Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2275 พลังคลื่นกระแทก

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2275 พลังคลื่นกระแทก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เฮ่อ ด้วยมาตรฐานเพียงเท่านี้ก็คิดจะชิงบัลลังก์แย่งอำนาจ แคว้นลักษณะเช่นนี้หากไม่เป็นเพราะความร้อนขึ้นสูงจนสมองเสื่อม ก็คือผู้คนของแคว้นทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นพวกสมองพิการ ไม่มองเลยว่าศัตรูของตนเองนั้นเป็นใคร ลำพังอาศัยกำลังเพียงแค่นี้ก็คิดจะสั่นคลอนธาตุแท้ภายในของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่ง นี่มิใช่มดสั่นคลอนต้นไม้รึ?” หลี่ชิเย่เอ่ยด้วยท่าทีเสียใจในจังหวะที่หุ่นยักษ์มังกรเงินกำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายกับมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์อยู่บนท้องฟ้า

เวลานี้หลี่ชิเย่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนบัลลังก์กษัตริย์ ที่พาลยิ่งกว่าก็คือศีรษะของเขาหนุนอยู่บนตักของมู่หย่าหลันโดยตรง ขณะที่ฟ่านเมี่ยวเจินในเวลานี้ได้ปอกเปลือกองุ่นเซียนที่ดุจดั่งอัญมณีป้อนเข้าปากของเขาทีละลูกๆ ส่วนฉินซาวเย่ากำลังต้มปรุงชาอยู่เคียงกับอาหารว่างที่ยอดเยี่ยม เป็นการเสพสุขอย่างที่สุด

นอนหนุนตักโฉมตรู มือควบคุมจักรวาล วิจารณ์เรื่องสำคัญของแคว้น ชีวิตคนเราก็เพียงเท่านี้

ทุกคนที่ได้เห็นภาพนี้แล้วต่างไม่รู้ว่าจะหาคำอะไรมาเปรียบเปรยกับสภาพของจิตใจในขณะนี้ได้ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เคยสมัครรักใครในตัวมู่หย่าหลันมาก่อน ยิ่งเรียกได้ว่าภายในใจสับสนจนไม่อาจสงบลงได้

นี่มันสามอนงค์แห่งหุบเขาอมตะนะเนี่ย ผู้คนจำนวนมากมายเท่าไรที่หลงใหลตั้งแต่แรกพบ ผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องมัวเมา แต่เวลานี้พวกนางทั้งสามกลับปรนนิบัติหลี่ชิเย่พร้อมกัน วาสนาทางความรักเช่นนี้ ผู้คนจำนวนเท่าไรที่แสวงหาชั่วชีวิตก็ไม่ได้มา

คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ในเวลานี้ไม่มีใครกล้าตอบโต้ กลับจะทำให้ทุกคนตกอยู่ในห้วงของการนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ผู้คนจำนวนเท่าไรที่คิดว่าหุบเขาอมตะตกต่ำลงแล้ว ทุกคนล้วนแล้วแต่เข้าใจว่าหุบเขาอมตะไม่สามารถต้านทานแคว้นว่านโซ่วได้อีกต่อไป แต่นึกไม่ถึงก็คือ เวลานี้มีศิษย์ลำดับที่หนึ่งที่คล้ายดั่งปีศาจโผล่ออกมา ก็สามารถจัดการทรมานกองทัพมังกรเงินที่มีชื่อเสียงโด่งดังจนจะเป็นจะตายอยู่เนี่ย

ปัง ปัง ปังเสียงโจมตีกันและกันดังขึ้น มนุษย์เถาวัลย์ยักษ์และหุ่นยักษ์มังกรเงินต่อสู้พันตูกันบนท้องฟ้า โจมตีกันจนตะวันจันทราต้องอับแสง

ในขณะนี้ บนตัวของมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์มีส่วนที่ถูกโจมตีจนทะลุและหรือฉีกขาดอยู่ไม่น้อย แต่ยังคงเปี่ยมด้วยชีวิตชีวาและยิ่งสู้ยิ่งมีความดุดันมากยิ่งขึ้น ตรงกันข้ามกับหุ่นยักษ์มังกรเงินที่องอาจห้าวหาญและครองความได้เปรียบอยู่กลับมีท่าทีของพลังที่อ่อนลง

จะอย่างไรเสียตัวของหุ่นยักษ์มังกรเงินขนาดใหญ่โตมโหฬารขับเคลื่อนโดยลมปราณ พลัง และศิลาแกร่งที่ฝังเลี่ยมอยู่บนตัวชุดเกราะของสมาชิกของกองทัพมังกรเงินทุกคน เมื่อทอดเวลาเนิ่นนานออกไป ไม่ว่าจะเป็นลมปราณ หรือพลังของพวกเขาก็ต้องสิ้นเปลืองไป ขณะที่มนุษย์เถาวัลย์ยักษ์กลับแตกต่าง มันได้รับการปกป้องจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ พลังชีวิตมีไม่ขาดสาย ใช้อย่างไรก็ไม่มีหมด

“เปิดค่ายกล…” ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ กองทัพมังกรเงินไม่อาจไม่งัดเอาไพ่ตายขึ้นมา พวกเขาคำรามเสียงก้อง เสียงนี้พลันดังก้องไปทั่วเรือนโอสถ และดังก้องไปทั่วฟ้าดิน

จังหวะที่เสียงคำรามของกองทัพมังกรเงินจบลง แคว้นว่านโซ่วซึ่งตั้งอยู่ในที่ที่ห่างไกลมาก ภายในพระราชวังของพวกเขา บนยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ที่สูงตระหง่านทะลุเมฆาลูกนั้น ได้ยินเสียงดังสนั่นแว้งค์ดังขึ้น แท่นขนาดสูงใหญ่ได้ปรากฏขึ้นมา

ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง บนแท่นสูงใหญ่นั้นได้รวบรวมประกายแสงที่ไม่มีสิ้นสุดเอาไว้ ประกายแสงที่ไม่มีสิ้นสุดนี้สว่างไสวมากกว่าแสงสว่างของดวงดาวจำนวนล้านล้านดวงที่รวมตัวกันเสียอีก และมีความละลานตามากกว่า ประกายแสงเช่นนี้คล้ายดั่งเป็นเพชรที่ส่องประกายได้เจิดจ้ามากที่สุด ส่องสว่างไปทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ

จี๊ด…เสียงที่แหวกอากาศเสียงหนึ่งดังขึ้น ทันใดนั้นเอง บนแท่นสูงใหญ่ได้พวยพุ่งพลังคลื่นกระแทกขนาดเล็กเท่าเส้นด้ายสายหนึ่งออกมา โดยพลังคลื่นกระแทกขนาดเล็กเท่าเส้นด้ายสายนี้พลันก้าวข้ามฟ้าดิน ทะลุผ่านมิติกาลเวลา ยิงจากยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ราชวงศ์ของแคว้นว่านโซ่วมายังตัวของหุ่นยักษ์มังกรเงินที่อยู่ ณ เรือนโอสถโดยตรง

พลังคลื่นกระแทกขนาดเล็กเท่าเส้นด้ายที่ละลานตายิ่งสายนี้เมื่อยิงใส่บนตัวของหุ่นยักษ์มังกรเงินนั้น ได้ยินเสียงดังคร๊ากกเสียงหนึ่ง มองเห็นแผ่นหลังของหุ่นยักษ์มังกรเงินเปิดออกเป็นช่องขนาดเล็ก ภายในช่องขนาดเล็กมีวังวนอยู่ และวังวนนั้นก็ได้รับเอาพลังคลื่นกระแทกสายนี้เอาไว้

ตูม ตูม ตูม…หลังจากที่หุ่นยักษ์มังกรเงินได้รับเอาพลังคลื่นกระแทกขนาดเล็กเท่าใยไหมแล้วนั้น ร่างของมันพลันปะทุพลังขึ้นมา เสียงตูมดังสนั่น พลังที่รุนแรงปราศจากผู้ต่อกรพลันกระจายออกไปทุกทุศทุกทาง พุ่งโจมตีต่อฟ้าดิน

ในเสี้ยววินาทีนี้เอง ตัวของหุ่นยักษ์มังกรเงินได้พวยพุ่งประกายสีเงินออกมาอย่างไม่มีขีดจำกัด อีกทั้งยังได้ปรากฏวงแหวนศักดิ์สิทธิ์วงแล้ววงเล่าขึ้นมา ยามที่วงแหวนแต่ละวงดันออกไปเสมือนดั่งโลกๆ หนึ่งที่หมุนเปลี่ยนทดแทน ทันใดนั้น หุ่นยักษ์มังกรเงินเสมือนหนึ่งมีพลังเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่าในครอบครองอย่างนั้น

“นี่มันคืออะไรกันแน่…” ทุกคนหันมองไปยังแคว้นว่านโซ่ว มองไปยังสถานที่ที่พลังคลื่นกระแทกพวยพุ่งออกมาจากระยะห่างไกล

มองเห็นแท่นสูงใหญ่ที่ปรากฏอยู่บนยอดเขาศักดิ์สิทธิ์นั้นส่งประกายแวบวับ เนื่องจากระยะห่างมากเกินไปคนทั่วไปจะมองได้ไม่ชัดเจน แต่ระดับเทพแท้จริงเปิดเนตรฟ้าแล้วมองออกไป มองเห็นที่ตรงนั้นเป็นแท่นสูงใหญ่ที่ฝังเลี่ยมเต็มไปด้วยศิลาแกร่ง

แท่นดังกล่าวมีขนาดที่ใหญ่โตมาก รูปร่างของมันเป็นรูปแอ่งกระทะ เกรงว่าแท่นลักษณะเช่นนี้มีขนาดของพื้นที่เป็นล้านหมู และแท่นที่สูงใหญ่เช่นนี้มีการฝังเลี่ยมศิลาแกร่งเต็มไปหมด อีกทั้งศิลาแกร่งทุกชิ้นล้วนแล้วแต่เริ่มต้นจากระดับเทพแท้จริง ซึ่งไม่จำนวนไม่น้อยที่เป็นศิลาแกร่งระดับราชันแท้จิรง กระทั่งระดับอมตะอยู่ด้วย

ในขณะนี้ศิลาแกร่งที่ฝังเลี่ยมอยู่กับแท่นรูปแอ่งกระทะทั้งหมดล้วนแล้วแต่พวยพุ่งพลังออกมา พวกมันต่างรวมศูนย์เป็นจุดเดียว สุดท้ายภายใต้การขับเคลื่อนของค่ายกลและกลายเป็นพลังคลื่นกระแทกแต่ละสาย แล้วพลังคลื่นกระแทกแต่ละสายนี้ได้ก้าวข้าพันล้านลี้ยิงใส่ตัวของหุ่นยักษ์มังกรเงิน เป็นการเพิ่มพลังให้กับหุ่นยักษ์มังกรเงินอย่างต่อเนื่อง ทำให้พลังของหุ่นยักษ์มังกรเงินเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งในพริบตาเดียว

“ยอดเยี่ยมมาก” ระดับบรรพบุรุษตระกูลขุนนางโบราณถึงกับกล่าวด้วยความประทับใจว่า “ขอเพียงกองทัพมังกรเงินยังคงอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ พลังคลื่นกระแทกเช่นนี้ก็สามารถเพิ่มพลังให้กับกองทัพมังกรเงินอย่างต่อเนื่องไม่มีขาดทุกที่ทุกเวลา มิน่าเล่ากองทัพมังกรเงินถึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้”

“นับว่ามีกำลังทรัพย์ที่แข็งแกร่งมากโดยแท้ ซึ่งจุดนี้เป็นสิ่งที่แคว้นเจ้าลัทธิจำนวนมากไม่สามารถเทียบเคียงได้” มองดูศิลาแกร่งจำนวนนับพันนับหมื่นที่ฝังเลี่ยมเต็มพื้นที่ของแท่นรูปแอ่งกระทะแล้ว ทั้งยังเป็นศิลาแกร่งระดับเทพแท้จริงขึ้นไป ทำให้เทพแท้จริงผู้นี้มองด้วยความทอดถอนใจออกมา

เป็นความจริงที่แคว้นว่านโซ่วมีสินทรัพย์ที่มากมายและแข็งแกร่งอย่างยิ่ง สั่งสมกันมายุคแล้วยุคเล่า พวกเขาได้จำหน่ายยาเม็ดและโอสถในปริมาณที่มหาศาล ซึ่งสั่งสมความมั่งคั่งให้กับแคว้นว่านโซ่วได้อย่างน่าตกใจ

“ฆ่า…” เวลานี้หุ่นยักษ์มังกรเงินคลั่งขึ้นมาเสียแล้ว ร้องคำรามเสียงดังเสมือนดั่งเข้าสู่สภาวะคลั่งหนัก ได้ยินเสียงฉีกขาดดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดขึ้นมา ฉับพลันนั้นเองหุ่นยักษ์มังกรเงินได้ฉีกเนื้อไม้ของมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ออกมา ฉีกขาดแขนข้างหนึ่งของมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์

ปัง ปัง ปังเสียงแตกละเอียดดังขึ้นมาเป็นระลอก แม้ว่ามนุษย์เถาวัลย์ยักษ์จะตอบโต้กลับหุ่นยักษ์มังกรเงินอย่างรุนแรง แต่ว่า เวลานี้พลังของหุ่นยักษ์มังกรเงินเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ทำให้หุ่นยักษ์มังกรเงินเหมือนตกอยู่ในสภาพที่โหดร้ายและคลั่ง มนุษย์เถาวัลย์ยักษ์จึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน

แม้ว่าร่างกายของมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์จะงอกทดแทนส่วนที่ถูกฉีกขาดขึ้นใหม่อย่างรวดเร็ว ยังคงไม่ทันต่อความเร็วของหุ่นยักษ์มังกรเงิน กระทั่งบางส่วนยังไม่ทันได้งอกขึ้นมาก็ถูกฉีกจนละเอียดไปอีกในทันที

แค่วกกกเสียงหนึ่งดังขึ้น สุดท้ายแล้ว หุ่นยักษ์มังกรเงินได้จัดการฉีกร่างของมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์จนแหลกละเอียด ทันใดนั้น ได้ยินเสียงดังปังเสียงหนึ่ง ช่องว่างที่ลอยล่องอยู่ด้านหลังมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ก็พลันแตกสลายไป ตามติดด้วยต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เหมือนเป็นภาพลวงตาอย่างนั้น

หุ่นยักษ์มังกรเงินได้สังหารมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์อย่างโหดเหี้ยมภายในระยะเวลาอันสั้น ด้วยการฉีกร่างมันจนแหลกละเอียด หุ่นยักษ์มังกรเงินที่บ้าคลั่งอาศัยความได้เปรียบที่เด็ดขาดทำลายมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ลงได้ ภาพเช่นนี้นับว่าสร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คนเหลือเกิน

“ดี เด็ดขาดมาก…” บรรดายอดฝีมือของสำนักต่างๆ ที่หันไปพึ่งพาแคว้นว่านโซ่วต่างส่งเสียงเชียร์ออกมา จิตใจที่รู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่งเพิ่งจะได้รับการผ่อนคลายบ้าง จะอย่างไรเสียแคว้นว่านโซ่วยังคงมีศักยภาพอยู่

“นับว่ามีความแข็งแกร่งโดยแท้ มิน่าเล่ากองทัพมังกรเงินจึงสามารถเกรียงไกรไปทั่วหล้า” แม้แต่ระดับบรรพบุรุษที่ยืนหยัดยืนอยู่เคียงข้างหุบเขาอมตะอย่างมั่นคง ยังอดที่จะยอมรับและเอ่ยขึ้นเมื่อมองเห็นลักษณะคลั่งของหุ่นยักษ์มังกรเงินในเวลานี้

“เจ้าหนู คลานเข้ามารับความตายเสีย!” เวลานี้หุ่นยักษ์มังกรเงินที่ยืนอยู่บนท้องฟ้า หมางเมินใต้หล้า ก้มมองดูหลี่ชิเย่เสมือนหนึ่งมองดูมดปลวกอย่างนั้น กระทั่งนาทีนี้ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นมดปลวกอย่างนั้น

การที่หุ่นยักษ์มังกรเงินส่งเสียงท้าท้ายเช่นนี้ ทำให้บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่กลั้นลมหายใจเอาไว้ ทุกคนล้วนแล้วแต่มองไปที่หลี่ชิเย่

ความจริงแล้วทางด้านของแคว้นว่านโซ่วเองก็ทอดถอนใจออกมาด้วยความโล่งอก แรกทีเดียวถูกหลี่ชิเย่โจมตีอยู่ฝ่ายเดียว ในที่สุดเวลานี้พวกเขาสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้บ้างแล้ว

“ยังมีฝีมืออื่นๆ อีกหรือไม่นะ?” ในขณะนี้บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่ยืนอยู่ข้างฝ่ายของหุบเขาอมตะล้วนแล้วแต่รู้สึกกังวลขึ้นมา จะอย่างไรเสียหุ่นยักษ์มังกรเงินที่อยู่ภายใต้สภาพเช่นนี้นับว่าแข็งแกร่งมากโดยแท้จริง

“ฮึธาตุแท้ภายในของแคว้นว่านโซ่วลึกล้ำยากจะหยั่งถึง นี่ยังเป็นแค่อุ่นเครื่องเท่านั้นเอง ใครกล้าขวางทางมันก็แค่เอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุงเท่านั้นเอง หาเรื่องตายเอง” ยอดฝีมือที่ยืนอยู่ข้างฝ่ายของแคว้นว่านโซ่วกล่าวเยาะเย้ยขึ้นมา

คำพูดคำนี้ของเขาทั้งเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้ตนเองทั้งให้กำลังใจกับแคว้นว่านโซ่ว จะอย่างไรเสียพวกเขาได้เลือกที่จะหันไปพึ่งพิงแคว้นว่านโซ่วเสียแล้ว พวกเขาไม่มีโอกาสได้หันหลังกลับมาได้อีก พวกเขาในเวลานี้ได้แต่คาดหวังให้แคว้นว่านโซ่วสามารถสู้รบจนถึงที่สุดและปราศจากผู้ต่อกร เอาชนะหุบเขาอมตะได้อย่างสิ้นเชิง มิฉะนั้นล่ะก็พวกเขาเดือดร้อนแน่

ถ้าหากทัพแคว้นว่านโซ่วพ่ายแพ้ เมื่อถึงเวลานั้นไม่เพียงแคว้นว่านโซ่วเท่านั้นที่ถูกทำลาย แคว้นเจ้าลัทธิเช่นพวกเขาที่เคยวางแผนโค่นล้มหุบเขาอมตะก็ต้องถูกกำจัดทิ้งเช่นเดียวกัน

“วาวช่างยโสอวดดีเหลือเกิน” หลี่ชิเย่ยังคงหนุนนอนอยู่กับตักของสาวงามโดยไม่ได้ใส่ใจ หัวเราะและกล่าวว่า “มันก็คล้ายคนจรจัดอย่างนั้น กว่าจะได้เงินก้อนโตมาสักก้อนไม่ง่ายนัก ดังนั้นก็จะต้องมาอวดเบ่งต่อหน้าทุกคนสักหน่อย ดีมาก น่าชื่นชมยินดีอย่างยิ่ง อย่างน้อยที่สุดแคว้นว่านโซ่วของพวกเจ้ากว่าจะเอาชนะในรอบนี้ได้นับว่าไม่ง่ายนัก สามารถคุยโตโอ้อวดได้ มีต้นทุนที่จะตอแหลอยู่นิดหนึ่ง”

ในขณะนี้ หุ่นยักษ์มังกรเงินได้ร่อนลงมายืนอยู่บนแท่นโอสถอย่างช้าๆ จากท้องฟ้าสูง มันทำหน้าเย็นชา ซึ่งแน่นอนล่ะมันไม่มีสีหน้าแต่แรกอยู่แล้ว เพียงแต่ทุกคนรู้สึกไปเองว่ามันปั้นหน้าอยู่เท่านั้นเอง

“เจ้ายอมแพ้เสียแต่ตอนนี้ยังทัน มิฉะนั้นล่ะก็ เมื่อถึงเวลานั้นแล้วเจ้าจะตายทั้งเป็น” หุ่นยักษ์มังกรเงินส่งเสียงเข้มออกมาจากหนึ่งในสามสิบหกจ้าวมังกร กล่าวเสียงเข้มและน่าเกรงขามว่า “วันนี้ แคว้นว่านโซ่วของข้าไม่เพียงจะสังหารเจ้าเดรัจฉานน้อยอย่างเจ้า ยังจะทำการกวาดล้างหุบเขาอมตะให้ราบเป็นหน้ากลองเช่นกัน”

ขณะที่พูดคำๆ นี้ออกมา เป็นอันว่าทุกอย่างไม่ต้องแอบแฝงซ่อนเร้นอีกต่อไปแล้ว แรกเริ่มเดิมทีแคว้นว่านโซ่วยังอาศัยข้ออ้างว่าต้องการกำจัดฝ่ายมาร ขจัดกังฉินที่อยู่ข้างกายกษัตริย์อะไรประมาณนั้น เวลานี้แคว้นว่านโซ่วได้พูดออกมาตรงๆ ว่า ต้องการกวาดล้างหุบเขาอมตะให้ราบเป็นหน้ากลอง เป็นการหักหน้ากันอย่างเปิดเผยโดยสิ้นเชิง

“น่าชื่นชมในความกล้าหาญ อย่างน้อยก็ได้เผยความทะเยอทะยานของพวกเจ้าออกมา” หลี่ชิเย่เอ่ยพร้อมกับหัวเราะและปรบมือ

“รีบไสหัวเข้ามารับความตายเสีย” ในเวลานี้หุ่นยักษ์มังกรเงินกล่าวน่าเกรงขามขึ้นมา

……………………………………………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *