Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2365 สู้กับอินทรีด้วยมือเปล่า

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2365 สู้กับอินทรีด้วยมือเปล่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

‘ตาย’ หลี่ชิเย่ที่เผชิญกับหมื่นกระบี่ที่ยิงออกมาพร้อมกันเพียงมองดูด้วยท่าทีเย็นชา และพูดออกมาเพียงคำหนึ่งเท่านั้น

ในพริบตาเดียวนั่นเอง มือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่พลันยื่นออกไป ตรงเข้าคว้าหมื่นกระบี่ที่ยิงเข้ามา

ตึง…เสียงกระบี่คำรามดังขึ้นเสียงหนึ่ง จังหวะที่มือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ที่เข้าคว้ากระบี่นั้น หมื่นกระบี่พลันพวยพุ่งประกายกระบี่ที่เจิดจรัสยิ่งกว่าขึ้นมา พลังกระบี่เพิ่มสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง กำแหงและพาลอย่างยิ่ง หมื่นกระบี่ที่ยิงออกมาพร้อมกันเช่นนี้ เหมือนว่าสามารถยิงทะลุฟ้าดินในพริบตาเดียวได้อย่างนั้น

ด้วยการโจมตีที่กำแหงและพาลเช่นนี้ ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มองดูด้วยความหวาดผวาจนขนลุกซู่ แค่อินทรียักษ์ตัวหนึ่งก็แข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้แล้ว ย่อมจินตนาการได้ว่าตัวเทพอินทรีหวินตู้จะแข็งแกร่งเช่นใด

ภายใต้อานุภาพหมื่นกระบี่ที่ยิงมาพร้อมกันที่น่ากลัวเช่นนี้ มองเห็นหลี่ชิเย่ยังคงมือเปล่าที่โจมตีสวนขึ้นไป ทำให้เป็นที่ใจหายใจคว่ำของผู้คนจำนวนไม่น้อย

“มือเปล่าสามารถรับกับหมื่นกระบี่ได้รึ? คงไม่ถูกยิงจนทะลุโดยพลันกระมัง” แม้ว่ามือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่สามารถบังฟ้าจนมิด แต่ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่รู้สึกว่ามือขนาดใหญ่ของเขารับกับหมื่นกระบี่ไม่ได้

เสียงปังดังสนั่น จังหวะที่ทุกคนล้วนแล้วแต่ตั้งข้อสงสัยอยู่นั้น มือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ได้ปะทะเข้าแล้วกับหมื่นกระบี่ที่ยิงเข้ามาพร้อมกัน แต่ว่า ไม่มีภาพของมือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ที่ถูกหมื่นกระบี่แทงทะลุ และไม่มีภาพของเลือดที่แตกกระจายอย่างที่ทุกคนได้จินตนาการเอาไว้ๆ

มือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ยังคงไม่มีบุบสลายแม้แต่น้อย แม้ว่าขนนกที่ดั่งกระบี่เหล็กนิลของอินทรียักษ์จะคมกริบโดยแท้จริง แต่ยังคงทำอันตรายมือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ได้แม้แต่น้อย

คร๊ากกกเสียงหนึ่งดังขึ้น ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง มือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ที่บดขยี้เข้าไป ได้ยินเสียงแตกละเอียดปัง ปัง ปังดังขึ้นเป็นระลอก

เป็นความจริงที่ขนของปีกทั้งสองข้างของอินทรียักษ์นั้นแข็งแกร่งและแหลมคมราวกับเหล็กนิล แต่ทว่า ในขณะนี้ภายใต้การบดขยี้ของมือใหญ่หลี่ชิเย่นั้น ขนนกแต่ละเส้นของปีกแตกละเอียดโดยพลัน คล้ายกระบี่เหล็กนิลแต่ละเล่มที่ร้าวและละเอียดไปในทันที มองเห็นเศษชิ้นส่วนที่ปลิวว่อน

ขณะที่ทุกคนยังไม่ทันได้สติกลับมานั้น มือขนาดใหญ่ที่บดขยี้ขนนกนั้นพลันคว้าจับเอาปีกข้างหนึ่งเอาไว้ อินทรียักษ์ตกใจสุดขีด หวังจะกระพือปีกเพื่อบินขึ้นไป แต่ว่า นาทีนี้มันสายเกินไปเสียแล้ว มือใหญ่ของหลี่ชิเย่เสมือนดั่งเป็นห่วงทองคำที่ล็อกปีกของมันเอาไว้แน่น

เสียงปังดังสนั่นหวั่นไหว ขณะที่ทุกคนยังได้ทันได้ตั้งสติกลับมา หลี่ชิเย่ได้รวบเอาปีกของอินทรียักษ์และยกเอาร่างของอินทรียักษ์ขึ้นมา จัดการนำร่างของอินทรียักษ์ฟาดลงกับพื้นอย่างแรง

ปัง ปัง ปังเสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นมาเป็นระลอก หลี่ชิเย่ได้จัดการเอาร่างกายที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารฟาดกับพื้นไปหลายครั้ง ทำเอาภูเขาถูกฟาดจนแตกละเอียดไปรวดเดียวหลายลูก เศษหินปลิวว่อน

อิ๊วววอินทรียักษ์โกรธยิ่งนัก แม้ว่าตัวมันที่มีเลือดไหลรินหยดเป็นทางและปีกข้างหนึ่งถูกจับเอาไว้ แต่กรงเล็บของขาทั้งสองข้างและจะงอยปากที่แหลมคมยังคงจิกเข้าหาหลี่ชิเย่อย่างแรงราวกับสายฟ้า กรงเล็บทั้งสองข้างและจะงอยปากของมันแหลมคมยิ่งกว่ากระบี่ศักดิ์สิทธิ์เสียอีก เสมือนดั่งสามารถแทงทะลุจักรวาลได้

แต่ว่า หลี่ชิเย่ยังคงเหมือนมองไม่เห็นอย่างนั้น เมื่อต้องเผชิญกับกรงเล็บสองข้างและจะงอยปากที่แหลมคมเช่นนี้ เท้าขนาดใหญ่กระทืบเหยียบลงไปโดยตรง ในขณะนี้เท้าขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ปรากฎประกายสีทองขึ้นมา ได้ยินเสียงดังปังเสียงหนึ่ง เท้าขนาดยักษ์ได้เหยียบลงบนร่างของอินทรียักษ์โดยตรง

ได้ยินเสียงกระดูกที่แตกดังคร๊ากกก ภายใต้การสยบด้วยเท้าขนาดใหญ่โดยตรงของหลี่ชิเย่ กรงเล็บสองข้างและจะงอยปากที่แหลมคมล้วนแล้วแต่แตกละเอียด

“แค่เดรัจฉานขนเรียบตัวหนึ่งเท่านั้นเอง!” หลี่ชิเย่ยิ้มเยาะด้วยท่าทีเฉยเมย พลันคว้าเอาปีกอีกข้างหนึ่งของอินทรียักษ์เอาไว้ด้วย

อ๊ากกกเสียงร้องที่น่าเวทนาดังขึ้น ในขณะนี้เอง ได้ยินเสียงฉีกขาดดังแค่วกกก เลือดสดๆ แตกกระจาย หลี่ชิเย่จัดการฉีกเอาปีกทั้งสองข้างของอินทรียักษ์ขาดติดมือมาดื้อๆ เลือดไหลรินโดยมีอินทรียักษ์นอนจมกองเลือดอยู่

เวลานี้อินทรียักษ์ที่ถูกเด็ดปีกทั้งสองข้างนอนจมกองเลือด ไม่เหลือร่องรอยความมีอำนาจ แข็งแรงและทรงพลังเมื่อครู่ไปและอยู่ในลักษณะหายใจรวยรินเสียแล้ว

ภาพลักษณะเช่นนี้นับว่าสร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนมากเหลือเกิน ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ยังไม่ได้สติคืนกลับมา เหม่อมองดูหลี่ชิเย่ที่จัดการเด็ดปีกทั้งสองของอินทรียักษ์ออกมาดื้อๆ

นาทีนี้เหมือนเวลาถูกหยุดเอาไว้อยู่กับภาพๆ นี้อย่างนั้น มองเห็นหลี่ชิเย่ที่ใช้ขาเหยียบอินทรียักษ์เอาไว้ มือทั้งสองข้างถือปีกขนาดใหญ่โตมโหฬารคู่นั้นของอินทรียักษ์ เลือดสดๆ ไหลรินเป็นทาง แม้ว่าท่าทางของหลี่ชิเย่ดูเรียบสงบ แต่ความกำแหงและอันธพาลนั้นโชยเข้ามาปะทะใบหน้า สร้างความหวั่นไหวให้กับทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์

นี่มันคืออินทรียักษ์ของเทพอินทรีหวินตู้นะเนี่ย เป็นพาหนะของผู้อยู่ในฐานะอมตะคนหนึ่ง เวลานี้นาทีนี้กลับถูกหลี่ชิเย่จัดการฉีกร่างจนแหลก ช่างเป็นภาพที่มุทะลุดุดันอันธพาลอย่างยิ่ง

ภาพนี้เกิดขึ้นรวดเร็วมาก ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงดีดนิ้วเท่านั้น ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ยังไม่ทันได้มองเห็นอย่างชัดเจน ปีกคู่นั้นของอินทรียักษ์ก็ถูกหลี่ชิเย่ฉีกขาดติดมือมาเรียบร้อยแล้ว

“รนหาที่ตาย” ชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ท้องฟ้าเหมือนถูกระเบิดขึ้น เสียงคำรามด้วยความโกรธดังก้องไปทั่วฟ้าดิน เมื่อเสียงคำรามด้วยความโกรธเช่นนี้ดังขึ้น นั่นหมายถึงท้องฟ้าถูกระเบิดจนเปิดออก

ตูมเสียงดังสนั่น ท้องฟ้าพลันแตกละเอียด นิ้วหนึ่งที่จิ้มลงมาจากท้องฟ้า นี่คือนิ้วแห่งความโกรธแค้นของเทพอินทรีหวินตู้ นิ้วนั้นยังไม่ทันลงมาถึงก็ได้ยินเสียงแตกละเอียดังขึ้น ทั่วท้องฟ้าเกิดการแตกละเอียดจนกลายเป็นรูที่น่ากลัวขึ้นมา

ที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นก็คือ นิ้วดังกล่าวที่ยังไม่ทันได้มาถึงก็มีภูเขาหลายลูกที่แตกละเอียดไปทันที ปรากฏลาวาที่ทะลักพวยพุ่งขึ้นมา ทำเอาผู้คนไม่รู้จำนวนเท่าไรที่ร้องเสียงแหลมขึ้น และไม่ผู้บำเพ็ญตนที่ทักษะต่ำเท่าไรที่ต้องเสียชีวิตไปภายใต้นิ้วดังกล่าวนี้

นิ้วเดียวนี้ทำลายฟ้าดินจนพังพินาศย่อยยับ ต่อให้เป็นระดับเทพแท้จริงก็รู้สึกได้ว่าตนเองนั้นเล็กจิ๋วยิ่งกว่ามดปลวกเสียอีก แม้แต่ระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์เมื่อพบกับหนึ่งนิ้วที่น่ากลัวเช่นนี้ก็ต้องขวัญหนีดีฝ่อ สิ่งแรกที่นึกถึงก็คือหันหลังไปให้ไกลจากที่ตรงนี้

หนึ่งนิ้วที่ชี้ลงมาด้วยความโกรธแค้นอย่างบ้าคลั่งของเทพอินทรีหวินตู้สร้างความพินาศย่อยยับให้กับฟ้าดิน เสมือนดั่งต้องการทำให้พื้นดินที่กว้างใหญ่ไพศาลของสันเขาหมื่นยอดถูกทำลายจนจมธรณีอย่างนั้น หนึ่งนิ้วที่ชี้ลงมาก็คล้ายดั่งเป็นวันสิ้นโลกอย่างนั้น

นิ้วหนึ่งนิ้วนี้แฝงไว้ซึ่งเพลิงแค้นที่สุมอยู่เต็มอกของเทพอินทรีหวินตู้ จะไปโทษว่าเขาโกรธอย่างบ้าคลั่งก็ไม่ถูก อินทรียักษ์ตัวนี้คือพาหนะของเขาซึ่งติดตามเขามาไม่รู้ว่านานมากเท่าไรแล้ว เสมือนดั่งเป็นแขนซ้ายแขนขวาของเขา เวลานี้หลี่ชิเย่ถึงกับฉีกปีกทั้งสองของมันจนขาดกระจุย แล้วจะไม่ให้เทพอินทรีหวินตู้ต้องโกรธอย่างบ้าคลั่งได้อย่างไร?

“ไสหัวไป…” หลี่ชิเย่ไม่ได้มองดูด้วยซ้ำเมื่อต้องเผชิญกับหนึ่งนิ้วที่โกรธอย่างบ้าคลั่งของเทพอินทรีหวินตู้ คำรามเสียงทุ้มต่ำและสวนไปหนึ่งหมัด

พริบตาเดียวนั่นเอง หมัดของหลี่ชิเย่พลันปรากฏประกายสีทองที่พวยพุ่งออกมาดั่งสายน้ำที่ไม่ขาดสาย หนึ่งหมัดที่เสมือนหลอมสร้างขึ้นมาจากทองคำ แม้ว่าขนาดของหมัดจะไม่ใหญ่มากนัก แต่เหมือนว่ามันมีพลังมากที่สุดปราศจากผู้เทียบเทียมในหล้าอยู่ในความครอบครอง หนึ่งหมัดที่แข็งแกร่งและพลังหยางที่รุนแรงยิ่ง สามารถทำลายทุกสิ่งบนโลกจนแตกละเอียดได้

เสียงตูมดังสนั่น ขณะที่หมัดนี้โจมตีออกไปนั้น ฟ้าดินปรากฏความขมุกขมัว ภายใต้หนึ่งหมัดนี้โจมตีทุกอย่างจนแหลกละเอียดและกลายเป็นจุณทั้งหมด

ปังเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ดวงดาวแหลกละเอียด ตามมาด้วยเลือดสดๆ ที่แตกกระจาย เสียงฮึแผ่วเบาเสียงหนึ่งดังขึ้น ภายใต้หมัดที่แข็งแกร่งดุดันของหลี่ชิเย่นั้น ทุกคนต่างมองเห็นหมัดดังกล่าวได้ทำลายนิ้วมือที่ปราศจากผู้ต่อกรนิ้วนั้นของเทพอินทรีหวินตู้จนกลายเป็นฝนเลือด นิ้วมือนั้นพลันแหลกละเอียดไปทันที สร้างความเจ็บปวดให้กับเทพอินทรีหวินตู้จนต้องส่งเสียงฮึแผ่วเบาอดกลั้นความเจ็บปวดนั้นเอาไว้

เป็นภาพที่สร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนเหลือเกิน การที่จัดการโจมตีทำลายนิ้วมือของผู้ที่อยู่ในขั้นของอมตะจนแหลกกลายเป็นฝนเลือดนั้น มันช่างเป็นหนึ่งหมัดที่พาลและดุดันปราศจากผู้ต่อกรนะเนี่ย

คร๊ากกกเสียงกระดูกแตกหักดังขึ้นเสียงหนึ่ง ในเวลานี้หลี่ชิเย่ยกเท้าเหยียบลงไป ร่างที่ใหญ่โตมโหฬารของอินทรียักษ์พลันยุบลงไป พลันแหลกไม่มีชิ้นดี

อ๊ากกกในเวลานี้อินทรียักษ์ร้องเสียงน่าเวทนาออกมา คิดจะดิ้นรนเพื่อหลบหนีไปให้ได้ แต่ว่าทุกอย่างสายไปเสียแล้ว

ได้ยินเสียงคร๊ากกกดังขึ้นไม่ขาดสาย ภายใต้การเหยียบและบดขยี้ของหลี่ชิเย่ ร่างที่ใหญ่โตมโหฬารของอินทรียักษ์พลันยุบลงและร่างของมันถูกหลี่ชิเย่เหยียบจนกลายเป็นเนื้อบด

เพียงชั่วพริบตาเดียว อินทรียักษ์ก็เสียชีวิตไป กระทั่งเทพอินทรีหวินตู้ผู้เป็นเจ้าของที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ไม่ทันช่วยมัน ถูกหลี่ชิเย่เหยียบและบดขยี้จนกลายเป็นเนื้อบดไป

เวลานี้ เวลาเหมือนเงียบจนถึงขีดสุด เงียบกระทั่งสามารถได้ยินลมหายใจของทุกคนได้อย่างชัดเจน นาทีนี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่อ้าปากค้างและหุบไม่ลงเป็นเวลานาน

นี่มันอินทรียักษ์ของเทพอินทรีหวินตู้ เป็นพาหนะของระดับอมตะนะเนี่ย ต้องมาถูกหลี่ชิเย่เหยียบจนกลายเป็นเนื้อบดต่อหน้าผู้คนทั่วหล้า ด้วยการกระทำที่พาลและใช้อำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้ ยากจะหาผู้ใดเทียบเทียมในหล้าได้อยู่แล้ว

ในขณะนี้ ไม่รู้ว่าผู้คนจำนวนเท่าไรที่เซ่อไปเลย จะเป็นระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิก็ดี เทพแท้จริงที่ปราศจากผู้ต่อกรก็ช่าง ในเวลานี้ล้วนแล้วแต่รู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกซู่ ทอดสายตาไปทั่วหล้า ยังจะมีผู้ใดกล้าทำเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้

“เจ้าเดรัจฉานน้อย ข้าจะสับเจ้าเป็นหมื่นๆ ชิ้น!” ในเวลานี้เองเสียงคำรามที่บ้าคลั่งเสียงหนึ่งดังขึ้น ระดเบิดฟ้าดินจนแหลกลาญ ภูเขาหลายสิบลูกถูกทำลายจนแหลกละเอียดภายใต้เสียงคำรามด้วยความโกรธแค้นนี้

ปรากฏผู้เฒ่าผู้หนึ่งลงมาจากบนท้องฟ้า ผู้เฒ่าผู้นี้สวมเสื้อตัวใหญ่ที่ปลิวไสว เดิมทีมีกลิ่นอายที่เยือกเย็นไม่สะทกสะท้านอยู่หลายส่วน เหมือนดั่งมือถือพัดขนนกคาดผ้าคาดผมสีดำ แต่ทว่า เวลานี้ภายใต้ความโกรธเคืองอย่างบ้าคลั่ง หน้าตาดูน่าเกลียดน่ากลัวอยู่บ้าง โดยเฉพาะยามที่เขาโกรธอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาคู่นั้นของเขาเหมือนกลับกลายเป็นดวงอาทิตย์สองดวงที่ร้อนแผดเผา เหมือนต้องการเผาไหม้โลกทั้งโลกเสียอย่างนั้น ทำให้ผู้พบเห็นต้องหวาดกลัวจนขนลุกซู่

ผู้เฒ่าผู้นี้ก็คือระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งมากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหวินตู้นามเทพอินทรีหวินตู้!

เพียงแต่นับจากนี้เป็นต้นไป ฉายาของเทพอินทรีหวินตู้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเสียแล้ว การที่เขาถูกผู้คนเรียกว่าเทพอินทรี นั่นเป็นเพราะความอภินิหารของอินทรียักษ์ที่เป็นพาหนะของเขา เคยทำงานให้กับเขาเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงได้ถูกผู้คนยกย่องว่าเป็น ‘เทพอินทรี’

เวลานี้ อินทรียักษ์ของเขาถูกหลี่ชิเย่เหยียบจนกลายเป็นเนื้อบด ต่อให้หลังจากนี้เขาสามารถหาอินทรียักษ์มาทดแทนได้อีกสักตัว เกรงว่าคงไม่สามารถทดแทนอินทรียักษ์ตัวนี้ของเขาได้ เกรงว่าหากมีโอกาสมีชีวิตอยู่ต่อไปอีก เขาจะไม่ได้ชื่อเทพอินทรีหวินตู้อีกต่อไป

เทพอินทรีหวินตู้โกรธจัดถึงขีดสุด เจ้าอินทรียักษ์ตัวนี้ติดตามตัวเขามาชั่วชีวิต เรียกได้ว่ามีความผูกพันที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง เวลานี้กลับถูกหลี่ชิเย่บดขยี้จนแหลกละเอียด แล้วจะไม่ให้เขาโกรธจนบ้าคลั่งได้อย่างไรกันเล่า ทำให้เขาต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยากจะสับหลี่ชิเย่ให้เป็นหมื่นๆ ชิ้นให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

จังหวะที่เทพอินทรีหวินตู้โกรธจัดนั้น พายุร้ายที่น่ากลัวก็ปกคลุมมาถึง เห็นพายุที่พัดโหมกระหน่ำ เศษหินกรวดที่ปลิวว่อน ท้องฟ้ามืดมิดเสมือนดั่งเป็นวันสิ้นโลกอย่างนั้น

ภายใต้เพลิงแห่งความโกรธที่น่ากลัวของเทพอินทรีหวินตู้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ โดยเฉพาะกับการที่เทพอินทรีหวินตู้ปลดปล่อยอานุภาพของตนออกมาอาละวาดฟ้าดิน และสยบยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่อาจลุกขึ้นยืนได้ ไม่มีกระทั่งพลังที่จะยืดเอวให้ตั้งตรงได้

แม้แต่ระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิยังต้องใจหายใจคว่ำเมื่อมองเห็นท่าทางที่โกรธอย่างบ้าคลั่งของเทพอินทรีหวินตู้จนต้องผวาจนขนลุกซู่ นี่มันคือขั้นอมตะคนหนึ่งที่สามารถเกรียงไกรไปทั่วหล้าได้ ภายใต้การโกรธอย่างบ้าคลั่งของเขาช่างเป็นภาพที่น่าสยองขวัญอะไรอย่างนั้น ภายใต้เพลิงแห่งความโกรธของเขาต่อให้ระดับเทพแท้จริงก็เป็นเพียงมดปลวกเท่านั้นเอง พร้อมถูกทำลายล้างได้ทุกเวลา

………………………………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *