Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2018 เย่เมี่ยวเสวี่ย

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2018 เย่เมี่ยวเสวี่ย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คนกลุ่มนี้มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง พลันขวางทางของหลี่ชิเย่ทั้งสามคนเอาไว้ อีกทั้งกลุ่มนี้มีท่าทีที่ไม่ธรรมดา แค่มองเห็นก็รู้ว่ามีชาติกำเนิดที่ไม่ธรรมดา

ท่ามกลางกลุ่มนักศึกษาชายหญิงกลุ่มนี้ หนึ่งในจำนวนนั้นที่เป็นผู้นำไม่ได้แปลกหน้าสำหรับหลี่ชิเย่ เขาก็คือผู้นำของศตาคารยุวกษัตริย์หกกระบี่!

นอกจากยุวกษัตริย์หกกระบี่แล้ว ยังมีอีกผู้หนึ่งที่หลี่ชิเย่ไม่รู้สึกแปลกหน้า คนผู้นี้ก็คือนักศึกษาของศตาคารผู้ที่เคยถูกหนึ่งฝ่ามือของหลี่ชิเย่ตบจนปลิวนามเย่เฉี่ยวเซียง

ในขณะนี้เย่เฉี่ยวเซียงทำตัวน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งยืนอยู่ข้างกายผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้สวมใส่ชุดหงส์ บนชุดหงส์ได้ปักขนนกยูงเอาไว้ แลดูงดงามยิ่งนัก บริเวณแขนเสื้อของนางยังสลักหยกใสเอาไว้ มีความสูงส่งยิ่งนัก มีกลิ่นอายที่สยบและข่มผู้คน มีท่าทีของความเป็นผู้สูงส่ง

คนกลุ่มนี้มาด้วยท่าทีที่ดุดัน พลันที่มองเห็นก็รู้ได้ทันทีว่าไม่ได้เป็นมิตรแน่นอน แต่ทว่า เดิมยุวกษัตริย์หกกระบี่ที่มาด้วยท่าทีดุดันเมื่อมองเห็นเหมยซู่เหยาที่เดินหัวเราะต่อกระซิกมากับหลี่ชิเย่แล้วถึงกับตะลึงอยู่ตรงนั้น ท่าทีดูอ่อนลงไม่น้อยทีเดียว

สำหรับเถาถิงนั้นเมื่อมองเห็นคนกลุ่มนี้ที่เดินเข้ามาด้วยท่าทีดุดัน นางถึงกับมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที นางรู้ว่าคนกลุ่มนี้มาเพราะตัวของนาง

เทพธิดาเหมย…ยุวกษัตริย์หกกระบี่รู้สึกตกใจอย่างยิ่งเมื่อมองเห็นเหมยซู่เหยาเดินมาด้วยกันกับหลี่ชิเย่ และรู้สึกเหนือความคาดคิดอย่างยิ่ง เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่า เจ้าหนูคนนี้มีเสน่ห์ตรงไหนกันแน่ เริ่มจากเมี่ยวฉานที่โอนอ่อนคล้อยตามยิ่งนัก เวลานี้ก็มาเดินอยู่ด้วยกันกับเทพธิดาเหมย นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถอธิบายได้

ผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเย่เฉี่ยวเซียงเมื่อมองเห็นเหมยซู่เหยาก็มีสีหน้าที่บึ้งตึงนิดหนึ่ง แต่ยังคงเปี่ยมด้วยความมั่นใจ นางเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “เทพธิดาเหมย วันนี้พวกเราต้องรบกวนอารมณ์สุนทรีของท่านแล้ว วันหลังค่อยขออภัยต่อเทพธิดาเหมย วันนี้พวกเรามีบุญคุณความแค้นส่วนตัวที่ต้องสะสาง ดังนั้น ขอให้เทพธิดาเหมยโปรดอำนวยความสะดวกให้บ้าง”

ผู้หญิงคนนี้พูดจาด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม แน่นอน การที่นางพูดคำพูดลักษณะเช่นนี้ออกมา ก็นับว่าให้ความเกรงใจต่อเหมยซู่เหยามากแล้ว จะอย่างไรเสียเหมยซู่เหยาคือสุดยอดอัจฉริยะบุคคลของจวนราชัน นางจึงให้เกียรติเหมยซู่เหยาเต็มที่

เหมยซู่เหยามองดูหลี่ชิเย่แล้วนางถึงกับยิ้มออกมา ต่อให้นางไม่รู้ถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องราว แต่นางก็พอจะเดาออกได้บ้าง นางจึงเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “เรื่องนี้ก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องเลวร้ายอะไร ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่เหมาะที่จะฝืนตัดสินใจด้วยตนเอง” กล่าวพลางถอยไปอยู่ด้านข้างด้วยใบหน้าที่แฝงด้วยรอยยิ้ม

ท่าทีของเหมยซู่เหยาทำเอาเถาถิงตะลึงงันโดยสิ้นเชิง นางไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้เหมยซู่เหยาพลันถอนตัวอย่างกะทันหัน นางยังเข้าใจว่าเหมยซู่เหยาจะออกปากไกล่เกลี่ย จะอย่างไรเสียด้วยศักยภาพและฐานะของเหมยซู่เหยา ไม่แน่นักอาจทำให้จากศัตรูกลายเป็นมิตรก็เป็นได้

เถาถิงกลับไม่รู้ว่าเหมยซู่เหยาขี้คร้านจะไปสนใจเท่านั้นเอง เนื่องจากฝ่ายที่เสียเปรียบไม่ใช่หลี่ชิเย่ แต่เป็นพวกของยุวกษัตริย์หกกระบี่! ถ้าหากนางเข้าไปขัดขวางหละก็ เท่ากับเป็นการช่วยเหลือพวกของยุวกษัตริย์หกกระบี่ แต่พวกของยุวกษัตริย์หกกระบี่กลับไม่รู้หรอกว่าตัวเองกำลังมีภัยถึงแก่ชีวิต หากเหมยซู่เหยาเข้าไปขัดขวาง พวกเขากลับจะคิดว่าเหมยซู่เหยาชอบเส่เรื่องของคนอื่น ทำให้พวกเขาต้องเสียการ

ในเมื่อทำดีแล้วไม่ได้ดีและถูกคนอื่นด่าว่า แล้วใยเหมยซู่เหยาจะต้องไปกังวลถึงความปลอดภัยของพวกยุวกษัตริย์หกกระบี่กันเล่า

ยุวกษัตริย์หกกระบี่ถึงกับโล่งอกเมื่อเห็นเหมยซู่เหยาฉากออกไป ผู้หญิงคนนั้นแสดงคารวะแบบจีนต่อเหมยซู่เหยา และกล่าวว่า “เทพธิดาเหมย วันหน้าหากมีโอกาสร่วมสังสรรค์สักครั้ง” ผู้หญิงคนนี้ยังเข้าใจว่าเหมยซู่เหยาหวั่นเกรงต่อศักยภาพที่อยู่เบื้องหลังของนาง จึงให้เกียรตินาง

เหมยซู่เหยาเพียงอมยิ้มไม่อยากกล่าวมากความ จะอย่างไรเสียพวกเขาคิดรนหาที่ตายเอง คนอื่นจะขวางก็คงขวางไม่อยู่

เวลานี้หลี่ชิเย่มีท่าทียิ้มๆ มองดูบรรดานักศึกษาที่ล้อมตนเองกับเถาถิงเอาไว้ด้วยความเหนื่อยหน่าย และกล่าวว่า “มีเรื่องอะไรรึ?”

“คุณหนู เป็นนังสารเลวผู้นี้ที่สมคบคนเถื่อน…” เวลานี้เย่เฉี่ยวเซียงได้ชี้หน้าด่าเถาถิงที่ยืนอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่

ตบปาก…เย่เฉี่ยวเซียงพูดยังไม่ทันจบ หลี่ชิเย่พลันหนึ่งฝ่ามือที่ตบเข้าไป เพียะหนึ่งฝ่ามือนี้พลันตบจนเย่เฉี่ยวเซียงกระเด็นออกไป ตบจนนางต้องกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง ถือเป็นการยั้งมือของหลี่ชิเย่แล้ว หาไม่หละก็ แค่หนึ่งฝ่ามือก็เอาชีวิตของนางได้แล้ว

หลี่ชิเย่ลงมือได้รวดเร็วเหลือเกิน ทุกกคนไม่ได้เตรียมป้องกันเอาไว้ คิดจะลงมือเข้าขวางแต่สายไปเสียแล้ว เย่เฉี่ยวเซียงถูกหนึ่งฝ่ามือจนตัวปลิวออกไป พลันทำให้ยุวกษัตริย์หกกระบี่และผู้หญิงคนนั้นทั้งตระหนกทั้งโกรธ

อาศัยฐานะของพวกเขาทื่อยู่ในสถาบันศึกษาเทพเจ้า อาศัยกำลังของพวกเขา จะมีใครสักกี่คนในสถาบันศึกษาเทพเจ้ากล้าตบหน้าคนที่อยู่ข้างกายของพวกเขา เพียงเพราะคำพูดที่ไม่เข้าหูคำหนึ่ง การตบหน้าของเย่เฉี่ยวเซียงก็เท่ากับตบลงบนหน้าของพวกเขา นี่เป็นการประกาศความเป็นศัตรูกับพวกเขานะเนี่ย!

“เจ้าบังอาจมากเกินไปแล้ว!” ในขณะนี้ยุวกษัตริย์หกกระบี่โกรธมากชักกระบี่ออกมาอยู่ในมือ เป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์สองเล่มซ้ายขวา ดวงตาทั้งสองพวยพุ่งปณิธานการฆ่าออกมา กล่าวน่าครั่นคร้ามออกมาว่า “สถาบันศึกษาเทพเจ้าหาใช้ที่ที่ให้เจ้าทำตามอำเภอใจได้!”

ถ้าหากที่ตรงนี้ไม่ใช่สถาบันศึกษาเทพเจ้าหละก็ ยุวกษัตริย์หกกระบี่ลงมือทันทีไปแล้ว จะขอสังหารหลี่ชิเย่เสียก่อนแล้วค่อยว่ากัน เพียงแต่การจะฆ่าคนตามอารมณ์ทำให้เขามีความกังวลอยู่

บังอาจ…เวลานี้ผู้หญิงคนนี้โกรธจนถึงขีดสุด พลันพลังลมปราณรุนแรง จ้องมองหลี่ชิเย่น่าครั่นคร้าม กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “ผู้เยาว์ วันนี้ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นใคร เจ้าอย่าหวังไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย! กล้าเป็นศัตรูกับข้าเย่เมี่ยวเสวี่ย ไม่ว่าใครก็คุ้มครองเจ้าไม่ได้!”

“โอหังไม่เบาเลยนี่” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “แต่ว่า คนที่โอหังมากกว่านี้ข้าก็เจอมามาก”

เวลานี้ยุวกษัตริย์หกกระบี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง นับว่าเขาได้สะกดเพลิงโกรธในใจของตนเอาไว้ สะกดปณิธานการฆ่าที่อยู่ในใจ จะอย่างไรเสียเขาก็คือผู้นำของศตาคาร เขาเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เพื่อนักศึกษาผู้นี้ เจ้าคงยังไม่รู้ถึงประวัติความเป็นมาขององค์หญิงกระมัง ไม่ว่าเจ้าจะมีที่มาอย่างไรก็ตาม แต่การที่เป็นศัตรูกับองค์หญิงเย่…”

“…เป็นศัตรูกับพรรคทะยานฟ้า ล้วนแล้วแต่เป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย ในฐานะที่เป็นนักศึกษาของศตาคาร ข้าขอเตือนเจ้าว่า ถอยก้าวหนึ่งคลื่นลมสงบ หากว่าเจ้ายอมก้มหัวยอมรับผิดต่อองค์หญิงเย่แต่โดยดี ข้ากลับยินดีช่วยเจ้าคลี่คลายบุญคุณความแค้นคราวนี้เสีย จะอย่างไรเสียทุกคนต่างก็เป็นเพื่อนนักศึกษาศตาคารด้วยกัน!”

ในขณะนี้ยุวกษัตริย์หกกระบี่ยังไม่รู้ว่าหลี่ชิเย่เป็นอาจารย์ ยังเข้าใจว่าหลี่ชิเย่คือนักศึกษาของศตาคาร เนื่องจากหอศักดิ์สิทธิ์และจวนราชันมีนักศึกษาอยู่ไม่มาก ถ้าหากหลี่ชิเย่คือนักศึกษาของหอศักดิ์สิทธิ์และจวนราชัน คงมีผู้ที่จดจำเขาได้นานแล้ว

ในสถาบัน ชั้นเรียนที่มีนักศึกษามากที่สุดก็คือศตาคาร ต่อให้ยุวกษัตริย์หกกระบี่เป็นผู้นำของศตาคารก็ไม่อาจรู้จักนักศึกษาทุกคนของศตาคาร เนื่องจากนักศึกษาของศตาคารมีจำนวนนับหมื่นคน

การที่ยุวกษัตริย์หกกระบี่พูดเสียสวยหรูขนาดนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นความหวังดี แน่นอนที่สุดเขาไม่ได้คิดดีอยู่แล้ว

ยุวกษัตริย์หกกระบี่ก็เป็นผู้ที่มีความทะเยอทะยานคนหนึ่ง เขาในฐานะผู้นำของศตาคาร จึงจงใจที่จะสร้างฐานะในศตาคารของเขา มาคราวนี้เขาคิดจะอาศัยหลี่ชิเย่มาสร้างบารมี ขณะเดียวกันก็ต้องการให้นักศึกษาของศตาคารได้รู้ว่า หากอยู่ศตาคารขอเพียงพึ่งพายุวกษัตริย์หกกระบี่ ย่อมจะต้องได้รับผลประโยชน์แน่นอน

จะอย่างไรเสีย การจะสังหารนักศึกษาอย่างหลี่ชิเย่สักคนภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้า มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้น เย่เมี่ยวเสวี่ยที่อยู่ตรงหน้าจะต้องลงโทษหลี่ชิเย่แน่นอน ขณะที่ยุวกษัตริย์หกกระบี่เขาคอยวนเวียนอยู่ท่ามกลางเรื่องนี้ และให้เกียรติเย่เมี่ยวเสวี่ยเต็มที่ ทำให้เขาสามารถสร้างชื่อขึ้นมา ให้ผู้อื่นได้รับรู้ว่าเป็นเขายุวกษัตริย์หกกระบี่ช่วยคลี่คลายบุญคุณความแค้นในครั้งนี้

ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้ามีชื่อว่าเย่เมี่ยวเสวี่ย เป็นองค์หญิงของพรรคทะยานฟ้า เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงโด่งดัง ไม่รู้ว่ามีนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าจำนวนเท่าไรต้องการเกาะนางเอาไว้

พรรคทะยานฟ้านับเป็นสำนักที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในทวีปเจียวเหิงโจว หนึ่งสำนักห้าเซียนหวัง เรียกได้ว่าในทวีปเจียวเหิงโจวยกเว้นจวนกู่ และเขาไผ่ประหลาดแล้ว ไม่มีสำนักใดแข็งแกร่งมากไปกว่าพวกเขาอีกแล้ว

เย่เมี่ยวเสวี่ยไม่เพียงได้รับความโปรดปรานจากนายน้อยทะยานฟ้าเท่านั้น ขณะเดียวกันก็ได้รับความโปรดปรานจากเหล่าบรรพบุรุษของพรรคทะยานฟ้าอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้เอง เย่เฉี่ยวเซียงที่เคยเป็นสาวใช้มาก่อนจึงยโสและอันธพาลยิ่ง เนื่องจากนางมีผู้ให้การสนับสนุน

มาคราวนี้เย่เฉี่ยวเซียงถูกหลี่ชิเย่ตบไปหนึ่งฉาด นางจึงไปฟ้องต่อเย่เมี่ยวเสวี่ย แม้ว่าเย่เฉี่ยวเซียงไม่ได้อยู่ปรนนิบัติเย่เมี่ยวเสวี่ยแล้ว แต่ว่า จะอย่างไรเสียก็คือสาวใช้ของนางซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนในสถาบันศึกษาเทพเจ้ารับรู้กันทั่ว ภาษิตว่า จะตีสุนัขก็ต้องดูเจ้าของ การที่หลี่ชิเย่ตบหน้าเย่เฉี่ยวเซียงต่อหน้าทุกคนก็เท่ากับตบหน้านางด้วย ดังนั้น เย่เมี่ยวเสวี่ยจึงได้มาคิดบัญชีกับหลี่ชิเย่

“ก้มหน้ายอมรับผิด?” หลี่ชิเย่หัวเราะที่หนึ่งและเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “พูดให้ถูกต้อง เวลานี้พวกเจ้าก้มหน้ายอมรับผิดกับข้ายังทัน ขอเพียงพวกเจ้าก้มหัวรับผิด ข้าเป็นผู้ใหญ่ใจกว้างก็จะไม่ถือสาหาความพวกเจ้า หาไม่แล้ว คงพูดยากหรอกนะ”

พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ไม่เพียงเย่เมี่ยวเสวี่ยและยุวกษัตริย์หกกระบี่ที่มีสีหน้าเปลี่ยนไป แม้แต่พวกนักศึกษาที่ติดตามพวกเขาจากหอศักดิ์สิทธิ์และศตาคารก็มีสีหน้าที่ดูไม่จืด ต่างจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ

“องค์หญิง เจ้าผู้เยาว์นี้อวดดีเกินไปแล้ว ต้องสั่งสอนให้เข็ดหลาบ!” มีนักศึกษาที่คอยยุเหย่เย่เมี่ยวเสวี่ยทันที

เดิมทีฐานะของเย่เมี่ยวเสวี่ยก็สูงส่งมากพออยู่แล้ว ขณะที่ศิษย์พี่ของนางนายน้อยทะยานฟ้าก็เป็นนักศึกษาของจวนราชัน เรียกได้ว่าพวกเขาศิษย์พี่ศิษย์น้องดำรงอยู่ในฐานะเป็นที่หวาดกลัวของทุกคนในสถาบันศึกษาเทพเจ้า ไม่ว่าใครก็ต้องให้เกียรติพวกเขาอยู่สามส่วน และมีนักศึกษาจำนวนมากที่ต้องการเกาะพวกเขาที่เป็นผู้มีอิทธิพล

จะมีสักกี่คนภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้าที่กล้าเป็นศัตรูกับศิษย์พี่ศิษย์น้องเฉกเช่นเย่เมี่ยวเสวี่ยอย่างเปิดเผย? เวลานี้หลี่ชิเย่เพียงลำพังคนเดียวกลับยโสขนาดนี้ด้วยการเป็นศัตรูกับเย่เมี่ยวเสวี่ย ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรคาดหวั้งให้เย่เมี่ยวเสวี่ยเล่นงานเขาถึงตาย เมื่อพวกเขามีส่วนลงมือช่วยเหลือ ก็จะได้ถือโอกาสนี้ประจบเย่เมี่ยวเสวี่ย

สิ่งหนึ่งที่ทำให้บรรดานักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องหวาดหวั่นก็คือ หากสังหารนักศึกษาสักคนภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้าหละก็ มันจะกลายเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก ดังนั้น พวกเขาจึงคิดจะสั่งสอนหลี่ชิเย่ต่อหน้าทุกคนก่อน เป็นการสร้างอำนาจบารมีแล้วค่อยมาว่ากัน ค่อยหาโอกาสจัดการสังหารหลี่ชิเย่ในที่ลับตาคน ถึงเวลานั้นก็จะไม่มีใครรู้เห็น

“เจ้าคนที่ไม่รู้จักคำว่าตาย วันนี้ต่อให้ไม่ฆ่าเจ้า ก็ต้องหักแขนขาเจ้าเสีย!” ดวงตาทั้งสองของเย่เมี่ยวเสวี่ยพลันแสดงออกด้วยความโกรธ เผยให้เห็นปณิธานการฆ่าที่น่ากลัว

“เพื่อนนักศึกษาผู้นี้ เจ้าทำให้ข้าลำบากใจเสียแล้ว” เวลานี้ยุวกษัตริย์หกกระบี่พูดขึ้นช้าๆ ว่า “เจ้าทำเช่นนี้เป็นการก่อเกิดคลื่นลมขึ้นมา เป็นการทำลายมิตตภาพอันดีระหว่างศตาคารของพวกเรากับหอศักดิ์สิทธิ์ ไม่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนนักศึกษาศตาคารเรือนหมื่นของพวกเรา หากจำเป็นข้าก็จะไม่นิ่งดูดาย จะอย่างไรเสียศตาคารของพวกเราย่อมจะมีกฎระเบียบของศตาคารเรา”

ปณิธานการฆ่าของยุวกษัตริย์หกกระบี่โหมลุกมากขึ้นเมื่อหลี่ชิเย่ไม่ยอมให้เกียรติตน เดิมเขาก็ไม่สบอารมณ์ต่อหลี่ชิเย่อยู่แล้ว เวลานี้ยังไม่รู้จักกาลเทศะอีก ดังนั้น เขาเลยถือโอกาสเชือดไก่ให้ลิงดูให้มันรู้แล้วรู้รอดไป! ให้นักศึกษาของศตาคารได้รู้ว่า ฐานะของเขาในศตาคารจะไม่ยอมให้ใครมายั่วยุได้

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *