Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2019 ยั่วยุ

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2019 ยั่วยุ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สำหรับคำพูดของยุวกษัตริย์หกกระบี่นั้น หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา ยิ้มอย่างเอ้อระเหยและกล่าวว่า “อย่างนั้นรึ ข้าอยากรู้นักว่ากฎระเบียบของศตาคารเป็นอย่างไร?”

เจ้า…คำพูดของหลี่ชิเย่พลันทำให้สีหน้าของยุวกษัตริย์หกกระบี่เปลี่ยนไป ทันใดนั้นดวงตาทั้งสองของเขาได้ปรากฎปณิธานการฆ่าแวบวับที่น่ากลัวขึ้นมา นี่เป็นการยั่วยุของหลี่ชิเย่ที่มีต่อเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นการท้าทายฐานะการเป็นผู้นำในศตาคารของเขา

“ดี ดี ดี ศตาคารของพวกเรานับว่ามากด้วยผู้มีฝีมือ คลื่นลูกหลังย่อมเหนือกว่า” ในเวลานี้ ยุวกษัตริย์หกกระบี่โกรธจัดจนต้องหัวเราะออกมา เขายิ้มกล่าวต่อเย่เมี่ยวเสวี่ยว่า “องค์หญิงเย่ เรื่องนี้ไม่ต้องให้ท่านลงมือ วันนี้ข้าจะกวาดล้างศตาคารสักครั้ง คืนความสงบสุขให้กับศตาคาร”

“ก็ดี” เย่เมี่ยวเสวี่ยกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ในเมื่อยุวกษัตริย์คือผู้นำของศตาคาร ข้าเชื่อว่ายุวกษัตริย์สามารถคืนความยุติธรรมให้กับศิษย์พรรคทะยานฟ้าของข้า”

“เจ้าหนู ข้าจะไม่รังแกเจ้า เจ้าลงมือเถอะ ข้าอาศัยมือเปล่ารับเจ้าสามกระบวนท่า” เวลานี้ยุวกษัตริย์หกกระบี่ได้ก้าวเดินออกมา ยืนทำมือไพล่หลังท่าทียโสข่มขวัญผู้คน

“ยุวกษัตริย์ไหนเลยต้องถึงสามกระบวนท่า เกรงว่าแค่สองกระบวนท่าก็สามารถทำให้เขาคลานได้” เวลานี้มีนักศึกษาจากศตาคารส่งเสียงเชียร์ยุวกษัตริย์หกกระบี่ ประจบยุวกษัตริย์หกกระบี่

“ยุวกษัตริย์ ยุวกษัตริย์ ช้าก่อน…” ในขณะที่ระหว่างยุวกษัตริย์หกกระบี่กับหลี่ชิเย่กำลังจะลงมือ ได้มี่นักศึกษาผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยท่าทีที่ร้อนรนยิ่งนัก

“เรื่องอะไร?” ยุวกษัตริย์หกกระบี่ทำท่าขมวดคิ้วทีหนึ่ง เมื่อเห็นนักศึกษาผู้นี้วิ่งเข้ามา

เมื่อนักศึกษาผู้นี้วิ่งเข้ามาถึง ได้พูดเบาๆ ที่ข้างหูของยุวกษัตริย์หกกระบี่หลายคำ ทั้งยังหันมองหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง ท่าทางเหมือนหวาดกลัวยิ่งนัก

ขณะที่หลังจากยุวกษัตริย์หกกระบี่ได้ฟังนักศึกษาผู้นี้พูดด้วยเสียงแผ่วเบาแล้วสีหน้าเปลี่ยนไปมากทีเดียว เวลานี้เขายืนตะลึงอยู่ตรงนั้น มองดูหลี่ชิเย่ด้วยท่าทางที่ประหลาด

“ยุวกษัตริย์ เป็นอะไรไปรึ?” เย่เมี่ยวเสวี่ยขมวดคิ้วขึ้นมาเมื่อมองเห็นยุวกษัตริย์หกกระบี่ยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น ไม่มีทีท่าว่าจะลงมือ

ในเวลานี้ สีหน้าของยุวกษัตริย์หกกระบี่เดี๋ยวแดงเดี๋ยวเขียวคล้ำ ท่าทางดูผะอืดผะอมยิ่งนัก นาทีนี้ยุวกษัตริย์หกกระบี่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี

“ไหนหละกฎระเบียบของศตาคาร?” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ มองดูยุวกษัตริย์หกกระบี่ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ท่าทางของยุวกษัตริย์หกกระบี่ในเวลานี้เรียกว่าผะอืดผะอมสุดๆ ท่าทีของเขาในเวลานี้เสมือนหนึ่งได้กลืนแมลงวันเข้าไปตัวหนึ่ง จะกลืนลงท้องไปก็ใช่ที่ จะไม่กลืนก็ไม่ได้

แอ่ม…ในขณะนี้ยุวกษัตริย์หกกระบี่หัวเราะเจื่อนๆ ทีหนึ่ง ท่าทางผะอืดผะอมยิ่งนัก กล่าวว่า “คุณชายหลี่ท่าน ท่านนี้ ท่านนี้ ไม่สิ อาจารย์หลี่ที่แท้คืออาจารย์ของเรือนตำรา เข้าใจผิด เข้าใจผิดนิดหน่อย”

ที่แท้หลังจากที่หลี่ชิเย่ กับเมี่ยวฉานคบค้าสมาคมกันแล้ว ยุวกษัตริย์หกกระบี่ต้องการรู้ว่านักศึกษาจากศตาคารที่ชื่อหลี่ชิเย่มีประวัติความเป็นมาอย่างไร ดังนั้นจึงส่งคนไปสืบ ไม่นึกเลยว่าหลังจากส่งคนไปสืบแล้ว ปรากฏว่าหลี่ชิเย่ไม่ใช่นักศึกษา แต่เป็นอาจารย์ของเรือนตำรา

เมื่อยุวกษัตริย์หกกระบี่พูดคำๆ นี้ออกมา ทำให้บรรดานักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ทยอยกันก้มหน้าลงต่ำในทันที บางคนถึงกับตกใจจนก้าวถอยหลังไปหลายก้าว โดยเฉพาะนักศึกษาที่มาด้วยกันกับยุวกษัตริย์หกกระบี่และเย่เมี่ยวเสวี่ย ยิ่งพยายามเบือนหน้าหนี พวกเขากลัวจะถูกหลี่ชิเย่จดจำใบหน้าของตนได้

มาคราวนี้ ทำเอาบรรดานักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ตกใจจนหวาดกลัวด้วยความหวาดระแวง พวกเขาคิดจะหันหลังวิ่งหนีไป แต่เมื่อหลี่ชิเย่ไม่ได้ออกปาก ทุกคนจึงไม่กล้าวิ่งหนี จะอย่างไรเสียนี่คืออาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้า

สมควรทราบว่า อาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าหาใช่เป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในสถานะทั่วๆ ไป ต่อให้เป็นอาจารย์ที่แย่ที่สุดของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ก็ไม่เป็นที่กังขาในด้านศักยภาพ มิฉะนั้นหละก็จะมาเป็นอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้อย่างไรกัน

ในสถาบันศึกษาเทพเจ้า ระหว่างนักศึกษาด้วยกันเจ้าสามารถก่อเรื่องขึ้นมา กลับจะไม่มีอะไรมากนัก จะอย่างไรเสียก็เป็นบุญคุณความแค้นระหว่างนักศึกษาด้วยกัน และเป็นการกระทบกระทั่งระหว่างนักศึกษาด้วยกัน กระทั่งสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็ยอมรับในความขัดแข้งนี้กรายๆ เนื่องจากมีการแข็งขัน มีกระทบกระทั่งจึงมีความก้าวหน้า ไม่ว่านักศึกษาคนใดก็ตามจำเป็นต้องผ่านลมผ่านฝน จำเป็นตต้องผ่านการเจียระไน

แต่ กับผู้เป็นอาจารย์ก็จะแตกต่างกัน การคิดจะท้าทายอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ไม่เพียงต้องอาศัยกำลังความสามมารถที่ปราศจากผู้เทียบเทียม ที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือ หากท้าทายอาจารย์ในสถาบันศึกษาเทพเจ้า ผลที่จะตามมานั้นหนักหนามาก เว้นแต้สามารถเอาชนะอาจารย์ทุกคนได้ มิฉะนั้นหละก็ โทษสถานเบาคือไล่ออก โทษหนักคือถูกสยบโดยตรง!

จะอย่างไรเสีย นักศึกษาระดับอัจฉริยะบุคคลในสถาบันศึกษาเทพเจ้ามีจำนวนนับไม่ถ้วน นักศึกษาที่มีชาติกำเนิดสูงส่ง ประวัติความเป็นมาน่าตกใจก็มีอยู่นับไม่ถ้วน มีผู้สืบทอดของสายสำนักราชันเซียนจำนวนเท่าไรที่ศึกษาอยู่ที่สถาบันศึกษาเทพเจ้า ?

ถ้าหากสถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่มีอำนาจที่เด็ดขาด เช่นนั้นแล้ว ใครก็สามารถยั่วยุท้าทายต่อสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้ตามอำเภอใจ ถ้าหากใครก็สามารถท้าทายอำนาจของสถาบันศึกษาเทพเจ้า เช่นนั้นแล้วสถาบันศึกษาเทพเจ้าคงไม่ยืนหยัดจนถึงทุกวันนี้

ดังนั้น ในสถาบันศึกษาเทพเจ้า เจ้าต้องการเป็นผู้นำไม่มีปัญหา เจ้าสยบนักศึกษาได้ทุกคนไม่มีปัญหา เจ้าเจอะเจอนักศึกษาคนใดก็ท้าตีท้าต่อยก็ไม่มีปัญหา กระทั่งเจ้าสามารถแลกเปลี่ยนก็ผู้เป็นอาจารย์ในบริเวณสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้

แต่ว่า หากเจ้าคิดยั่วยุท้าทายอาจารย์ หรือคิดจะอาศัยผู้สนับสนุนของตนไปสยบอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้า สิ่งนี้กระทำไม่ได้อย่างเด็ดขาด

เวลานี้ เย่เมี่ยวเสวี่ย และพวกยุวกษัตริย์หกกระบี่ถึงกับคิดตะลุมบอลหลี่ชิเย่ ตะลุมบอลอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้า เท่ากับเป็นการก่อเรื่องใหญ่โตขึ้นมาแล้ว

สิ่งนี่คือเรื่องใหญ่คับฟ้าทีเดียว ต่อให้หลี่ชิเย่ไมต้องลงมือ แต่ไปแจ้งกับสถาบัน เรื่องลักษณะเช่นนี้ก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็กก็ได้ หากจะให้เป็นเรื่องเล็ก ก็บอกว่าเป็นการแลกเปลี่ยนระหว่างนักศึกษาด้วยกัน หากจะให้เป็นเรื่องใหญ่ ก็จะบอกว่าเป็นการคิดร้ายต่ออาจารย์ ลุมทำร้ายอาจารย์!

เมื่อไหร่ที่ได้รับการยืนยันในข้อหารุมทำร้ายอาจารย์ ก็จะกลายบเป็นเรื่องใหญ่ ต่อให้ทางสถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่สยบพวกเขาแต่ขับไล่พวกเขาออกจากสถาบันศึกษาเทพเจ้า ก็จะเป็นเรื่องใหญ่เช่นกัน

เฉกเช่นพวกเย่เมี่ยวเสวี่ยกับยุวกษัตริย์หกกระบี่ยังดีหน่อย จะอย่างไรเสียพวกเขามีเบื้องหลังที่แข็งแกร่ง ต่อให้พวกเขาถูกไล่ออกจากสถาบันศึกษาเทพเจ้า ในอนาคตพวกเขาก็ยังคงอยู่ได้ ขณะที่นักศึกษาคนอื่นๆ จะแตกต่างกัน พวกเขาไม่ได้มีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งเท่ากับเย่เมี่ยวเสวี่ยและยุวกษัตริย์หกกระบี่ เมื่อไหร่ที่ถูกขับออกจากสถาบันศึกษาเทพเจ้า ไม่เพียงฐานะของพวกเขาในสำนักของตนตกฮวบ ไม่แน่นัก ในอนาคตแม้แต่ทวีปเจียวเหิงโจวพวกเขาก็อยู่ยาก

จะอย่างไรเสีย แคว้นเจ้าลัทธิส่งพวกเขามาที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าเพื่อศึกษาเล่าเรียน นอกจากมีความก้าวหน้าด้านการบำเพ็ญเพียรแล้ว ยังต้องการอาศัยสถาบันศึกษาเทพเจ้ามาเคลือบทองให้กับตัวของพวกเขา ขยายฐานมนุษย์สัมพันธ์ เวลานี้กลับถูกสถาบันศึกษาเทพเจ้าไล่ออก ต่อให้สถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่ลงโทษพวกเขา หลังจากที่พวกเขากลับไปก็ต้องถูกสำนักของตนลงโทษ

อาจารย์…ดังนั้น นาทีนี้บรรดานักศึกษาที่ติดตามเย่เมี่ยวเสวี่ยกับยุวกษัตริย์หกกระบี่มาเพื่อรุมทำร้ายหลี่ชิเย่ ต่างตกใจจนเข่าอ่อนทั้งสองข้าง ใบหน้าขาวซีด ไม่กล้าสบตากับหลี่ชิเย่ ก้มหน้าลงต่ำ กระทั่งเกรงว่าจะถูกหลี่ชิเย่จดจำได้

หลี่ชิเย่มองดูบรรดานักศึกษาที่ตกใจจนใบหน้าขาวซีดแล้วขี้คร้านจะไปสนใจ เพียงพูดเฉยเมยว่า “ใครยังมีอะไรจะพูดหละ?”

บรรดานักศึกษาที่คล้อยตามเย่เมี่ยวเสวี่ยกับยุวกษัตริย์หกกระบี่ต่างทยอยกันก้มหน้าไม่กล้าสบตาหลี่ชิเย่ เวลานี้พวกเขายังจะพูดอะไรได้อีก เวลานี้ได้แต่หวังอย่างเงียบๆ ว่าหลี่ชิเย่ไม่รู้จักพวกเขา จำหน้าพวกเขาไม่ได้ เกิดมีการคาดโทษลงมา พวกเขาคงแย่แน่เลย

สีหน้าของยุวกษัตริย์หกกระบี่เดี๋ยวแดงเดี๋ยวดำคล้ำ เวลานี้เขาทำแข็งข้อไม่ได้อีกต่อไป หากเขาจะแข็งข้อต่อไปเท่ากับต้องสู้กับหลี่ชิเย่จนถึงที่สุด การท้าสู้กับอาจารย์ขอวงสถาบันศึกษาเทพเจ้า เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยจิตใจที่แข็งแกร่งมาก เกรงว่าทอดสายตาไปทั่วสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็คงไม่มีใครกล้าทำ

“ยังมีอะไรจะพูดหรือไม่?” เวลานี้สายตาของหลี่ชิเย่ตกอยู่ยนตัวของเย่เมี่ยวเสวี่ยที่มีท่าทีเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม

“ต่อ ต่อให้เป็นอาจารย์ ก็ไม่สามารถทำร้ายนักศึกษาเช่นนี้ มันขัดต่อจริยธรรมของผู้เป็นอาจารย์!” ในเวลานี้เย่เมี่ยวเสวี่ยอดกลั้นต่อความอัปยศนี้ไม่ได้ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปตรงๆ ว่าต้องการท้าสู้กับหลี่ชิเย่ ได้แต่พูดยอกย้อน ยิ่งไปกว่านั้น ต่อหน้าผู้คนจำนวนมากหากนางยอมแพ้หละก็ สจรีผู้สูงศักดิ์เช่นนางไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน

“อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มออกมา กล่าวท่าทีเอ้อระเหยว่า “คนอย่างข้าไม่เคยมีจริยธรรมของอาจารย์”

เจ้า…เย่เมี่ยวเสวี่ยพลันต่อไม่ติด เมื่อหลี่ชิเย่ไม่ทำตามแนวความคิดของนาง จะอย่างไรเสียการยัดข้อหาวง่าขาดจริยธรรมความเป็นอาจารย์ อย่างน้อยก็ทำให้ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น แต่ว่า หลี่ชิเย่ไม่สนใจพูตรงๆ ว่าตนเองนั้นปราศจากจริยธรรมของครู ซึ่งทำให้เย่เมี่ยวเสวี่ยไปต่อไม่เป็น

“ข้า ข้า ข้าจะร้องเรียนต่อสถาบัน!” สุดท้ายเย่เมี่ยวเสวี่ยพูดด้วยเสียงอันดังว่า “ในฐานะที่เป็นอาจารย์ กลับโหดร้ายทารุณกับนักศึกษาตามอำเภอใจ รังแกและดูหมิ่นนักศึกษาพวกเรา ทำร้ายศิษย์สาวของพรรคทะยานฟ้าของพวกเรา ข้า ข้า ข้าพรรคทะยานฟ้าจะต้องร้อยเรียนต่อสถาบัน ร้องเรียนเจ้าฝ่าฝืนจริยธรรมการเป็นอาจารย์!”

เวลานี้ เย่เมี่ยวเสวี่ยไม่รู้ว่าไปเอาความกล้าหาญมาจากไหน เผชิญหน้ากับหลี่ชิเย่โดยตรง เย่เมี่ยวเสวี่ยคือบุตรสาวของบรรพบุรุษผู้หนึ่งของพรรคทะยานฟ้า องค์ชายผู้นี้มีอิทธิพลในพรรคทะยานฟ้า ด้วยเหตุนี้เอง เย่เมี่ยวเสวี่ยที่เป็นผู้เยาว์จึงมีฐานะที่ไม่ธรรมดาในพรรคทะยานฟ้า

ปรกติ เย่เมี่ยวเสวี่ยถูกตามใจ ไม่ว่าก้าวไปถึงไหนก็จะได้รับการปฏิบัติในฐานะองค์หญิง แม้แต่อยู่ในสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็ไม่มีใครทำอะไรนางได้ ปรกติที่ทำตัวสูงเด่นอย่างนางเรียกได้ว่าไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ไม่เคยกลัวใคร เวลานี้กลับถูกหลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงอาจารย์ไร้ชื่อเสียงสยบจนโงหัวไม่ขึ้น นางย่อมไม่สามารถกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้

ขณะที่เย่เมี่ยวเสวี่ยก็ไม่โง่ อาศัยชื่อของตนไม่สามารถข่มผู้อื่นได้ ดังนั้น นางจึงยกเอาพรรคทะยานฟ้าขึ้นมากล่าวอ้าง จะอย่างไรเสียพรรคทะยานฟ้าก็เป็นหนี่งสำนักห้าเซียนหวัง และบิดาของนางก็เป็นระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกร เรียกได้ว่าด้วยกำลังและฐานะเช่นนี้ก็ต้องส่งผลกรทบต่อสถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่มากก็น้อย

“ร้องเรียนข้า?” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ไม่มีปัญหา ในเมื่อต้องการจะร้องเรียนข้า เช่นนั้นแล้ว ข้าจะให้เจ้าได้รู้จักอะไรที่เรียกว่าไร้จริยธรรมอาจารย์ ลงมือ จะได้ไม่บอกว่าข้าไม่ให้โอกาส”

เจ้า…สีหน้าของเย่เมี่ยวเสวี่ยเปลี่ยนไป ถึงกับก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว

ลงมือ…แววตาของหลี่ชิเย่เยือกเย็น อาจานไม่อาจล่วงเกิน ทำให้ผู้คนหนาวสะท้านไปทั่วร่าง

ตูม…เสียงดังสนั่น เวลานี้เย่เมี่ยวเสวี่ยไม่มีทางเลือกพลันปะทุพลังลมปราณทั้งหมดขึ้นมา ตูมปรากฎเป็นอาวุธเซียนหวังเล่มหนึ่งลอยอยู่เหนือศีรษะ

เย่เมี่ยวเสวี่ยเป็นเพียงองค์หญิงก็มีอาวุธเซียนหวังในครอบครอง ย่อมบ่งบอกได้ว่านางได้รับการโปรดปรานเท่าไรในพรรคทะยานฟ้าแล้ว

“อาวุธเซียนหวัง” นักศึกษาจำนวนไม่น้อยรู้สึกเย็นวาบในใจ ทยอยกันถอยห่างเมื่อเห็นอาวุธเซียนหวังเล่มนี้ ทุกคนต่างรู้ถึงอานุภาพของอาวุธเซียนหวัง

“ข้า ข้าไม่กลัวเจ้า พรรคทะยานฟ้าของข้ามีเซียนหวังห้าองค์” เมื่อมีอาวุธเซียนหวังในมือ เย่เมี่ยวเสวี่ยไม่รู้ไปงัดเอาความกล้ามาจากไหน ร้องออกไปว่า “อาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้า เก่งสักแค่ไหนเชียว!”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *