะได้ของวิเศษสักชิ้นไว้ป้องกันตัว” มีผู้บำเพ็ญตนที่บรรยายเรื่องราวของตนเองให้ฟังดูน่าเวทนาบ้าง หวังอาศัยประสบการณ์ที่น่าเวทนาของตนมาทำให้ผู้เฒ่าตรงหน้าซาบซึ้งใจ

แต่ทว่า ผู้เฒ่าผู้นี้ยังคงมีหนังตาที่หย่อน ยังคงเหมือนนอนหลับไปแล้วอย่างนั้น ไม่สนใจต่อผู้บำเพ็ญตนตรงหน้าแม้แต่น้อย

จากนั้นได้มีผู้บำเพ็ญตนหลายคนที่เปลี่ยนวิธีการต่างๆ หลายวิธี มีแทบทุกวิธี มีทั้งคนที่ให้คำมั่นสัญญาที่เป็นคำพูดที่ฮึกเหิม มีผู้ที่บรรยายตนเองได้อย่างน่าเวทนา และมีทั้งผู้ที่คิดจะนำเอาสิ่งของอื่นๆ มาแลกกับของวิเศษของผู้เฒ่า แต่ว่า ผู้เฒ่าไม่รู้สึกซาบซึ้งแต่อย่างไร

จังหวะที่ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกผิดหวัง และรู้สึกว่าอาจเป็นไปได้ว่ากำลังถูกผู้เฒ่าผู้นี้กลั่นแกล้งอยู่นั้น ปรากฏหญิงสาวผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าของผู้เฒ่า

อายุอานามของหญิงสาวผู้นี้ราวสิบหกสิบเจ็ด สวมใส่ด้วยเสื้อผ้าหยาบทั้งชุด รูปโฉมของนางดงดงามสุภาพยิ่งนัก มีเชือกป่านมัดผมเอาไว้ ทำให้ผู้พบเห็นสามารถรู้ได้ทันทีว่านางมีชาติกำเนิดที่ต้อยต่ำ แม้ว่าจะผ่านการฝึกมา แต่ทักษะต่ำถึงขั้นต่ำมาก

หญิงสาวผู้นี้ดูจะมีความเขินอายอยู่หลายส่วนขณะยืนอยู่ตรงหน้าผู้เฒ่าผู้นี้ เหมือนว่าเป็นครั้งแรกที่นางได้ก้าวออกมาแสดงตนต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ จนรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว

แต่ว่า ท้ายที่สุดแล้วหญิงสาวผู้นี้ยังคงรวบรวมความกล้าอย่างมาก ก้มหน้าและเอ่ยขึ้นแผ่วเบาว่า “ท่านผู้อาวุโส ข้า ข้า ข้าอยากจะได้ของวิเศษสักชิ้นมาป้องกันอารามไม้ของพวก พวก พวกเรา เนื่องจากอารามไม้ของพวกเราไม่ปลอดภัย มี มีบางอย่างที่คอย คอยแอบดูพวกเรา ดูเหมือน เหมือนจะเป็นสิ่งอัปมงคล…”

เมื่อหญิงสาวพูดอกมาเช่นนี้ ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนมากต่างรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากก่อนหน้านางใช่ว่าจะไม่มีคนอื่นๆ ที่เคยนำเสนอเรื่องราวที่น่าเวทนาเช่นนี้มาก่อน

แต่ทว่า หญิงสาวผู้นี้พูดยังไม่ทันจบคำ ผู้เฒ่าที่ดูเหมือนนอนหลับไปแล้วนั้นพลันลืมตาทั้งสองขึ้น เขาได้หยิบเอาหนึ่งในของวิเศษสามชิ้นที่อยู่ตรงกลางยัดใส่มือของหญิงสาวผู้นี้ และกล่าวว่า “วางบูชาอยู่ด้านหน้าอารามก็แล้วกัน”

หญิงสาวถึงกับตะลึงงัน เมื่อของวิเศษชิ้นนี้ถูกยัดใส่มือของตนเองอย่างกะทันหัน ความจริงแล้วขณะที่นางก้าวออกมาพูดนั้นนางไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อนึกถึงสภาพของตนเองแล้ว นางจึงได้แต่ทุดลองดูสักครั้งเท่านั้นเอง โดยที่ภายในใจของนางไม่ได้ตั้งความหวังเอาไว้แม้แต่น้อย

แต่ทว่า เวลานี้ผู้เฒ่ากลับเอาของวิเศษชิ้นหนึ่งยัดใส่ในมือของนาง ความตระหนกระคนกับความดีใจที่เกิดขึ้นกะทันหันมันช่างสร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจได้มากเหลือเกิน ทำให้หญิงสาวถึงกับไม่ได้สติกลับมาในเวลานี้

ไม่เพียงหญิงสาวที่หวั่นไหวจนไม่ได้สติกลับมา คนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็เช่นกัน เนื่องจากทุกคนต่างเข้าใจว่านี่เป็นการกลั่นแกล้งทุกคนของผู้เฒ่าผู้นี้ แต่ทว่าเวลานี้ผู้เฒ่ากลับเอาของวิเศษมอบให้กับหญิงสาวผู้หนึ่ง โดยอาศัยเพียงคำพูดที่ง่ายดายเช่นนี้เอง

หญิงสาวผู้นี้เมื่อได้สติคืนกลับมาแล้ว รีบคารวะต่อผู้เฒ่าและไปจากที่ตรงนี้อย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็หายตัวไปท่ามกลางฝูงชนจำนวนมาก

“นี่ นี่ นี่ถึงกับเป็นเรื่องจริง!” หลังจากที่ทุกคนได้สติกลัยมาแล้ว ต่างถูกทำให้หวั่นไหวจนพูดอะไรไม่ออก และถึงกับพูดติดอ่างไม่ลื่นไหล

สมควรทราบว่า ของวิเศษที่ถูกผู้เฒ่าจัดวางเอาไว้บนพื้นนั้นเป็นของล้ำค่าอย่างแน่นอน หญิงสาวอาศัยคำพูดเช่นนี้ก็สามารถได้ของวิเศษเช่นนี้ไป มันช่างเป็นเรื่องที่สะเทือนจิตใจผู้คนเหลือเกิน

“นี่เป็นเรื่องจริง ไม่ได้กลั่นแกล้งพวกเรา!” เมื่อทุกคนได้สติกลับมาแล้ว ต่างทยอยกันพูดคุยสนทนาถึงเรื่องนี้ ผู้ชมที่เดิมคิดจะไปจากก็ได้กลับเข้ามาล้อมวงกันใหม่อีกครั้ง พวกเขาล้วนแล้วแต่ คิดอยากได้ของวิเศษเช่นนี้ทั้งสิ้น

“นี่ นี่ นี่ออกจากเกินเลยไปแล้วกระมัง” จูซือจิ้งถูกทำให้หวั่นไหวเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ของวิเศษของผู้เฒ่าหากตกไปอยู่กับสำนักกระบี่ยักษ์ล่ะก็ มันจะกลายเป็นของวิเศษประจำสำนักไปทุกชาติเลยทีเดียว กล่าวสำหรับนางแล้วมันคือของวิเศษที่ประเมินค่าไม่ได้ แต่ว่า ผู้เฒ่าผู้นี้บทจะให้ก็ให้เลย เป็นการทำลายความรู้ของนาง ก้าวล้ำเกินกว่าจินตนาการของนาง

ถามโลกหล้า จะมีใครที่ไหนมอบของวิเศษชิ้นหนึ่งให้กับผู้ที่ไม่เคยรู้จักตามอารมณ์เช่นนี้? นี่มันเสียสติแล้วชัดๆ

“เรื่องราวแปลกประหลาดบนโลกนี้ไหนเลยอาศัยความรู้ไปทำความเข้าใจได้ สิ่งนี้หาใช่สิ่งที่เจ้าสามารถจินตนาการได้อยู่แล้ว” หลี่ชิเย่ที่มองดูผู้เฒ่าผู้นี้แล้ว เผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าออกมา

“ท่านผู้อาวุโส ข้ามีชาติกำเนิดมาจากเขาไป่จ้างซาน ตระกูลของพวกเราถือเอาการปกป้องมนุษย์ปุถุชนเป็นภารกิจของตน ระยะหลังมีคนเลวจากต่างแดนเข้ารุกรานหมู่บ้านของพวกเรา บรรดาท่านอาและท่านลุงบาดเจ็บล้มตายแสนสาหัส หวังว่าท่านผู้อาวุโสจะมอบของวิเศษให้ข้าสักชิ้นเพื่อปกป้องหมู่บ้านของพวกเรา” หลังจากที่หญิงสาวจากไปแล้ว มีชายหนุ่มผู้หนึ่งที่มีปฏิภาณไหวพริบดี คุกเข่าลงทันทีเสียงดังปุตรงหน้าผู้เฒ่า ทั้งน้ำเสียงและน้ำตาที่พรั่งพรูออกมา

แต่ว่า ผู้เฒ่าเพียงหยิบเอาของวิเศษออกมาชิ้นหนึ่ง และวางไว้ตรงกลางระหว่างของวิเศษทั้งสองเพื่อทดแทนของวิเศษชิ้นก่อนหน้า จากนั้นหลับตาลงและนั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น ไม่ให้ความสนใจต่อชายหนุ่มผู้นี้เลย

ชายหนุ่มผู้นี้ได้ร้องไห้และเล่าถึงเรื่องราวความทุกข์เข็ญตระกูลของตน แต่ผู้เฒ่ายังคงไม่สนใจ สุดท้าย ชายหนุ่มผู้นี้ได้แต่ล่าถอยไปอย่างรู้จักกาลเทศะ

“ท่านผู้อาวุโส น้องสาวของข้าป่วยด้วยโรคหลายโรคมาแต่เด็ก ถูกรังควานด้วยเวทมนต์คุณไส หวังว่าท่านอาวุโสจะมอบของวิเศษสักชิ้นให้นางได้คุ้มกายเถอะ” ในเวลานี้มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เลียนแบบหญิงสาวผู้นั้น แสดงความทุกข์ยากสารพัดรูปแบบของตนออกมา

แต่ว่า ไม่ว่าคนเหล่านี้จะแสดงออกถึงความทุกข์ยากเวทนาอย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถทำให้ผู้เฒ่าซาบซึ้งได้ ยังคงหลับตาเหมือนดั่งนอนหลับไปแล้ว

“เพราะอะไรคนอื่นทำเช่นนี้จึงไม่ได้ ขณะที่หญิงสาวเมื่อครู่กลับทำได้ ใช่ว่าเรื่องราวของทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องหลอกลวง มีบางคนเรื่องราวที่น่าเวทนานั้นเป็นเรื่องจริง” หวังหานหลังจากเฝ้าสังเกตอยู่เป็นเวลานาน สุดท้าย นางถึงกับเอ่ยขึ้นด้วยความแปลกใจยิ่ง

หวังหานเฝ้าสังเกตได้อย่างละเอียด และต้องการมองออกถึงตื้นลึกหนาบางของเรื่องนี้

“สิ่งนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราวว่าน่าเวทนาหรือไม่น่าเวทนา” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย และกล่าวว่า “บนโลกนี้มีผู้ที่น่าสงสารอยู่กี่มากน้อย ใครบ้างล่ะสามารถไปช่วยเหลือได้ทุกคน สิ่งที่ทำให้เขาซาบซึ้งได้หาใช่เรื่องราวที่น่าเวทนา แต่เป็นความลับที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังสิ่งนี้!”

“ความลับที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง?” หวังหานถึงกับพึมพำเบาๆ และครุ่นคิดถึงคำพูดของหญิงสาวคนเมื่อครู่ แต่นางไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่า เบื้องหลังได้ซ่อนความลับอะไรเอาไว้กันแน่ จึงสามารถทำให้ผู้เฒ่าผู้นี้เกิดความซาบซึ้งใจได้

ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่ไม่สามารถทำให้ผู้เฒ่ารู้สึกซาบซึ้งใจได้ ไม่ว่าพวกเราเราเล่าเรื่องราวของตนออกมาได้น่าเวทนาเช่นใดผู้เฒ่าก็ไม่สนใจ ยังคงนั่งเสมือนหนึ่งนอนหลับอยู่ตรงนั้น

คนอื่นๆ เริ่มจะเปลี่ยนหาวิธีอื่นเมื่อเห็นว่าเรื่องราวที่เศร้าไม่สามารถทำให้ผู้เฒ่าซาบซึ้งได้ เพื่อหวังจะทำความซาบซึ้งให้กับผู้เฒ่าผู้นี้แต่ก็ไม่บังเกิดผลแต่อย่างใด

“ให้ข้าลองดู” ในเวลานี้เอง ปรากฏเสียงที่ดูจะมั่นใจเต็มเปี่ยมดังขึ้น ทุกคนหันกลับไป เห็นเพียงชายหนุ่มที่ท่าทีไม่ธรรมดาผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น

“เป็นนายน้อยแห่งตระกูลเผิง นายน้อยเผิงมาแล้ว” มีผู้ที่สามารถจดจำประวัติความเป็นมาของชายหนุ่มผู้นี้ได้ทันทีและร้องกล่าวเสียงดังขึ้นมา

ชายหนุ่มผู้นี้ก็คือเผิงเวยจิ่น นายน้อยแห่งตระกูลเผิง ผู้ที่เคยกล่าวตำหนิหลี่ชิเย่ขณะอยู่ในเขตพระราชวัง เขาได้มาถึงห้างเจียวเหิงและได้ยินเรื่องราวมี่น่าสนุกจึงรีบรุดมาทันที

เวลานี้เผิงเวยจิ่นก้าวเดินไปข้างหน้า จ้องมองผู้เฒ่าผู้นั้นแล้วโค้งคำนับให้ จากนั้นล้วงเอาขวดออกมาใบหนึ่งช้าๆ เขาเปิดขวดออก ปรากฏกลิ่นหอมจางๆ สายหนึ่งโชยออกมา

‘ยาเม็ดอายุวัฒนะ’ มีผู้บำเพ็ญตนเฒ่าที่รับรู้ได้ทันทีว่าสิ่งนี้คือสิ่งใด เมื่อได้กลิ่นหอมของยา และร้องกล่าวด้วยความตระหนก

พลันทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยตาลุกวาว โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญตนที่มีอายุมาก เมื่อได้ยินคำว่า ‘ยาเม็ดอายุวัฒนะ’ ต่างจ้องมองไปที่ขวดหยกใบนั้น

“ผู้อาวุโส นี่คือยาเม็ดอายุวัฒนะที่ปรุงขึ้นมากับมือของผู้อาวุโสเย่แห่งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงของพวกเรา ทองพันชั่งก็ซื้อหาไม่ได้ ข้าจะอาศัยยาเม็ดนี้แลกกับของวิเศษของผู้อาวุโสจะได้หรือไม่?”

“ผู้อาวุโสเย่ หมอโอสถที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง” บรรดาผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยต่างร้องออกมาด้วยความตระหนก เมื่อได้ยินชื่อนี้แล้ว

“ยาเม็ดอายุวัฒนะที่มาจากฝีมือของผู้เฒ่าเย่คือของวิเศษที่ประเมินค่าไม่ได้เลยนะ” มีผู้บำเพ็ญตนรุ่นอาวุโสถึงกับน้ำลายหก พวกเขาต่างหัวใจเต้นตูมตามกับของดีเช่นนี้

กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนรุ่นอาวุโสอย่างพวกเขาแล้ว ยาเม็ดอายุวัฒนะลักษณะเช่นนี้มันคือสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้อยู่แล้ว

“นับว่าเป็นของดีโดยแท้” เวลานี้หวังหานที่ปลอมตัวเป็นคนรับใช้ถึงกับพยักหน้าและกล่าวว่า “ผู้อาวุโสเย่คือหมอโอสถที่ยอดเยี่ยมที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ชำนาญเรื่องของยาเม็ดอายุวัฒนะมากที่สุด ยาเม็ดอายุวัฒนะที่มาจากฝีมือของเขาเรียกได้ว่าประเมินค่าไม่ได้”

“นั่นสิ ได้ยินมาว่าบรรพบุรุษผู้หนึ่งของค่ายฉู่ได้ร้องขอยาเม็ดอายุวัฒนะเม็ดหนึ่งจากเขาก็ไม่ได้ไป” หยางเซิ่นผิงก็เคยได้ยินชื่อของผู้อาวุโสเย่มาก่อน แน่นอนที่สุด ผู้ดำรงอยู่ในฐานะเช่นเขาไม่มีสิทธิ์ขอยาเม็ดอายุวัฒนะจากผู้อาวุโสเย่ได้อยู่แล้ว

สมควรทราบว่า แม้ผู้อาวุโสเย่จะกำเนิดมาจากแคว้นขนาดเล็ก แต่เขามีฐานะที่ไม่ธรรมดาในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ขั้วอำนาจใหญ่ทั้งสี่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงต่างคิดจะดึงตัวเขาเป็นพวก

ในเวลานี้ ทุกคนต่างจ้องมองไปที่ผู้เฒ่าผู้นั้น จะอย่างไรเสียผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้าก็มีอายุมากแล้ว กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนที่อายุมากและอยู่ในช่วงสูญวัฒนะล้วนแล้วแต่ปรารถนายิ่งต่อยาเม็ดอายุวัฒนะ กล่าวสำหรับพวกเขาที่กำลังเข้าสู่สูญวัฒนะแล้วนั้น ยังจะมีสิ่งใดสำคัญมากไปกว่าการยืดอายุขัยของตนเล่า?

ผู้คนจำนวนมากต่างเชื่อว่ายาเม็ดอายุวัฒนะของเผิงเวยจิ่นสามารถทำให้ผู้เฒ่าผู้นี้สนใจได้ แต่ทว่า ผู้เฒ่าผู้นี้เพียงนั่งอยู่ตรงนั้น หนังตาหย่อน ไม่มีการเคลื่อนไหว ไม่ได้ถูกโน้มน้าวให้ซาบซึ้งใจในยาเม็ดอายุวัฒนะของเผิงเวยจิ่นแต่อย่างใด

“เพิ่มให้อีกเม็ดหนึ่งเป็นอย่างไร?” สุดท้าย เผิงเวยจิ่นกัดฟันควักออกมาอีกหนึ่งขวด ซึ่งเป็นยาเม็ดอายุวัฒนะที่เขามีอยู่แล้ว เขาได้ทุ่มเทพลังกายใจนับไม่ถ้วนกว่าจะแลกยาเม็ดอายุวัฒนะดังกล่าวนี้มาได้ เพียงแต่เวลานี้เขารู้สึกอยากได้ของวิเศษที่อยู่ตรงหน้าของผู้เฒ่าผู้นี้ จึงยอมใช้ยาเม็ดอายุวัฒนะถึงสองเม็ดมาแลกกับผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้า

แต่ ผู้เฒ่าดูจะไม่ได้ให้ความสนใจในยาเม็ดอายุวัฒนะแม้แต่น้อย ไม่ได้ให้ความสนใจในเผิงเวยจิ่นเลย!

……………………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *