Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2370 อาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุค

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2370 อาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุค at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เวลานี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่กลั้นลมหายใจเพื่อจ้องมองภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ทุกคนถึงกับรู้สึกหวาดกลัวขนลุกซู่

แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น ในขณะนี้มู่เส้าเฉินได้เปิดกล่องวิเศษที่อยู่ในมือแล้ว ขณะที่กล่องวิเศษใบนี้ถูกเปิดออกมา พลันได้ยินเสียงดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดขึ้นมา

ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ความเยือกเย็นได้ปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน พริบตาเดียวนั่นเองทั่วโลกเหมือนกลายเป็นถ้ำน้ำแข็งอย่างนั้น กระทั่งเยือกเย็นยิ่งกว่าถ้ำน้ำแข็งสิบเท่ากระทั่งร้อยเท่า…

เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้น จังหวะที่กล่องวิเศษถูกเปิดออกมานั้น ปรากฏหิมะได้ตกไปทั่วโลก ทุกพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ หิมะตกเป็นวงกว้างนับหมื่นลี้ ภูเขาที่ขึ้นลงสลับพลันกลับกลายเป็นภูเขาน้ำแข็งแต่ละลูก ไม่ใช่ภูเขาหิมะ แต่เป็นภูเขาน้ำแข็ง ภูเขาแต่ละลูกล้วนแล้วแต่ถูกผนึกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งที่เย็นยะเยือกเข้าไปถึงกระดูก

ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าช่างน่าสยองขวัญเหลือเกิน เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ถูกน้ำแข็งปกคลุมไปทั่วโลก พลังน้ำแข็งพลันปกคลุมพื้นดินแห่งนี้ ไม่รู้ว่ามีสรรพสัตว์จำนวนเท่าไรที่ถูกผนึกเป็นดั่งแกะสลักน้ำแข็งในเสี้ยววินาที และต้องเสียชีวิตไปไม่มีโอกาสแม้แต่จะดิ้นรนหรือร้องออกมา

บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่ถอนตัวไปอยู่เส้นขอบฟ้าถึงกับร่างสั่นเทาเมื่อมองเห็นน้ำแข็งที่ปกคลุมทั่วฟ้าดินในพริบตา ไม่รู้ว่ามีสรรพสัตว์จำนวนเท่าไรที่กลายเป็นรูปแกะสลักน้ำแข็ง ถ้าหากพวกเขาช้าไปเพียงก้าวเดียวล่ะก็ ขอเพียงไม่สามารถต้านทานกับพลังน้ำแข็งนี้ได้ ไม่แน่นักต้องกลายเป็นแกะสลักน้ำแข็งไปในพริบตาเดียวเช่นกัน และต้องเสียชีวิตไปภายใต้ความเย็นสุดขั้วนี้เช่นกัน

ขณะที่มู่เส้าเฉินเปิดกล่องวิเศษนี้ขึ้นมานั้น ร่างกายของเขาก็ดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดขึ้นมาทั่วร่างเช่นกัน เริ่มจากแขนของเขาลามไปจนเกือบจะถูกผนึกด้วยน้ำแข็งไปทั่วตัว ต่อให้ตัวของมู่เส้าเฉินนั้นแข็งแกร่งมากก็ตาม ก็ต้านพลังเยือกเย็นเช่นนี้ไม่ได้เช่นกัน

ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง พลังวัตรที่น่าเกรงขามและเปี่ยมด้วยพลังของเทพอินทรีหวินตู้ได้ถูกถ่ายทอดเข้าไปในร่างกายของมู่เส้าเฉินดั่งน้ำในแม่น้ำอย่างนั้น ช่วยเขาต่อต้านพลังน้ำแข็งผนึกเอาไว้

ทุกคนจึงได้มองเห็นอย่างชัดเจนในเวลานี้เอง ภายใจกล่องวิเศษมีลูกแก้ววิเศษอยู่ลูกหนึ่ง ขนาดของมันราวๆ ไข่ห่าน สีออกเป็นสีขาว เสมือนดั่งอาศัยหินขาวก้อนหนึ่งมาเจียระไนขึ้น มันดูค่อนข้างธรรมดามาก และไม่ได้เปล่งประกายของเพชรนิลจินดาอะไรนั่นออกมา ด้วยลูกแก้ววิเศษสีขาวลูกนี้แหละ ถึงกับมีพลังน้ำแข็งผนึกฟ้าดินได้ นับว่าน่าสยองขวัญมากเหลือเกิน

“นับว่าเป็นของวิเศษชิ้นหนึ่งโดยแท้ เสียดาย พลังรั่วไหลจึงไม่ได้ถูกหลอมกลั่นเป็นผลสำเร็จอย่างแท้จริง ภาพรวมของของวิเศษชิ้นนี้ยังไม่สมบูรณ์ ยังคงความเป็นวัตถุดิบดั้งเดิมอยู่เจ็ดส่วน” หลี่ชิเย่หัวเราะออกมาขณะมองดูลูกแก้ววิเศษที่อยู่ตรงหน้า และกล่าวว่า “นี่เป็นเพียงอาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุคชิ้นหนึ่งเท่านั้น ดูท่าคงเป็นผลงานการหลอมกลั่นระยะแรกของปฐมบรรพบุรุษพวกเจ้า ภายหลังได้บรรลุในระดับที่สูงขึ้นแล้ว จึงได้ละทิ้งอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคชิ้นนี้ไป และเปิดเตาหลอมสร้างอีกครั้ง”

‘อาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุค!’ ผู้คนจำนวนมากเพิ่งจะเคยได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรก

“มีเพียงปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิเซียนเท่านั้นที่สามารถหลอมสร้างอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคที่แท้จริงขึ้นมาได้ และได้รับการขนานนามว่าเป็นอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคปฐมบรรพบุรุษ” มีบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่รู้ถึงข้อแตกต่างในเรื่องนี้เอ่ยขึ้น

แม้จะกล่าวว่า อาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคของปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิเซียนที่หลอมสร้างขึ้นมาจึงนับเป็นอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคที่แท้จริง แต่ว่าปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิราชัน และแดนลัทธิพรรษก็เคยอาศัยรูปแบบของอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคมาสร้างเป็นอาวุธที่ทรงพลังมากที่สุดของตน และหรืออาจกล่าวได้ว่า ขณะที่พวกเขายังอยู่ในระดับชั้นเช่นนี้ก็สามารถค้นพบวัตถุดิบที่มีความเหมาะสมสำหรับสร้างอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคมากที่สุดได้แล้ว จึงเริ่มทำการสร้างฐานแม่พิมพ์สำหรับสร้างอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคของตน

เพียงแต่ ฐานแม่พิมพ์อาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคลักษณะเช่นนี้ คิดจะให้กลายเป็นอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคที่แท้จริงยังต้องอาศัยระยะเวลาที่ยาวไกลมาก มันยังต้องรอให้ปฐมบรรพบุรุษก้าวขึ้นสู่แดนลัทธิเซียนเสียก่อน จึงสามารถกลายเป็นอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคที่แท้จริงได้

ดังนั้น ระหว่างที่เป็นระดับปฐมบรรพบุรุษผู้นั้น หากฐานแม่พิมพ์สำหรับสร้างอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคสร้างขึ้นขณะอยู่ในชั้นของแดนลัทธิราชันจะเรียกว่าเป็นว่าที่อาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุค และฐานแม่พิมพ์สำหรับสร้างอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคที่สร้างขึ้นขณะอยู่ในชั้นแดนลัทธิพรรษเรียกว่าอาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุค

ลูกแก้ววิเศษที่อยู่ในมือมู่เส้าเฉินลูกนี้ก็คือฐานแม่พิมพ์สำหรับสร้างอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคที่ถูกหลอมสร้างขึ้นขณะที่มู่หวินเพิ่งจะก้าวขึ้นสู่ระดับปฐมบรรพบุรุษในครั้งกระนั้น แต่ว่า ภายหลังเขาได้ก้าวขึ้นสู่ระดับสูงสุด และกลายเป็นปฐมบรรพบุรุษแดนลัทธิเซียนแล้ว เขากลับละทิ้งฐานแม่พิมพ์สำหรับสร้างอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคชิ้นนี้ไป และสืบหาวัตถุดิบใหม่สร้างอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคที่ใหม่ทั้งหมดขึ้นมาแทน

ด้วยเหตุนี้เอง อาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุคชิ้นนี้จึงถูกมอบให้อยู่คู่กับตระกูลมู่ และถ่ายทอดสู่ทายาทที่เป็นลูกหลานสืบไป

ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เป็นความจริงที่มู่เส้าเฉินได้รับการโปรดปรานและให้ความสำคัญจากตระกูลมู่ยิ่งนัก ถึงกับให้เขาได้พกพาอาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุคชิ้นนี้มายังแดนลัทธิพรรษ

“เจ้าคนแซ่หลี่ แม้จะเป็นเพียงอาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุคก็เพียงพอที่จะสังหารเจ้าได้!” มู่เส้าเฉินในเวลานี้คำรามเสียงดังขึ้นมา

“แค่อาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุคเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ถ้าหากข้าต้องการ ก็สามารถสั่งมาเป็นล็อตสักโหลหนึ่งมาแจกตามอารมณ์ เศษเหล็กเก่าๆ แค่นี้ไหนเลยสามารถฆ่าข้าได้”

คำพูดลักษณะเช่นนี้ทำให้ทุกคนต้องอ้าปากตาค้าง มีผู้ที่พูดตะกุตะกะขึ้นมาว่า “คำ คำพูดนี้เกินไปแล้วกระมัง อาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุคก็ ก็ ยังเป็นได้แค่เศษเหล็กเก่าๆ ยังจะมีของวิเศษใดสามารถเข้าตาของเขาได้”

“ไม่รู้จักเจียมตน วันนี้จะสังหารเจ้าแน่นอน” มู่เส้าเฉินคำรามเสียงดังก้อง ในพริบตาเดียวนั่นเอง ประกายแสงใต้เท้าของมู่เส้าเฉินพลันสว่างไสวขึ้นมา และกลายเป็นสว่างจ้าอย่างยิ่งในพริบตาเดียว เสมือนดั่งดวงตะวันจันทราและดวงดาวพลันปะทุเป็นประกายแสงที่เจิดจ้าปราศจากผู้เทียบเทียมขึ้นมา ส่องสว่างจนหมื่นอาณาจักรไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้

เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว พลังที่ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามพลันพวยพุ่งขึ้นมา แผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาล ในพริบตาเดียวนั้นเอง มู่เส้าเฉินเสมือนดั่งเป็นผืนแผ่นดินที่รองรับพลังของพื้นดินกว้างใหญ่ไพศาลเอาไว้ เหมือนว่าตัวของเขากลับกลายเป็นสูงใหญ่ปราศจากผู้ใดเทียมในทันที

ย่อมไม่ต้องสงสับ ในพริบตาเดียวนี้เอง มู่เส้าเฉินได้หยิบยืมเอาพลังมากมายของเงินทองตกพื้นมา แน่นอน เขาได้มาแค่ผิวเผินเท่านั้นเอง พลังมากมายที่หยิบยืมมาได้ก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้นเอง

แต่ทว่า สถานที่แห่งนี้คือที่ใด? นี่มันคือเงินทองตกพื้น แม้ว่าจะยืมพลังมาได้เพียงน้อยนิดก็น่ากลัวอย่างยิ่ง ในพริบตาเดียวนั้นเอง ร่างทั้งร่างของมู่เส้าเฉินคล้ายดั่งก้าวขึ้นสู่ขั้นอมตะแล้วอย่างนั้น เหมือนว่ามีพลังที่สามารถเทียบเคียงได้กับเทพอินทรีหวินตู้ได้อย่างนั้น

ขณะเดียวกัน จากการที่พลังวัตรของเทพอินทรีหวินตู้ที่ถูกถ่ายทอดเข้าสู่ร่างกายของมู่เส้าเฉินอย่างไม่ขาดสาย พลันทำให้มู่เส้าเฉินโดยภาพรวมกลายเป็นแข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกร พริบตาเดียวนั้นเอง ด้านหลังของเขาปรากฏเปลวเพลิงที่รุนแรงขึ้นมา มองเห็นเปลงเพลิงดังกล่าวแค่กวาดผ่านไปเบาๆ ก็สามารถกวาดเอาดวงดาวแต่ละดวงบนท้องฟ้าแตกละเอียด ได้ยินเสียงดังตูม ตูม ตูมสนั่นหวั่นไหว ดวงดาวแต่ละดวงที่ระเบิดแตกออก คล้ายทำลายฟ้าดินได้อย่างนั้น

แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น นาทีนี้ภายใต้พลังวัตรที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกร มองเห็นมู่เส้าเฉินเหมือนทำการเปิดลูกแก้ววิเศษลูกนั้นออก ลูกแก้ววิเศษที่เดิมเป็นสีขาวถึงกับปรากฏประกายแต่ละสายขึ้นมา

ก่อนหน้านั้น สีขาวของลูกแก้ววิเศษคล้ายดั่งเป็นความขมุกขมัวอย่างนั้น แต่ว่า ในเวลานี้ถูกเปิดออกมาภายใต้พลังวัตรที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกร มันคล้ายดั่งมีประกายที่เกิดจากการระเบิดขึ้นโดยพลันของโลกในยุคดึกดำบรรพ์ก่อนมีการแยกฟ้าดินออกเป็นสองส่วนท่ามกลางความขมุกขมัวนั่น ประกายทุกๆ สายล้วนแล้วแต่ดูพร่างพราวและเจิดจ้า การระเบิดของประกายแต่ละสายพลันขับไล่ความขมุกขมัวจนจางหายไป

เสียงตูมดั่งสนั่น พริบตาเดียวนั่นเอง เห็นประกายแสงที่เจิดจ้าแวววับช่อหนึ่งพุ่งขึ้นท้องฟ้าอย่างรุนแรง ในเสี้ยววินาทีนี้มู่เส้าเฉินยังไม่สามารถควบคุมลูกแก้ววิเศษนี้ได้ดี ทำให้ประกายแสงช่อนี้พุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้า

จี๊ดเสียงหนึ่งดังขึ้น เมื่อประกายแสงช่อนี้วิ่งผ่านไป ท้องฟ้าพลันถูกผนึกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง พื้นที่นับพันลี้กลายเป็นเสมือนดั่งคริสตัลที่ส่งประกายแวบวับขึ้นมา

สุดท้าย ได้ยินเสียงดังปัง ประกายแสงช่อนี้ได้ยิงขึ้นไปบนทางช้างเผือกสายหนึ่งที่อยู่บนจักรวาล ได้ยินเสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้นมา ทางช้างเผือกสายนี้ถูกผนึกด้วยน้ำแข็งในทันที

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ได้ยินเสียงปังดังขึ้น การผนึกโดยน้ำแข็งถึงขีดสุด ทางช้างเผือกทั้งสายพลันแตกละเอียดกลับกลายเป็นเศษน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วน เสมือนหนึ่งโลกทั้งโลกถูกทำลายไปอย่างนั้น ปรากฎเศษน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนที่ลอยล่องอยู่ท่ามกลางจักรวาล

“เจ้าคนแซ่หลี่ รับความตายเสียเถอะ!” หลังจากผิดพลาดไปครั้งหนึ่ง มู่เส้าเฉินเองก็สามารถควบคุมลูกแก้ววิเศษได้แล้ว เสียงจี๊ดดังขึ้น มองเห็นลูกแก้ววิเศษพลันยิงประกายแสงที่เจิดจ้าพราวพร่างช่อหนึ่งไปยังหลี่ชิเย่ทันที

เสียงจี๊ดดังขึ้น ขณะที่ประกายแสงที่เจิดจ้าพราวพร่างช่อนี้ยิงใส่หลี่ชิเย่ในพริบตาเดียวนั้น ภูเขาทั้งหมดที่อยู่ในสันเขาหมื่นยอดล้วนแล้วแต่ถูกน้ำแข็งผนึกจนถึงขั้นสูงสุด แม้ว่าประกายแสงที่เจิดจ้านี้ไม่ได้ยิงใส่สถานที่อื่น แต่ความเย็นยะเยือกที่น่ากลัวยิ่งยังคงทำการผนึกฟ้าดินแห่งนี้ด้วยน้ำแข็ง และสำแดงพลังของมันถึงขั้นสูงสุด

ดังนั้น ในเวลานี้จึงได้ยินเสียงปัง ปัง ปังดังขึ้น มองเห็นภูเขาแต่ละลูกที่แตกละเอียด ภายใต้พลังที่น่ากลัวเช่นนี้ทำให้ภูเขาที่อยู่ในสันเขาหมื่นยอดทั้งหมดแตกละเอียดไปโดยพลัน

“น่าสนใจ ดูว่าพลังผนึกน้ำแข็งของลูกแก้ววิเศษลูกนี้มีแค่ไหน” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ ทีหนึ่ง จังหวะที่มู่เส้าเฉินยิงประกายแสงที่เจิดจ้าพราวพร่างช่อนี้ออกมา

จากนั้นสำแดงกระบวนท่าหนึ่ง ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้น ตามด้วยเสียงตูมดั่งสนั่นหวั่นไหว พลันปรากฎกระบี่น้ำนับพันนับหมื่นเล่มโจมตีใส่มู่เส้าเฉินด้วยท่วงท่าที่ปราศจากผู้ต่อกร

เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ด…ดังขึ้น มองเห็นกระบี่น้ำนับพันนับหมื่นเล่มพลันถูกผนึกด้วยน้ำแข็ง แต่ทว่า กระบี่น้ำมีจำนวนไม่สิ้นสุด ได้ยินเสียงตูม ตูม ตูมดังสนั่นขึ้นมา ภายใต้การโจมตีด้วยกระบี่น้ำที่น่ากลัวเช่นนี้ เหมือนว่าไม่มีสิ่งใดขัดขวางมันได้

แต่ว่า พลังผนึกน้ำแข็งดูจะอยู่เหนือจินตนาการของทุกคน ในขณะที่กระบี่น้ำพุ่งตัวเข้ามามากยิ่งขึ้นนั้น อานุภาพของมันก็ยิ่งทรงพลังมากขึ้น ได้ยินเสียงจี๊ดเสียงหนึ่ง พลันผนึกน้ำแข็งเป็นพันลี้ ทำให้กระบี่น้ำแข็งทั้งหมดถูกผนึกไปโดยพลัน

ในเสี้ยววินาทีนี้เอง ได้ยินเสียงจี๊ดเสียงหนึ่งดังขึ้น ร่างกายของหลี่ชิเย่ถูกผนึกด้วยน้ำแข็งไปทั้งร่าง ขณะที่ยังคงอยู่ในท่าของหมื่นกระบี่โจมตีฟ้าอยู่

ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ฟ้าดินถูกผนึกด้วยน้ำแข็ง ไม่เพียงแต่หลี่ชิเย่เท่านั้น โลกทั้งโลกเสมือนดั่งกลายเป็นก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่โตมหึมา ภายในก้อนน้ำแข็งไม่ได้มีเพียงสรรพสัตว์ ภูเขา แม่น้ำลำคลองที่ถูกผนึกเอาไว้ทั้งหมด แม้แต่ช่องว่าง กาลเวลาก็ถูกผนึกด้วยน้ำแข็ง

พริบตาเดียวเท่านั้น โลกที่อยู่ภายในก้อนน้ำแข็งได้หยุดลง แม้แต่กาลเวลาก็หยุดไหลเคลื่อนไป ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น

เมื่ออยู่ตรงหน้าก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่โตมโหฬาร ปรากฏความเย็นยะเยือกที่แสบถึงกระดูก ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ เกรงว่าหากอยู่ห่างจากก้อนน้ำแข็งก้อนนี้คงมีไม่กี่คนที่สามารถรองรับได้กับความเย็นยะเยือกที่รุนแรงเช่นนี้ได้

ในขณะนี้ ทุกคนต่างร่างสั่นเทิ้มไปทีหนึ่ง หวาดผวาจนขนลุกซู่ ผู้ที่แต่เดิมถอนตัวไปอยู่ ณ เส้นขอบฟ้าแล้วยังคงต้องถอยหลังไปอย่างช้าๆ อีก ต่างรองรับกับความเย็นยะเยือกเช่นนี้

เวลานี้โลกถูกผนึกด้วยน้ำแข็ง ทำให้ทั่วฟ้าดินเงียบสงัดถึงจุดสูงสุด ทุกคนต่างมองดูก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่โตมโหฬารตรงหน้าด้วยความเหม่อลอยเวลานี้ กระทั่งมีผู้ที่สามารถมองเห็นบริเวณริมขอบของน้ำแข็งก้อนนี้มีประกายแสงที่กำลังเคลื่อนที่ มันคือกาลเวลา

เนื่องจากกาลเวลาที่อยู่ภายในผนึกน้ำแข็งถูกผนึกเอาไว้ ขณะที่กาลเวลาที่อยู่ด้านนอกก้อนน้ำแข็งกำลังไหลเคลื่อนไป พลันเกิดการเปรียบเทียบ ทำให้ผู้คนมองเห็นบริเวณริบขอบของก้อนน้ำแข็งมีประกายแสงที่พราวพร่างกำลังเคลื่อนที่

…………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *