Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1920 ราชันมารอู๋หลุน

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1920 ราชันมารอู๋หลุน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หอกยาวดั่งหยก แผ่กลิ่นอายสังหารออกมา เหล่าสวรรค์และเทพล้วนแล้วแต่ถูกสังหารภายใต้หอกยาวเล่มนี้ นี่คือกระบวนท่าที่เด็ดขาด ไม่ว่าผู้นั้นจะดำรงอยู่ในฐานะเช่นใดก็ต้องถูกตรึงสังหารอยู่ตรงนั้น ไม่เหลือช่องทางที่จะพลิกสถานการณ์ได้อีกต่อไป

การถูกตรึงสังหารด้วยหอกยาวเช่นนี้ ทำให้ผู้คนต้องสั่นเทา อย่าว่าแต่ยอดฝีมือเช่นธิดาราชันฉีหลินเลย แม้แต่ผู้ดำรงอยู่ในฐานะจอมเทพอย่างซึหุนหลินยังต้องหวาดกลัวจนเข่าอ่อนทั้งสองข้าง เมื่อได้เห็นการตรึงสังหารโดยหอกยาวเช่นนี้

หลังจากที่ได้เห็นหอกยาวนี้แล้ว จึงทำให้รู้ว่ากลิ่นอายสังหารของสมรภูมิรบแห่งนี้กำเนิดจากที่ใด เป็นกลิ่นอายสังหารขั้นเด็ดขาดที่แผ่ออกมาจากหอกยาวนั่นเอง ไม่ว่าใครก็ยากจะเข้าไปใกล้สมรภูมิรบจอมราชันนั้นได้

พวกของธิดาราชันฉีหลินที่ได้เห็นภาพนี้แล้ว ต่างรู้สึกเสียวสันหลังวาบ แม้จะไม่ทราบว่ากระดูกขาวนี้ได้เสียชีวิตไปนานมากน้อยเท่าไร แต่ยังคงทำให้ผู้คนต้องเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นโครงกระดูกที่สูงใหญ่ดั่งขุนเขา ความเลื่อมใสศรัทธาบังเกิดขึ้นภายในใจ ทำให้มีปฏิกิริยาอยากจะกราบไหว้กับพื้น

“ราชันมารอู่หลุนนะเนี่ย…” ซึหุนหลินรู้สึกหวั่นไหว แสดงคารวะอย่างสุดซึ้งด้วยความเคารพเลื่อมใสยิ่งนักเมื่อได้เห็นโครงกระดูกโครงนี้ และกล่าวว่า “ราชันมารปราศจากผู้ต่อกรแห่งยุค ท้ายที่สุดยังคงเสียชีวิตในต่างแดน”

พวกของธิดาราชันฉีหลินก็แสดงคารวะต่อโครงกระดูกขาวขนาดยักษ์โครงนี้ตามซึหุนหลิน บังเกิดอารมณ์ภายในใจที่บอกไม่ถูก ราชันมารที่ปราศจากผู้ต่อกรองค์หนึ่งต้องมาเสียชีวิตในลักษณะเช่นนี้ตรงนี้ ช่างเป็นเรื่องที่สะเทือนต่อจิตใจผู้คนยิ่ง ที่สะเทือนหวั่นไหวมากกว่านั้นก็คือ กระทั่งตัวตาย ราชันมารอู๋หลุนยังคงอยู่ในท่วงท่าของการต่อสู้

ด้วยท่วงท่าลักษณะเช่นนี้เหมือนเป็นการบอกกล่าวต่อผู้คนบนโลกว่า ชั่วชีวิตของจอมราชันเซียนหวังอยู่กับการต่อสู้โดยตลอด กระทั่งก้าวเดินไปถึงนาทีสุดท้ายของชีวิตยังคงต่อสู้อยู่เช่นเดิม!

นับว่าเป็นเรื่องที่สะเทือนต่อจิตใจของผู้คนยิ่ง เมื่อได้มองเห็นภาพการเสียชีวิตจากการสู้รบของจอมราชันด้วยตาของตนเอง นี่คือจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็อสายอยู่ในครอบครอง ทอดสายตามองออกไปในสิบสามทวีปก็มีอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น เรียกได้ว่าจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสายในครอบครองถือว่าปราศจากผู้ต่อกรแล้ว บนโลกใบนี้ยากจะผู้ใดต่อกรเว้นแต่จอมราชันเซียนหวังที่มีสิบสองชะตาฟ้าในครอบครองเท่านั้น

แต่ว่า ต่อให้จอมราชันที่ได้ครอบครองชะตาฟ้าสิบเอ็ดสาย ท้ายที่สุดยังคงต้องจบชีวิตลงที่ตรงนี้

กรณีเช่นนี้ทำให้ธิดาราชันฉีหลินรู้สึกสะเทือนใจยิ่งนัก เนื่องจากเซียนหวังเย่หลินซึ่งเป็นเซียนหวังที่แข็งแกร่งมากที่สุดของตระกูลราชันฉีหลินก็คือเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสายในครอบครอง และเป็นผู้อยู่ในอุดมคติเป็นที่ภาคภูมิใจของลูกหลานตระกูลราชันฉีหลินมาทุกยุคทุกสมัย

ธิดาราชันฉีหลินไม่เคยพบเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเซียนหวังเย่หลินมาก่อน แต่มาวันนี้สามารถมองเห็นซากศพของจอมราชันที่มีชาตะฟ้าสิบเอ็ดสายอีกผู้หนึ่งก็เป็นการเพียงพอแล้ว และได้สร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อธิดาราชันฉีหลิน!

“มันคืออะไรกันแน่ที่สามารถสังหารราชันมารอู๋หลุนได้?” อู่ชีถูกทำให้หวั่นไหวอยู่นานกว่าจะได้สติกลับมา เขาถึงกับรู้สึกเสียวสันหลังวาบ และกล่าวขึ้นขณะจ้องมองโครงกระดูกขาวโครงนี้อยู่

ยกเว้นจอมราชันที่มีชาตะฟ้าสิบสองสายแล้ว พวกของอู่ชียากจะจินตนาการได้ว่ายังจะมีสิ่งใดสามารถสังหารจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสายได้อีก

“ผู้ยิ่งใหญ่ สุดยอดผู้ยิ่งใหญ่ผู้หนึ่ง ผู้ที่หลงเหลือมาจากยุคก่อน” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “จะเรียกว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของเลือดกันดารก็ได้ การศึกในครั้งนี้เรียกได้ว่าสะเทือนฟ้าดิน เขย่าหมื่นอาณาจักร สุดท้ายแล้ว ราชันมารอู๋หลันกับผู้ยิ่งใหญ่เลือดกันดารได้ตายไปด้วยกัน ราชันมารอู๋หลุนอาศัยการกลั่นชะตาฟ้าสิบเอ็ดสายให้กลายเป็นหอกเล่มยาวเพื่อใช้ในการโจมตีครั้งสุดท้าย สังหารและทำลายสิ้นผู้ยิ่งใหญ่เลือดกันดารผู้นี้ในฉับพลัน ทำให้มันกลายเป็นเถ้าธุลีไปอย่างแท้จริง ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดได้อีก!”

พวกของธิดาราชันฉีหลินต่างรู้สึกหวั่นไหวเมื่อได้ฟังคำจากหลี่ชิเย่ แม้ว่าไม่สามารถเห็นการศึกครั้งนี้ด้วยตาของตนเอง แต่ พวกเขาสามารถจินตนาการได้ว่าศึกครั้งนี้น่ากลัวและโหดร้ายทารุณเช่นใด ขณะเดียวกัน พวกเขาก็สามารถจินตนาการได้ว่า การโจมตีครั้งสุดท้ายของราชันมารอู๋หลุนนั้นมีความเด็ดขาดเช่นใด และปราศจากผู้ต่อกรอย่างไร!

เวลานี้ พวกของธิดาราชันฉีหลินต่างมองเหม่อไปยังหอกยาวที่ดูละมุนละไมดั่งหยกเล่มนั้น ก่อนหน้านั้น พวกเขายังเข้าใจว่าเป็นศาสตราวุธเต๋าจอมราชันปราศจากผู้ต่อกรเล่มหนึ่ง ไม่นึกไม่ฝันเลยว่ามันจะเกิดจากการกลั่นเอาจากชะตาฟ้าสิบเอ็ดสาย ชะตาฟ้าสิบเอ็ดสายช่างเป็นพลังที่น่ากลัวเพียงใด

สามารถทำให้ราชันมารอู๋หลุนทุ่มเททุกอย่างด้วยการนำเอาชะตาฟ้าทั้งสิบเอ็ดสายของตนกลั่นเป็นหอกยาวกับการโจมตีครั้งสุดท้าย เพื่อเป็นการโจมตีขั้นเด็ดขาดต่อศัตรูเป็นครั้งสุดท้ายนั้น เมื่อมองอีกด้านหนึ่ง สามารถจินตนาการได้ว่า ครั้งนั้นผู้ยิ่งใหญ่เลือดกันดารตนนี้ที่เป็นศัตรูกับราชันมารอู๋หลุนนั้นมีความน่ากลัว และปราศจากผู้ต่อกรเพียงใด!

“เลือดกันดารถึงกับแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้นะเนี่ย” อู่ฟ่งหยิ่งที่ชอบเอาชนะคนอื่นถึงกับตกใจ กล่าวสำหรับผู้ใดก็ตาม จอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสายล้วนแล้วแต่คู่ควรไปให้ถึงจุดนั้น จะมีใครสักกี่คนบนโลกที่สามารถกลายเป็นจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสายได้

“ผู้ยิ่งใหญ่ตนนี้ยังไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุด” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยขึ้นมา

“อะไรนะ…” อู่ชีตกใจจนกระโดดตัวลอย เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ กล่าวว่า “ยัง ยังมีเลือดกันดารที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ มัน มันแข็งแกร่งแค่ไหน?”

“ขึ้นอยู่กับเจ้าพูดถึงผู้ยิ่งใหญ่เลือดกันดารตนไหน” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบๆ ว่า “หากเป็นผู้ยิ่งใหญ่เลือดกันดารที่แข็งแกร่งที่สุดล่ะก็ เกรงว่าแม้แต่จอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายก็ไม่ต้องการไปมีเรื่องกับเขา!”

คำพูดเช่นนี้พลันทำให้พวกของอู่ชีใจหายใจคว่ำ ไม่เว้นแม้แต่ซึหุนหลิน ในความคิดของพวกเขา จอมราชันเซียนหวังที่มีชะตะฟ้าสิบสองสายนับว่าปราศจากผู้ต่อกรแล้ว แม้แต่จอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายยังไม่ต้องการไปหาเรื่องด้วย มันช่างเป็นอะไรที่น่ากลัวเพียงใด และดำรงอยู่ในฐานะที่สุดยอดเพียงใด!

“ผู้ยิ่งใหญ่แบบ แบบ แบบนี้เป็นอะไรกันแน่?” ไม่ง่ายนักกว่าอู่ชีจะได้สติกลับมา กล่าวด้วยความหวาดกลัวในใจว่า “บนโลกนี้ยังมีสิ่งที่ดำรงอยู่ในฐานะแข็งแกร่งกว่าจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายอีกรึ?” หลี่ชิเย่ไม่ได้ตอบคำถามของอู่ชี เพียงแต่มองไปยังที่ที่ห่างไกลมาก สายตาดูลึกล้ำมาก เหมือนว่าได้ก้าวข้ามกาลเวลาไป เหมือนก้าวทะลุผ่านอดีตกาล

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ หลี่ชิเย่ได้ตีกรอบพื้นที่บริเวณนี้ แล้วกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “พวกเจ้าสามารถเดินเล่นอยู่ที่บริเวณนี้ หลังจากการศึกในครั้งนั้นแล้ว เลือดกันดารที่อยู่บริเวณนี้ได้ย้ายหนีกันไปสิ้น พื้นที่บริเวณนี้จึงไม่มีอันตรายใดๆ พวกเจ้าขุดหากันเอาเองก็แล้วกัน สามารถได้ของวิเศษสักชิ้นสองชิ้นหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดวงของตัวเองแล้ว”

“แล้วคุณชายหละ?” ธิดาราชันฉีหลินถึงกับตะลึง เมื่อหลี่ชิเย่พูดเช่นนี้ออกมากะทันหัน

“ข้าจะไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง” หลี่ชิเย่ทิ้งคำพูดเอาไว้เพียงเท่านี้ จากนั้นหันหลังจากไปทันที เพียงพริบตาเดียวก็หายลับขอบฟ้าไป

“เฮ่อ เจ้าหมอนี่ไว้ใจไม่ได้สักนิด พาพวกเราเข้ามาถึงใจกลางของไกลกันดารแล้วก็ทอดทิ้งพวกเราเอาไว้ เกิดมีภูตผีปีศาจปรากฏตัวออกมาจับพวกเรากินจะทำอย่าไรกันดี” หลังจากที่หลี่ชิเย่ จากไปแล้ว อู่ชีถึงกับส่ายหัวด๊อกแเด๊ก กล่าวทอดถอนใจออกมา

“ป๊าบบ” อู่ชีเพิ่งจะพูดขาดคำ หนึ่งฝ่ามือของอู่ฟ่งหยิ่งพลันฟาดเข้าให้ที่ท้ายทอยของเขา อู่ฟ่งหยิ่งทำตาถลนใส่น้องชายของตน และกล่าวว่า “มัวพูดจาเพ้อเจ้ออะไร พล่ามให้มันน้อยกว่านี้คำสองคำไม่มีใครหาว่าเจ้าเป็นใบ้”

“พี่ ท่านเห็นเพศตรงข้ามดีกว่าน้องชายของตัวเองแล้วสิ ท่านกับเขายังไม่ได้คู่กันเลยนะก็หันไปเข้าข้างคนนอกแล้ว หากได้แต่งงานกับเขาจริงๆ มิกลายเป็นว่าน้องชายคนนี้ก็ไม่เอาแล้ว” อู่ชีถึงกับบ่นอุบ

“เจ้า…” ใบหน้าของอู่ฟ่งหยิ่งพลันแดงก่ำ ทั้งอับอายทั้งเคือง กล่าวอย่างเคืองๆ ว่า “หากเจ้ายังคงพูดจาไร้สาระ เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะฉีกปากเจ้า!”

“มิกล้า มิกล้า มิกล้า” ทำเอาอู่ชีตกใจจนหัวหด และพูดพร้อมกับหัวเราะเจื่อนๆ

ซึหุนหลินถึงกับยิ้มและส่ายหน้าเมื่อมองเห็นลักษณะของพี่น้องคู่นี้ และกล่าวว่า “สามารถเกาะคุณชายหลี่ได้นับว่าเป็นวาสนาใหญ่ของพวกเจ้า เกรงว่าคนอื่นคิดอยากจะได้วาสนาเช่นนี้ก็ไม่ได้มา หากเขามองเห็นความสำคัญของพวกเจ้า เกรงว่าคงเป็นการคุ้มครองของบรรพบุรุษพวกเจ้า”

“ฮิ ฮิ ฮิ ท่านผู้อาวุโส ข้ารู้สึกแปลกใจยิ่งนัก เหตุใดท่านจึงให้ความเคารพต่อเขาขนาดนั้นเล่า จะอย่างไรเสียท่านก็เป็นถึงระดับจอมเทพ จอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สามดวงนะเนี่ย ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็เป็นบุคคลที่มีอันดับ ข้อนี้ข้ารู้สึกไม่เข้าใจ หรือว่าเขามีประวัติความเป็นมาที่ยิ่งใหญ่อย่างนั้นรึ?” อู่ชีกล่าวยิ้มแต้ขึ้นมา

จะอย่างไรเสียอู่ชีอายุยังน้อย นิสัยขี้เล่น ไม่ได้คิดไกลหรือลึกซึ้งอะไรมากมายกับเรื่องต่างๆ

“สรรพชีวิตมากมาย มียอดฝีมือนับไม่ถ้วน ข้าที่เป็นจอมเทพตัวน้อยๆ นับเป็นอะไรได้ สำหรับผู้ดำรงอยู่ในฐานะบางคนแล้ว ข้าเป็นเพียงมดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น” ซึหุนหลินอมยิ้ม จากนั้นส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “สำหรับคุณชายหลี่รึ ข้าไม่สะดวกที่จะพูดอะไรมากมาย จะมีโชควาสนาอย่างไรขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลแล้ว”

สำหรับผู้ดำรงอยู่ในฐานะเช่นนี้ ต่อให้เป็นซึหุนหลินก็ไม่อยากจะพูดให้มากความ ต่อให้เขาไม่รู้ว่าหลี่ชิเย่นั้นมีประวัติความเป็นมาอย่างไร ฟังจากปากของธิดาราชันฉีหลินที่พูดถึงในแต่ละเรื่อง เขาก็เข้าใจได้ว่านี่คือผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดคนหนึ่ง ต่อให้ซึหุนหลินเป็นถึงระดับจอมเทพ เกรงว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดก็ต้องแหงนหน้าขึ้นมอง

“พวกเราไปเดินดูกันเถอะ ดูว่าจะมีวาสนากันหรือไม่” ในขณะนี้ธิดาราชันฉีหลินได้ยิ้มกล่าวขึ้นมา

ธิดาราชันฉีหลินไม่ต้องการสนทนาเกี่ยวกับหลี่ชิเย่ให้มาก จะอย่างไรเสียผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดเช่นนี้หาใช่นำมาวิจารณ์กันได้ตามอำเภอใจ ยิ่งไปกว่านั้นนางเองเข้าใจดี วาสนาต่างๆ ท้ายที่สุดแล้วยังคงต้องอาศัยตัวเอง

เวลานี้ พื้นที่ที่พวกของธิดาราชันฉีหลินอยู่นั้นนับว่าเป็นส่วนที่ลึกเข้าไปภายในไกลกันดารแล้ว ต่อให้สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่เป็นจุดแกนกลางสำคัญก็เข้าไปใกล้ใจกลางของไกลกันดารแล้ว ซึ่งยอดฝีมือโดยทั่วไปไม่สามารถมาถึงบริเวณนี้ได้ มาคราวนี้หากไม่เป็นเพราะหลี่ชิเย่พาพวกเขามา ต่อให้มีซึหุนหลินนำทาง เกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่สามารถมาถึงที่ตรงนี้ได้อย่างปลอดภัย

ที่ตรงนี้เงียบสงบมาก เนื่องจากอานุภาพจากการศึกในครั้งนั้นของราชันมารอู๋หลุนน่ากลัวมากเหลือเกิน บีบบังคับให้บรรดาเลือดกันดารที่นอนหลับใหลอยู่ในบริเวณนี้ต้องเคลื่อนย้ายออกไป ดังนั้น ที่ตรงนี้จึงมีความปลอดภัยยิ่ง

อู่ชีที่อายุยังน้องดูจะคึกคักมากที่สุด และดีใจมาก เข้าขุดค้นที่ตรงนี้ตรงนั้นไปทั่ว ขุดไปทั่วภูเขาทุกๆ ลูก บางครั้งถึงกับอาศัยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีผลักดันให้ภูเขาเคลื่อนที่ออกไป เขาคิดแต่จะขุดหาของวิเศษที่เป็นที่หวั่นไหวในหล้าให้ได้สักชิ้นหนึ่ง

“เมืองหลงเฉินพวกเจ้ามีของวิเศษมากมาย ไม่จำเป็นต้องฝืนขนาดนี้ก็ได้กระมัง” ซึหุนหลินไม่ได้วางมาดโดยสิ้นเชิง ถึงกับหัวเราะและพูดขึ้นมาเมื่อมองเห็นท่าทางของอู่ชีที่พยายามอย่างยิ่ง

“แหะ แหะ แหะ ผู้อาวุโส เรื่องนี้ท่านไม่เข้าใจ” อู่ชียิ้มแต้กล่าวว่า “ศาสตราวุธเต๋าจอมราชันของเมืองหลงเฉินพวกเรา อย่างไรเสียก็เป็นของชนรุ่นก่อน ต่อให้ข้ามีสิทธิ์ได้สืบทอดมันก็แค่ได้รับร่มเงาจากชนรุ่นก่อน แต่หากว่าข้าสามารถได้อาวุธที่สามารถสยบศาสตราวุธเต๋าของตระกูลข้าได้ล่ะก็ มันช่างเป็นเรื่องที่แสดงถึงอำนาจบารมีเพียงใด นี่แหละคือความรู้สึกของความสำเร็จ เมื่อมีความรู้สึกถึงความสำเร็จชีวิตจึงมีพลังหน่ะ”

เมื่อซึหุนหลินได้ยินคำพูดของอู่ชีแล้วถึงกับหัวเราะและกล่าวว่า “คนหนุ่มก็มีดีตรงนี้แหละ”

เปรียบเทียบกับอู่ชีที่ไม่คิดชีวิต ด้านซึหุนหลินกลับปล่อยไปตามวาสนา เขาแค่ตามหาไปอย่างนั้น เนื่องจากเขารู้ว่าที่ตรงนี้หากจะมีสุดยอดของวิเศษก็ต้องว่ากันตามวาสนา ตัวเขาที่ก้าวมาถึงระดับเช่นนี้มักจะอยู่กับกฎแห่งกรรมและวาสนาสองสิ่งนี้อยู่เสมอๆ

……………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *