Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2430 พิธีขึ้นครองราชย์ที่ไร้เหตุผล

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2430 พิธีขึ้นครองราชย์ที่ไร้เหตุผล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เวลานี้ภายในใจผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกสั่นเทา มองเห็นแม่ทัพใหญ่อุดรถูกสังหาร กลิ่นคาวเลือดตลบอบอวลบนอากาศ ผู้อยู่ในเหตุการณ์จำนวนไม่น้อยต่างมองตากันและกัน

“เอาล่ะ” หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ กวาดสายตามองออกไป และชี้ตัวตามอารมณ์ไปที่แม่ทัพอายุน้อยและตำแหน่งต่ำหลายคน และกล่าวว่า “เจ้าแม่ทัพใหญ่อุดรอะไรนั่นถูกประหารไปแล้ว เวลานี้ให้เจ้ารับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่อุดร ยังมีพวกเจ้า รับตำแหน่งรองแม่ทัพ!”

แม่ทัพเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ยืนอยู่แถวด้านหลัง มีตำแหน่งฐานะค่อนข้างต่ำ เวลานี้หลี่ชิเย่ชี้ไปตามอารมณ์ก็แต่งตั้งให้พวกเขาเป็นแม่ทัพใหญ่อุดรและรองแม่ทัพ พลันทำให้พวกเขาตะลึงงัน

นี่หาใช่เป็นตำแหน่งแม่ทัพของแคว้นๆ หนึ่งเท่านั้น แต่เป็นแม่ทัพของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่ง เฝ้ารักษาและบัญชาการภาคเหนือทั้งหมด ณ ที่ตรงนั้นมีสำนักตั้งอยู่เป็นหมื่นเป็นพัน แคว้นอีกหลายร้อยแคว้น เป็นแผ่นดินที่กว้างใหญ่ผืนหนึ่ง

แม่ทัพใหญ่ที่กุมกำลังทหารเช่นนี้ ไม่รู้ว่ายิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ของแคว้น และเจ้าสำนักอยู่เท่าไร

ด้วยฐานะของพวกเขา ไม่สามารถนั่งตำแหน่งแม่ทัพใหญ่อุดรได้อยู่แล้ว มาวันนี้กลับถูกแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่อุดรตามอารมณ์ของหลี่ชิเย่ พลันทำให้พวกเขาเองยังงุนงงไปเลย

ความจริงแล้วคนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็งุนงงเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเหล่าขุนนางอำมาตย์ของราชวงศ์โต่วเซิ่น หรือราชนิกูล และหรือระดับบรรพบุรุษ เจ้าสำนักต่างๆ ที่มาจากทั่วทุกสารทิศ พวกเขาต่างเหม่อลอยไปชั่วขณะ

นี่คือการแต่งตั้งที่ตามใจมากที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเห็น กองทัพอุดรคือหนึ่งในเจ็ดกองทัพใหญ่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ได้รับการยกย่องว่าเป็นเสาหลักค้ำยันราชวงศ์โต่วเซิ่น แม้แต่ขณะฮ่องเต้ไท่ชิงยังมีพระชนม์ชีพอยู่ แม่ทัพใหญ่ของแต่ละกองทัพก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำตามอารมณ์เช่นนี้

แต่ว่า หลี่ชิเย่ไม่สนอยู่แล้วว่าจะมีใครคัดค้านหรือไม่ จัดการแต่งตั้งแม่ทัพอายุน้อยๆ และตำแหน่งเล็กๆ เหล่านี้ขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่และรองแม่ทัพของกองทัพอุดร อย่างน้อยที่สุดตรงจุดนี้ยังมีส่วนคล้ายกับฮ่องเต้ไท่ชิง ต่างก็เป็นเผด็จการเหมือนกัน โดยไม่ฟังหรือขอความคิดเห็นของคนอื่น

“ขอบพระทัยฝ่าบาท ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นปีเหมื่นหมื่นปี” แม่ทัพอายุน้อยเหล่านี้เมื่อได้สติกลับมา ดีใจอย่างที่สุด คุกเข่าลงกราบกับพื้น สิ่งนี้กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว มันคือขนมเปี๊ยะที่หล่นลงมาจากฟ้าชัดๆ เป็นโอกาสที่ยากจะได้พบในรอบหมื่นปี

“เอาล่ะ ทุกคนมีความเห็นอื่นใดหรือไม่?” หลี่ชิเย่มองดูทุกคนด้วยท่าทางที่เหนือยหน่าย

เมื่อทุกคนได้ยินคำถามเช่นนี้แล้วต่างยิ้มเจื่อนๆ ทีหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม เวลานี้ยังจะพูดอะไรออกมาได้อีก

เวลานี้การแต่งตั้งก็ได้มีผลไปแล้ว แม้พวกเขาจะมีความเห็นก็ไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้น ซุนหลึ่งหยิ่งที่ยืนกอดกระบี่แนบอกอยู่ด้วยท่าทีเย็นชาอยู่ตรงนั้น ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า ใครกล้าขัดคำสั่งฮ่องเต้ เกรงว่าจุดจบของแม่ทัพใหญ่อุดรก็คือตัวอ้างอิงที่ดีทีสุด

การที่ซุนหลึ่งหยิ่งอยู่ตรงนี้ สามารถกล่าวได้ว่ามีเพียงห้าปรมาจารย์ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่มีกำลังต่อต้านกับเขา ส่วนคนอื่นๆ คือรนหาที่ตาย ยิ่งไปกว่านั้นทั่วเมืองหลวงทุกกองทัพหยินมี่ล้อมเสียจนน้ำยังเล็ดลอดไปไม่ได้ ใครกล้าขัดคำสั่งฮ่องเต้ กองทัพหยินมี่จะล้อมปราบพวกเขาทันที กระทั่งล้อมปราบสำนักของพวกเขา

“พวกกระหม่อมยินดีปฏิบัติตามประสงค์ของฝ่าบาท” ในเวลานี้เอง เทพวายุ หนึ่งในห้าปรมาจารย์ผู้มีตำแหน่งสูงสุดได้แสดงคารวะแบบจีนพร้อมคำนับ

“พวกกระหม่อมก็ไม่มีความเห็นเป็นอื่น” ปรมาจารย์ผู้มีตำแหน่งสูงสุดอีกสี่คนก็กล่าวเสียงเดียวกัน เห็นชอบตามที่หลี่ชิเย่ได้ตัดสินใจ

นี่คือการแต่งตั้งครั้งแรกของหลี่ชิเย่ในฐานะฮ่องเต้ที่ขึ้นครองราชย์ใหม่ ในเวลานี้ เมื่อห้าปรมาจารย์ผู้มีตำแหน่งสูงสุดต่างเห็นชอบด้วยกับการแต่งตั้งของหลี่ชิเย่ ก็เท่ากับเป็นการยืนยันฐานะฮ่องเต้องค์ใหญ่ของหลี่ชิเย่แล้ว

จะอย่างไรเสีย พวกเทพวายุเป็นตัวแทนของสำนักที่แข็งแกร่งมากที่สุดห้าสำนักของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ถ้าหากพวกเขาต่างเห็นด้วยเป็นเอกฉันท์ คนอื่นๆ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ สิ่งนี้ก็เป็นการบ่งบอกว่าความเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ของหลี่ชิเย่มีผลอย่างเป็นทางการ

“น้อมรับราชโองการฝ่าบาท” หลังจากที่ปรมาจารย์ผู้มีตำแหน่งสูงสุดทั้งห้าได้ทยอยกันแสดงจุดยืนแล้ว บรรดาขุนนางอำมาตย์ เหล่าบรรพบุรุษ และเจ้าสำนักที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างทยอยกันคารวะต่อหลี่ชิเย่ เสียงที่ร้องประสานกันออกมานั้นดังก้องไปบนท้องฟ้า สั่นสะเทือนไปทั่วฟ้าดิน สร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนอย่างยิ่ง

“เช่นนั้นก็ดี” หลี่ชิเย่เลิกหนังตาทีหนึ่ง จ้องมองไปที่ปรมาจารย์ผู้มีตำแหน่งสูงสุดทั้งห้า ยิ้มกล่าวว่า “ตาเฒ่าทั้งห้า พวกเจ้าเคยรับปากฮ่องเต้ไท่ชิงแล้วว่า จะส่งตัวสาวงามของตระกูลมาให้ ข้ากำลังขาดแคลนสนมอยู่ พวกเจ้าเมื่อไหร่ส่งตัวธิดาศักดิ์สิทธิ์ และคุณหนูอะไรนั่นมายังตำหนักสนมให้หมด”

พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกงุนงง แม้แต่ห้าปรมาจารย์ผู้มีตำแหน่งสูงสุดก็งงงันเช่นกัน พวกเขารู้อยู่แล้วว่าหลี่ชิเย่ก็คือสารเลวคนหนึ่ง เป็นกากเดนมนุษย์ที่ใช้การอะไรไม่ได้อย่างสิ้นเชิง แต่ว่า พวกเขานึกไม่ถึงว่าหลี่ชิเย่จะเหลวไหลถึงขั้นนี้

ฮ่องเต้ไท่ชิงเพิ่งจะสวรรคต เขาเองก็เพิ่งจะนั่งบัลลังก์เป็นวันแรก นอกจากจะไม่แสดงความอาลัยถึงฮ่องเต้ไท่ชิง และไม่ได้ปลอบขวัญจิตใจผู้คน เรื่องแรกก็คือวิ่งเข้าหาสาวงาม ต้องการให้ห้าสำนักใหญ่ส่งตัวธิดาศักดิ์สิทธิ์และคุณหนูพวกเขาเข้าวังเป็นสนมเพื่อให้เขาได้เสพสุข นี่มันคือเหลวไหลไร้ขีดจำกัด ไร้หลักการสำคัญอยู่ในสายตา

ในเวลานี้ แม้แต่ปรมาจารย์ผู้มีตำแหน่งสูงสุดทั้งห้าก็ต้องมองหน้ากันและกัน เป็นความจริงที่พวกเขาเคยรับปากฮ่องเต้ไท่ชิงส่งตัวธิดาศักดิ์สิทธิ์และคุณหนูให้กับหลี่ชิเย่ แต่ว่า หลี่ชิเย่ก้นเพิ่งจะแตะบัลลังก์ก็นึกไปถึงการเติมสาวงามเข้าไปเป็นนางสนมในวังแล้ว ออกจะทำเกินไปและเหลวไหลเหลือเกิน

“ทำไมรึ เปลี่ยนใจแล้วรึ?” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว

“มิกล้า” ปรมาจารย์ผู้มีตำแหน่งสูงสุดตระกูลปิงฉือคำนับ และกล่าวว่า “กราบทูลฝ่าบาท พวกกระหม่อมจะต้องส่งตัวเข้าวังอย่างแน่นอน ขอฝ่าบาททรงวางพระทัย”

“ดี ข้าจะรอพวกเจ้าส่งสาวงามมาให้” หลี่ชิเย่หัวเราะเสียงดัง สุดท้ายโบกมือและยิ้มกล่าวว่า “มีเรื่องกราบทูล ไม่มีเรื่องเลิกประชุม”

นาทีนี้ บรรดาขุนนางอำมาตย์ทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้ากันและกัน เนื่องจากพวกเขาไม่เคยพบเจอฮ่องเต้ที่เหลวไหลถึงเพียงนี้ ช่างเหลวไหลเหลือเกิน ไร้เหตุผลสิ้นดี

“เช่นนั้นแล้ว เลิกประชุม” เมื่อหลี่ชิเย่เห็นว่าไม่มีใครพูดอะไรจึงโบกมือและขี้คร้านจะไปสนใจพวกเขา หันหลังเดินจากไปทันที

พลันที่หลี่ชิเย่สั่งเลิกประชุม ซุนหลึ่งหยิ่งกับจางเจี๋ยตี้ทั้งสองคนติดตามอยู่ด้านหลังของหลี่ชิเย่ทันที และหายเข้าไปในตำหนักกชั่วพริบตาเดียว

เวลานี้เหลือขุนนางอำมาตย์ฝ่ายบุ๋นและบู้ และบรรพบุรุษเจ้าสำนักที่มาจากทั่วทุกสารทิศเต็มท้องพระโรง ทุกคนต่างรู้สึกงงงัน

ฮ่องเต้ไท่ชิงสวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ตามหลักแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่สมควรแสดงความไว้อาลัยต่อฮ่องเต้ไท่ชิง สดุดดีถึงผลงานของฮ่องเต้ไท่ชิง ขณะเดียวกันก็ต้องปลอบขวัญผู้คน ให้สถานการณ์มั่นคง แบบนี้ถึงจะทำให้ทุกคนให้การยอมรับถึงฐานะและความสามารถของฮ่องเต้องค์ใหม่

แต่ว่า หลี่ชิเย่ไม่ทำอะไรเลย ก้นนั่งยังทันร้อนด้วยซ้ำ ก็จัดการเข่นฆ่าผู้นำกองทัพๆ หนึ่งแล้ว จากนั้นก็สั่งการให้ห้าสำนักใหญ่ส่งสาวงามเข้าวังให้เขาได้เสพสุข ฮ่องเต้ที่มั่วโลกีย์ขนาดนี้ พวกเขาเพิ่งจะพบเห็นเป็นครั้งแรก

“แยกย้ายกันเถอะ” สุดท้ายปรมาจารย์ผู้มีตำแหน่งสูงสุดทั้งห้าเหินฟ้าจากไปในชั่วพริบตา หายไปอย่างไร้ร่องรอย แม้แต่ห้าปรมาจารย์ผู้มีตำแหน่งสูงสุดก็ยังแยกย้ายจากกันไป บรรดาขุนนางอำมาตย์บุ๋นบู้ และบรรพบุรุษ เจ้าสำนักทั้งหลายยังจะทำอะไรได้? จึงทยอยกันแยกย้ายกันไป

นี่คือพิธีขึ้นครองราชย์ย์ที่ไร้เหตุผลที่สุดในชีวิตที่พวกเขาทั้งหมดได้ประสบมา มันไม่เพียงเหลวไหล แต่เป็นเหมือนเด็กขายของชัดๆ

ในเวลานี้การขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้องค์ใหม่พลันก่อให้เกิดคลื่นขึ้นทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ แม้จะกล่าวว่าฮ่องเต้องค์ใหม่เหลวไหลไร้ความสามารถ แต่ว่าอย่างน้อยที่สุดยังไม่มีสำนักหรือแคว้นใดๆ กล้ากระทำการบุ่มบ่าม จะอย่างไรเสียซุนหลึ่งหยิ่งยังอยู่ กองทัพทั้งเจ็ดยังอยู่ แม้จะมีคนที่ต้องการชิงอำนาจ แต่ในเวลานี้ก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

แต่ว่า ผู้คนจำนวนมากต่างตระหนักได้ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่ไร้ความสามารถ ราชวงศ์โต่วเซิ่นล่มสลายนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นช้าหรือเร็วเท่านั้น จะอย่างไรเสียอาศัยฮ่องเต้องค์ใหม่ที่มั่วโลกีย์ไร้ความสามารถเป็นไปไม่ได้ที่จะควบคุมระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ทั้งหมดได้อยู่แล้ว และไม่สามารถควบคุมกองทัพทั้งเจ็ดได้

จังหวะที่ฮ่องเต้องค์ใหม่อยู่ระหว่างเปลี่ยนผ่าน บัลลังก์ของหลี่ชิเย่ยังไม่มั่นคงนัก ซุนหลึ่งหยิ่งก็ได้มายื่นขอลาออกเสียแล้ว

“เจ้าต้องการออกจากราชการไปประกอบอาชีพอื่นรึ?” หลี่ชิเย่มองดูซุนหลึ่งหยิ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าทีหนึ่ง ยิ้มกล่าวขึ้น

ซุนหลึ่งหยิ่งที่เฉยเมย ยังคงเหมือนดั่งเงาสายหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงนั้น พยักหน้า ประหยัดคำพูดดั่งทองคำ และกล่าวว่า “ถูกต้อง ขอฝ่าบาทส่งเสริม”

ภายในใจของจางเจี๋ยตี้สะดุ้งเมื่อได้ยินคำขอลาออกของซุนหลึ่งหยิ่ง เขารู้ว่าการลาออกของซุนหลึ่งหยิ่งนั้นบ่งบอกถึงสิ่งใด เวลานี้การที่หลี่ชิเย่สามารถนั่งบัลลังก์ได้ ในระดับที่สูงมากเป็นเพราะซุนหลึ่งหยิ่งยังอยู่ มีเพียงซุนหลึ่งหยิ่งเท่านั้นที่สามารถสะกดสถานการณ์โดยรวมได้ หาไม่แล้วลำพังหลี่ชิเย่เป็นไปไม่ได้ที่จะสะกดสถานการณ์โดยรวมได้

“อาวุโสซุน สถานการณ์ยังไม่แน่นอน ท่าน ท่านผู้เฒ่าไปไหนไม่ได้นะ” จางเจี๋ยตี้ที่มองเห็นท่าทีของหลี่ชิเย่นั้นตามอารมณ์ยิ่งนัก เขารู้ว่าหลี่ชิเย่ยังไม่ได้ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องราว เขาจึงได้ออกปากเหนี่ยวรั้งทันที รีบกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า “อาวุโสซุน ปัจจุบันนี้ขาดท่านไม่ได้นะ ฝ่าบาทยังต้องการให้ท่านปกป้อง”

“ข้าแก่แล้ว เป็นไม้ใกล้ฝั่ง ขอฝ่าบาทโปรดส่งเสริม” ซุนหลึ่งหยิ่งยังคงประหยัดคำพูดดั่งทองคำ

พลันที่ซุนหลึ่งหยิ่งพูดคำพูดนี้ออกมา จางเจี๋ยตี้เองก็นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ซุนหลึ่งหยิ่งติดตามฮ่องแต้ไท่ชิงมาสามยุคสมัย เป็นความจริงที่อายุขัยกำลังจะสิ้น ฮ่องแต้ไท่ชิงสิ้นพระชนม์แล้ว เกรงว่าเวลาของซุนหลึ่งหยิ่งก็คงเหลือไม่มากแล้ว

ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ ขณะฮ่องแต้ไท่ชิงยังอยู่นั้น ซุนหลึ่งหยิ่งคือใต้หนึ่งคนเหนือหมื่นคน ทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่มีเพียงฮ่องแต้ไท่ชิงเท่านั้นที่สั่งซุนหลึ่งหยิ่งได้ คนอื่นๆ ไม่สามารถทำให้ซุนหลึ่งหยิ่งปฏิบัติตามคำสั่งได้

ซุนหลึ่งหยิ่งรับใช้ภักดีต่อฮ่องแต้ไท่ชิงเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ จะอย่างไรเสียเขาได้ติดตามฮ่องแต้ไท่ชิงมาชั่วชีวิต

แต่ว่า หลี่ชิเย่ที่เป็นฮ่องเต้องค์ใหม่อาจจะไม่มีกำลังพอที่จะไปสั่งการควบคุมซุนหลึ่งหยิ่งได้ การที่ซุนหลึ่งหยิ่งยินดีช่วยให้หลี่ชิเย่ที่เป็นฮ่องแต้องค์ใหม่ได้ขึ้นสู่ตำแหน่ง ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะภักดีต่อฮ่องแต้ไท่ชิง

เวลานี้หลี่ชิเย่ได้ขึ้นนั่งบัลลังก์ฮ่องเต้แล้ว ซุนหลึ่งหยิ่งก็ไม่ต้องการอยู่ในวังอีกต่อไป เพื่อรับใช้และภักดีต่อหลี่ชิเย่ที่เป็นฮ่องเต้องค์ใหม่

สิ่งนี้แหละคือเหตุผลที่ซุนหลึ่งหยิ่งแตกต่างกับจางเจี๋ยตี้ ในระดับหนึ่งจางเจี๋ยตี้คือรับใช้ภักดีต่อราชวงศ์โต่วเซิ่น ขณะที่ซุนหลึ่งหยิ่งรับใช้ภักดีเฉพาะฮ่องแต้ไท่ชิง เขาไม่ใส่ใจความเป็นความตายของคนอื่นอยู่แล้ว

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อนุญาต” หลี่ชิเย่พยักหน้า และกล่าวว่า “เจ้าต้องการอะไร เอาไปได้ตามต้องการ คลังสมบัติ ผืนแผ่นดิน ล้วนแล้วแต่เปิดกว้างให้เจ้า” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวตามอารมณ์

“ฝ่าบาท ไม่ได้อย่างเด็ดขาด” จางเจี๋ยตี้ตกใจ กล่าวด้วยความผวาว่า “อาวุโสซุนคือกระดูกสันหลังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ของพวกเรา ราชวงศ์พวกเราขาดผู้เฒ่าซุนไม่ได้นะ…”

การที่จางเจี๋ยตี้ร้อนรนและเป็นกังวลเช่นนี้ก็เพื่อหลี่ชิเย่ เพียงแต่เขาไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ ว่าเป็นไปไม่ได้ที่หลี่ชิเย่จะควบคุมสถานการณ์ใหญ่ได้เท่านั้นเอง เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะเตือนให้หลี่ชิเย่ยกเลิกคำบัญชา

“ขอบพระทัยฝ่าบาท” ซุนหลึ่งหยิ่งคารวะทีหนึ่ง แต่ก็สง่าผ่าเผย ไม่ต้องการสิ่งใดเลย ล่องลอยจากไปด้วยมือเปล่า

“ฝ่าบาท ทรงเลอะเลือนแล้ว” ในขณะนี้จางเจี๋ยตี้เองก็อดที่จะเอ่ยขึ้นด้วยความร้อนรน เวลานี้เขาแทบจะล่วงเกินต่อผู้มีฐานะสูงกว่าตนเสียแล้ว แต่สิ่งนี้ก็เป็นเพราะความภักดีของเขา

“ฝ่าบาท มีเพียงผู้เฒ่าซุนอยู่จึงสามารถสยบสถานการณ์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เอาไว้ได้” จางเจี๋ยตี้กล่าวด้วยเสียงร้อนรนขึ้นมา

…………………………………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *