Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1710 ประตูมิติปรากฎตัวอีกครั้ง

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1710 ประตูมิติปรากฎตัวอีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1710 ประตูมิติปรากฎตัวอีกครั้ง
ระหว่างที่หลี่ชิเย่พยายามตระเตรียมความพร้อมเพื่อเดินทางไปยังแดนที่สิบอยู่นั้น ปรากฎประกายเซียนสายหนึ่งที่พุ่งขึ้นมาจากหอวิถีฟ้า ประกายเซียนที่รุนแรงสายนี้พลันส่องท้องฟ้ายามค่ำคืนจนสว่างไสวขึ้นมา

“แว้งค์…” เสียงที่ชัดเจนและไพเราะดังก้องไปทั่วแดนมนุษย์กษัตรา ประกายเซียนรุนแรงสายนี้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เพียงชั่วระยะเวลาอันสั้น ประกายเซียนแต่ละสายได้ก่อกำเนิดขึ้นมา ประกายเซียนทุกๆ สายเหมือนฉีกอาณาจักรขึ้นมาแห่งหนึ่ง ภายในเวลาอันสั้นปรากฎอาณาจักรทั้งแปดทิศถูกเปิดออก

จากนั้นเสียง “แว้งค์” ดังขึ้น ปรากฏประตูที่เจิดจรัสและแวววับขึ้นมาท่ามกลางอากาศ ประตูที่พร่างพราวนี้ขณะตั้งอยู่ท่ามกลางอากาศไม่เพียงล้อมรอบด้วยความขมุกขมัวเท่านั้น ขณะเดียวกันยังมีอักขระยันต์ดึกดำบรรพ์ที่เคลื่อนไหวไปมาอยู่ในนั้นอีกด้วย

ภายในประตูลักษณะเช่นนี้ เสมือนหนึ่งมีทางช้างเผือกที่เคลื่อนไหวอยู่ภายใน และเหมือนดั่งสัจธรรมที่มีการก่อกำเนิดขึ้นมา เหมือนว่าด้านนอกของประตูแห่งนี้มีโลกอีกโลกหนึ่งที่ดึกดำบรรพ์ยิ่งกำลังอยู่ระหว่างวิวัฒนาการอย่างนั้น

“นั่นคืออะไร เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกหละ?” การปรากฏประตูลักษณะเช่นนี้ขึ้นมากะทันหัน ได้ทำให้ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่ท้อแท้พลันบังเกิดความหวังที่ลุกโชนขึ้นมา และลิงโลดขึ้นมาอีกครั้งทันที

ขณะที่ผู้รับการคัดเลือกเป็นราชันเซียนไม่รู้จำนวนเท่าไรของเก้าแดนที่ถูกตัดสิทธิ์ในการเข้าชิงตำแหน่งราชันเซียนไปแล้วนั้น ได้ทำให้เก้าแดนพลันเดือดพล่านขึ้นมา ไม่รู้ว่ามีผู้รับการเข้าชิงตำแหน่งราชันเซียนจำนวนเท่าไรแทบจะบ้าคลั่งขึ้นมาเพราะสิ่งนี้ และหลังจากที่เดือดพล่านไปแล้วก็ค่อยๆ สงบลงและกลับสู่ภาวะปรกติ เนื่องจากการสูญเสียสิทธิ์ในการช่วงชิงชะตาฟ้า ทำให้ผู้คนและแคว้นเจ้าลัทธิไม่รู้จำนวนเท่าไรที่รู้สึกท้อแท้ พันธมิตรจำนวนมากพลันเย็นชา และเก้าแดนได้ตกอยู่ในสภาวะเงียบสงัด

แต่ว่า มาวันนี้เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา ได้ทำให้แดนมนุษย์กษัตราพลันดึงดูดสายตาของผู้คนจำนวนไม่น้อย ทำให้ผู้บำเพ็ญตน และหรือแคว้นเจ้าลัทธิต่างๆ และหรือบรรดาพันธมิตรในเก้าแดนที่เดิมเกิดความท้อแท้ขึ้น พลันทยอยกันทอดสายตาออกไปอยู่ที่ประตูมิติบานนี้

“หรือว่าผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์เข้าช่วงชิงชะตาฟ้าในครั้งนี้ยังมีโอกาสได้พลิกตัวอีกครั้งอย่างนั้นรึ?” การปรากฏประตูลักษณะเช่นนี้ขึ้นมาบนท้องฟ้าของเก้าแดนอย่างกะทันหัน แรกทีเดียวหลายคนยังคาดเดาไปว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับชะตาฟ้า

แต่ว่า ไม่นานนัก มีผู้ที่แก่จนสมควรจะตายได้แล้วที่มีประสบการณ์จริงๆ รู้แล้วว่าสิ่งนี้คืออะไร หลังจากที่ผู้ที่แก่จนสมควรจะตายได้แล้วได้เห็นประตูเช่นนี้แล้วถึงกับดวงตาทั้งสองเบิกกว้าง และลุกขึ้นนั่งทันที กล่าวเสียงหลงด้วยความตกตะลึงว่า “ประตูมิติ หนึ่งในสมบัติสวรรค์นพเก้าในตำนาน ชาตินี้มีสมบัติสวรรค์นพเก้าปรากฏตัวขึ้นแล้วจริงๆ”

โลกนี้ไม่มีกำแพงที่ไม่มีช่อง ข่าวเรื่องประตูมิติที่เป็นหนึ่งในสมบติสวรรค์นพเก้าปรากฎตัวพลันดังไปทั่วเก้าแดน ทำให้เก้าแดนต้องกระเพื่อม ทำให้เก้าแดนหวั่นไหวโคลงแคลงไปทั่ว

ทั่วทั้งเก้าแดนเหมือนดั่งบ้าคลั่งไปแล้ว เมื่อได้ยินข่าวลักษณะเช่นนี้ ในเวลานี้ แคว้นเจ้าลัทธิ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตน กระทั่งบรรพบุรุษของสายสำนักราชันเซียนของเก้าแดนจำนวนนับไม่ถ้วน ต่างทยอยกันมุ่งสู่แดนมนุษย์กษัตรา

ในขณะนี้ผู้บำเพ็ญตนของเก้าแดน และสำนักเจ้าลัทธิเหมือนให้ความสนใจในประตูมิติอย่างร้อนแรง กระทั่งมากกว่าต้องการแสวงหาชะตาฟ้าเสียอีก

“หนึ่งในสมบัติสวรรค์นพเก้านะเนี่ย ผู้ใดได้ครอบครองสิ่งนี้ย่อมเกรียงไกรเก้าแดน ปราศจากผู้ต่อกรแห่งยุค!” บรรพบุรุษของสายสำนักราชันเซียนแห่งหนึ่งกล่าวด้วยความตื่นเต้นดีใจว่า “ชาตินี้ขอได้ครอบครองสิ่งนี้ ไม่ได้ชะตาฟ้าก็ไม่เห็นจะมีอะไรนักหนา”

“สมบัติสวรรค์นพเก้ารึ โลกนี้มีสมบัติสวรรค์นพเก้าอยู่จริงรึ?” มีบางคนที่แสดงท่าทีเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับตำนานสมบัติสวรรค์นพเก้า กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วสมบัติสวรรค์นพเก้าเป็นแค่ตำนานเท่านั้น พันล้านปีที่ผ่านมายังไม่เคยมีผู้ใดได้เคยเห็นสมบัติสวรรค์นพเก้าที่แท้จริง

จะโทษผู้คนในโลกที่ตั้งข้อสงสัยก็ไม่ถูก นับแต่อดีตถึงปัจจุบันเป็นต้นมา มีสักกี่คนที่ได้เคยเห็นสมบัติสวรรค์นพเก้าจริงๆ มาก่อน อาจกล่าวได้ว่า สมบัติสวรรค์นพเก้าดูจะหาได้ยากยิ่งกว่าชะตาฟ้าไม่ต่ำกว่าพันล้านเท่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาสมบัติสวรรค์นพเก้าคงอยู่แต่ในตำนานเท่านั้น ไม่เคยมีใครได้เคยเห็นสมบัติสวรรค์นพเก้าที่แท้จริงมาก่อน

เวลานี้ สมบัติสวรรค์นพเก้าได้ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ย่อมเป็นความจริงที่ทำให้ผู้คนจำนวนมากถึงกับเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

ไม่ว่าสมบัติสวรรค์นพเก้าจะจริงหรือเท็จก็ตาม แต่ สำหรับผู้คนในเก้าแดนแล้วยอมที่จะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงดีกว่าไม่เชื่อ ในเวลานี้ทุกคนต่างมุ่งหน้าสู่ประตูมิติอย่างบ้าคลั่ง ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการเปิดประตูมิติออกมา ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการได้สมบัติสวรรค์นพเก้าที่อยู่ในตำนาน

เวลานี้ บริเวณที่ประตูมิติตั้งอยู่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนชนิดมืดฟ้ามัวดิน เรียกได้ว่าถูกผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนล้อมเอาไว้จนน้ำยังเล็ดลอดไปไม่ได้

ในเวลานี้ ท่ามกลางอาณาจักรแห่งนี้เต็มไปด้วยเงาคน มีผู้ที่นั่งสัตว์ขนาดยักษ์มา และมีผู้ที่นั่งเรือบินมา กระทั่งมีสำนักเจ้าลัทธิที่นำเอาภูเขาศักดิ์สิทธิ์มาตั้งบนท้องฟ้าแห่งนี้ ยึดครองพื้นที่ผืนใหญ่เอาไว้แต่เพียงผู้เดียว

“ตูม ตูม ตูม………” ในเวลานี้เสียงดังตูมตามดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต่างทำการโจมตีประตูมิติอย่างบ้าคลั่ง ต่างคาดหวังเปิดประตูออกมาเพื่อชิงเอาสมบัติสวรรค์นพเก้าที่อยู่ในตำนาน

แต่ทว่า ไม่ว่าบรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนเหล่านี้จะทำการโจมตีประตูมิติอย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถทำให้ประตูมิติเปิดออกมาได้ สุดท้าย แม้แต่ผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะสามารถต่อกรราชันเซียนซึ่งหน้าได้ลงมือด้วยตนเองก็เปิดประตูมิติไม่ได้ มันยังคงตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น และปิดสนิทแน่นอยู่อย่างนั้น

แม้แต่ผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะสามารถต่อกรราชันเซียนซึ่งหน้าได้ก็ไม่สามารถเปิดประตูมิติออกมาได้ ทำให้บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์ในเวลานี้ต่างมองหน้ากันและกัน ในเมื่อแม้แต่ระดับสามารถต่อกรราชันเซียนซึ่งหน้าได้ยังเปิดประตูมิติดังกล่าวไม่ได้ โลกนี้ยังจะมีใครสามารถเปิดประตูนี้ได้อีกรึ?

ขณะที่ประตูมิติปรากฏขึ้นมานั้น หลี่ชิเย่ที่อยู่สำนักโบราณสี่เหยียนได้ลุกขึ้นยืน และมองไปบนท้องฟ้าทีหนึ่ง ในเวลานี้เองดวงตรามิติโบราณที่อยู่ในลัคนาพลุ่งพล่านไม่หยุดนิ่ง

“สมควรมาได้แล้ว การปรากฏของประตูมิติถือได้ว่าเป็นการจัดการเรื่องนี้ให้มันจบสิ้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ข้าจะจากไป และเป็นการทิ้งธาตุแท้ภายในเอาไว้ให้กับเก้าแดนก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่ ยิ้มกล่าวออกมา

จากนั้น หลี่ชิเย่ได้สั่งการให้ศิษย์ภายในสำนักไปแจ้งต่อพวกราชันทักษิณ เพียงชั่วครู่พวกของราชันทักษิณก็มาถึง พวกหม่ากู ปู้เหลียนเซียงก็มาถึงแล้วเช่นกัน

หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวกับพวกของราชันทักษิณว่า “ไปกัน ข้าจะพาพวกเจ้าไปดูโลกที่อยู่ด้านหลังประตูมิติรับรองว่าจะต้องให้พวกเจ้าได้เปิดหูเปิดตาแน่นอน และถือเป็นการปลอบขวัญก่อนเดินทาง เพื่อได้เห็นความลี้ลับมหัศจรรย์ของสมบัติสวรรค์นพเก้า”

ต่อให้พวกราชันทักษิณที่มีประสบการณ์ยังคงต้องหวั่นไหวเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ จะอย่างไรเสียสมบัติสวรรค์นพเก้าคงอยู่ในตำนานมาตลอด แม้แต่ผู้ดำรงอยู่ในฐานะเช่นพวกเขาก็ยังไม่เคยได้พบเห็นสิ่งเหล่านี้ด้วยตาของตนเองมาก่อน

ขณะที่พวกของหลี่ชิเย่มาถึงหน้าประตูมิตินั้น พื้นที่ที่ห่างไกลจากประตูมิติสามพันลี้ล้วนแล้วแต่ถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้คนจนน้ำยังเล็ดรอดไปไม่ได้ ผู้ที่มาเพิ่งมาทีหลังคิดจะก้าวไปให้ถึงด้านหน้าของประตูมิตินั้นยากยิ่งกว่าขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นฟ้าเสียอีก

“คนโหดอันดับหนึ่งมาแล้ว!” แต่ว่า เมื่อพวกของหลี่ชิเย่ได้มาถึงระยะสามพันลี้ก่อนถึงประตูมิติ ไม่รู้ว่าเสียงใครตะโกนขึ้น พลันทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นทั่วทั้งบริเวณ “ขวับบ” ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนหันหลังกลับไปมองดูหลี่ชิเย่

เวลานี้ ได้ยินเสียงดัง “ซ่าาา ซ่าาา ซ่าาา” ดังขึ้น ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนเสมือนดั่งน้ำที่แยกออกสองข้างซ้ายขวา หลบเป็นทางให้กับพวกของหลี่ชิเย่

โดยเฉพาะยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนของแดนมนุษย์กษัตรายิ่งมองดูคนโหดอันดับหนึ่งด้วยความยำเกรง กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วในยุคปัจจุบัน แม้คนโหดอันดับหนึ่งไม่ใช่ราชันเซียน แต่เป็นยิ่งกว่าราชันเซียน! ในโลกนี้คนโหดอันดับหนึ่งถือว่าปราศจากผู้ต่อกรเสียแล้ว ไม่ว่าผู้ดำรงอยู่ในสถานะใดก็ตาม เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาแล้วก็สุดที่จะรับมือเขาได้

บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนของสำนักเจ้าลัทธิต่างๆ ตามแดนสมุนไพรแร่ธาตุ แดนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ แดนวิญญาณสวรรค์ที่เคยเห็นคนโหดอันดับหนึ่งมาแล้วต่างมองดูคนโหดอันดับหนึ่งด้วยความหวั่นเกรง

คนโหดอันดับหนึ่งได้ฝากอำนาจบารมีเอาไว้ตามแดนต่างๆ เหล่านี้มานานแล้ว ต่อให้ไม่ได้พบเจอในหลายปีที่ผ่านมาก็ตาม แต่ชื่อของคนโหดอันดับหนึ่งยังคงเป็นเงาทมิฬอยู่ในใจของพวกเขาเช่นเดิม

“เขาก็คือคนโหดอันดับหนึ่งรึ?” บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากของแดนอื่นๆ ยากที่จะเชื่อ เมื่อมองเห็นลักษณะท่าทางที่ธรรมดาไม่เป็นที่สะดุดตาของหลี่ชิเย่ ดั่งเช่นบรรดาศิษย์ของสายสำนักราชันเซียนจากแดนวชิระ แดนมหิงสาประจิมเป็นต้น เมื่อมองเห็นท่าทีธรรมดาๆ ของหลี่ชิเย่แล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่เชื่อว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าก็คือผู้ที่ทำลายล้างพรรคเซียนเหินที่อยู่ในตำนาน

“เขาแข็งแกร่งขนาดนั้นจริงหรือ?” ยอดฝีมือของแดนอื่น โดยเฉพาะดาวรุ่งกลุ่มคนรุ่นใหมไม่ค่อยจะยอมสยบเมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่แล้ว เอ่ยเสียงแผ่วเบาขึ้นมาว่า “อาศัยเขาคนเดียวน่ะหรือสามารถทำลายล้างพรรคเซียนเหินได้อย่างนั้นรึ? อาศัยเขาก็สามารถสังหารสี่โอรสราชันและราชินีราชันเซียนอย่างนั้นรึ? ออกจะโอ้อวดเกินไปแล้วกระมัง”

เมื่อมีคนพูดเช่นนี้ออกมา ทำให้ยอดฝีมือบางส่วนของแดนอื่นๆ ก็รู้สึกว่ามีการโอ้อวดเกินจริง กระทั่งบางคนคิดไปว่าเป็นเพราะผู้บำเพ็ญตนแดนมนุษย์กษัตราพวกเขาจงใจอวดอ้างความแข็งแกร่งของยอดฝีมืออันดับหนึ่ง

สำหรับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนของแดนมนุษย์กษัตราขี้คร้านจะพูดอีกแล้ว กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ความแข็งแกร่งของคนโหดอันดับหนึ่งถึงขั้นไม่จำเป็นต้องอาศัยพวกเขาใช้คำพูดไปโอ้อวดอีกต่อไปแล้ว ในสายตาของพวกเขามองว่า พวกที่มีตาแต่ไร้แววเหล่านั้นเพียงรนหาที่ตายเองเท่านั้น

ขณะที่ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต่างทยอยกันเหมือนสายน้ำที่ถอยออกไปซ้ายขวาเพื่อหลีกเป็นทางให้กับคนโหดอันดับหนึ่งอยู่นั้น ก็มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนบางส่วนของแดนอื่นดูจะไม่ค่อยยอมหลีกทางให้ พวกเขายังคงยืนอยู่ตรงนั้นทำอืดอาดยืดยาด

“หลบไป อย่าได้ขวางทาง” ขณะหลี่ชิเย่เดินมาช้าๆ ไม่จำเป็นต้องให้หลี่ชิเย่ลงมือเอง บรรพบุรุษพันสนได้ลงมือเปิดทางให้กับหลี่ชิเย่ด้วยตนเอง ธงมังกรขดที่อยู่ในมือกระแทกใส่อากาศอย่างแรง เสียงดัง “ตูม” บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่ทำท่าอืดอาดยืดยาดพลันกระเด็นออกไป โดยไม่สามารถขัดขืนได้เลย

ไม่ว่าคนอื่นๆ จะคิดอย่างไรก็ช่าง เมื่อเห็นยอดฝีมือเช่นบรรพบุรุษพันสนยังลงมือเปิดทางให้กับคนโหดอันดับหนึ่งด้วยตนเอง เวลานี้ต่างถอยห่างออกไปด้านข้าง ไม่กล้าซุบซิบวิจารณ์อีกต่อไป ต่างหุบปากลงอย่างง่ายดาย

แต่ว่า จะอย่างไรเสียประตูมิติในฐานะสมบัติสวรรค์นพเก้าย่อมเป็นที่ต้องตาต้องใจ เมื่อเห็นหลี่ชิเย่ก้าวเดินถึงด้านหน้าของประตูมิติ จึงมีระดับบรรพบุรุษที่ได้ชื่อว่าปราศจากผู้ต่อกรดูจะไม่พอใจ จึงอดที่จะก้าวออกมาไม่ได้

“หวูเลี่ยงเทียนจุน…” ระดับบรรพบุรุษหลายคนที่ก้าวออกมาล้วนแล้วแต่มีความแข็งแกร่งยิ่ง ร่างแปลงสูงหมื่นจ้าง พลังลมปราณวูบวาบ เสมือนหนึ่งเป็นภูเขาขนาดยักษ์ที่ขวางอยู่ด้านหน้า ในจำนวนนั้นมีปีศาจตนหนึ่งพนมมือและกล่าวว่า “สหาย ข้าคือเทพนกเผิงแห่งเขาเทวะหลิงวู่ ได้ยินว่าสหายคือผู้ปราศจากผู้ต่อกรแห่งยุค ไม่ทราบว่าสหายสามารถให้การชี้แนะบ้างหรือไม่”

ระดับบรรพบุรุษผู้นี้เชื่อมั่นในตนเองสูงมาก และดูจะเย่อหยิ่งยิ่งนัก แต่ทว่านับว่าเขามีดีที่จะเย่อหยิ่งได้เหมือนกัน โดยที่ตัวเขาอยู่ในระดับจักรพรรดิเทพ เลือดในกายมีสายเลือดของนกเทียนเผิงที่เจือจางมาก เขาเคยเกรียงไกรอยู่ในแดนๆ หนึ่ง เป็นที่นับถือของผู้คน

“เทพนกเผิงอะไร ก็แค่ไก่ป่าตัวหนึ่งเท่านั้น” ราชันทักษิณหัวเราะเสียงดัง ยิ้มกล่าวว่า “อาศัยเจ้ายังไม่มีคุณสมบัติพอให้ปรมาจารย์ชี้แนะบ้างหรอกนะ ให้ข้าอาศัยสามถึงห้ากระบวนท่าไล่เจ้าไปให้พ้นก็แล้วกัน”

บรรพบุรุษผู้นี้ได้รับการเคารพนับถือในแดนของตนยิ่งนัก ระดับจักรพรรดิเทพเช่นเขาไม่ว่าจะอยู่แดนไหนก็นับเป็นบุคคลผู้ที่มีอิทธิพลคนหนึ่ง กระทืบเท้าทีหนึ่งสามารถทำให้แผ่นดินสะเทือนได้ เวลานี้กลับถูกชายหนุ่มผู้หนึ่งหัวเราะเยาะว่าเป็นไก่ป่า ทำให้สีหน้าของเขาดูจะปั้นยากอยู่บ้าง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *