Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1952 ตบปาก

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1952 ตบปาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“จอมเทพมังกรหลวง…” แม้แต่ในใจของจอมเทพคนอื่นๆ ก็รูสึกขนลุกในใจ ถึงกับเสียวสันหลังวาบพึมพำออกมาเมื่อมองเห็นผู้เฒ่าที่อยู่บนรถม้า

“มังกรอเวจีในตำนานนะเนี่ย อาศัยมังกรอเวจีที่มีสายเลือดมังกรแท้จริงมาลากรถให้ อีกทั้งยังมีถึงเก้าตัว ด้วยกำลังเช่นนี้ ความหรูหราปานนี้ นับว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าสายสำนักราชันเซียนแล้วหละ” จอมเทพระดับล่างถึงกับพูดขึ้นมาด้วยความอิจฉา

จอมเทพมังกรหลวงคือจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงในครอบครอง ได้รับการยกย่องว่าเป็นจอมเทพที่แข็งแกร่งที่สุดของยุคก่อน กระทั่งมีผู้ที่กล่าวว่า นอกจากเทพโบราณแล้ว ยากจะหาจอมเทพใดๆ มาต่อกรกับเขาได้อีกแล้ว

ผู้ที่มองดูจอมเทพมังกรหลวงแล้ว มีทั้งผู้ที่อิจฉา ผู้ที่หวาดกลัว และมีผู้ที่ริษยา แม้ว่าชาติกำเนิดของจอมเทพมังกรหลวงจะเป็นโจร และเคยทำเรื่องที่ไม่สามารถเปิดเผยต่อผู้คนเอาไว้มากมาย แต่เรื่องกำลังความสามารถของเขาไม่เป็นที่สงสัย การมีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงในครอบครองย่อมสามารถพลิกสถานการณ์ทั่วหล้าได้อย่างแน่นอน

การที่จอมเทพมังกรหลวงในฐานะที่เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาและมีชาติกำเนิดเป็นโจร สามารถประสบความสำเร็จเช่นวันนี้ นับว่าเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากอย่างแน่นอน กระทั่งมีข่าวลือมากมายว่า จอมเทพมังกรหลวงอาศัยการปล้นชิงชาวบ้าน ฆ่าคนวางเพลิงก็ได้สั่งสมทรัพย์สมบัติและทรัพยากรเอาไว้มากมาย

คำเล่าลือเหล่านี้ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล เนื่องจากจอมเทพมังกรหลวงขณะที่ประสบความสำเร็จด้านสัจธรรมนั้น มีช่วงหนึ่งได้ทำการปล้นสะดมชาวบ้านอย่างบ้าระห่ำ ฆ่าคนวางเพลิง แย่งชิงทรัพย์สมบัติของผู้อื่น

แม้จะกล่าวว่าในโลกของผู้บำเพ็ญตนนั้นเรื่องของปลาใหญ่กินปลาเล็กเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก แต่ว่า มีระดับจอมเทพไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำได้อย่างโจ๋งครึ่มเฉกเช่นจอมเทพมังกรหลวง

ผู้ที่สามารถก้าวมาถึงระดับจอมเทพได้นั้น ต่างก็มีท่วงท่าที่แตกต่างกัน จะมากหรือน้อยก็ต้องหยิ่งในฐานะของตนเองอยู่บ้าง หรือจะกล่าวว่าจะทำสิ่งใดก็ต้องมีหลักการอยู่บ้าง

เหมือนดั่งตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งที่เคยเจริญรุ่งเรืองมาก่อน ต่อมาได้เสื่อมโทรมลง แต่ยังคงมีธาตุแท้ภายในอยู่ไม่น้อย ระดับจอมเทพย่อมไม่ควรไปหมายตาตระกูลนี้แล้วจัดการฆ่าล้างตระกูลอย่างง่ายดาย เพื่อกวาดเอาทรัพย์สมบัติไปทั้งหมด

โดยทั่วไปแล้ว หากไม่ได้มีความเป็นศัตรูต่อกัน ระดับจอมเทพจะไม่ไปทำลายล้างสำนักใดสำนักหนึ่งโดยง่ายดาย

แต่ จอมเทพมังกรหลวงกลับแตกต่างกัน ขอเพียงถูกเขาหมายตาเอาไว้ ไม่ว่าจะเคยเป็นศัตรูกันหรือไม่ ไม่ว่าจะเคยมีบุญคุณความแค้นมาหรือไม่ กระทั่งเคยเป็นสหายกันมาก่อน หรือเป็นบุคคลหรือสำนักและหรือตระกูลที่เคยมีบุญคุณต่อเขามาก่อน ขอเพียงเขาถูกใจในทรัพย์สินเงินทอง หรือของวิเศษของพวกเขาเหล่านั้น จอมเทพมังกรหลวงก็จะทำการฆ่าล้างตระกูลในรวดเดียว กระทั่งทำลายศพและหลักฐาน ให้ตระกูลดังกล่าวหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย

อาจกล่าวได้ว่า เรื่องลักษณะเช่นนี้จอมเทพมังกรหลวงทำมามากมายเหลือกเกิน นับตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้ทรัพย์สินมาก้อนแรกแล้วก็ไม่เคยหยุดการกระทำเช่นนี้เลย ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไร ตระกูลหรือสำนักจำนวนเท่าไรที่ต้องตายด้วยเงื้อมมือของเขาเงียบๆ ต่อให้เป็นผู้ที่เคยมีบุญคุณต่อเขาก็ไม่เว้น ถูกเขาสังหารและฉกเอาทรัพย์สมบัติทั้งหมดไปอย่างเงียบๆ

กล่าวสำหรับตัวจอมเทพมังกรหลวงนั้น ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่แค้นเขาจนเข้ากระดูกดำ แต่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ จอมเทพมังกรหลวงในปัจจุบันแข็งแกร่งมากเกินไป มีสิบเอ็ดดวงตรงสัญลักษณ์ เพียงพอที่จะหมางเมินต่อจอมเทพจำนวนมาก ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังทั่วไปก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา.

ยิ่งไปกว่านั้น จอมเทพมังกรหลวงยังมีกองกำลังที่ชื่อว่าอัศวินมังกรหลวง เก้าจอมเทพ อย่าว่าแต่แคว้นเจ้าลัทธิทั่วไปเลย พวกเขาสามารถกดดันสายสำนักราชันเซียนจำนวนมากจนหายใจไม่สะดวก

โชคดีตรงที่ว่า หลายปีมานี้จอมเทพมังกรหลวงเองก็เข้าใจถึงเหตุผลที่ว่าต้นไม้ใหญ่ย่อมต้านลม หลายปีมานี้พวกเขาออกปฏิบัติการน้อยมาก และไม่ค่อยได้ปรากฏตัว ปล่อยให้สำนักเล็กๆในสังกัดไปก่อความวุ่นวายแทน เนื่องจากตัวจอมเทพมังกรหลวงและอัศวินมังกรหลวงก็เกรงว่าบรรดาสายสำนักราชันเซียนอื่นๆ จะร่วมมือกัน ถ้าหากจอมราชันเซียนหวังแต่ละองค์ร่วมมือกันหละก็ การจะทำลายล้างอัศวินมังกรหลวงพวกเขาก็เป็นเรื่องที่ช้าหรือเร็วเท่านั้น

“สหายเซ่าเจี้ยน ไม่พบกันเสียนาน” ในที่สุดรถม้าของจอมเทพมังกรหลวงได้หยุดลงช้าๆ จอมเทพมังกรหลวงที่นั่งอยู่ตรงนั้นได้แสดงคารวะแบบจีนกับราชันมารเซ่าเจี้ยนจากระยะห่างไกล

ราชันมารเซ่าเจี้ยนเพียงมองดูจอมเทพมังกรหลวงด้วยท่าทีเย็นชาทีหนึ่งและพยักหน้าเท่านั้น ไม่แสดงความสนิทสนมกับจอมเทพมังกรหลวง เขาไม่ได้ชื่นชมในตัวของจอมเทพมังกรหลวงเลย

แม้จะกล่าวว่าทุกคนต่างเกรงกลัวต่อจอมเทพมังกรหลวงและอัศวินมังกรหลวง แต่กองกำลังนกหวีดน้อยของพวกเขาก็ไม่ใช่พวกกินมัง หากอัศวินมังกรหลวงกล้าเป็นศัตรูกับพวกเขาก็ต้องประเมินตัวเองให้ดี

“ยุคนี้เป็นยุคที่คนถ่อยได้ดิบได้ดี แค่ผู้เยาว์คนหนึ่งก็กล้าโอ้อวดกำลัง ดูแคลนหมื่นแดน สังหารจอมราชัน ทำชั่วสารพัด ก่อกรรมทำเข็ญ” ในเวลานี้ จอมเทพมังกรหลวงได้กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ข้าทนดูต่อไปไม่ไหวจริงๆ ยินดีช่วยเหลือสหายเซ่าเจี้ยนอีกแรง กำจัดเจ้าอัปลักษณ์นี้เสีย ขจัดภัยให้กับชิงโจว คืนความสงบให้ชิงโจว”

คำว่าขจัดภัยให้กับชิงโจวเมื่อออกจากปากของจอมเทพมังกรหลวง ทำให้หลายคนต้องมองตากันและกัน ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกเหยียดหยามอยู่ในใจ เพียงแต่ไม่กล้าพูดออกมาเท่านั้น

หากจะถามว่าใครคือภัยอันดับหนึ่งของชิงโจวล่ะก็ ย่อมเป็นใครไปไม่ได้นอกจากอัศวินมังกรหลวงพวกเขา

เวลานี้กลับพูดต่อหน้าผู้คนทั่วหล้าอย่างสง่าผ่าเผยว่าต้องการขจัดภัยให้กับชิงโจว นับว่าเป็นคำพูดที่น่าขันมากที่สุด ภายในใจของจอมเทพบางองค์รู้สึกไม่ใยดี เกรงว่าคงไม่มีใครไร้ยางอายได้เท่ากับจอมเทพมังกรหลวงอีกแล้ว คำพูดนี้ฟังแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน

“หนวกหู!” เวลานี้ หลี่ชิเย่ที่อยู่ส่วนที่ลึกเข้าไปในไกลกันดารลืมตาทั้งสองขึ้น สว่างไสวไปทั่วฟ้าดิน ได้กล่าวตำหนิน่าเกรงขามต่อจอมเทพมังกรหลวง

“เจ้าหนูโง่เขลา ชิงโจวคือที่ที่เต็มไปด้วยพยัคฆ์หมอบมังกรเร้นกาย ไม่อนุญาตให้เจ้าทำกำเริบเสิบสาน” จอมเทพมังกรหลวงลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อถูกหลี่ชิเย่กล่าวตำหนิต่อหน้าผู้คนทั่วหล้า ตวาดเสียงทุ้มต่ำว่า “จอมราชันเซียนหวังในชิงโจวมีมากดั่งดอกเห็ด กระดูกสันหลังของพวกเขาสามารถค้ำยันท้องฟ้าหมื่นแดนได้ สามารถควบคุมสถานการณ์ทุกยุคสมัย ไหนเลยปล่อยให้เจ้าที่เป็นเพียงตัวตลกมาเต้นเร้งเต้นกาทำกำเริบเสิบสานได้! วันนี้ ข้านี่แหละยินดีขจัดภัยให้กับชิงโจว ยินดีเป็นทัพหน้าให้กับเหล่าราชัน สังหารเจ้าเพื่อประกาศให้ทั่วหล้าได้รับทราบ…”

โจรผู้หนึ่งที่ทำเรื่องชั่วช้าทุกอย่าง โจรผู้หนึ่งที่ปล้นชิงชาวบ้าน มารร้ายที่ฆ่าคนวางเพลิงคนหนึ่ง มาวันนี้ถึงกับพูดคำพูดที่มีคุณธรรมและสง่าผ่าเผย ทำให้ผู้คนรู้สึกงงงันไม่น้อย เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อจริงๆ

ทันใดนั้น ผู้คนเกือบจะเชื่อแล้วว่า จอมเทพมังกรหลวงเหมือนกลับตัวเป็นคนดี วางดาบฆ่าคน บรรลุธรรมเป็นพุทธะแล้ว

“ปากสวะ ตบปาก!” หลี่ชิเย่พูดน่าเกรงขามออกมา พลันที่พูดขาดคำ เสียง “ตูม” ดังสนั่น มือขนาดใหญ่ได้ยื่นจากส่วนที่ลึกที่สุดของไกลกันดาร ตบเข้าไปที่ใบหน้าของจอมเทพมังกรหลวงอย่างแรง

“บังอาจ…” จอมเทพมังกรหลวงตวาดเสียงดังขึ้นมา “แว้งค์” พลันเสกเอาโล่ขนาดยักษ์ที่แปลงมาจากทางช้างเผือกเข้ารับมือกับมือขนาดใหญ่ที่ตบเข้ามา

“ปัง” เสียงหนึ่งดังขึ้น โล่ทางช้างเผือกขนาดยักษ์แตกละเอียด มือขนาดใหญ่ตบเข้าที่ใบหน้าของจอมเทพมังกรหลวง สีหน้าของจอมเทพมังกรหลวงเปลี่ยนไปมาก คิดจะหลบเลี่ยงไป แต่ว่า มือขนาดใหญ่นี้ได้แยกเอากาลเวลาออกไป ทำให้ไม่ว่าจะหลบไปอยู่ตำแหน่งไหนก็หนีไม่พ้น อีกทั้งมันยังได้ก้าวข้ามเป็นพันล้านปีในฉับพลัน ซึ่งความเร็วเช่นนี้ใช่ว่าคิดจะหลบซ่อนตัวก็สามารถทำได้เลย

“เพียะ…” เสียงที่ดังขึ้นมา ปรากฎว่าหนึ่งฝ่ามือได้ตบผวะเข้าที่ใบหน้าของจอมเทพมังกรหลวงเต็มแรง ต่อให้ร่างกายของจอมเทพมังกรหลวงจะตีจากเหล็กหรือหล่อด้วยทองแดง ยังคงถูกหนึ่งฝ่ามือตบจนเลือดกบปาก เลือดสดๆ ไหลหยดลงจากมุมปาก

ใบหน้าของจอมเทพมังกรหลวงนับว่าแข็งแรงเหลือเกิน ฝ่ามือที่อันธพาลปราศจากผู้เทียบเทียมถึงกับไม่ทำให้เขาต้องฟันร่วง หากเป็นจอมเทพอื่นๆ เกรงว่าหนึ่งฝ่ามือนี้คงตบจนศีรษะแหลกละเอียดไปแล้ว

นาทีนี้เวลาเหมือนหยุดลง จอมเทพผู้หนึ่งที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงในครอบครอง ถึงกับถูกเขาตบหน้าไปฉาดใหญ่ต่อหน้าผู้คนทั่วหล้า นับเป็นเรื่องที่สะเทือนหวั่นไหวจิตใจผู้คนเหลือเกิน

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมทั้งระดับจอมเทพต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ ระดับจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงบทบอกว่าจะถูกตบปากก็ถูกตบปากจริงๆ ความพาลเช่นนี้ไม่สามารถบรรยายด้วยปากกาอีกแล้ว ภายในใจของคนบางคนอยากจะบอกจริงๆ ว่า หากจะว่ากันถึงความพาล พวกเขายอมให้กับคนโหดอันดับหนึ่งเท่านั้น และคุกเข่าลงกับพื้นโดยตรง ความพาลลักษณะเช่นนี้ควรค่าให้ผู้อื่นได้ก้มลงกราบ

แต่ว่า ก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่แอบสะใจอยู่ไม่น้อย กระทั่งรู้สึกเหมือนได้ลืมตาอ้าปากเสียที ผู้คนจำนวนเท่าไรที่มองจอมเทพมังกรหลวงแล้วรู้สึกขวางหูขวางตา ผู้คนจำนวนเท่าไรที่แค้นจอมเทพมังกรหลวงจนเข้ากระดูกดำ และไม่ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มีความแค้นจากการถูกจอมเทพมังกรหลวงฆ่าล้างตระกูลมาก่อน เพียงแต่จอมเทพมังกรหลวงแข็งแกร่งเกินไป พวกเขาไม่สามารถแก้แค้นได้เท่านั้นเอง

ในที่สุด เวลานี้จอมเทพมังกรหลวงนับว่าชนตอเข้าให้แล้ว ถูกคนเขาตบหน้าอย่างแรงเข้าให้ฉาดใหญ่ หลายคนส่งเสียงไชโยอยู่ในใจ รู้สึกได้ระบายความอัดอั้นในใจ

จากการที่ถูกหลี่ชิเย่ตบหน้าไปฉาดใหญ่ต่อหน้าธารกำนัล ทำให้หน้าตาของจอมเทพมังกรหลวงดูไม่ได้ถึงขีดสุด แต่ว่า เขาได้เอามือปาดเอาเลือดที่มุมปากออกไปอย่างรวดเร็ว และกลับสู่ท่าทีที่ไม่สะทกสะท้านอีกครั้ง กล่าวต่อราชันมารเซ่าเจี้ยนว่า “สหายเซ่าเจี้ยน เจ้าอัปลักษณ์ผู้นี้ร้ายกาจมาก เกรงว่าท่านกับข้าลงมือตามลำพังจะจัดการกับเจ้าอัปลักษณ์นี้ไม่ได้ มิสู้พวกเราร่วมมือกัน กองกำลังนกหวีดน้อยร่วมมือกับอัศวินมังกรหลวง ต้องสังหารเจ้าอัปลักษณ์นี้ได้แน่นอน!”

การที่จอมเทพมังกรหลวงถูกหลี่ชิเย่ตบหน้าไปหนึ่งฉาด ส่วนหนึ่งมาจากการประมาทของจอมเทพมังกรหลวงเอง ขณะเดียวกันก็ได้ทำให้จอมเทพมังกรหลวงตื่นตัว ทำให้เขาเข้าใจได้ว่าศัตรูมีความแข็งแกร่งยิ่งนัก ดังนั้น นาทีนี้เข้าจึงได้ยื่นมือขอผูกมิตรกับราชันมารเซ่าเจี้ยน หวังจะให้อัศวินมังกรหลวงได้ร่วมมือกับกองกำลังนกหวีดน้อย

ผู้คนจำนวนมากรู้สึกใจหาย และเสียวสันหลังวาบเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของจอมเทพมังกรหลวง ลำพังกองกำลังนกหวีดน้อย หรืออัศวินมังกรหลวงก็ปวดหัวมากพออยู่แล้ว ถ้าหากพวกเขาร่วมมือกันเมื่อไรล่ะก็ ช่างเป็นเรื่องที่สยองขวัญเพียงใด

จอมราชันเซียนหวังสี่องค์บวกกับจอมเทพเก้าคน ช่างเป็นขบวนที่อลังการและแข็งแกร่งเพียงใด มันคือกองกำลังที่สามารถกวาดล้างเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินจนสิ้น ทำให้ผู้คนถึงกับขนลุกขนพองกับกองกำลังลักษณะเช่นนี้

คำพูดของจอมเทพมังกรหลวงทำให้ราชันมารเซ่าเจี้ยนนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง เนื่องจากพวกเขาไม่ได้ชื่นชมต่ออัศวินมังกรหลวง พวกเขาไม่ชอบอัศวินมังกรหลวง แต่ทว่า พลันที่หลี่ชิเย่ลงมือก็ทำให้ผู้คนรับรู้ได้ว่าเขามีความน่ากลัวเพียงใด เกรงว่าไม่ว่าจะเป็นกองกำลังนกหวีดน้อยของพวกเขา หรือว่าอัศวินมังกรหลวงหากจะต้องต่อสู้โดยลำพัง ก็ไม่แน่ว่าจะมีโอกาส

แต่หากพวกเขาร่วมมือกัน ด้วยจอมราชันเซียนหวังสี่องค์บวกกับจอมเทพเก้าคน กองกำลังที่อลังการและขบวนที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ บางทีอาจมีโอกาสสังหารหลี่ชิเย่ได้

“จะเข้ามาก็มาพร้อมๆ กันเลย ข้าจะได้ไม่ต้องจัดการกับพวกเจ้าทีละคนๆ เสียเวลาของข้า” จังหวะที่ราชันมารเซ่าเจี้ยนกำลังลังเลอยู่นั้น เสียงเอ้อระเหยของหลี่ชิเย่ได้ดังขึ้น

พลันที่หลี่ชิเย่ได้พูดออกมาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ทุกคนได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ ทุกคนต่างมองออกว่าราชันมารเซ่าเจี้ยนกำลังลังเล ขอเพียงเป็นคนที่มีสติสัมปชัญญะล้วนแล้วแต่ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับกองกำลังนกหวีดน้อยและอัศวินมังกรหลวงพร้อมๆ กัน

ขณะที่หลี่ชิเย่กลับพูดคำพูดลักษณะเช่นนี้ออกมา นั่นมิเท่ากับไปกระตุ้นต่อราชันมารเซ่าเจี้ยนหรอกรึ?

“ตกลง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราจัดการกับมันพร้อมกัน” ในที่สุด ราชันมารเซ่าเจี้ยนและจอมราชันเซียนหวังอีกสามองค์มองหน้ากันและกัน แล้วตัดสินใจขั้นเด็ดขาด ยอมรับการผูกมิตรที่จอมเทพมังกรหลวงหยิบยื่นมาให้

ทันใดนั้น ความเป็นพันธมิตรระหว่างอัศวินมังกรหลวงและกองกำลังนกหวีดน้อยก็บรรลุเป็นผลสำเร็จ ก่อตั้งกองกำลังที่อลังการขึ้นมาได้ภายในระยะเวลาอันสั้น

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *