Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1580

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1580 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1580 เมืองฟงเหวิน

“ไปเมืองฟงเหวิน?” คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้ข่งเชียะหมิงหวางตะลึงนิดหนึ่ง “ไปพบใครที่เมืองฟงเหวินรึ?”

“คนที่มีประโยชน์ต่อเจ้า คนที่มีประโยชน์ต่อเมืองสมุทรสยบฟ้าของพวกเจ้า คนที่สามารถเป็นผู้หนุนหลังให้กับเมืองสมุทรสยบฟ้าของพวกเจ้า” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวท่าทีเฉยเมย

“เป็นผู้หนุนหลังให้กับเมืองสมุทรสยบฟ้าของพวกเรา?” คำพูดช่เนนี้ยิ่งทำให้ข่งเชียะหมิงหวางตะลึงมากขึ้นกว่าเดิมอีก ถ้าหากเปลี่ยนเป็นคนอื่นแล้วพูดออกมาเช่นนี้ ไม่แน่นักข่งเชียะหมิงหวางอาจจะหัวเราะขึ้นมาก็เป็นได้

ใครเป็นหนึ่งในมหาสมุทรอุดร เมืองสมุทรสยบฟ้า! ต่อให้ทอดสายตามองออกไปทั่วทั้งแดนมนุษย์กษัตรา เมืองสมุทรสยบฟ้าก็เป็นสำนักที่สามารถติดอันดับกับเขาได้ กล่าวสำหรับเมืองสมุทรสยบฟ้าของพวกเขาแล้ว ยอดฝีมือมีอยู่มากมาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเมืองสมุทรสยบฟ้าของพวกเขายังมีระดับจักรพรรดิเทพปราศจากผู้ต่อกรเช่นเย่จิ่วโจว สำหรับกู้จุนที่อยู่ในตำนาน ยิ่งลึกล้ำยากจะหยั่งถึง

ที่มหาสมุทรอุดรมีเพียงเมืองสมุทรสยบฟ้าของพวกเขาที่เป็นผู้หนุนหลังให้กับคนอื่น ไหนเลยต้องให้คนอื่นมาหนุนหลังให้กับเมืองสมุทรสยบฟ้าของพวกเขา

เวลานี้ หลี่ชิเย่กลับบอกว่าหาคนๆ หนึ่งมาเป็นผู้หนุนหลังให้กับเมืองสมุทรสยบฟ้าพวกเขา แล้วจะไม่ให้ข่งเชียะหมิงหวางต้องตะลึงได้อย่างไร แต่ว่า หลี่ชิเย่ในฐานะที่เป็นคนโหดอันดับหนึ่งที่มีชื่อโหดอันโด่งดัง ย่อมไม่พูดล้อเล่นอย่างเด็ดขาด

“ที่คุณชายพูดถึงคือยวีไท่จวินรึ?” ข่งเชียะหมิงหวางคิดไปคิดมา หนึ่งเดียวที่นางคิดได้ก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้น

หากจะบอกว่าใครบ้างในมหาสมุทรอุดรสามารถทำให้เมืองสมุทรสยบฟ้าของพวกเขาต้องหวั่นเกรงอยู่สามส่วนล่ะก็ คงมีแต่ยวีไท่จวินเท่านั้น นางคือคนๆ เดียวที่สามารถเคียงบ่าเคียงไหล่กับกู้จุนได้

“ไม่ใช่” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ในเมืองฟงเหวิน นอกจากยวีไท่จวินแล้วยังมีคนอื่นๆ อีก”

“เช่นนั้นต้องอภัยที่น้องมีความรู้ตื้นเขินแล้ว” ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับพูดว่า “น้องไม่เคยได้ยินว่ายังมีระดับสะเทือนฟ้าเช่นนี้มาก่อน” เรื่องนี้หาใช่เป็นการทะนงตนของนาง

ผู้ที่สามารถเป็นผู้หนุนหลังให้กับเมืองสมุทรสยบฟ้าได้อย่างแท้จริงในมหาสมุทรอุดร ย่อมต้องเป็นประเภทสามารถต่อกรกับราชันเซียนซึ่งหน้าได้ มิฉะนั้นแล้ว กับคนอื่นๆ ใครจะเป็นผู้หนุนหลังให้กับใครยังไม่รู้เลย

“เจ้าไม่รู้ ไม่ได้หมายความว่าต้องไม่มี” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ยอดฝีมือในโลกมีจำนวนนับไม่ถ้วน หาไม่แล้วเฉกเช่นยอดฝีมืออย่างกู้จุน คงไม่อยู่อย่างเจียมตัวมายุคหนึ่งเต็มๆ”

สำหรับคำพูดลักษณะเช่นนี้ ข่งเชียะหมิงหวางไม่อยู่ในฐานะที่จะไปวิจารณ์ได้ จะอย่างไรเสียกล่าวสำหรับนางแล้ว สิ่งนี้เป็นเพียงการแย่งชิงอำนาจภายในของเมืองสมุทรสยบฟ้าเท่านั้น แม้ว่านางจะอยู่ในตำแหน่งที่เป็นปฏิปักษ์กับสายของเย่จิ่วโจว แต่นางจะไม่ไปกล่าววาจาอันเป็นการลดค่าบรรพบุรุษของสำนักตน

“คุณชาย เรื่องของเมืองหมิงจูมีความสำคัญยิ่ง หากข้าไปจากเช่นนี้เกรงจะไม่เหมาะ มันจะไม่ไปเข้าทางของพวกบรรพบุรุษเย่พอดีรึ” ข่งเชียะหมิงหวางทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่ง กล่าวว่า “หากคุณชายไม่รังเกียจล่ะก็ ข้าจะให้ผู้อาวุโสเอกของเมืองหมิงจูติดตามคุณชายไปดีไหม?”

“ข้ารังเกียจหรือไม่รังเกียจ? หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมา และยิ้มกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าคำพูดเช่นนี้ต้องถามข้าอย่างนั้นรึ? สำหรับผู้ที่ยืนอยู่จุดสูงสุดคนนั้น หากสามารถได้รับการเอ็ดดูจากเขาถือเป็นโชควาสนาใหญ่ เจ้าคิดว่าเรื่องเช่นนี้ฝากนายหมานายแมวใครก็ได้สักคนก็สามารถได้รับสิ่งนี้อย่างนั้นรึ?”

“เจ้าคิดว่าให้ใครก็ได้สักคนก็สามารถได้รับการยอมรับจากผู้ที่ยืนอยู่จุดสูงสุดอย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่หัวเราะออกมาและกล่าวว่า “ที่ข้าเลือกเจ้าให้กับเขา เป็นเพราะว่าเจ้าได้รับการยอมรับจากเจดีย์หมิงจูเท่านั้น ในอนาคตเจ้าสามารถให้การสนับสนุนเมืองสมุทรสยบฟ้า มิฉะนั้นแล้วหากเปลี่ยนเป็นคนอื่นไม่มีคุณสมบัติพอเสียด้วยซ้ำ”

คำพูดลักษณะเช่นนี้ทำเอาข่งเชียะหมิงหวางถึงกับเหม่อลอยไปนิดหนึ่ง แต่ว่า เมื่อนึกดูให้ละเอียดมันเป็นเช่นนั้นจริง ในฐานะที่สามารถเป็นผู้หนุนหลังให้กับเมืองสมุทรสยบฟ้าได้ ช่างมีความแข็งแกร่งเพียงใด บุคคลเช่นนี้ย่อมไม่ใช่ใครก็สามารถพบได้ และไม่ใช่ใครก็สามารถได้รับการเอ็นดูจากเขาได้

“สำหรับเมืองหมิงจูนั้นปล่อยมันไปเถอะ กู้จุนอยากจะมาชิงเอาไปก็ปล่อยให้เขามาชิง เจ้าคิดว่าเจดีย์หมิงจูเป็นเพียงของประดับอย่างนั้นรึ? หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “ถ้าหากพวกกู้จุนมาก็นับเป็นเรื่องดี ถือโอกาสกำจัดให้หมดในคราเดียวต่อหน้าเจดีย์หมิงจู”

“ก็ดี” ข่งเชียะหมิงหวางทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่ง กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ไปเมืองฟงเหวินครั้งนี้ดูว่าสามารถพบกับยวีไท่จวินสักครั้งหรือไม่ หากยวีไท่จวินยอมออกหน้า บางทีอาจสามารถพลิกสถานการณ์ ฟังว่ายวีไท่จวินนั้นมีชาติกำเนิดมาจากกองทัพมังกรดำ”

“ใช่เพียงแค่กำเนิดมาจากกองทัพมังกรดำเท่านั้น” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยออกมา เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว สายตาของเขาถึงกับมองไปไกลมาก

“ไปเตรียมตัวเถอะ พวกเราไปเมืองฟงเหวินกัน” หลี่ชิเย่สั่งการกับข่งเชียะหมิงหวาง

หลังจากที่ข่งเชียะหมิงหวางตัดสินใจแล้วจึงได้ลุกขึ้นยืน นางเองอดสงสัยไม่ได้ หลังจากที่หลี่ชิเย่มาถึงแล้วก็กลายเป็นคนที่คอยออกคำสั่ง อีกทั้งยังดูเป็นธรรมชาติ เหมือนว่าเรื่องเช่นนี้เมื่อเกิดขึ้นบนตัวของเขาแล้ว ไม่รู้สึกเหนือความคาดคิด แม้แต่น้อย ทำให้ยากต่อการขัดขืน ซึ่งทำให้ข่งเชียะหมิงหวางไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร

ข่งเชียะหมิงหวางเดินไปได้ไม่กี่ก้าว อดที่จะหยุดและหันกลับมาถามหลี่ชิเย่ว่า “คุณชายหลี่ เพราะอะไรท่านถึงรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเมืองสมุทรสยบฟ้าได้ละเอียดขนาดนี้?”

ปัญหาข้อนี้ได้วนเวียนอยู่ในใจของนาง หลี่ชิเย่ล่วงรู้ความลับที่กระทั่งระดับบรรพบุรุษก็ไม่รู้ เป็นต้นว่านางได้รับการยอมรับจากเจดีย์หมิงจูแล้ว หน้าผากของนางจะมีเจดีย์ขนาดเล็กอยู่ ซึ่งเป็นความลับที่น้อยคนจะรู้ ผู้ที่สามารถสัมผัสถึงความลับนี้ได้ในเมืองสมุทรสยบฟ้ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

“ปัญหาลักษณะเช่นนี้ เจ้าควรถามเอาจากราชามังกรดำ ปฐมบรรพบุรุษของพวกเจ้า” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น เป็นรอยยิ้มที่ลึกลับ

คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับอึดอัดหายใจไม่ออก จากนั้นนางก็ไม่ได้ถามต่อ หันหลังเดินออกจากห้องโถงไป

หลังจากที่ข่งเชียะหมิงหวางจัดการมอบหมายงานต่างๆ ภายในเมืองหมิงจูเสร็จสิ้น ได้เดินทางออกจากเมืองหมิงจู แต่ว่า การเดินทางครั้งนี้ของข่งเชียะหมิงหวางเงียบเชียบมาก นางไม่ต้องการให้มีใครรู้ว่านางได้ไปจากเมืองหมิงจู ดังนั้น นางจึงได้ปลอมตัวเป็นเด็กรับใช้ติดตามอยู่ข้างกายของหลี่ชิเย่

เมืองฟงเหวินเป็นเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่งของมหาสมุทรอุดร ตามตำนานเล่าว่า เมืองโบราณแห่งนี้มีประวัติที่ยาวนานมาก ในมหาสมุทรอุดรมีเมืองน้อยแห่งที่มีประวัติยาวนานมากกว่ามัน

เมื่อพูดถึงเมืองฟงเหวิน ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือบ้านตระกูลยวี บ้านตระกูลยวีหาใช่เป็นสำนักสุดยอดแต่อย่างใด กระทั่งเรียกได้ว่า ดูจากขนาดของสิ่งปลูกสร้างแล้ว บ้านตระกูลยวีมีขนาดไม่ต่างอะไรกับสำนักทั่วๆ ไปเท่านั้นเอง

อย่างไรก็ตาม ศิษย์ของบ้านตระกูลยวีมีจำนวนไม่มาก ต่างจากพวกสายสำนักราชันเซียนที่มีศิษย์จำนวนมากตั้งแต่หลายหมื่นคนถึงหลายแสนคน ขณะที่ศิษย์บ้านตระกูลยวีแค่หลายพันคนเท่านั้น ภาพรวมสำหรับขนาดของบ้านตระกูลยวีเกรงว่าคงอยู่ในสำนักที่อยู่ในระดับสามระดับสองเท่านั้น

แต่ทว่า บ้านตระกูลยวีกลับมีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองฟงเหวิน กระทั่งทั่วทั้งมหาสมุทรอุดร เรียกได้ว่าบ้านตระกูลยวีมีอัจฉริยะบุคคลและยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วน

ภายในบ้านตระกูลยวีประกอบด้วยยอดฝีมือจำนวนมาก ในกลุ่มคนรุ่นใหม่มีดาวรุ่งเช่นยวียวี่เหลียน ขณะที่วัยหนุ่มแน่นมียอดฝีมือเช่นเจ้าบ้านตระกูลยวี หากไล่เรียงขึ้นไปก็จะมียวีจู่บุคคลที่ยโสโอหังยิ่ง

ในมหาสมุทรอุดร ไม่ว่าจะเป็นสำนักเช่นใดก็ตาม หากพูดถึงบ้านตระกูลยวีแล้วก็ต้องให้เกียรติสามส่วน แม้แต่เมืองสมุทรสยบฟ้ายังคงต้องให้เกียรติบ้านตระกูลยวีสามส่วนเช่นกัน

ระยะนี้ เมืองฟงเหวินดูจะคึกครื้นเป็นพิเศษ สำนักเจ้าลัทธิ และสายสำนักราชันเซียนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างมาเยี่ยมคารวะบ้านตระกูลยวี อีกทั้งผู้ที่เดินทางมาเยี่ยมคารวะล้วนแล้วแต่ เป็นผู้ยิ่งใหญ่ระดับอาวุโสมากกว่า กระทั่งมีระดับจักรพรรดิเทพที่มาด้วยตนเองเพื่อเยี่ยมคารวะต่อบ้านตระกูลยวี

เร็วๆ นี้ มีช่าวที่สะเทือนฟ้าปรากฏออกมา ยวีไท่จวินสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกเป็นชาติที่สอง พลันที่ข่าวนี้ถูกแพร่ออกมา สร้างความตระหนกตกใจไปทั่วมหาสมุทรอุดร ผู้ยิ่งใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนเมื่อได้สติกลับมาแล้ว ต่างทยอยกันเดินทางไปที่บ้านตระกูลยวี เพื่ออวยพรต่อยวีไท่จวิน!

เมื่อมีการเอ่ยถึงชื่อยวีไท่จวิน ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างลุกขึ้นแสดงความเคารพเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดซึ้ง ต่อให้ผู้แข็งแกร่งมากกว่านี้ เมื่อได้ยินชื่อนี้แล้วก็ต้องหวั่นเกรงอยู่สามส่วน

ต่อให้เป็นระดับบรรพบุรุษของเมืองสมุทรสยบฟ้า เมื่อเอ่ยถึงยวีไท่จวินแล้วต้องลุกขึ้นแสดงความเคารพเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดซึ้ง และเรียกขานเป็นผู้อาวุโสด้วยความเคารพ

ยวีไท่จวินคือขุนพลอันดับหนึ่งของกองทัพมังกรดำ เล่าลือกันว่านางปราศจากผู้ต่อกรชั่วชีวิต ไม่เคยพ่ายแพ้มาชั่วชีวิต นางเข้าร่วมกองทัพมังกรดำในยุคของราชันเซียนหยินเทียน ถวายความจงรักภักดีต่อราชามังกรดำ ชั่วชีวิตของนางนำทัพปราศจากผู้ต่อกร รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง สุดท้าย ได้เป็นยอดขุนพลอันดับหนี่งของกองทัพมังกรดำ

อย่างไรก็ตาม ผลงนการสู้รบของยวีไท่จวินไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เล่าลือกันว่า หลังจากที่ราชันเซียนหยินเทียนได้เป็นราชันเซียนแล้ว นางเคยต่อสู้กับราชันเซียนหยินเทียนมาครั้งหนึ่ง ผลและรายละเอียดการต่อสู้เป็นอย่างไรนั้น ไม่มีบุคคลภายนอกที่มีสิทธิ์เข้าชมการต่อสู้

แต่ว่า มีคำเล่าลือเล่ากันว่า หลังจากศึกครั้งนี้สิ้นสุดลง มีศิษย์ของราชันเซียนหยินเทียนถามถึงความแข็งแกร่งของยวีไท่จวิน ราชันเซียนหยินเทียนกล่าวว่า “สามาราถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้!”

พลันที่คำพูดนี้ถูกพูดออกมา ทำให้เป็นที่ฮือฮาไปทั่วหล้า คำว่าสามาราถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้ เมื่อออกจากปากของราชันเซียนหยินเทียนย่อมแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

แม้จะกล่าวว่า ในเก้าแดนเคยมีผู้คนจำนวนมากมายที่ยกย่องตัวเองว่าสามาราถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้ แต่ทว่า ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นการยกหางตัวเองเสียมากกว่า แม้แต่จักรพรรดิชั้นเก้าแดนก็ยกย่องตัวเองว่าเป็นผู้ที่สามาราถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้

บางคนยิ่งไร้เหตุผลมากไปกว่านั้น เพื่อต้องการยกฐานะตัวเองให้สูงขึ้น ระดับผู้ยิ่งใหญ่รุ่นอาวุโสบางคนต่อให้แค่เคยปะมือกับราชันเซียนมาสามถึงห้ากระบวนท่า เมื่อมาถึงยุคหลังก็จะยกย่องตัวเองว่าเป็นผู้ที่สามาราถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้

ความจริงแล้ว บรรดาผู้ที่ยกย่องตัวเองว่าเป็นผู้ที่สามาราถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้เหล่านั้น เพียงแค่สำคัญตัวเองเท่านั้น ไม่ได้มีความสามารถจริงในการต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้

แต่ทว่า กรณีของหยีไท่จวินนั้นต่างกัน นางเคยท้าดวลกับราชันเซียนหยินเทียนด้วยตัวของนางเอง อีกทั้งผลงานการต่อสู้หาใช่นางเป็นผู้คุยโวเอง เกียรติยศด้านการเป็นผู้ที่สามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้ก็หาใช่นางเป็นผู้บอกกล่าวให้กับบุคคลภายนอก แต่เป็นสิ่งที่ออกมาจากปากของราชันเซียนหยินเทียนเองโดยตรง

เมื่อเป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของราชันเซียนหยินเทียนเองย่อมแตกต่างกัน ผลงานเช่นนี้ย่อมมีความน่าเชื่อถือที่สูงมาก เป็นผลงานที่ไม่จำเป็นต้องตั้งข้อสงสัย

เนื่องเพราะสาเหตุนี้เอง หยีไท่จวินจึงเป็นผู้ที่ผู้คนในมหาสมุทรอุดรรับรู้กันอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะสามาราถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้ ทั้งยังเป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับจากปากของราชันเซียนเอง ผลงานเช่นนี้นับว่ามีอยู่ไม่มากในมหาสมุทรอุดร

เนื่องเพราะสาเหตุนี้เอง ชื่อเสียงของหยีไท่จวินจึงโด่งดังยากที่จะมีผู้ทัดเทียมในมหาสมุทรอุดร ไม่ว่าใครก็ตาม หากมีการเอ่ยถึงหยีไท่จวินล้วนแล้วแต่ต้องลุกขึ้นแสดงความเคารพเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดซึ้ง

น่าเสียดาย ต่อให้เป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้ ก็ไม่สามารถทนต่อกาลเวลาที่ล่วงเลยไป อายุขัยของหยีไท่จวินได้หมดลงในยุคของราชันเซียนท่าคง นางจึงเลือกที่จะกักตนมรณะ

ทุกคนต่างเข้าใจว่า หลังจากนี้ไปหยีไท่จวินคงจะละสังขารในท่านั่งกรรมฐาน ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า มาวันนี้กลับมีข่าวออกมาจากบ้านตระกูลยวีว่า หยีไท่จวินจะออกจากการกักตนมรณะแล้ว

เมื่อข่าวนี้แพร่ออกมา ปรากฏฮือฮาไปทั่วหล้า ทุกคนล้วนแล้วแต่เข้าใจว่าหยีไท่จวินได้มีชีวิตต่อไปอีกเป็นชาติที่สอง

เรื่องของการมีชีวิตอยู่ต่อเป็นชาติที่สองนะเนี่ย เป็นเรื่องที่ผู้คนไม่กล้าแม้แต่จะคิด แต่หากว่าหยีไท่จวินสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปเป็นชาติที่สองจริง ย่อมสั่นสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คนเหลือเกิน!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *