Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1612 หมิงหวางไม่หวั่นไหว

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1612 หมิงหวางไม่หวั่นไหว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1612 หมิงหวางไม่หวั่นไหว
สำหรับคำพูดของจื่อชุ่ยหนิงนั้น หลี่ชิเย่เพียงยิ้มนิดหนึ่งแล้วกล่าวด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวว่า “เจ้าจะต้องไปกับข้า”

“พี่หลี่ หวังว่าท่านจะเข้าใจ” จื่อชุ่ยหนิงย่อมเข้าใจดี การที่หลี่ชิเย่จะพานางไปนั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความรักหญิงชาย ยิ่งไม่ใช่เป็นดั่งที่ลือกัน เขาไม่ได้มาเพื่อแย่งเจ้าสาว เขาพุ่งเป้าที่กู้จุน

ในเรื่องนี้ จื่อชุ่ยหนิงมีความเข้าใจเป็นอย่างดี นางเองก็ต้องการต่อต้านกู้จุน แต่ว่า พร้อมกับการต่อต้านกู้จุนในขณะเดียวกันของนาง ยังต้องมั่นใจในความปลอดภัยของเหล่าบรรพบุรุษของสำนัก และยังต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของศิษย์สำนักเมืองสมุทรสยบฟ้า

ที่สมควรได้รับการแก้ไข ข้าจะแก้ไขเอง” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “เจ้าต้องการให้ข้าเข่นฆ่าพรรคเซียนเหิน หรือต้องการให้ข้าเข่นฆ่าเมืองสมุทรสยบฟ้าล่ะ?”

พลันที่คำพูดนี้ถูกพูดออกมา ไม่ว่าจะเป็นศิษย์พรรคเซียนเหิน หรือยอดฝีมือเมืองสมุทรสยบฟ้าที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นสำนักปราศจากผู้ต่อกรในเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน เวลานี้เมื่อออกจากปากของคนโหดอันดับหนึ่งแล้ว เสมือนหนึ่งกลายเป็นมดปลวกที่พร้อมถูกคนเขาบดขยี้ แล้วจะไม่ให้พวกเขารู้สึกโกรธได้อย่างไร

คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้จื่อชุ่ยหนิงถึงกับนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง คนอื่นไม่รู้จักหลี่ชิเย่ แต่นางรู้จักนางเข้าใจ หลี่ชิเย่หาใช่ประเภทคนบ้าที่พูดจาอวดดี หลี่ชิเย่ไม่ใช่ประเภทอวดดีและโง่เขลา เขาพูดได้ย่อมทำได้ เขาบอกว่าจะเลือดล้างก็ต้องเลือดล้างแน่นอน ถ้าเขาบอกว่าจะเข่นฆ่าก็ต้องเข่นฆ่าแน่นอน เพราะว่าเขาคือหลี่ชิเย่!

“ตกลง ในเมื่อพี่หลี่ร้องขอเช่นนี้ ข้าติดตามพี่หลี่ไปก็แล้วกัน” สุดท้าย จื่อชุ่ยหนิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจัง

ในเวลานี้ นางจำต้องปรับแผนการต่อต้านกู้จุน และเย่จิ่วโจว เมื่อหลี่ชิเย่ลงมือ บางทีอาจสามารถทำลายการครอบครองเมืองสมุทรสยบฟ้าของกู้จุน และเย่จิ่วโจวจากทิศทางอีกทางหนึ่ง!

“คนโหดอันดับหนึ่งมีความอหังการเช่นนี้แหละ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงคนไหนก็ตาม ล้วนแล้วแต่ยินดีติดตามผู้ชายแบบนี้” สิ่งนี้ได้ทำให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่ยืนอยู่ในระยะห่างไกลถึงกับทอดถอนใจออกมา เมื่อเห็นจื่อชุ่ยหนิงถึงกับยินดีไปกับคนโหดอันดับหนึ่ง

พลันที่จื่อชุ่ยหนิงพูดคำๆ นี้ออกมา ทำให้สีหน้าของเมิ่งหลงหวางเปลี่ยนไปทันที หน้าที่ของเขาคือห้ามบุคคลภายนอกติดต่อกับจื่อชุ่ยหนิง เวลานี้หากจื่อชุ่ยหนิงไปจากที่นี่ล่ะก็ เขาใช่เพียงแค่ทำให้ผู้เป็นอาจารย์ต้องผิดหวังที่มอบหมายหน้าที่ให้กับเขาเท่านั้น

“ท่านเจ้าเมือง เมืองสมุทรสยบฟ้าของพวกเราจะไม่ก้มหัวให้กับใครเด็ดขาด!” เมิ่งหลงหวางพูดด้วยเสียงอันดังออกมาทันที

“จื่อชุ่ยหนิงเพียงมองดูเมิ่งหลงหวางเมินเฉยทีหนึ่ง แน่นอนย่อมรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ นางพูดเรียบเฉยออกมาว่า “ท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณชายหลี่!”

“ต่อให้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ เมืองสมุทรสยบฟ้าพวกเรายังคงจะสู้ ในฐานะศิษย์ของเมืองสมุทรสยบฟ้า จะไม่ยอมถอยหนีอย่างเด็ดขาด…” เมิ่งหลงหวางกล่าวด้วยท่าทีหนักแน่น

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถปล่อยให้คนโหดอันดับหนึ่งพาตัวจื่อชุ่ยหนิงไปโดยไม่ขัดขืน มิฉะนั้นแล้ว เขาไม่สามารถอธิบายต่อผู้เป็นอาจารย์ได้

“เช่นนั้นแล้วก็สงเคราะห์เจ้า ฆ่าพวกเขาเสีย” หลี่ชิเย่พูดตัดบทคำพูดที่หนักแน่นของเมิ่งหลงหวาง สั่งการกับข่งเชียะหมิงหวางที่ปลอมตัวเป็นคนรับใช้อยู่ข้างกาย

“เตรียมต่อสู้…” เมิ่งหลงหวางรู้ว่าไม่สามารถจบได้ด้วยดี เขาร้องเสียงดังออกไป ตัวเขาเองมีเพียงสู้ทางเดียวเท่านั้น เขาจะไม่สามารถสู้หน้าอาจารย์ของตนได้หากหนีโดยไม่ทันได้ต่อสู้!

“ตึง ตึง ตึง…” ทันใดนั้น บรรดายอดฝีมือที่เฝ้าอยู่ที่หอโบราณทั้งหมดต่างชักดาบและกระบี่ออกจากฝัก ลมปราณดั่งสายรุ้ง กลิ่นอายการฆ่าอบอวลไปทั่วบริเวณในทันที

“ฆ่า…” เวลานี้ ข่งเชียะหมิงหวางไม่มีท่าทีที่ลังเลแม้แต่น้อย ร้องเสียงดังออกมาพร้อมกับเหินฟ้าขึ้นไป เสมือนหนึ่งหงส์ฟ้าที่โผบินเข้ากลีบเมฆ พลันลงมือด้วยกระบวนท่ามากมาย ทุกท่วงท่าที่ฟาดฟันลงมานั้น ประหารสุริยาอัสดง ยิงจันทราสุกสกาว ประกายเจิดจรัส อานุภาพสะเทือนแปดทิศ องอาจห้าวหาญดุดันยิ่งนัก

“ปัง ปัง ปัง…” เสียงแตกหักดังขึ้นเป็นระลอก ตามมาด้วยเสียงร้องอันน่าเวทนา บรรดายอดฝีมือที่สวมเสื้อเกราะในมือถืออาวุธคมกริบเหล่านั้นไม่สามารถต้านรับกับข่งเชียะหมิงหวางได้เลย ถูกนางสังหารจนแตกพ่ายภายในระยะเวลาอันสั้น

ข่งเชียะหมิงหวางมีฐานะเป็นเจ้าเมืองเมืองหมิงจู ได้รับการยอมรับจากเมืองหมิงจู ทั้งยังได้รับการชี้แนะจากหลู่ฉางซุน ทักษะของนางนับว่ามีอันดับในเมืองสมุทรสยบฟ้าอย่างแน่นอน

ภาพนี้ได้สร้างความตระหนกแก่ผู้คนจำนวนมาก เมื่อเห็นลำพังแค่คนรับใช้คนหนึ่งก็สามารถจัดการสังหารยอดฝีมือเมืองสมุทรสยบฟ้าจนยับเยินดั่งใบไม้ร่วง แม้แต่คนรับใช้ยังแข็งแกร่งขนาดนี้ คนข้างกายของคนโหดอันดับหนึ่งเรียกได้ว่าออกจะเป็นพยัคฆ์หมอบมังกรเร้นกายเกินไปแล้วกระมัง ด้วยความสามารถเช่นนี้ไม่ว่าไปอยู่ ณ แห่งหนใดก็ต้องเป็นบุคคลระดับเจ้าถิ่นแน่นอน เวลานี้กลับมาอยู่ในฐานะคนรับใช้ข้างกายของคนโหดอันดับหนึ่ง ดูจะอหังการเกินไปแล้ว!

“อย่าได้กำเริบเสิบสาน!” เวลานี้ เมิ่งหลงหวางไม่อาจไม่ลงมือด้วยตนเอง เขาตวาดเสียงดังและเหินฟ้าขึ้นไป พลันปรากฏทั่วทั้งร่างพวยพุ่งเป็นประกายออกมา ประกายที่เจิดจ้าละลานตาพลันจะเข้าครอบคลุมตัวของข่งเชียะหมิงหวางเอาไว้

ประกายทั้งหมดที่ถูกยิงเข้าใส่สามารถยิงทะลุทุกอย่าง สามารถทำให้ร่างของคนๆ หนึ่งกลายเป็นรูพรุนเหมือนดั่งตะแกรง แต่ว่า ข่งเชียะหมิงหวางร้องเสียงดังออกมา ปรากฎวงแหวนเทวะครอบคลุมกาย ได้ยินเสียงดัง “ตูม” ต้านประกายที่ยิงเข้ามาโดยเมิ่งหลงหวางเอาไว้ได้

แต่ทว่า ได้ยินเสียง “แว้งค์” ดังขึ้น ประกายบนตัวของเมิ่งหลงหวางกลับเจิดจ้ามากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก ดูยิ่งละลานตากว่าเดิม พลันประกายที่ไม่มีสิ้นสุดไร้ขอบเขตได้เข้าปกคลุมตัวของข่งเชียะหมิงหวางเอาไว้ทั้งหมด ร่างของข่งเชียะหมิงหวางจมหายเข้าไปในทะเลแสงนี้ในทันที

ประกายที่เปล่งออกมาจากตัวของเมิ่งหลงหวางนับว่าเจิดจ้ามากเหลือเกิน ยามที่ผู้คนจำนวนมากมองเห็นทะเลแสงนั้น พลันรู้สึกเหมือนวิญญาณในตัวหวั่นไหวโอนเอนไปมา เหมือนหนึ่งวิญญาณจะออกไปจากร่างตนเองอย่างนั้น

“นี่คือเคล็ดวิชาจิตเคลิบเคลิ้มของเมืองสมุทรสยบฟ้า อย่าไปจ้องประกายนั่น มิฉะนั้นล่ะก็มันจะทำให้เจ้ามึนงงได้” ผู้อาวุโสรีบกล่าวเตือนผู้เยาว์และคอยคุ้มกันให้กับผู้เยาว์ของตน

เมื่อบรรดาผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยได้สติกลับมาถึงกับเหงื่อเย็นไหลท่วมตัว แค่มองแวบเดียวก็ทำให้เหม่อลอยได้ หากถูกทะเลแสงนี้ยิงใส่ร่างโดยตรงมิต้องเหมือนดั่งคนไร้วิญญาณกลายเป็นคนบ้าคนหนึ่งรึ

ขณะที่ผู้คนจำนวนมากกำลังตื่นตระหนกกับเคล็ดวิชาจิตเคลิบเคลิ้มของเมิ่งหลงหวางอยู่นั้น เสียง “ปัง…” ดังขึ้น ข่งเชียะหมิงหวางได้ฉีกทะเลแสงจนขาดกระจุย โจมตีจนเมิ่งหลงหวางกระอักเลือดออกมา

ข่งเชียะหมิงหวางได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ไม่หวั่นไหว แม้ว่าเคล็ดวิชา “จิตเคลิบเคลิ้ม” สามารถสะกดวิญญาณของผู้คนได้ แต่ว่า กลับไม่สามารถทำอะไรข่งเชียะหมิงหวางได้แม้แต่น้อย

“เปิด…” สีหน้าของเมิ่งหลงหวางเปลี่ยนไปเมื่อถูกซัดจนกระอักเลือด พลันปะทุเป็นกายสุริยันขึ้นมา ฐานะความเป็นผู้สำเร็จกายสุริยันขั้นกลาง เมื่อกายสุริยันปะทุออกมาพลันทำให้ทั่วทั้งบริเวณพลันกลับกลายเป็นร้อนระอุขึ้นทันที ในเวลานี้เอง เห็นมือทั้งสองของเขาหงายขึ้น ปรากฏเป็นคันฉ่องเทวะบานหนึ่ง

“แว้งค์” เพลิงสุริยันของเมิ่งหลงหวางพลันไหลรวมเข้าไปอยู่ในคันฉ่องเทวะบานนั้น และคันฉ่องเทวะพลันปรากฎประกายสว่างไสวพุ่งออกมา โดยประกายสว่างไสวดังกล่าวดั่งน้ำที่เชี่ยวกรากหอบเอาพลังทำลายล้างรุนแรงพุ่งโจมตีใส่ข่งเชียะหมิงหวาง

ควรจะทราบว่า ลำพังกายเซียนขั้นกลางนับว่าทรงพลังมากพอแล้ว การนำเอาพลังกายเซียนหลอมรวมเข้าไปอยู่ในคันฉ่องเทวะที่ถูกสร้างขึ้นเฉพาะตัวให้กับเมิ่งหลงหวางบานนั้น พลังของประกายสว่างไสวที่พุ่งออกมาจะทรงพลังเพียงใดย่อมสามารถคาดเดาได้อยู่แล้ว

“ปัง” ภายใต้พลังทำลายรุนแรงเช่นนี้ ข่งเชียะหมิงหวางถูกพลังสว่างไสวโจมตีจนตัวลอยออกไป

แต่ว่า ในเสี้ยววินาทีนี้เอง จี้รูปเจดีย์ขนาดเล็กที่ห้อยอยู่บริเวณอกของข่งเชียะหมิงหวางพลันส่งประกายขึ้นมาแวบหนึ่ง ทันใดนั้น ข่งเชียะหมิงหวางไม่เก็บออมพลังความสามารถของตนอีกต่อไป

“อิ๊วว” เสียงนกยูงร้องเสียงยาวออกมา ด้านหลังของข่งเชียะหมิงหวางพลันปรากฎสีสันละลานตาขึ้นมา ขณะที่สีสันละลานตาดังกล่าวปรากฏนั้น เสมือนดั่งนกยูงรำแพนอย่างนั้น

“”ซวบบบ” ประกายละลานตาที่เหมือนดั่งนกยูลรำแพนพลันสกัดกั้นประกายสว่างไสวที่พุ่งเข้ามานั้นเอาไว้

“ข่งเชียะหมิงหวาง…” พลันที่เมิ่งหลงหวางมองเห็นประกายละลานตาเช่นนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าผู้ที่ตนเผชิญอยู่คือใคร เขาร้องเสียงดังออกมาคำหนึ่ง

“สายเกินไปแล้ว!” ข่งเชียะหมิงหวางร้องเสียงแหลมออกมา ภายใต้การสยบของประกายละลานตาที่ดั่งนกยูงรำแพน เสมือนหนึ่งเป็นการสยบโดยสวรรค์ มันหอบเอาพลังที่ผู้คนไม่สามารถต้านทานได้มาด้วย ภายใต้พลังเช่นนี้ เหมือนว่าสามารถบดขยี้ทุกสิ่งให้แหลกลาญไปได้

“ปัง” เมิ่งหลงหวางในเวลานี้ก็ไม่สามารถต้านทานพลังอานุภาพของนกยูงรำแพนได้ คันฉ่องเทวะแหลกละเอียด “พลั่ก” ตัวของเขาถูกสยบจนร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า

แต่ทว่า เขายังไม่ทันลุกขึ้นยืน เสียงดัง “ปัง” เท้าขนาดใหญ่พุ่งตรงลงมาจากบนท้องฟ้า พลันเหยียบตัวของเขาเอาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถกระดิกตัวได้ เขารู้สึกเหมือนถูกภูเขาเทพจากนอกโลกทับเอาไว้ แม้แต่พลิกตัวก็ทำไม่ได้

“เจ้า…” เมิ่งหลงหวางทั้งโกรธระคนกับความตระหนก ใบหน้าแดงก่ำ เมื่อเห็นเท้าที่เหยียบอยู่บนตัวของตนนั้นเป็นของหลี่ชิเย่ การถูกคนเขาเหยียบอยู่ใต้เท้ากล่าวสำหรับเขาแล้ว คือความอัปยศอย่างใหญ่หลวง

ท่ามกลางความอับอายและความโกรธ เมิ่งหลงหวางถึงกับร้องเสียงดังออกมาว่า “หมิงหวาง เจ้าคือศิษย์ของเมืองสมุทรสยบฟ้า สมคบคิดกับบุคคลภายนอก โทษถึงประหาร!”

ข่งเชียะหมิงหวางเพียงมองหน้าเมิ่งหลงหวางอย่างเย้ยหยัน ไม่ให้ความสนใจต่อเขาและไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ

ผู้คนจำนวนมากที่ได้เห็นภาพนี้ล้วนแล้วแต่รู้สึกประหลาดใจ ข่งเชียะหมิงหวางคือเจ้าผู้ครองเมืองๆ หนึ่งของเมืองสมุทรสยบฟ้า เหตุใดนางถึงได้มาอยู่กับหลี่ชิเย่ กระทั่งทำตัวเป็นศัตรูกับเมืองสมุทรสยบฟ้า? ทำให้ผู้คนจำนวนมากคิดไปไกลในเวลานี้

หลี่ชิเย่มองดูเมิ่งหลงหวางที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า ยิ้มกล่าวว่า “ให้ข้าเหยียบเจ้าให้ตายคาเท้าดี หรือว่าไว้ชีวิตเจ้า ให้เจ้าคาบข่าวไปบอกต่อเย่จิ่วโจวและกู้จุนดีนะ?”

“หลี่ชิเย่ จะฆ่าจะแกงสุดแต่เจ้า คนของเมืองสมุทรสยบฟ้าจะไม่ร้องขอชีวิตอย่างเด็ดขาด หากข้าขมวดคิ้วแม้แต้น้อย ถือว่าไม่ใช่ผู้กล้า!” เมิ่งหลงหวางพูดขึ้นมาด้วยเสียงอันดัง ท่าทีแข็งกร้าวยิ่งนัก

“อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น กล่าวว่า “เรื่องนี้กลับทำให้ข้ารู้สึกสนใจ ข้าอยากจะทรมานเจ้าดูสักครั้ง ดูว่าเจ้าจะแข็งกร้าวจริงหรือไม่”

“สหายหลี่ อภัยกันได้จงให้อภัย” ในเวลานี้เอง เสียงที่แก่หง่อมดังขึ้น ทางด้านพรรคเซียนเหิน ปรากฏผู้เฒ่าผู้หนึ่งได้ออกหน้ามาแล้ว โดยที่ข้างกายของผู้เฒ่าผู้นี้มีระดับผู้อาวุโสหลายคนเคียงข้าง

แม้ว่าผู้เฒ่าจะดูผมเผ้าขาวโพลน แต่ทว่า ดวงตาคู่นั้นที่ประเดี๋ยวมืดประเดี๋ยวสว่าง สรรพสัจธรรมกำเนิดขึ้นมา ยามที่เขาจ้องมองบนตัวของผู้ใด ต่อให้เป็นบุคคลระดับปราชญ์ยังรู้สึกหนาวสะท้านในใจ ทักษะของผู้เฒ่านี้แข็งแกร่งเหลือเกิน

“ระดับบรรพบุรุษของพรรคเซียนเหิน บรรพบุรุษผู้รับผิดชอบบัญชาการสำหรับการมาปรากฎตัวที่มหาสมุทรอุดรของพรรคเซียนเหินในครั้งนี้ เป็นระดับจักรพรรดิเทพโลกา!” หัวหน้าพรรคๆ หนึ่งถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเมื่อได้เห็นผู้เฒ่าผู้นี้

การมาปรากฏตัวที่มหาสมุทรอุดรของพรรคเซียนเหินในครั้งนี้ นอกจากหลงอ้าวเทียนแล้ว ก็จะเป็นบรรพบุรุษผู้นี้เป็นผู้บัญชาการสั่งการ ขณะที่พรรคเซียนเหินเข้ายึดครองบริเวณน่านน้ำแห่งนี้ ไม่รู้ว่ามีระดับผู้ยิ่งใหญ่จำนวนเท่าไรของเผ่าปีศาจที่เข้าต่อต้านต้องตายอย่างอนาถด้วยเงื้อมมือของผู้เฒ่าผู้นี้ ดังนั้น ยอดฝีมือจำนวนมากของมหาสมุทรอุดร ยามที่ได้เห็นผู้เฒ่าผู้นี้แล้วต้องมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไป!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *