Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2502 มอบเคล็ดวิชาจิ่วมี่ไปตามอารมณ์

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2502 มอบเคล็ดวิชาจิ่วมี่ไปตามอารมณ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2502 มอบเคล็ดวิชาจิ่วมี่ไปตามอารมณ์
ปิงฉือหานยวี่มีสีหน้าที่ซีดเผือด ร่างกายถึงกับสั่นเทิ้มทีหนึ่งอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่มอบเคล็ดวิชาจิ่วมี่ให้กับหลิ่วชูฉิงตามอารมณ์ เวลานี้ ความรู้สึกร้อยพันพรั่งพรูขึ้นมาภายในใจ ไม่สามารถระงับจิตใจให้สงบลงเป็นเวลานาน

นี่ไม่เพียงเพราะนางพ่ายแพ้ต่อเกมเดิมพันเกมนี้เท่านั้น สมควรทราบว่า นี่คือเคล็ดวิชาจิ่วมี่นะเนี่ย เป็นสมบัติที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ กล่าวสำหรับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่แล้ว ไม่ว่าจะสำหรับคนหนึ่งคนใด หรือสำนักใดสำนักหนึ่งก็ตาม ล้วนแล้วแต่เป็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้

แต่ทว่า หลี่ชิเย่บอกให้ก็ให้ไปเลย เขามอบเคล็ดวิชาจิ่วมี่ที่ล้ำค่ายิ่งให้กับผู้หญิงที่อยู่ข้างกายโดยตรง

ลองคิดดู ผู้ชายลักษณะเช่นนี้มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวเช่นใด มีเสน่ห์เพียงใด และใจถึงขนาดไหน? ทั่วทั้งโลกนี้มีใครบ้างที่สามารถมอบเคล็ดวิชาจิ่วมี่ให้กับผู้หญิงของตนได้ตามอารมณ์เช่นนี้?

ไม่มี ยกเว้นหลี่ชิเย่แล้วไม่มีใครทำได้ ทอดสายตาไปทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ไม่มีใครทำได้สักคน แม้แต่ราชันแท้จริงปาเจิ้นก็ทำไม่ได้เช่นกัน

ต่อให้ราชันแท้จริงปาเจิ้นได้ครอบครองเคล็ดวิชาจิ่วมี่ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมอบให้นาง ต้องเอาไว้ให้ตนเองบรรลุและฝึกปรือ

แน่นอน การที่ราชันแท้จริงปาเจิ้นไม่สามารถมอบให้นาง ปิงฉือหานยวี่ก็สามารถเข้าใจได้ จะอย่างไรเสียเคล็ดวิชาจิ่วมี่ช่างล้ำค่ามากเหลือเกิน หากเปลี่ยนเป็นนางก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมอบให้ผู้อื่น

แต่ทว่า หลี่ชิเย่กลับทำได้แล้ว โดยมอบให้กับหลิ่วชูฉิงไปตามอารมณ์ ผู้ชายเช่นนี้มีเสน่ห์ที่ปราศจากผู้ใดสามารถเทียบเทียมได้ และมีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวที่สุดยอดมีเพียงหนึ่งไม่มีสอง

เนื่องเพราะมีผู้ชายลักษณะเช่นนี้ ทำให้ผู้ชายจำนวนเท่าไรที่ต้องสลดและอับแสง ผู้ชายคนอื่นๆ ไม่สามารถเทียบได้กับเขาอยู่แล้ว

ในเวลานี้ ปิงฉือหานยวี่เรียกได้ว่ามีความรู้สึกร้อยพันที่ทะลักขึ้นมาในใจ สมควรทราบว่า ครั้งนั้นเขาก็บฮ่องเต้องค์ใหม่มีสัญญาหมั้นหมายกันอยู่ น่าเสียดายเป็นพวกเขาที่ฉีกสัญญานี้ทั้งไปก่อน เป็นตระกูลขุนนางโบราณปืงฉือพวกเขาอาศัยองค์หญิงตัวปลอมแต่งเข้าวังไป

หากว่า ในครั้งนั้นตระกูลขุนนางโบราณปืงฉือพวกเขาไม่ได้ฉีกสัญญาหมั้นหมายนี้ทิ้งไปล่ะก็ ยังคงปล่อยให้สัญญาหมั้นหมายนี้ดำเนินการต่อไป…

เวลานี้ ปิงฉือหานยวี่ไม่สามารถจินตนาการได้ ความรู้สึกสารพันที่ผุดขึ้นกลางใจสุดจะทนยิ่งนัก ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเคยทำให้นางต้องสะอิดสะเอียน กระทั่งเหยียดหยามต่อเขา ในช่วงระยะเวลายาวนานมากที่ผ่านมา ในสายตาของนางแล้ว ผู้ชายคนนี้ก็คือสวะที่มั่วโลกีย์ไร้คุณธรรม เป็นผู้ที่ไม่สามารถเยียวยาทำอะไรได้

แต่ทว่า ผู้ชายคนที่เคยถูกนางรูสึกสะอิดสะเอียนผู้นี้ เคล็ดวิชาจิ่วมี่ที่ต่อให้ตระกูลขุนนางโบราณปืงฉือใช้เวลาชั่วชีวิตก็ไม่สามารถบรรลุได้ กลับถูกเขาบรรลุได้อย่างง่ายดาย แล้วคว้าเอามาได้ตามอารมณ์เท่านั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ชายที่เคยถูกนางรังเกียจมาก่อน กลับสามารถนำเคล็ดวิชาจิ่วมี่ที่ล้ำค่าที่สุดมอบให้กับผู้หญิงของตนตามอารมณ์ ความใจกว้างเช่นนี้ ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวแบบนี้ ไม่ว่าผู้ชายคนใดก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว

เมื่อไม่มีการเปรียบเทียบก็จะไม่ตระหนักถึงข้อเสียของตน และไม่ทำให้ในใจบังเกิดข้อแตกต่างและทำร้ายจิตใจตนเอง ทันใดนั้น ภายในใจของปิงฉือหานยวี่ผุดความรู้สึกร้อยพันขึ้นมา ไม่สามารถละความผูกใจเจ็บไปอีกนาน

“นังหนูคนนี้” ภายในใจของดาบอริยะกวานไห่อดที่จะทอดถอนใจในใจ และพึมพำกับตัวเองในใจว่า “นังหนูนับว่าคนโง่ย่อมมีวาสนาของคนโง่ มีใครจะไปคาดคิดได้เล่า เกรงว่าบรรดาปรมาจารย์ภายในสำนักก็คงนึกไม่ถึง นี่แหละคือไม่ตั้งใจปักกิ่งหลิว หลิวกลับให้ร่มเงา”

ดาบอริยะกวานไห่รู้สึกดีใจแทนหลิ่วชูฉิง ในขณะที่นางจะแต่งมาที่นี่ หอหลินไห่เก๋อของพวกเขาไม่รู้ว่ามีผู้ที่คัดค้านเรื่องนี้อยู่จำนวนเท่าไร ระดับปรมาจารย์จำนวนมากต่างไม่เห็นด้วย แต่ว่านางยังคงแต่งมาที่นี่โดยพละการ

ดาบอริยะกวานไห่เองอดเป็นกังวลต่อนางไม่ได้ เมื่อรู้ว่าหลิ่วชูฉิงได้แต่งงานกับฮ่องเต้องค์ใหม่ที่เป็นฮ่องเต้ทรราช เนื่องจากเขาเป็นกังวลวันหลิ่วชูฉิงจะถูกหลี่ชิเย่รังแก กังวลว่านางไปอยู่ข้างกายจะต้องได้รับความทุกข์ แต่มาวันนี้หลี่ชิเย่ได้มอบเคล็ดวิชาจิ่วมี่ให้กับหลิ่วชูฉิงตามอารมณ์ เขาก็รู้สึกวางใจแล้ว ในโลกนี้ยังจะมีผู้ชายคนใดสามารถทำได้ถึงขั้นนี้? ไม่มีผู้ชายคนไหนสามารถเทียบเคียงกับเขาได้อีกแล้ว

ส่วนทังเฮ่อเสียงนั้นมีสีหน้าที่ขาวซีด ข้อนิ้วทั้งห้าที่กำทวนยาวไว้จนแน่นก็มีสีขาวซีดเช่นกัน

ทุกคนต่างอยู่ในอาการเงียบสงัด และกลั้นหายใจมองดูภาพเช่นนี้ เวลานี้ทุกคนจะตระหนักได้ว่า ฮ่องเต้องค์ใหม่คือฮ่องเต้ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ เขาก็คือสายตรงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ คนอื่นที่คิดจะชิงบัลลังก์กับเขาเป็นได้เพียงคางคกขึ้นวอเท่านั้นเอง!

“เจ้าแพ้แล้ว” ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่พูดท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และมองหน้าปิงฉือหานยวี่ทีหนึ่ง

สีหน้าของปิงฉือหานยวี่ขาวซีด ร่างกายอดที่จะสั่นเทิ้มทีหนึ่งไม่ได้ บังเกิดความรู้สึกร้อยพันขึ้นในใจ นางอดที่จะขบริมฝีปากที่งดงามเอาไว้แน่น ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เป็นเวลานาน

ในเวลานี้เอง ทุกคนต่างมองดูปิงฉือหานยวี่ ความจริงแล้วไม่มีใครเขาไปหัวเราะเยาะปิงฉือหานยวี่ และไม่มีใครที่ไปโทษปิงฉือหานยวี่

ก่อนหน้านี้ ใครบ้างล่ะจะเชื่อว่าหลี่ชิเย่สามารถคว้าเอาเคล็ดวิชาจิ่วมี่มาได้ตามอารมณ์? มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เหมือนดั่งเป็นการฝันเฟื่องของคนปัญญาอ่อน ดังนั้น ทุกคนล้วนแล้วแต่เข้าใจว่าปิงฉือหานยวี่จะต้องชนะ ต่างเข้าใจว่านางกำไพ่ตายอยู่ในมือ ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า ถึงกับเกิดเหตุการณ์ที่กลับตาลปัตรขึ้นมาได้ ความมหัศจรรย์เช่นนี้ไม่สามารถเปรียบเปรยด้วยคำพูดได้อีกแล้ว

“ข้า ข้า ข้าพูดแล้วต้องทำได้!” สุดท้าย ปิงฉือหานยวี่ขบริมฝีปากที่งดงามของนาง พูดน้ำเสียงที่หนักแน่นจริงจังว่า “จะฆ่าจะแกง สุดแล้วแต่เจ้า”

“ไม่รีบ” หลี่ชิเย่ยิ้มเอ้อระเหย เวลานี้เขาไปยังผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดโดยรอบทีหนึ่ง เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ยังมีใครที่ไม่ยอมรับล่ะ? ข้ารู้นะว่า ผู้ที่อยู่ในที่นี้มีอยู่เป็นจำนวนมากที่ไม่สบอารมณ์กับฮ่องเต้ทรราชอย่างข้า ไม่เป็นไร พูดออกมาตอนนี้ก็ได้ มันเป็นโอกาสที่ดีมากทีเดียว คนอย่างข้ายินดีอย่างยิ่งที่จะรับฟังผู้อื่นวิพากวิจารณ์อยู่แล้ว”

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ ไม่กล้าส่งเสียงออกมาสักเอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่หัวเราะเยาะหลี่ชิเย่เมื่อครู่นั้น เวลานี้ยิ่งก้มหน้าลงต่ำ อย่าว่าแต่ให้พูดคำๆ หนึ่งออกมา แม้แต่ให้ส่งเสียงสักนิดหนึ่งก็ไม่กล้า

จะล้อเล่นอะไรเนี่ย ให้ไปมีเรื่องกับผู้ชายที่สามารถคว้าเอามาได้ตามอารมณ์กระทั่งเคล็ดวิชาจิ่วมี่ในเวลานี้รึ? มิเท่ากับรนหาที่ตายเองรึ? เวลานี้ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกเสียใจภายหลังอย่างที่สุด รู้อย่างนี้แต่แรกก็ต้องเว้นทางหนีทีไล่ให้กันตนเองเอาไว้ เพราะอะไรถึงต้องทำโหดร้ายขนาดนั้นเล่า

จังหวะที่ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่ส่งเสียงใดๆ ขึ้นมา แววตาของหลี่ชิเย่ตกไปอยู่บนตัวของทังเฮ่อเสียง ยิ้มกล่าวท่าทีเรียบเฉยว่า “ข้ารู้นะว่าในใจของเจ้าอยากจะฆ่าข้ามาก เวลานี้ข้าจะให้โอกาสเจ้าสักครั้งหนึ่ง ถ้าหากเจ้าสามารถรับมือข้าได้สามกระบวนท่า ข้าก็จะละเว้นโทษให้กับเจ้า”

สายตาของทุกคนต่างตกอยู่บนตัวของทังเฮ่อเสียงเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ทุกคนต่างจ้องมองดูทังเฮ่อเสียง ไม่รู้ว่าเขาจะรับหรือไม่รับคำท้า

ทังเฮ่อเสียงกำทวนยาวในมือจนแน่น กระทั่งมือที่กำทวนยาวยังออกอาการสั่นเทา เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง แววตาดูเย็นยะเยือกยิ่ง สุดท้ายเขากัดฟันและกล่าวว่า “ข้าก็ไม่รีบ”

“อ่อน” หลี่ชิเย่ส่ายหน้า และยิ้มกล่าวว่า “วันข้างหน้าต่อให้ข้าไม่ฆ่าเจ้า เช่นนั้นแล้วชั่วชีวิตของเจ้าได้แต่เลียนฝ่าเท้าของข้าเท่านั้น”

สีหน้าของทังเฮ่อเสียงเปลี่ยนไปมากทีเดียว คำพูดลักษณะเช่นนี้สำหรับเขาแล้วเป็นการทำให้เขาต้องอับอายขายหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการพูดต่อหน้าผู้คนทั่วหล้า แต่ทว่า เขายังคงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง และอดกลั้นเอาไว้โดยถือเสียว่าไม่ได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่

ในเวลานี้ ฟ้าดินเงียบสงัด ไม่ว่าใครก็ตามล้วนแล้วแต่ดูออกว่า ฮ่องเต้องค์ใหม่เวลานี้น่ากลัวไร้ขีดจำกัดแล้ว ใครยังจะหาเรื่องกับเขาอีกมิเท่ากับรนหาที่ตายเองรึ? ดังนั้น ในขณะนี้ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นอัจฉริยะบุคคลที่ยอดเยี่ยมปานใด หรือว่าระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งเช่นใด หากรู้จักกาลเทศะต่างก็หดหัวอยู่แต่ในกระดองแล้ว

“ข้าเอง…” จังหวะที่ไม่มีใครหน้าไหนกล้ารับคำท้านั้น ปรากฏเสียงหัวเราะดังขึ้นจากด้านข้าง คนผู้หนึ่งก้าวเท้าเข้ามา

“ดาบอริยะกวานไห่…” ทุกคนต่างรู้สึกงุงงงเมื่อเห็นผู้ชายคนนี้ที่ก้าวออกมา ทุกคนต่างนึกไม่ถึงว่าถึงกับเป็นดาบอริยะกวานไห่ที่ออกมารับคำท้า

คนโง่ก็ยังดูออกได้ว่า ฮ่องเต้องค์ใหม่หลงรักหลิ่วชูฉิง องค์หญิงแห่งหอหลินไห่เก๋อมากเป็นพิเศษ ขณะที่ดาบอริยะกวานไห่คือผู้สืบทอดของหอหลินไห่เก๋อ ต่อให้หอหลินไห่เก๋อไม่ชอบในตัวของฮ่องเต้องค์ใหม่ แต่เมื่อรักนางแล้ว ก็ต้องรักทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับนางด้วย เกรงว่าฮ่องเต้องค์ใหม่ก็คงไม่ทำอะไรดาบอริยะกวานไห่

เวลานี้ ดาบอริยะกวานไห่กลับจะก้าวออกมาท้าสู้กับฮ่องเต้องค์ใหม่ จึงทำให้ทุกคนต่างงุนงง ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกว่าดาบอริยะกวานไห่เป็นผู้ที่เป็นไปไม่ได้มากที่สุดที่จะรับคำท้าฮ่องเต้องค์ใหม่ แต่เขากลับจะก้าวออกมา

“เจ้าเองรึ?” หลี่ชิเย่ไม่รู้สึกประหลาดใจแม้แต่น้อย เพียงยิ้มนิดหนึ่ง

“ถูกต้อง ข้ามาเอง” ดาบอริยะกวานไห่หัวเราะเสียงดัง ในขณะนี้ท่าทางของเขาดูฮึกเหิมและลำพองใจ นาทีนี้เหมือนว่าตัวเขาคือดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ออกจากฝักแล้วอย่างนั้น

เวลานี้ดาบอริยะกวานไห่มองไปยังหลี่ชิเย่ตรงๆ เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ยากนักกว่าที่ข้าจะมองคนพลาดไปสักครั้ง เป็นข้าที่ประเมินท่านต่ำไป แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าท่านแข็งแกร่งเพียงใด แต่ ข้ายังคงยินดีลองสักครั้ง!”

“สวรรค์ชั้นเก้า” หลี่ชิเย่มองดูดาบอริยะกวานไห่ทีหนึ่ง กล่าวตามอารมณ์ขึ้นมา

“ถูกต้อง เพิ่งจะทะลวงได้สำเร็จ เพิ่งก้าวเข้าสู่สวรรค์ชั้นเก้า ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง” ดาบอริยะกวานไห่ไม่ได้มีท่าทางที่ลำพองใจตัวเอง และเอ่ยขึ้นช้าๆ

“ระดับเทพแท้จริง ขั้นสวรรค์ชั้นเก้า!” ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกสะดุ้งในใจ เมื่อได้ยินคำพูดของดาบอริยะกวานไห่

“มิเท่ากับแกร่งกว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นเสียอีก ราชันแท้จริงปาเจิ้นยังคงแค่ราชันแท้จริง ขั้นสองลัคนาเท่านั้น” มีผู้พึมพำขึ้นมา

“หากว่ากันด้วยเรื่องทักษะเกรงว่าจะใช่ แต่ทว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นได้บรรลุค่ายกลโบราณจูเซียน นับว่ามีความยอดเยี่ยมมากเช่นกัน” มีผู้พูดเสียงแผ่วเบาขึ้นมา

“ดาบอริยะกวานไห่นับว่ายอดเยี่ยมมาก มิน่าเล่าจึงได้เป็นสุดยอดอัจฉริยะบุคคลที่ยอดเยี่ยมที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่พวกเรา” อัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ถึงกับมีสีหน้าที่แสดงออกถึงความประทับใจ

ดาบอริยะกวานไห่ด้วยอายุเพียงเท่านี้ก็คือระดับเทพแท้จริง ขั้นสวรรค์ชั้นเก้าแล้ว เขาห่างจากระดับอมตะไม่มากแล้ว กล่าวได้ว่าผลงานเช่นนี้น่าตกใจอย่างยิ่ง เมื่อถึงวันนั้นวันที่เขาก้าวสู่ระดับอมตะแล้วล่ะก็ ไม่แน่นักอาจแข็งแกร่งยิ่งกว่าฮ่องเต้ไท่ชิงในเวลานั้นเสียอีก

“เป็นความจริงที่ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง” หลี่ชิเย่ยิ้มออกมาตามอารมณ์ และกล่าวว่า “เคยมีเทพกระบี่ระดับสวรรค์ชั้นเก้า มันก็แค่นั้นเองแหละ หากว่ากันถึงเรื่องผลงานความสำเร็จด้านสัจธรรม เจ้าห่างชั้นกับเขามากทีเดียว”

พลันที่พูดคำพูดนี้ออกมา ทำให้ทุกคนต้องใจหายใจคว่ำ ระดับเทพแท้จริง ขั้นสวรรค์ชั้นเก้าเป็นที่เคารพเลื่อมใสของผู้คนจำนวนเท่าไร แต่ว่า ฮ่องเต้องค์ใหม่กลับพูดจนไม่เหลือราคา มันช่างเป็นเรื่องที่สร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนเพียงใด ทำให้ผู้คนถึงกับอึดอัดหายใจไม่ออกเมื่อคำพูดนี้ถูกพูดออกมา

แม้แต่ระดับเทพแท้จริง ขั้นสวรรค์ชั้นเก้ายังไม่เท่าหนึ่งอีแปะ เช่นนั้นแล้วพวกเขามิเท่ากับไม่เท่าแม้แต่มดปลวกรึ?

“ต่อให้เป็นแค่มดปลวกก็ต้องสู้อย่างเต็มที่” ดาบอริยะกวานไห่ยืนกอดดาบอยู่ในเวลานี้ ท่าทางหนักแน่นจริงจัง เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “คงไม่สามารถเพียงเพราะเป็นมดปลวกแล้วละทิ้งการต่อสู้อย่างสุดชีวิต”

“ดี คำพูดแบบนี้ข้าชอบฟัง” หลี่ชิเย่ตบมือและหัวเราะแล้วกล่าวว่า “การต่อสู้สุดชีวิตของมดปลวก แม้จะอ่อนแอมากกว่านี้ ยังคงสู้อย่างเต็มที่ มดปลวกแม้อ่อนแอกว่านี้ก็ไม่อาจละทิ้งการต่อสู้อย่างสุดชีวิต คำพูดคำนี้ดีมาก อาศัยคำพูดคำนี้ของเจ้า ละเว้นให้เจ้าไม่ต้องตาย”

………………………………………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *