Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2421 มีใครชิงแผ่นดินข้าหรือไม่

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2421 มีใครชิงแผ่นดินข้าหรือไม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สำหรับคำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่นั้น ฮ่องแต้ไท่ชิงกลับไม่ได้โกรธ กลับหัวเราะเอิ้กอ๊ากและกล่าวว่า “ไม่มีอะไรที่ทดลองไม่ได้ แผ่นดินอันงดงามอยู่ในมือทั้งที อนาคตมีโอกาสมากมาย”

ท่าทางของฮ่องเต้ไท่ชิงเรียกได้ว่าหลงรักจนสุดจะเปรียบเปรยเข้าให้แล้ว การหลงรักในลักษณะเช่นนี้เรียกได้ว่าเกินกว่าจะเยียวยาเสียแล้ว

ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดต่างรู้สึกงงงันอยู่บ้าง ผู้เป็นบิดาเผด็จการกระทำการโดยพละการ ผู้เป็นบุตรบ้ากามอันธพาล นับว่าเป็นพ่อลูกที่แปลกพิสดารคู่หนึ่งไม่มีใครเหมือน

“เช่นนั้นย่อมเป็นการดีที่สุด แล้วเมื่อไหร่ท่านจะตายล่ะ?” หลี่ชิเย่ตบมือหัวเราะเสียงดังและกล่าวว่า “รอให้ท่านตายแล้วข้าก็จะกุมอำนาจในมือ ทั่วทั้งแผ่นดินก็จะเป็นของข้า ถึงตอนนั้นข้าอยากทำอะไรก็ทำเช่นนั้น”

หลังจากที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา พลันทำเอาปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าคนต่างตระหนกตกใจเป็นการใหญ่ ในยุคปัจจุบันมีใครหาญกล้าสาปแช่งฮ่องแต้ไท่ชิงต่อหน้าให้ตาย? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคำพูดของหลี่ชิเย่ มันคือการชิงอำนาจอย่างโจ๋งครึ่มเลยนะเนี่ย หากเป็นก่อนหน้านั้นใครกล้าพูดคำพูดเช่นนี้ออกมา ใช่เพียงหัวหลุดจากบ่า พลันที่ฮ่องแต้ไท่ชิงโกรธขึ้นมา จะต้องฆ่าล้างพวกเขาทั้งตระกูลแน่นอน

แต่แล้ว ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าคนต่างเข้าใจว่าฮ่องแต้ไท่ชิงจะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่ จะอย่างไรเสียเขายังไม่ทันได้สวรรคต หลี่ชิเย่ก็แสดงท่าทีอยากจะเป็นฮ่องเต้เหมือนรอไม่ไหวแล้วอย่างนั้น เรื่องเช่นนี้ไม่ว่าจะอยู่ในยุคใดราชวงศ์ใด ฮ่องเต้องค์ใดก็ตาม ก็ต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

ทว่า ท่าทีของฮ่องแต้ไท่ชิงกลับอยู่เหนือความคาดคิดของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง มองเห็นฮ่องแต้ไท่ชิงที่เพียงหัวเราะเอิ้กอ๊ากทีหนึ่งและกล่าวว่า “เวลาข้ามีไม่มากแล้ว อีกไม่นานก็สมควรจะต้องตายแล้วล่ะ เจ้าเองก็ไม่ต้องรีบร้อนเกินไป รอให้ข้าตายแล้วแผ่นดินนี้ก็เป็นของเจ้าแล้วล่ะ”

ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าคนถึงกับอ้าปากตาค้างเมื่อเห็นท่าทางของฮ่องแต้ไท่ชิงที่หลงรักเต็มใบหน้า

แม้จะกล่าวว่าฮ่องแต้ไท่ชิงคือเผด็จการที่กระทำการโดยพละการ แต่ทว่าการเป็นฮ่องเต้มาสามยุคสมัยของเขา เกรียงไกรไปทั่วหล้าแม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่อีกสองของแดนลัทธิราชันก็ต้องหวั่นเกรงเขาอยู่สามส่วน!

ไม่ว่าฮ่องแต้ไท่ชิงจะเป็นคนที่เย็นชาโหดเหี้ยมเช่นใด และไม่ว่าฮ่องแต้ไท่ชิงเคยฆ่าคนมามากเท่าไร ทำลายล้างสำนักมาจำนวนมากเท่าไรก็ตาม

แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับก็คือ การเป็นฮ่องเต้มาสามยุคสมัยของฮ่องแต้ไท่ชิงนั้น เขาทำผิดพลาดน้อยมาก ชั่วชีวิตของเขาสามารถได้รับการยกย่องได้ว่าเฉลียวฉลาดและทรงกำลังอำนาจ หาไม่แล้วเขาก็จะไม่ประสบความสำเร็จดั่งเช่นทุกวันนี้ และเป็นไปไม่ได้ที่สามารถกุมอำนาจเบ็ดเสร็จของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ทั้งหมดไว้ได้

ทว่าฮ่องแต้ไท่ชิงที่เฉลียวฉลาดและทรงกำลังอำนาจมาชั่วชีวิต มาวันนี้กลับกลายเป็นคนที่มีสติเลอะเลือน เป็นประเภทเลอะเทอะหลงๆ ลืมๆ ที่หลงรักบุตรชายอย่างสิ้นเชิง! การเปลี่ยนแปลงลักษณะเช่นนี้นับเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อของผู้คน

ภายในใจของปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าคนต่างทอดถอนใจอยู่บ้างเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ลองนึกดู ฮ่องแต้ไท่ชิงในคครั้งนั้นช่างมีความเฉลียวฉลาดและทรงกำลังอำนาจเช่นใด เพียงคำพูดคำเดียวของเขาแม้แต่เหล่าเทพก็ต้องสั่นเทา มาวันนี้กลับเลอะเลือนได้ถึงขั้นนี้ นับว่าเป็นคู่ปฏิปักษ์โดยแท้ ฮ่องแต้ไท่ชิงเองก็ถือว่าเจอกับคู่ปรับและเป็นเวรกรรมเสียแล้ว

“ได้ยินว่าท่านยังมีลูกสาวคนหนึ่ง” ในขณะนี้หลี่ชิเย่ได้โพล่งคำพูดคำนี้ออกมา

คำพูดคำนี้ของหลี่ชิเย่ทีโพล่งออกมาพลันทำให้ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าคนที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับใจเต้นกระตุกทีหนึ่ง ที่พวกเขาทราบมาก็คือ ฮ่องแต้ไท่ชิงไม่อยากจะเอ่ยถึงบุตรีของตนเองสักเท่าไร เมื่อไรที่ไปแตะต้องบางสิ่งบางอย่างของเขาเข้าจะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่นอน กระทั่งทำให้เลือดไหลนองเป็นธารได้

ขณะเดียวกัน สิ่งที่ทำให้ภายในใจของปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าคนต้องเต้นกระตุกทีหนึ่งก็คือ บุตรีของฮ่องแต้ไท่ชิงก็เป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะน่ากลัวอย่างยิ่ง และน่ากลัวยิ่งกว่าฮ่องแต้ไท่ชิงเสียอีก

ลูกคนนั้น…ฮ่องแต้ไท่ชิงถึงกับเหม่อลอยเหมือนกันเมื่อมีการเอ่ยถึงลูกสาวของตนโดยหลี่ชิเย่ ได้เผยท่าทีความเมตตาอ่อนโยนที่หาได้ยากยิ่งขึ้นมา

ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าคนต่างอดที่จะกลั้นลมหายใจของตนเอาไว้ไม่ได้ ต่างไม่กล้าส่งเสียงออกมาขณะมองดูฮ่องแต้ไท่ชิง

ในเวลานี้เอง ใบหน้าของฮ่องแต้ไท่ชิงเผยให้เห็นถึงความเมตตาอ่อนโยน เหมือนกำลังหวนระลึกถึงช่วงเวลาที่งดงามช่วงใดช่วงหนึ่งในครั้งนั้น

ในเวลานี้ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าคนล้วนแล้วแต่ไม่กล้ารบกวนเขา ไม่กล้าไปทำให้ช่วงเวลาที่งดงามยิ่งที่หวนละลึกถึงต้องสะดุด

เรื่องราวเกี่ยวกับบุตรีของฮ่องแต้ไท่ชิงนั้นเป็นเรื่องราวในยุคก่อนแล้ว แม้จะกล่าวว่าฮ่องแต้ไท่ชิงเป็นฮ่องเต้มาสามยุคสมัย แต่เขามีลูกหลานอย่างแท้จริงนั้นอยู่ที่ยุคสมัยที่แล้ว

ในยุคนั้นฮ่องแต้ไท่ชิงได้ให้กำเนิดบุตรีคนหนึ่ง ภาษิตว่าไว้ว่าพ่อเป็นเสือย่อมไม่มีลูกเป็นสุนัข ในด้านการฝึกยุทธนั้น บุตรีของฮ่องแต้ไท่ชิงได้เผยพรสวรรค์ที่สะเทือนเลื่อนลั่นอย่างยิ่งออกมา การฝึกยุทธของนางปราดเปรื่องน่าทึ่งยิ่งนัก สุดท้ายก้าวสู่ความเป็นราชันแท้จริง และเป็นราชันแท้จริงระดับสูง สุดท้ายแล้วบุตรีของฮ่องแต้ไท่ชิงได้ไปจากแดนลัทธิราชันขึ้นสู่แดนลัทธิเซียน และไร้ซึ่งข่าวคราวนับจากนั้นเป็นต้นมา

“จิ่วหนิงนางไม่ได้อยู่ที่แดนลัทธิราชันแล้ว หลังจากที่นางก้าวขึ้นสู่แดนลัทธิเซียนก็ไม่ได้กลับมาอีก” ฮ่องแต้ไท่ชิงเอ่ยขึ้นช้าๆ หลังจากได้สติกลับมา

จิ่วหนิงก็คือราชันแท้จริงจิ่วหนิง บุตรีของฮ่องแต้ไท่ชิงนั่นเอง!

“ราชันแท้จริงขึ้นสู่แดนลัทธิเซียนมายุคสมัยหนึ่งเต็มๆ แล้ว เกรงว่านางคงกลายเป็นราชันแท้จริงสิบสองลัคนาไปแล้วล่ะ” เทพวายุก็อดที่จะกล่าวทอดถอนใจขึ้นมา

คำพูดของเทพวายุทำให้ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดอีกสี่คนรู้สึกสะเทือนหวั่นไหวในใจเช่นกัน ราชันแท้จริงสิบสองลัคนาคือราชันแท้จริงที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากปฐมบรรพบุรุษ

เมื่อมีศักยภาพเช่นนี้ในครอบครอง แม้แต่ผู้ดำรงอยู่ในฐานะอมตะที่เป็นใหญ่แต่ผู้เดียวในหล้าอย่างฮ่องแต้ไท่ชิง ก็เทียบไม่ได้กับราชันแท้จริงสิบสองลัคนา

แต่ว่า สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกโชคดีก็คือ ราชันแท้จริงจิ่วหนิงไม่ได้รั้งอยู่ที่นี่ นางไปจากแดนลัทธิราชันและก้าวขึ้นสู่แดนลัทธิเซียนโดยไม่มีคำว่าอาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อย มิฉะนั้นล่ะก็หากราชันแท้จริงจิ่วหนิงยังคงรั้งอยู่ต่อไป ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าเมื่อพวกเขาพ่อลูกร่วมมือกันแล้วจะแข็งแกร่งไปถึงขั้นไหน เพียงพอที่จะเกรียงไกรไปทั่วแดนลัทธิราชัน แม้แต่สองผู้ยิ่งใหญ่ที่เหลือก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชวงศ์โต่วเซิ่น

ฮ่องแต้ไท่ชิงอดที่จะหัวเราะทอดถอนใจขึ้นมา ท่าทีแฝงไว้ซึ่งความภาคภูมิใจของผู้เป็นบิดา เป็นความจริงที่เขาถือเอาบุตรีเป็นความภูมิใจของตน

“อำนาจเพียงแค่นี้ไม่เข้าตาของนาง ต่อให้นางยังอยู่ก็จะไม่แย่งอำนาจกับเจ้าอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น นางจะไม่กลับมายังแดนลัทธิราชันอีกแล้ว หลังจากนี้แผ่นดินนี้ก็เป็นของเจ้า” เวลานี้ ฮ่องแต้ไท่ชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มีเมตตาและอ่อนโยนต่อหลี่ชิเย่

“ถ้าเช่นนั้นก็ดี” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “ถ้าหากไม่มีเรื่องอะไร เช่นนั้นแล้วข้าไปก่อนแล้ว”

ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าไม่รู้ว่าสมควรประเมินพ่อลูกคู่นี้อย่างไรดี เกรงว่าทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่คงมีเพียงหลี่ชิเย่เท่านั้นที่กล้าเสียมารยาทกับฮ่องแต้ไท่ชิงเช่นนี้

“ไปเที่ยวเล่นให้สนุกก็แล้วกัน เจี๋ยตี้ ต้องคุ้มครององค์รัชทายาทให้ดี” ฮ่องแต้ไท่ชิงพยักหน้าอย่างอ่อนโยนและมีเมตตา สั่งการต่อจางเจี๋ยตี้

จางเจี๋ยตี้แสดงคารวะ และกล่าวว่า “ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย ขอเพียงชีวิตของกระหม่อมยังอยู่ ก็จะไม่ให้องค์ชายได้รับอันตรายแม้แต่น้อย”

สุดท้าย หลี่ชิเย่ก็ไม่ได้กล่าวมากความ เดินจากไปโดยตรง

หลังจากที่หลี่ชิเย่เดินจากไปแล้วก็ไม่ได้กลับไปยังตำหนักตงกง ยิ้มกล่าวกับจางเจี๋ยตี้ว่า “เอาล่ะ อยู่ในพระราชวังจนเบื่อแล้ว สมควรออกไปเดินเตร็ดเตร่แล้ว”

“ไม่ทราบว่าองค์ชายประสงค์จะไปที่ใด?” จางเจี๋ยตี้รีบเอ่ยถามขึ้นมา

จะอย่างไรเสียเขามีหน้าที่คุ้มครองความปลอดภัยให้กับหลี่ชิเย่ เวลานี้หลี่ชิเย่ในฐานะรัชทายาท ไม่รู้ว่าได้กลายเป็นหนามยอกอกของคนจำนวนเท่าไร ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องการลอบสังหารเขา ดังนั้น จางเจี๋ยตี้ก็ต้องระวังหน่อย

“เดินเล่นในเมืองหลวงน่ะสิ” หลี่ชิเย่หัวเราะและแกล้งพูดเล่นไปว่า “เดินไปดูตามท้องถนน ดูว่ามีสาวงาม หรือเมียชาวบ้านที่ถูกใจหรือไม่ หากมีที่ถูกใจก็ฉุดเอามาอุ่นเตียงโดยตรง”

“เอิกกก…” คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้จางเจี๋ยตี้ถึงกับพูดอะไรไม่ถูก เขาหัวเราะเจื่อนๆ และกล่าวว่า “องค์ชายหากต้องการสาวงามมาอุ่นเตียง ขอเพียงสั่งการออกไปก็ได้แล้ว ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่จะต้องมีคุณหนูของสำนักเจ้าลัทธิ ตระกูลขุนนางโบราณจำนวนมากยินดีโผเข้าอ้อมกอดขององค์ชาย ใยจะต้องไปแย่งชิงด้วยตนเอง”

คำพูดของจางเจี๋ยตี้นับว่าไม่ผิด ด้วยฐานะความเป็นรัชทายาทของราชวงศ์โต่วเซิ่นมันช่างสูงส่งเพียงใด และมีอำนาจบารมีเช่นใด นี่คือผู้ที่สามารถกุมอำนาจทั้งหมดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ขอเพียงองค์รัชทายาทอย่างเขาออกปาก ไม่รู้ว่ามีสำนัก และตระกูลขุนนางโบราณจำนวนเท่าไรที่ยินดีส่งคุณหนูของตนเข้าวังเป็นสนมขององค์รัชทายาทเล่า

“เจี๋ยตี้น่ะ เรื่องนี้เจ้าไม่เข้าใจแล้วล่ะ” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ของที่ได้มาง่ายดายมันดูจะไม่มีความหมายเหลือเกิน เหมือนดั่งแค่อ้าปากก็สามารถกินข้าวร้อนๆ ได้ทันที เจ้าคิดว่ามันอร่อยไหมล่ะ? แต่หากว่าเจ้าออกไปล่าสัตว์บนเขาด้วยตนเอง เวลากินมันจึงมีความหมาย เจ้าคิดว่าข้าขาดเคลนผู้หญิงที่โผเข้าอ้อมกอดอย่างนั้นรึ? เล่นกับผู้หญิงแบบนี้เจ้าคิดว่ามันสนุกรึ? แน่นอน จะต้องชิงเอา ชิงเอาผู้หญิงของคนอื่นนั่นแหละน่าสนุก”

จางเจี๋ยตี้พลันยิ้มเจื่อนๆ และกล่าวว่า “ทำแบบนี้ไม่ค่อยดีต่อชื่อเสียงอันดีงามขององค์ชายนะ”

“อะไรคือชื่อเสียงอันดีงาม ชื่อเสียงอันดีงามกิโลเท่าไร?” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ในเมื่อข้ามาเป็นองค์ชายสักครั้ง แน่นอนก็ต้องเป็นรัชทายาทที่เป็นจอมมารน้อย ฆ่าคนวางเพลิง แย่งภรรยาชาวบ้าน ฉุดคร่าสาวงาม นี่แหละคือสิ่งที่ข้าควรทำ ส่วนจะให้เป็นรัชทายาทที่ปรีชาสามารถ ทำเพื่อความสงบสุขให้กับใต้หล้าอะไรนั่น มันไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะทำ”

หลี่ชิเย่ในเวลานี้ได้ถลกแขนเสื้อขึ้นมา ท่าทางเหมือนจะเล่นใหญ่อย่างนั้น

จางเจี๋ยตี้ในเวลานี้ถึงกับอึ้ง เขาไม่รู้ว่านายคนใหม่เป็นคนแบบไหนกันแน่ บอกว่าเขาเป็นจอมมารน้อย เป็นไอ้บ้ากามน้อยที่ไม่เห็นกฎหมายหรือกฎแห่งกรรมอยู่ในสายตาก็ดูจะไม่เหมือน จะอย่างไรเสียหากเป็นสารเลวน้อยที่แท้จริงแล้ว ก็จะไม่สามารถพูดคำพูดที่ลึกซึ้งเช่นนี้ออกมาได้

คำพูดที่ลึกซึ้งเช่นนี้ควรออกจากปากของผู้ที่มีความปรีชาสามารถและผ่านชีวิตมายาวนานจึงจะถูก แต่ กลับออกจากปากของจอมมารน้อยอย่างหลี่ชิเย่ คำพูดลักษณะเช่นนี้ฟังดูแล้วออกจะดูเป็นหัวมังกุฎท้ายมังกรอยู่บ้าง เป็นความรู้สึกที่แปลกๆ อย่างหนึ่ง

“ตกลง ข้าจะตามเสด็จองค์ชายไป” จางเจี๋ยตี้โบกมือให้ทหารองครักษ์ตามไป

“นำองครักษ์ไปกลุ่มหนึ่งนะเนี่ย” หลี่ชิเย่สั่งการออกไปทันทีว่า “เจ้าพาคนมากมายไปอย่างเอิกเกริก เจ้าจะให้ข้าไปชิงตัวหญิงสาวชาวบ้านได้อย่างไร? พลันที่สาวงามและผู้หญิงในแดนลัทธิราชันมองเห็นกองทัพเช่นนี้คงหลบไปไกลนานแล้ว ถอนกำลังออกไป อย่าทำให้ข้าเสียงาน”

“แต่ว่า นี่เป็นการคำนึงถึงความปลอดภัยขององค์ชาย” จางเจี๋ยตี้รีบกล่าวขึ้น

“ความปลอดภัยบ้าบออะไรของเจ้า” หลี่ชิเย่หยาบคายยิ่ง กล่าวว่า “มีเจ้าที่เป็นขั้นอมตะอยู่ทั้งคน ยังจะมีใครทำอะไรข้าได้? ถ้าหากแม้แต่เจ้าก็คุ้มครองข้าไม่ได้ ต่อให้เจ้าพาทหารไปเป็นกองทัพก็ช่วยอะไรไม่ได้”

จางเจี๋ยตี้จนด้วยเกล้า ได้แต่โบกมือยกเลิกกองกำลังองครักษ์ไป แต่ว่า ที่หลี่ชิเย่พูดมาก็มีเหตุผล มีตัวเขาที่เป็นองครักษ์ประจำตัว เป็นความจริงที่ทหารองครักษ์เหล่านั้นมีประโยชน์ไม่มากนัก

“ยังมี เจ้าอำพลางใบหน้าของเจ้าให้ดี” หลี่ชิเย่สั่งการไปว่า “ทุกคนเห็นหน้าของเจ้าแล้วข้ายังจะทำบ้าอะไรได้ ไม่ต้องรอให้ข้าลงมือแย่งชิง ไม่แน่นักสาวๆ ก็มุดเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดแล้ว อย่าทำให้ข้าต้องเสียอารมณ์”

………………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *