Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1494 เมิ่งเจิ้นเทียนวิ่งหนี

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1494 เมิ่งเจิ้นเทียนวิ่งหนี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1494 เมิ่งเจิ้นเทียนวิ่งหนี

เมิ่งเจิ้นเทียนวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ขณะที่หลี่ชิเย่ไล่ติดตามไม่ลดละ ท่ามกลางทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ดำเนินการไล่ล่ากันอย่างยืดเยื้อ

แม้ว่าเมิ่งเจิ้นเทียนจะหนีไปได้อย่างรวดเร็ว แต่ทว่า ความเร็วของหลี่ชิเย่เร็วยิ่งกว่า แม้ว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้เร่งความเร็วจนถึงขีดสุด แต่ว่า เมิ่งเจิ้นเทียนที่ลากสังขารซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่นั้น ไม่ว่าจะเพิ่มความเร็วให้มากขึ้นเท่าไรก็ไม่สามารถสลัดทิ้งจาการติดตามของหลี่ชิเย่ไปได้

ความจริงแล้ว จากการที่เมิ่งเจิ้นเทียนวิ่งหนีไปตลอดทางโดยไม่คิดชีวิตนั้น ได้ทำให้อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ความเร็วจึงไม่เท่าเดิม และทำให้ตัวเขากับหลี่ชิเย่มีระยะห่างกระชับขึ้นเรื่อยๆ

ขณะที่หลี่ชิเย่กลับกระทำไปตามอารมณ์ยิ่ง ไม่ได้มีแนวคิดที่จะไล่ตามทันเพื่อสังหาร เหมือนว่ากำลังเสพสุขอยู่กับขั้นตอนการตามไล่ล่าในครั้งนี้

แต่ หลังจากที่วิ่งหนีมาเป็นเวลานาน สุดท้าย เมิ่งเจิ้นเทียนได้ยืนอยู่กับที่ไม่วิ่งหนีอีกต่อไปเขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างเย็นชา มองดูหลี่ชิเย่ที่กำลังไล่ล่าใกล้เขามาในระยะห่างไกล

“เขาคิดจะทำอะไร? ” ซูหย่งหวงถึงกับพูดขึ้นมา เมื่อมองเห็นเมิ่งเจิ้นเทียนยืนอยู่ตรงนั้นไม่เคลื่อนไหวจากระยะไกล

“รอให้ข้าเข้าไป” หลี่ชิเย่ได้ยิ้มอย่างตามอารมณ์ และกล่าวว่า “เจ้ารออยู่ตรงนี้ ข้าจะเข้าไปเดี๋ยวนี้ ดูซิว่าเขายังจะมีท่าไม้ตายอะไรอีก”

“เกรงว่าคงมีการขุดหลุมพรางรอเจ้าอยู่” ซูหย่งหวงถึงกับกล่าวด้วยความกังวล ถึงแม้ว่าเมิ่งเจิ้นเทียนในเวลานี้หัวซุกหัวซน แต่ แม้จะพ่ายแพ้หรือเพลี่ยงพล้ำ แต่พลังอำนาจยังคงอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น เมิ่งเจิ้นเทียนในฐานะหนึ่งในสุดยอดอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุด ต่อให้เขาอยู่ในสภาพร่างกายที่บาดเจ็บสาหัสยังคงมีโอกาสตอบโต้ได้

“ข้าชมชอบกับดักหลุมพรางแบบนี้แหละ” หลี่ชิเย่หัวเราะนิดหนึ่ง กล่าวว่า “ภายใต้พลังที่เด็ดขาด แผนชั่วร้ายใดๆ การวางแผนร้ายทุกอย่างก็เป็นเพียงเมฆที่ลอยอยู่บนอากาศเท่านั้น อีกอย่าง หลุมพรางลักษณะเช่นนี้ การวางแผนให้ร้ายเช่นนี้มันก็เป็นเพียงเรื่องจิ๊บๆ เท่านั้นเอง” เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้ว เขาถึงกับเผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มออกมา

ภายในใจของซูหย่งหวงถึงกับเต้นกระตุกทีหนึ่ง เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขามองไปที่เมิ่งเจิ้นเทียนอีกครั้ง มองดูต้นไม้เก่าแก่โบราณต้นหนึ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลังของเขา นางถึงกับกล่าวด้วยความตื่นตระหนก กล่าวว่า “นั่นมัน…………….”

“ถูกต้อง ที่นี่ก็คืออาณาจักรสุดท้าย หญ้าสังสารวัฏเก้าใบก็อยู่ด้านหลังของเมิ่งเจิ้นเทียนนั่นเอง” เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่ได้เผยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มออกมา

“เขา เขาทำไมถึงไม่ไปเก็บเอามา” ซูหย่งหวงถึงกับกล่าวด้วยความตระหนก

“สิ่งที่มีพลังอำนาจสูงส่ง” หลี่ชิเย่หัวเราะกล่าวว่า “พวกเขาทำลายสิ่งที่มีพลังอำนาจสูงส่งไม่ได้ แต่ว่า พวกเขาก็มองเห็นเส้นสนกลในบ้างแล้ว เจ้ารอดูอยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน มีอะไรดีๆ ให้เห็นแล้วล่ะ”

เมิ่งเจิ้นเทียนเวลานี้ถือโอกาสนั่งลงให้มันรู้แล้วรู้รอดไป และทำการรักษาอาการบาดเจ็บ ขณะที่ด้านหลังเมิ่งเจิ้นเทียนมีกองทัพที่ตั้งขบวนอยู่ตรงนั้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ซูหย่งหวงสนใจนั้นไม่ใช่กองทัพที่อยู่ด้านหลังของเมิ่งเจิ้นเทียน แต่เป็นต้นไม้เก่าแก่โบราณต้นนั้นที่อยู่ห่างไกลออกไปทางด้านหลังของเมิ่งเจิ้นเทียน ต้นที่ขึ้นอยู่บนรากแก่ของต้นไม้เก่าแก่โบราณต้นนั้นก็คือหญ้าสังสารวัฏเก้าใบนั่นเอง

ต้นไม้เก่าแก่โบราณต้นนี้ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังที่ห่างไกลออกไปของเมิ่งเจิ้นเทียน ขณะที่มองไปไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรที่พิเศษ แต่ หากมองให้ละเอียดลงไปก็จะรู้สึกว่ามันมีข้อแตกต่าง แม้ว่าต้นไม้เก่าแก่โบราณต้นนั้นจะอยู่ด้านหลังของเมิ่งเจิ้นเทียนในระยะที่ไกลออกไป แต่เมื่อมองดูให้ละเอียดแล้ว ดูเหมือนว่าต้นไม้เก่าแก่โบราณต้นนั้นเป็นเพียงเงาที่สะท้อนกลับหัวเท่านั้น

ทันใดนั้น เหมือนว่าต้นไม้เก่าแก่โบราณต้นนี้จะขึ้นอยู่ที่มิติอีกช่องหนึ่งอย่างนั้น เป็นมิติที่เป็นเอกเทศเป็นการเฉพาะ อีกทั้งมิติที่มันอยู่ไม่ใช่โลกในอีกมิติหนึ่ง แต่เป็นมิติที่เป็นแกนหลัก เป็นมิติที่เป็นเอกเทศและสามารถอยู่ในระนาบเดียวกันกับเก้าแดนได้

ซูหย่งหวงรู้ว่าสิ่งนี้หาใช่มิติที่เป็นเอกเทศ แต่เป็นสิ่งที่มีพลังอำนาจสูงส่ง เป็นพลังอำนาจสูงส่งหลักที่ได้ยึดครองพื้นที่รอบๆ หญ้าสังสารวัฏเก้าใบเอาไว้ ทำให้ดูเหมือนหญ้าสังสารวัฏเก้าใบเหมือนอยู่ในอีกมิติที่เป็นเอกเทศอย่างนั้น

แม้ว่าเรื่องของระยะทางนั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับยอดฝีมือ เวลานี้ แม้ว่าเมิ่งเจิ้นเทียนจะอยู่ห่างไกลจากต้นไม้เก่าแก่โบราณก็จริง ในฐานะที่เขาเป็นยอดฝีมือระดับนี้แล้ว ระยะห่างขนาดนี้แค่สามถึงห้าก้าวสำหรับเขาเท่านั้น

แต่ว่า เมิ่งเจิ้นเทียนในขณะนี้กลับไม่สามารถเข้าใกล้ได้แม้เพียงแค่สามถึงห้าก้าวเท่านั้น เนื่องจากพลังอำนาจสูงส่งได้ทำการตัดขาดทุกอย่าง ใครผู้ใดก็ตามคิดจะเข้าไปล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

เวลานี้ เมิ่งเจิ้นเทียนนั่งรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ตรงนั้น ขณะที่กองทัพที่อยู่ด้านหลังตั้งเป็นขบวนในขณะนี้ท่าทางดูสงบ ไม่ได้มีท่าทางที่รนรานเหมือนก่อนหน้านั้น ไม่มีท่าทีของหัวซุกหัวซนในขณะนั้น

ในเวลานี้ ได้มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากได้ทยอยกันตามมาทางด้านหลัง ผู้คนจำนวนมากที่มองเห็นเมิ่งเจิ้นเทียนนั่งอยู่ตรงนั้นต่างรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง

“นั่นเขาทำอะไร? ”ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต่างรู้สึกประหลาดใจ เมื่อมองเห็นเมิ่งเจิ้นเทียนที่ในขณะนี้เมิ่งเจิ้นเทียนยังคงนั่งรักษาอาการบาดเจ็บด้วยท่าทีที่สงบนิ่งมาก ไม่มีท่าทางของวิ่งหนีหัวซุกหัวซนเมื่อครู่

“นี่คืออาณาจักรสุดท้ายแล้ว ก้าวต่อไปข้างหน้าที่ต้นไม้เก่าแก่โบราณต้นนั่น ก็จะเป็นสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะแล้ว” อ๋องเฒ่าของเผ่าวิญญาณเทพผู้นั้นก็ได้ตามมาถึง และเอ่ยขึ้นเมื่อมองเห็นต้นไม้เก่าแก่โบราณต้นนั้นที่อยู่ด้านหลังเมิ่งเจิ้นเทียน

“สมุนไพรเซียนอายุวัฒนะ! ” เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ทำให้ผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดที่รุดกันมาที่นี่ต้องตาลุกวาว ทุกคนต่างจ้องมองไปที่ต้นไม้เก่าแก่โบราณที่อยู่ด้านหลังเมิ่งเจิ้นเทียนอย่างไม่คลาดสายตาในเวลานี้

แต่ว่า เวลานี้ไม่มีใครกล้าบุกเข้าไปแย่งชิงต้นไม้เก่าแก่โบราณนั้น เมื่อมีหลี่ชิเย่อยู่ มีเมิ่งเจิ้นเทียนอยู่ ยิ่งมีกองทัพสยบฟ้าของเมิ่งเจิ้นเทียนอยู่อีกด้วย จึงไม่มีใครกล้าทำการบุ่มบ่าม

เมื่อมองเห็นเมิ่งเจิ้นเทียนและกองทัพสยบฟ้าของเขายืนขวางทางหลี่ชิเย่อยู่ด้านหน้าต้นไม้เก่าแก่โบราณ จึงมีผู้เอ่ยถามขึ้นมาว่า “เมิ่งเจิ้นเทียนคิดจะเฝ้าสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะเอาไว้อย่างนั้นรึ? ”

“ไม่ สมุนไพรเซียนอายุวัฒนะไม่จำเป็นต้องมีใครเฝ้าอยู่แล้ว สถานที่ตรงนี้มีพลังอำนาจสูงส่ง ซึ่งพลังอำนาจสูงส่งก็คือผู้ที่คอยเฝ้าสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะเอาไว้อยู่แล้ว เกรงว่าแม้แต่เมิ่งเจิ้นเทียนเองก็ยากที่จะเข้าไปได้”

อ๋องเทพเฒ่าผู้นั้นรู้เรื่องดีมากกว่ายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนโดยทั่วไป เขามองออกถึงความลึกลับที่ซ่อนอยู่ภายใน

“แล้วเมิ่งเจิ้นเทียนต้องการทำอะไร หรือว่าเขาคิดจะนำกองทัพสยบฟ้าของเขาชี้ขาดกับหลี่ชิเย่อย่างนั้นรึ? นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว” มียอดฝีมือถึงกับกล่าวว่า “การต่อสู้ชี้ขาดสำหรับผู้ที่ก้าวมาถึงระดับนี้แล้ว กองทัพสยบฟ้าไม่สามารถใช้การอะไรได้อยู่แล้ว”

อ๋องเทพเฒ่าถึงกับนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง มองดูรอบๆ แล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างช้าๆ ว่า “ไม่รู้สึกว่ามันแปลกรึ ที่พวกขององค์ชายแห่งความชั่วร้าย หลงจวู๋หย่าจู่พวกเขาล้วนไม่ได้ปรากฏตัวออกมา? ”

เมื่อมีการพูดคำๆ นี้ออกมา ได้ทำให้ภายในใจของผู้คนจำนวนมากรู้สึกเต้นกระตุกทีหนึ่ง องค์ชายแห่งความชั่วร้าย หลงจวู๋หย่าจู่ จักรพรรดิหอยสังข์ พวกเขาเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุดของเมิ่งเจิ้นเทียน และเป็นผู้ให้การสนับสนุนที่มั่นคงที่สุด ตามหลักแล้ว เมื่อเมิ่งเจิ้นเทียนมีภัย เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่ปรากฏตัวออกมา

“มีกับดักหลุมพราง! ” ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนบางคนถึงกับใจเต้นกระตุกทีหนึ่ง เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้เรื่องหนึ่ง และร้องเสียงหลงออกมา

ผู้คนจำนวนมากถึงกับใจเต้นกระตุกทีหนึ่ง เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ กล่าวสำหรับผู้คนจำนวนมากในเวลานี้แล้ว นี่ไม่เพียงแค่เป็นไปได้ เกรงว่ามันคือความจริงแล้วล่ะ

เวลานี้ เมิ่งเจิ้นเทียนได้ตั้งขบวนทัพที่นี่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ชัดเจนมาก เขาต้องการรอให้หลี่ชิเย่กระโดดลงไปในหลุมพรางนี้

เวลานี้ เมิ่งเจิ้นเทียนได้ลุกขึ้นยืน อาการบาดเจ็บของเขาทุเลาลงไปไม่น้อย เขาจ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “หลี่ชิเย่ กล้าเข้ามาสู้กันสักยกหรือไม่? ”

หลายคนรู้สึกใจหายใจคว่ำเมื่อเมิ่งเจิ้นเทียนได้พูดคำนี้ออกมา ก่อนหน้านี้เมิ่งเจิ้นเทียนถูกหลี่ชิเย่ตามไล่ฆ่าวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน เวลานี้กลับมีความมั่นใจถึงเพียงนี้ อ้าปากท้าสู้หลี่ชิเย่ ย่อมเป็นการบ่งบอกว่าเมิ่งเจิ้นเทียนมีไพ่ตายในมือที่เด็ดขาดมาก มิฉะนั้นล่ะก็ เขาคงไม่กล้าท้าสู้กับหลี่ชิเย่อีกหลังจากที่ถูกไล่ล่าวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน

ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ เวลานี้ต่อให้เป็นคนโง่ก็ดูออกว่า เมิ่งเจิ้นเทียนได้ขุดหลุมพรางเอาไว้แล้วรอให้หลี่ชิเย่เดินเข้าไป

การที่องค์ชายแห่งความชั่วร้าย หลงจวู๋หย่าจู่ จักรพรรดิหอยสังข์พวกเขาล้วนแล้วแต่ไม่ได้ปรากฎตัว ย่อมบ่งบอกได้ว่าเมิ่งเจิ้นเทียนมีไพ่ตายอะไรอยู่ในมือ

ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ เมิ่งเจิ้นเทียนยังคงกล้าทำแข็งกร้าวท้าสู้กับหลี่ชิเย่อีก ซึ่งไม่สามารถจินตนาการได้ว่า หลุมพรางที่พวกของเมิ่งเจิ้นเทียนได้วางเอาไว้นั้นทรงพลังเช่นใด และมีความน่ากลัวเพียงใด

เมื่อนึกถึงพวกขององค์ชายแห่งความชั่วร้าย หลงจวู๋หย่าจู่ จักรพรรดิหอยสังข์ที่ยังหลบซ่อนอยู่ ทำให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากรู้สึกเสียวสันหลังวาบบ

“อย่าเข้าไปนะ” มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อดพูดคำนี้ออกมาไม่ได้ ความจริงแล้ว นาทีนี้แม้แต่ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนของเผ่าวิญญาณเทพเองก็รู้สึกว่า หลี่ชิเย่ไม่ควรเข้าไป

เวลานี้ หลี่ชิเย่เอาชนะเมิ่งเจิ้นเทียนได้แล้ว มีสิบสามลัคนาอยู่ในครอบครอง มันเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่ามีสิทธิ์เข้าชิงชะตาฟ้าอยู่แล้ว ต่อให้อาศัยท่วงท่าที่ปราศจากผู้ต่อกรไปจากที่นี่ ก็ไม่ส่งผลกระทบแม้แต่น้อยสำหรับเขา ตรงกกันข้าม เมิ่งเจิ้นเทียนพ่ายแพ้ให้กับหลี่ชิเย่อย่างยับเยิน ถ้าหากหลี่ชิเย่ในเวลานี้ไม่รับคำท้าล่ะก็ เกรงว่าเขาคงไม่สามารถหลีกหนีไปจากมารแห่งเงาทมิฬนี้ไปได้ตลอดกาล

ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ขอเพียงคนที่ยังมีสติอยู่ก็จะไม่กระโดดลงไปในกับดักหลุมพราง เวลานี้ การไปจากที่นี่ด้วยท่วงท่าที่ปราศจากผู้ต่อกรคือทางเลือกที่ฉลาดที่สุด

หลี่ชิเย่เป็นฝ่ายชนะแล้ว สู้หรือไม่สู้ก็ไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว” เวลานี้ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่มีชาติกำเนิดมาจากเผ่าวิญญาณเทพถึงกับพูดเช่นนี้ออกมา

หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มออกมา มองดูท่าทีการท้าสู้ของเมิ่งเจิ้นเทียน บิดขี้เกียจทีหนึ่งและกล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า “หรือเจ้าคิดว่าทำเช่นนี้แล้วก็จะสามารถออกจากเงาทมิฬที่อยู่ภายในใจของเจ้าได้อย่างนั้นรึ? เจ้าจะไม่มีวันหลุดพ้นจากความรู้สึกที่หวาดกลัวต่อข้าไปได้ กระทั่งวันตาย”

พลันที่หลี่ชิเย่กล่าวคำๆ นี้ออกมา ลูกตาดำของเมิ่งเจิ้นเทียนถึงกับหดตัว หัวใของเขาเหมือนถูกคนทุบเข้าให้อย่างแรง เป็นความจริงที่เขาคิดอาศัยม่านฟ้าแหดินที่ตนได้วางเอาไว้แล้วสังหารหลี่ชิเย่เสีย ซึ่งไม่เพียงต้องการสังหารศัตรูที่แข็งแกร่งของตน ขจัดสิ่งกีดขวางบนเส้นทางที่มุ่งสู่ความเป็นราชันเซียนของตน ขณะเดียวกัน ก็เป็นการลบเงาทมิฬที่หลี่ชิเย่เคยสร้างเอาไว้ภายในใจของเขา สลัดความหวาดกลัวที่หลี่ชิเย่ทิ้งเอาไว้ภายในใจของเขา

ถึงแม้ตัวของเมิ่งเจิ้นเทียนเองจะมีความคิดเช่นนี้ แต่ ลึกๆ ภายในใจของเขากลับมีเสียงๆ หนึ่งดังออกมา เขารู้ว่าการกระทำเช่นนี้ออกจะเป็นการหลอกตัวเอง เสียงอีกเสียงหนึ่งในใจบอกเขาว่า ต่อให้เขาสามารถอาศัยม่านฟ้าแหดินที่วางเอาไว้สังหารหลี่ชิเย่ได้ แต่ เขายังคงไม่สามารถสลัดทิ้งเงาทมิฬที่หลี่ชิเย่ได้สร้างเอาไว้ภายในใจของเขาไปได้

เว้นเสียแต่ว่าเขาจะอาศัยการต่อสู้ตัวต่อตัวเอาชนะหลี่ชิเย่ให้ได้ มิฉะนั้นแล้ว ท่าทีที่ปราศจากผู้ต่อกรของหลี่ชิเย่ ท่วงท่าสิบสามลัคนา จะผุดขึ้นกลางใจของเขาตลอดไป และเงาทมิฬนี้ก็จะครอบคลุมอยู่ภายในใจของเขาตลอดไป

“สิบสามลัคนานะเนี่ย” ไม่ว่าใครก็ตามเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้ว ต้องรู้สึกเหมือนหัวใจถูกกระตุกดึงอย่างแรง อ๋องเทพเฒ่าผู้นั้นถึงกับทอดถอนใจและกล่าวว่า “การมีศัตรูลักษณะเช่นนี้ย่อมคือเงาทมิฬไปชั่วชีวิต หากเป็นข้า ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่สามารถสลัดทิ้งเงาทมิฬเช่นนี้ไปได้”

“กล้ามาสู้กันสักครั้งหรือไม่! ” เมิ่งเจิ้นเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง สะกดจิตใจของตนเอาไว้ กล่าวน่าเกรงขามออกมา วันนี้จิตใจของเขาสั่นคลอนรุนแรงเกินไปเสียแล้ว ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่จำเป็นต้องให้หลี่ชิเย่สังหารเขา เขาเองก็ต้องพังทลายลงมาเอง หากถึงขั้นนั้นแล้ว ต่อให้ไม่มีศัตรูที่กล้าแข็งเช่นหลี่ชิเย่ก็ตาม เมื่อจิตของเขาสั่นคลอนถึงเพียงนี้ อย่าหวังจะได้เป็นราชันเซียนอีกเลย

“จิตเข้มแข็งดีนี่” หลี่ชิเย่หัวเราะตามอารมณ์และกล่าวว่า “เสียดาย วันนี้จิตของเจ้าสั่นคลอนไปแล้ว ยากที่เจ้าจะรักษามันเอาไว้ได้ ต่อให้วันนี้ข้าไม่ฆ่าเจ้า ต่อให้ข้าไม่ช่วงชิงชะตาฟ้า เจ้าก็ไม่สามารถเป็นราชันเซียนได้ตลอดไป เจ้าบังเกิดความกลัวขึ้นแล้ว เจ้าไม่มีความมั่นใจอีกต่อไป! ”

พลันที่หลี่ชิเย่กล่าวคำๆ นี้ออกมา เมิ่งเจิ้นเทียนรู้สึกเหมือนหัวใจของตนถูกคนเขากระตุกอย่างแรง เขาย่อมรู้ดีถึงเหตุผลข้อนี้ แต่ว่า เมื่อคำพูดเช่นนี้ออกมาจากปากของหลี่ชิเย่แล้ว ยิ่งมีความร้ายแรงมาก หากเวลานี้เขาไม่สามารถควบคุมจิตเอาไว้ให้มั่นคง กระทั่งอาจจะส่งผลให้จิตพังทลายลงได้

“เข้ามาสู้กันสักยก! ” เมิ่งเจิ้นเทียนไม่กล้าคิดมากอีกต่อไป ร้องเสียงอันดังออกไป

ในเวลานี้ ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้แล้วจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ ทุกคนไม่รู้ว่าหลี่ชิเย่จะตัดสินใจอย่างไรก็เรื่องนี้ ความจริงแล้ว หากหลี่ชิเย่เลือกที่จะไปจากที่นี่ด้วยท่วงท่าที่ปราศจากผู้ต่อกรในเวลานี้ล่ะก็ จะไม่มีใครกล้าพูดคำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

“จะสู้อย่างนั้นรึ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “ข้าก็อยากจะรู้ว่าพวกเจ้ายังจะมีลูกไม้อะไรอีก อย่าให้ข้าต้องผิดหวังล่ะ มิฉะนั้นแล้วก็ไม่สนุกเลย” กล่าวพลางก้าวเดินเข้าไปอย่างช้าๆ

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *