Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1963 บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1963 บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลี่ชิเย่มองดูบรรดาจอมราชันเซียนหวังที่ให้เกียรติเดินทางมาด้วยใบหน้าที่แฝงด้วยรอยยิ้ม พยักหน้าเป็นการทักทาย เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “พวกเรามาเตรียมตัวให้พร้อม สมควรเริ่มได้แล้ว”

จอมราชันเซียนหวังทั้งสิบเจ็ดองค์ไม่กล่าวมากความ พวกเขาแบ่งออกเป็นสองข้างยืนอยู่ซ้ายขวาของหลี่ชิเย่ โอบล้อมป้องกันหลี่ชิเย่เอาไว้ตรงกลาง เพื่อไม่ให้ผู้อื่นมองออกว่าพลังอำนาจยิ่งใหญ่ถูกสร้างเอาไว้อยู่ตรงไหน

ในขณะนี้ ความมืดมิดของไกลกันดารยังคงเหมือนเดิม ร่างเงาของผู้ยิ่งใหญ่แต่ละคนยังคงวนเวียนอยู่ท่ามกลางความมืดตรงนั้น แม้ว่าร่างแท้จริงของผู้ยิ่งใหญ่แต่ละคนยังไม่ได้ขึ้นมาจากใต้พื้นดินจริงๆ แต่ว่า ยามที่ร่างเงาของพวกเขาที่วนเวียนอยู่ในความมืดโดยไม่สลายตัวไปไหน เท่ากับเป็นการบ่งบอกว่าพวกเขาอยากได้มากจนน้ำลายหกแล้วหละ เพียงแต่พวกเขายังคงหวั่นเกรงอะไรบางอย่าง ไม่ได้บุกเข้าไปเท่านั้นเอง

“แว้งค์…แว้งค์…แว้งค์…” นาทีนี้เอง หลี่ชิเย่ทำการขับเคลื่อนเลือดเซียนบ่อนั้น ภายใต้ความลึกลับมหัศจรรย์ของสถานการณ์ เลือดเซียนได้กลืนกินพลังแก่นฟ้าดินเข้าไป เสมือนหนึ่งได้กำเนิดโลกใหม่ขึ้นมาทั้งโลกอย่างนั้น ท่ามกลางเลือดเซียนบ่อนี้ได้หล่อเลี้ยงพลังชีวิตที่งดงามและยอดเยี่ยมที่สุดในโลกเอาไว้ บ่มฟักพลังที่ดั้งเดิมและยอดเยี่ยมที่สุดเอาไว้

“ตึง ตึง ตึง…” ในเวลานี้ หลักกฎเกณฑ์แต่ละสายของจอมราชันเซียนหวังปรากฏขึ้น จอมราชันเซียนหวังแต่ละองค์ต่างสองมือเกาะบ่า ถ่ายทอดพลังชะตาฟ้าโดยตรงไปสู่ร่างกายของหลี่ชิเย่ ในขณะนี้ หลี่ชิเย่ ทำการควบคุมหลักกฎเกณฑ์ที่พร่างพราวและเจิดจรัสที่สุด โดยที่หลักกฎเกณฑ์ดังกล่าวคล้ายดั่งไหมที่กำลังพ่นใยและห่อหุ้มเลือดเซียนบ่อนั้นเอาไว้ อาศัยความลึกลับและมหัศจรรย์ที่สุดในโลกหลอมกลั่นเลือดเซียนที่อยู่ในลักษณะเย้ายวนใจยิ่งอยู่แล้ว

เสียง “จี๊ด จี๊ด จี๊ด” ดังขึ้น นาทีนี้ ภายใต้การหลอมกลั่นของหลี่ชิเย่และจอมราชันเซียนหวัง เลือดเซียนที่เดิมเย้ายวนใจมากอยู่แล้วยิ่งสมบูรณ์มากขึ้นไปอีก เหมือนหนึ่งเป็นองุ่นที่สุกงอมเต็มที่ สามารถเด็ดได้ทุกเวลา

ภายใต้การหลอมกลั่นครั้งแล้วครั้งเล่า เลือดเซียนบ่อนี้ได้แปรเปลี่ยนสภาพไปแล้ว มันไม่ใช่เลือดเซียนอีกต่อไป ทั่วทั้งบ่อตลบอบอวลไปด้วยพลังชีวิตที่ไม่อาจสลายได้ พลังชีวิตนี้มีความน่าเกรงขามและไม่มีสิ้นสุด บนโลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดสามารถปกปิดพลังชีวิตสายนี้เอาไว้ได้ ขอเพียงมันยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใด เวลาใด มันก็สามารถเผยตัวออกมาได้

พลังชีวิตที่เปี่ยมล้นและไม่มีสิ้นสุด ทำให้ทั่วทั้งไกลกันดารเสมือนดั่งวสันตฤดูได้กลับมาอีกครั้ง ภายใต้พลังชีวิตสายนี้ ถึงกับสามารถขับไล่ความมืดมิดให้สลายไป ทำให้ทั่วทั้งไกลกันดารเหมือนมีพลังชีวิตปรากฎออกมาอย่างนั้น

ก่อนหน้านี้ ในไกลกันดารนอกจากความเงียบสงัดแล้วยังคงเป็นความเงียบสงัด ทั่วทั้งไกลกันดารเต็มไปด้วยกลิ่นอายมรณะ แต่ทว่า ยามที่พลังชีวิตสายนี้ตลบอบอวลนั้น ได้นำมาซึ่งชีวิตให้กับไกลกันดาร นำมาซึ่งความหวังทั่วทั้งไกลกันดาร นาทีนี้เสมือนว่าทั่วทั้งไกลกันดารไม่ได้มีเพียงกลิ่นอายมรณะอีกต่อไป ไม่ใด้เงียบสงัดวิเวกวังเวงอีกต่อไป

ยามที่พลังชีวิตสายนี้ปรากฏขึ้นมานั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความเบิกบานสบายใจ มีความรู้สึกเหมือนก้าวข้ามความมืดมองเห็นแสงสว่างอีกครั้ง หรือกวาดล้างเมฆหมอกจนสิ้น ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ใช่เพ้อฝัน แต่เป็นรับรู้ด้วยตนเองจริงๆ

เสียง “ปุ…” ดังขึ้น นาทีนี้เรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ได้เกิดขึ้นมาแล้ว ณ พื้นที่ไกลกันดารที่แห้งแล้งเงียบสงัดแห่งนี้ ถึงกับมีเมล็ดพันธุ์เมล็ดหนึ่งหยั่งรากลงดินแล้ว แม้จะเป็นเพียงเมล็ดพันธุ์เมล็ดเดียวเท่านั้น และมันแค่แตกใบเขียวอ่อนที่สุดเปรียบเปรยออกมาเพียงใบเดียวเท่านั้นเอง แต่มันก็เป็นการเพียงพอแล้ว

นี่เป็นเพียงแค่ใบอ่อนสีเขียวเล็กๆ ใบเดียวเท่านั้น ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องแปลกอะไรในโลกมนุษย์ เรียกได้ว่าธรรมดามากจนไม่รู้จะธรรมดาอย่างไรแล้ว

แต่กับไกลกันดาร ใบไม้ใบเล็กๆ ใบนี้กลับไม่ธรรมดาเลย มันคือการทำลายความตาย มันคือการทำลายความมืด นำพาความหวังให้กับโลกที่เงียบสงัดแห่งนี้ นำพาพายุแห่งความเขียวชอุ่มสายหนึ่งมาให้

“โฮกกก…” ขณะที่พลังชีวิตลักษณะเช่นนี้ตลบอบอวลขึ้นมา ขณะที่ใบไม้สีเขียวเล็กๆ ใบนี้ได้ปรากฏออกมา ร่างเงาแต่ละสายที่อยู่ในความมืดกลับดิ้นทุรนทุรายขึ้นมา

ดวงตาแต่ละคู่ของพวกเขาแดงก่ำ จับจ้องอยู่ที่เลือดเซียนบ่อนั้น ในเวลานี้ เลือดสดๆ บ่อนี้ได้กลับกลายเป็นพลังชีวิตที่ดั้งเดิม ลึกล้ำพิสดารที่สุดไปแล้ว

เวลานี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเลือดเซียนบ่อนี้เย้ายวนใจพวกเขามากเกินไปหรือไม่ ทำให้พวกเขาทนไม่ไหว หรือเป็นเพราะเลือดเซียนบ่อนี้นำพาพลังชีวิตให้กับไกลกันดาร นำพาสีเขียวมาให้กับไกลกันดารที่เงียบสงัด นำพามาซึ่งความหวัง ดังนั้น จึงส่งผลให้พวกเขาทุรนทุรายไม่สงบ หรือบางทีอาจเป็นทั้งสองอย่าง

“ของสิ่งนี้ฝืนลิขิตสวรรค์เกินไปแล้ว” แม้แต่จอมราชันเซียนหวังที่ไม่มีสิทธิ์ได้เข้าร่วมการศึกครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้เมื่อได้มองเห็นภาพนี้อย่างลับๆ แล้ว ถึงกับต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึง

“นี่เป็นการอาศัยเลือดราชันของจอมราชันมาเป็นวัตถุดิบ เสริมด้วยพลังชะตาฟ้าของเหล่าจอมราชันเซียนหวังปริมาณมหาศาล จึงสามารถหลอมกลั่นของเหลวเข้มข้นที่เป็นพลังชีวิตดั้งเดิมบ่อนี้ขึ้นมาได้ พลังชีวิตที่เหลวข้นบ่อนี้หากได้ดื่มกินเข้าไป อย่าว่าแต่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาเลย เกรงว่าแม้แต่จอมราชันเซียนหวังยังต้องเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แล้วของแบบนี้จะไม่ทำให้ผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในความมืดต้องการได้มันมาได้อย่างไรกันเล่า” ระดับเซียนหวังที่จ้องมองดูเลือดเซียนบ่อนี้แล้วถึงกับใจเต้นตูมตาม

ใจเต้นตูมตามก็ส่วนของใจเต้นตูมตาม แต่ไม่มีใครกล้าบังเกิดความคิดที่จะแย่งชิงเลือดเซียนบ่อนี้เมื่อมีจอมราชันเซียนหวังอยู่ที่นี่ถึงสิบเจ็ดองค์ เรียกได้ว่าจอมราชันเซียนหวังระดับสูงของชิงโจวส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่อยู่ที่นี่จนหมดแล้ว ใครกล้าแย่งชิงเท่ากับเป็นการรนหาที่ตายเอง

“โฮกกก…” นาทีนี้เอง ร่างเงาของผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในความมืดอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว คำรามเสียงดังอยากจะบุกเข้าไปยังส่วนที่ลึกเข้าไปในไกลกันดาร บังเกิดความรู้สึกพลุ่งพล่านขึ้นมาอยากจะแย่งชิงเอาเลือดเซียนบ่อนี้มาให้ได้ แต่ร่างเงาของผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในความมืดนี้กลับถูกแรงที่ทรงพลังมากรั้งเอาไว้ ไม่อนุญาตให้เขาบุกเข้าไปแย่งชิงได้

“ของดี ข้าไม่ได้กินของดีเช่นนี้มานานมาก นานมากๆ แล้วหละ แทบจะลืมเลือนรสชาติของมันไปแล้ว” ในขณะที่ทุกคนต่างถูกเลือดเซียนบ่อนี้ดึงดูดเอาไว้ เสียงหนึ่งที่ลึกล้ำยิ่งได้ดังขึ้นมา

ปรากฏว่า บนแท่นบูชาแท่นนั้นที่อยู่ในบริเวณส่วนลึกของไกลกันดาร ได้มีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่บนนั้นแล้วไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร เป็นผู้เฒ่าผู้หนึ่ง ผู้เฒ่าผู้นี้สวมใส่เสื้อสีเทา ไม่ได้มีกลิ่นอายที่สะเทือนฟ้า ไม่ได้มีอานุภาพยอดเยี่ยมที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองในหล้า หน้าตาก็ไม่นับว่าแปลก เพียงแต่ดูเป็นผู้ที่มีจิตใจที่ดูมีชีวิตชีวาหน้าตาสดชื่น ให้ความรู้สึกผู้คนว่าเขายังไม่แก่เลย

ขณะที่ผู้เฒ่าเสื้อเทาผู้นี้ปรากฏตัวออกมา ทำให้ทั่วทั้งไกลกันดารพลันเงียบสงบขึ้นทันที เดิมทีผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในความมืดดูจะทุรนทุรายยิ่งนักพลันเงียบสงบขึ้นเช่นกัน กระทั่งความมืดในไกลกันดารยังค่อยๆ สลายไปจากการปรากฏตัวของผู้เฒ่าเสื้อเทาผู้นี้ ร่างเงาแต่ละสายค่อยๆ กลับไปยังใต้พื้นดินอีกครั้ง ดูพวกเขาเกรงกลัว และหวาดกลัวยิ่งนัก

“แว้งค์ แว้งค์ แว้งค์…” ขณะที่ผู้เฒ่าผู้นี้ปรากฏตัวออกมา ทั่วทั้งบริเวณส่วนลึกปรากฎเป็นประกายขึ้นมา และมีม่านแสงค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา ทันใดนั้นพลังอำนาจยิ่งใหญ่ที่ถูกวางไว้ถูกกระตุ้น ฟ้าดินบริเวณส่วนลึกนี้ถูกแยกออก

ผู้ที่อยู่ด้านนอกไกลกันดารไม่สามารถมองเห็นข้างในนี้ได้อย่างชัดเจนอีกต่อไป ได้แต่เห็นลางๆ ว่าข้างในมีร่างเงาของผู้คนตะคุ่มๆ อยู่เท่านั้น มีเพียงผู้ที่ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไรยิ่งมองได้ชัดเจนมากเท่านั้น

ผู้ที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนก็มีเพียงบรรดาจอมราชันเซียนหวังที่หลบอยู่ในที่มืดและไม่ได้เข้าร่วมในศึกครั้งนี้ มีเพียงระดับพวกเขาเท่านั้นที่สามารถมองทะลุผ่านม่านแสงนั้นเข้าไปได้

“พลังอำนาจยิ่งใหญ่แบบนี้ ทั่วโลกเว้นแต่ข้าแล้วยังนึกไม่ออกจริงๆ ว่ามีใครสามารถวางได้” ผู้เฒ่าเสื้อเทามองดูม่านแสงที่ค่อยๆ โผล่ขึ้นมา หัวเราะและกล่าวว่า “แต่ว่า ข้าอยากจะบุกฝ่าออกไปจริงๆ เกรงว่าโลกนี้คงไม่มีสิ่งใดสามารถกักขังข้าเอาไว้ได้”

“ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่มีความเป็นไปได้” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเรียบๆ ว่า “เจ้าไม่เชื่อในความชั่วร้าย ข้าเองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน ดังนั้น พวกเรามาลองสักครั้ง”

สายตาของผู้เฒ่าเสื้อเทาตกอยู่บนตัวของหลี่ชิเย่ ดวงตาทั้งสองส่งประกายที่เฉลียวฉลาดและมองการณ์ไกลแวบวับออกมา เขายิ้มกล่าวว่า “ข้ารู้จักเจ้า และเคยได้ฟังเรื่องราวที่เป็นตำนานของเจ้า เจ้าเหมือนข้าตอนหนุ่มๆ มากทีเดียว เหมือนข้ามาก มีจิตใจที่แข็งกร้าวดวงหนึ่ง”

“ไม่ เจ้ามองตัวเองสูงมากไปแล้ว” หลี่ชิเย่พูดเรียบๆ ว่า “เจ้าไม่ได้มีจิตที่แข็งกร้าว ขณะที่เจ้าก้าวข้ามเส้นแบ่งตรงนั้นไปเจ้าก็ได้พ่ายแพ้แล้ว เจ้าไม่คู่ควรมีจิตที่แข็งกร้าวอยู่ในครอบครอง”

แม้แต่จอมราชันเซียนหวังยังต้องรู้สึกขนลุกซู่ในใจเมื่อเผชิญกับผู้เฒ่าเสื้อเทาผู้นี้ แต่ว่าหลี่ชิเย่กลับเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังคงพูดคุยได้อย่างสนุกสนาน

“เรื่องทุกเรื่องอย่าพูดให้มันเด็ดขาดขนาดนั้น การนั่งยองๆ ไม่ได้หมายถึงการคุกเข่า บางทีเป็นเพราะต้องการออมแรงเพื่อที่จะกระโดดเท่านั้นเอง” ผู้เฒ่าเสื้อเทาไม่ได้แสดงอาการโกรธออมา กล่าวด้วยท่าทีแฝงด้วยรอยยิ้ม

“วิธีการนั่งยองๆ นั้นมีหลายแบบ” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยส่ายหน้าและกล่าวว่า “แต่ทว่า วิธีการนั่งยองๆ เช่นนี้ของเจ้า จะไม่สามารถกระโดดได้ตลอดกาล ขณะที่เจ้านั่งยองๆ นั้น เป็นเพียงการอยู่อย่างอดสูใต้สวรรค์เท่านั้นเอง เป็นเพียงเงาที่อยู่ท่ามกลางความมืดเท่านั้นเอง”

“บางทีเจ้าพูดมีเหตุผล” ผู้เฒ่าเสื้อเทายิ้มกล่าวว่า “ใครถูกใครผิดไม่จำเป็นต้องไปถกเถียงกันอีกแล้ว เจ้าไม่ใส่ใจแนวความคิดของข้า ข้าก็ไม่ใส่ใจในแนวความคิดของเจ้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมนุษย์ปุถุชนบนโลก เจ้าว่ามั้ย”

“ที่พูดก็ถูก” หลี่ชิเย่พยักหน้าจริงจัง ยิ้มกล่าวว่า “ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม วันนี้พวกเราคนใดคนหนึ่งต้องล้มลงอยู่ที่ตรงนี้แน่นอน”

“บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย” ครั้นกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่ได้เอ่ยชื่อฉายาของผู้เฒ่าเสื้อเทาออกมา กล่าวด้วยท่าทีที่แฝงด้วยรอยยิ้มว่า “ข้า หลี่ชิเย่ จะสังหารเจ้าวันนี้”

“บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยนะเนี่ย” จอมราชันเซียนหวังที่ได้ยินชื่อฉายานี้ถึงกับหวาดหวั่นพรั่นพรึงในใจ เมื่อได้ยินชื่อฉายานี้ ขนหัวลุก แม้ว่าจอมราชันเซียนหวังบางองค์สามารถคาดเดาได้ลางๆ ก่อนหน้าแล้วก็ตาม แต่ เมื่อได้รับการยืนยันแล้ว ต่อให้จอมราชันเซียนหวังที่แข็งแกร่งยังต้องรู้สึกขนหัวลุกเช่นกัน

ในยุคสมัยของไกลกันดาร บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยเคยเก็บเกี่ยวชีวิตของสรรพสิ่งมีชีวิตเป็นล้านล้านชีวิตยุคสมัยแล้วสมัยเล่า กล่าวสำหรับเขาแล้ว สรรพสิ่งมีชีวิตนับล้านล้านชีวิตในแต่ละยุคสมัยเป็นเพียงอาหารสำหรับเขาเท่านั้น เป็นสารอาหารสำหรับเขา และเป็นเพียงวัตถุดิบที่สร้างความแข็งแกร่งให้กับเขาเท่านั้น

ในแต่ละยุคสมัยของไกลกันดาร มีผู้ที่รับรู้ถึงการดำรงอยู่ของเขาเพียงไม่กี่คนเท่านั้นเอง เมื่อไรที่รับรู้ถึงการดำรงอยู่ของเขา ก็เป็นการบ่งบอกว่ายุคสมัยนี้ของพวกเขาจะสิ้นสุดลง วันสุดท้ายกำลังมาถึงแล้ว

ท่ามกลางยุคสมัยของไกลกันดาร เคยมีปรัชญาเมธีจำนวนนับไม่ถ้วนที่ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างห้าวหาญ เคร่งครัดในความเป็นธรรม พวกเขาเคยทำการต่อต้านบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย แต่ว่า ในที่สุดแล้ว เหล่าปรัชญาเมธีเหล่านี้หากไม่ถูกบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยสังหารก็คือยอมศิโรราบต่อเขา กลายเป็นสมุนของเขา และเป็นภัยต่อยุคสมัยนั้น กลายร่างเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในความมืด

อาจกล่าวได้ว่าบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยคือต้นกำเนิดของความทุกข์ยากทุกอย่างในยุคสมัยของไกลกันดาร ต้นกำเนิดของเรื่องเศร้ารันทดทุกๆ เรื่อง เขาเก็บเกี่ยวชีวิตของสรรพสิ่งมีชีวิตเพียงเพราะเพื่อตัวเขาเองเท่านั้น

“ข้ารู้” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยไม่รู้สึกว่าอยู่เหนือความคาดคิด และไม่มีอารมณ์โกรธ อมยิ้มและกล่าวว่า “นับแต่อดีตถึงปัจจุบัน คนที่ต้องการสังหารข้ามีมากมายเหลือเกิน แต่ สุดท้ายแล้วหากไม่สยบเพราะแผนการที่ยิ่งใหญ่ของข้า ก็ต้องกลายเป็นกองกระดูกใต้ฝ่าเท้าของข้า เจ้าคิดว่าเจ้าจัดอยู่ในประเภทพไหนหละ? สยบต่อข้า หรือว่ากลายเป็นกองกระดูกใต้ฝ่าเท้าของข้า”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *