Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2417 เป็นของข้าทั้งนั้น

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2417 เป็นของข้าทั้งนั้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จางเจี๋ยตี้ไม่เข้าใจอย่างสิ้นเชิงแล้ว รู้สึกเหม่อลอยอยู่บ้างในใจ

ครั้งนั้นเขาได้ติดตามฮ่องเต้ไท่ชิงมาที่คลังสมบัติเป็นครั้งแรกนั้น ตอนนั้นเขาไม่ใช่เป็นเพียงหนุ่มน้อยคนหนึ่งเท่านั้น เขาคือยอดฝีมือที่โด่งดังทั่วหล้าแล้ว ตัวเขาในขณะนั้นได้ผ่านอุปสรรคและผ่านเหตุการณ์ใหญ่มาแล้วไม่น้อย

แต่ครั้งแรกที่ได้เห็นสมบัติวิเศษมากมายดั่งดอกเห็ดภายในคลังสมบัติ เขาเองก็ต้องสะเทือนหวั่นไหวและอดที่จะรู้สึกใจหายใจคว่ำไม่ได้

แต่ว่า คนหนุ่มเช่นหลี่ชิเย่นั้น มองดูคลังสมบัติที่อยู่ตรงหน้ากลับไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อย คล้ายดั่งกำลังเดินเล่นในตลาดผักผลไม้อย่างนั้น ท่าทางอย่างไรก็ได้โดยสิ้นเชิงอย่างนั้น

พลันทำให้จางเจี๋ยตี้ไม่รู้ว่าสมควรเปรียบเปรยจิตใจในขณะนี้ได้อย่างไร เชาเชื่อว่าในโลกนี้มีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ยืนอยู่ด้านหน้าคลังสมบัตินี้แล้วยังสามารถทำใจสงบและอิสระเสรีได้อย่างนี้ ยิ่งไปกว่านั้น สมบัติวิเศษที่อยู่ภายในคลังสมบัติยังสุดแต่ตนเองจะเลือกหยิบไปได้ตามใจอีกด้วย

แต่ว่า หลี่ชิเย่กลับทำได้แล้ว ของวิเศษแต่ละชิ้นที่สะเทือนเลื่อนลั่นเมื่ออยู่ในสายตาของหลี่ชิเย่แล้วก็เสมือนหนึ่งเป็นผักกาดขาวแต่ละต้นอย่างนั้น

ในเวลานี้เขาเดาไม่ออกสำหรับนายใหม่ผู้นี้เสียแล้ว เป็นเพราะองศาการรับรู้ของเขากว้างเกินไป หรือว่าประสบการณ์ชีวิตมีมากเกินไปกันแน่

อยู่ต่อหน้าของวิเศษมากมายเช่นนี้กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ คนลักษณะเช่นนี้หากไม่ใช่คนโง่สุดๆ ก็คือคนที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาอย่างแท้จริง

จางเจี๋ยตี้ย่อมไรรู้ว่าคลังสมบัตินั้นหลี่ชิเย่เห็นมามาก เมื่อเทียบกับคลังสมบัติของบรรพบุรุษหลุนหุยแล้ว คลังสมบัติของราชวงศ์โต่วเซิ่นไม่สามารถนับเป็นอะไรได้เลย

ในระหว่างที่เดินชมอยู่นั้น หลี่ชิเย่ก็ได้หยุดดูอยู่ตรงหน้าของวิเศษหลายชิ้นอยู่เช่นกัน

หนึ่งในนั้นเป็นระฆังขนาดใหญ่ใบหนึ่ง โดยที่ระฆังใบนี้ดูเป็นสีม่วงทั้งใบ เหมือนหล่อขึ้นมาจากทองหรือหยก แต่มันก็ไม่ใช่โลหะจื่อจิน มันเปล่งประกายสีม่วงออกมา ระฆังทั้งใบเหมือนเป็นเนื้อเดียวกัน แลดูเหมือนไม่ใช่หล่อ่ขึ้นมาภายหลัง เหมือนว่ามันเป็นระฆังเช่นนี้มาแต่กำเนิด

ระฆังได้เปล่งพลังม่วงออกมา โดยพลังม่วงได้ลอยตัวขึ้นมาไม่ขาดสาย พลังม่วงที่สั่งสมอยู่ด้านล่างของระฆังได้ยกระฆังทั้งใบให้ลอยขึ้นมา

“ระฆังใบนี้คือของวิเศษที่ยอดเยี่ยมชิ้นหนึ่ง ฟังว่าฝ่าบาทได้ใช้มันเป็นอาวุธในวัยหนุ่ม” จางเจี๋ยตี้ถึงกับสะดุ้งในใจ เมื่อเห็นหลี่ชิเย่หยุดอยู่ตรงระฆังใบนี้

แม้ว่าหลี่ชิเย่เดินอยู่ในคลังสมบัติแห่งนี้เสมือนดั่งเดินเล่นในตลาดสดอย่างนั้น ของวิเศษจำนวนมากเขามองแค่แวบเดียวเท่านั้น มีเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้นที่เขาหยุดเดินและดูเหมือนเช่นระฆังใบนี้

อย่างน้อยที่สุดสิ่งนี้บ่งบอกว่าสายตาของหลี่ชิเย่นั้นแหลมคมมาก แค่มองแวบเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าของวิเศษชิ้นไหนดีหรือไม่ดีอย่างไร ต้องเป็นคนที่รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีแน่นอน

“อืมม พอใช้ได้” หลี่ชิเย่พยักหน้าไปตามอารมณ์ แล้วก็เดินต่อไปข้างหน้า

จางเจี๋ยตี้ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้อีกแล้ว เพราะเขาดูไม่ออกอย่างสิ้นเชิงสำหรับเจ้านายคนใหม่คนนี้แล้ว

ณ มุมหนึ่งของคลังสมบัติหลี่ชิเย่ได้หยุดอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง เห็นเพียงมุมนี้ได้วางปืนใหญ่เอาไว้กระบอกแล้วกระบอกเล่า โดยที่ปืนใหญ่แต่ละกระบอกเหล่านี้ไม่ทราบว่าหล่อขึ้นมาด้วยวัสดุใด ปากกระบอกดำสนิท เสมือนหนึ่งสามารถยิงเอาท้องฟ้าให้ร่วงลงมาได้

“ปืนไฟชุดนี้แม้ว่าจะมีอานุภาพที่ทรงพลังยิ่ง แต่ฟังว่านับตั้งแต่เจ้าของผู้สร้างพวกมันขึ้นมาได้เสียชีวิตไปแล้วก็ไม่มีวัตถุดิบอีกเลย ถ้าหากวัตถุดิบที่มีอยู่ถูกใช้จนหมดไป ปืนไฟชุดนี้ก็จะกลายเป็นเศษเหล็กกองหนึ่งเท่านั้น” เมื่อจางเจี๋ยตี้เห็นหลี่ชิเย่มองดูปืนใหญ่แต่ละกระบอกเหล่านี้ จึงได้ทำการแนะนำให้กับเขา

“แบบนี้สิสนุกดี” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “อาวุธชนิดนี้ไม่จำเป็นต้องอาศัยกำลังของพลังมาควบคุม ช่างเป็นของที่น่าสนุกเหลือเกิน เห็นใครไม่สบอารมณ์ก็ลากออกมายิงมันเลย ไปถึงไหนยิงตายถึงนั่น”

จางเจี๋ยตี้ถึงกับหัวเราะเจื่อนๆ เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ ปืนไฟเหล่านี้ล้ำค่ายิ่งนัก เมื่อไรที่นำออกใช้แล้วก็จะกลายเป็นเศษเหล็ก ปรกติแล้วมีใครเขาเอาออกมาใช้โดยไม่เสียดาย? เห็นใครไม่สบอารมณ์ก็นำมันมายิงใส่ นี่เป็นการทำลายสิ่งของให้เสียหายตามอำเภอใจชัดๆ นับว่าสิ้นเปลืองเหลือเกิน

หลังจากที่เดินแตร่อยู่ในคลังสมบัติมารอบหนึ่ง หลี่ชิเย่ไม่ได้เลือกของวิเศษเลยสักชิ้น หันหลังเดินจากไปทันที

“องค์ชายไม่เลือกของวิเศษบ้างเลยรึ?” จางเจี๋ยตี้อดที่จะถามด้วยความแปลกใจ เมื่อหลี่ชิเย่เดินจากไปโดยไม่ได้เลือกของวิเศษเลยสักชิ้น

“ต่อไปข้าจะเป็นผู้กุมอำนาจมิใช่รึ?” หลี่ชิเย่ถามกลับ

“ถูกต้อง” จางเจี๋ยตี้ได้แต่ตอบรับ เรี่องนี้แน่อยู่แล้ว เวลานี้เขาคือรัชทายาท อนาคตเขาก็คือฮ่องเต้ของราชวงศ์โต่วเซิ่น

“ก็แค่นั้นแหละ” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “เมื่อฮ่องเต้ตาย อย่าว่าแต่แค่คลังสมบัติแห่งหนึ่งเลย ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ทั้งหมดก็เป็นของข้า มีโลกทั้งโลกอยู่ในมือยังจะต้องไปเลือกหาอะไร ข้าอยากได้ก็หยิบเอา”

เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วเหลือบมองจางเจี๋ยตี้ทีหนึ่ง และกล่าวว่า “เวลานี้ข้าคิดจะเลือกกี่ชิ้นก็กี่ชิ้นมิใช่รึ? ในเมื่อเป็นของข้าอยู่แล้วจะรีบไปทำไม ต้องการแล้วค่อยมาเอา”

โอ้แม่เจ้า! ในใจของจางเจี๋ยตี้ถึงกับร้องเสียงดังขึ้นมา เขารู้สึกว่าเจ้าหมอนี่เสียสติแล้วแน่ๆ เลย ยังไม่ทันได้เป็นฮ่องเต้ ฮ่องเต้ไท่ชิงยังไม่ได้สวรรคต เขาก็พูดจาไม่รู้จักละอายว่าแผ่นดินทั้งหมดล้วนแล้วแต่แป็นของเขาแล้ว นับเป็นคนเสียสติโดยแท้ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเหลือเกิน

จางเจี๋ยตี้พลันหุบปากเงียบสนิทไม่ต่อปากสักคำ เขาไม่อยากยุ่งกับเรื่องเช่นนี้ หากไม่ทันระวังทำให้ฮ่องเต้ไท่ชิงทรงกริ้วล่ะก็ ไม่รู้ว่าจะมีกี่คนที่ต้องหัวหลุดจากบ่า!

สุดท้าย จางเจี๋ยตี้ได้ก้าวออกมาจากคลังสมบัติ จังหวะที่ก้าวออกจากคลังสมบัตินั้น หลี่ชิเย่เหมือนประสาทเชื่องช้าอย่างนั้น ท่าทีเหมือนเจ้าหนูซุ่มซ่ามทำโบกไม้โบกมือกับระดับบรรพบุรุษและยอดฝีมือที่เฝ้ารักษาการณ์คลังสมบัติ และสั่งการออกไปว่า “พวกเจ้าเฝ้าคลังสมบัติของข้าให้ดีล่ะ ทำงานให้มันหนักแน่นจริงจังหน่อย วันหน้าเมื่อข้าได้ครองแผ่นดินแล้วจะตบรางวัลให้พวกเจ้าอย่างงาม”

คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้ทุกคนที่เฝ้าคลังสมบัติสะดุ้ง สีหน้าของเหล่ายอดฝีมือที่เฝ้าคลังสมบัติเปลี่ยนไปมากทีเดียว ต่างมองหน้ากันและกันและไม่กล้าพูดอะไรสักคำ

ในเวลานี้ พวกเขาต่างรู้สึกว่าหลี่ชิเย่เสียสติไปแล้ว ฮ่องเต้ไท่ชิงยังไม่ทันสวรรคต เขาก็คิดอยากจะครองแผ่นดิน และแบ่งแยกสมบัติแล้ว

แน่นอน บรรดายอดฝีมือต่างรู้สึกตกใจเป็นยิ่งนัก ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าพูดพร่อยๆ เกิดฮ่องเต้ไท่ชิงเข้าใจว่าพวกเขาเป็นพวกเดียวกันกับหลี่ชิเย่ล่ะก็แย่เลย ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องหัวหลุดจากบ่าในค่ำคืนเดียว

เวลานี้ทุกคนต่างก็ไม่เข้าใจว่าฮ่องเต้ไท่ชิงเป็นอะไรไป หรือจะชราภาพแล้วเลอะเลือน ถึงกับตั้งรัชทายาทลักษณะเช่นนี้ได้

หลังออกจากคลังสมบัติแล้ว จางเจี๋ยตี้รีบเร่งส่งตัวหลี่ชิเย่กลับตำหนักตงกงทันที ระหว่างทางถึงกับอกสั่นขวัญแขวน เนื่องจากเขาเกรงว่าหลี่ชิเย่เจอะเจอใครก็จะไปถามว่าฮ่องเต้ไท่ชิงจะสวรรคตเมื่อไร ถ้าหากคำพูดเช่นนี้เข้าถึงหูของฮ่องเต้ไท่ชิงล่ะก็ ไม่รู้ว่าจะมีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องหัวหลุดจากบ่า เกรงว่าจะทำให้พระราชวังต้องตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือดภายในชั่วข้ามคืน

ในที่สุดจางเจี๋ยตี้ก็ได้ส่งหลี่ชิเย่กลับถึงตำหนักตงกงอย่างปลอดภัย ถึงกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่งเหมือนปลดของหนักลงจากบ่า

ขณะนี้จางเจี๋ยตี้รู้สึกว่าเขายอมให้มีคนมาลอบสังหารหลี่ชิเย่ แม้ว่าจะเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเขาก็ไม่กลัว ตรงกันข้าม เขากลัวปากของหลี่ชิเย่ที่เที่ยวไปพูดกับใครต่อใครมากกว่า

แน่นอนที่สุด ท่าทีของหลี่ชิเย่คืออย่างไรก็ได้ และท่าทีของหลี่ชิเย่ก็นับว่าน่าสนใจอย่างยิ่ง อาศัยศักยภาพของเขา ไม่ว่าจะเป็นฮ่องเต้ไท่ชิง หรือว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเจิ่วมี่ล้วนแล้วแต่ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา แต่เขากลับมีท่าทีที่ยินยอมให้ใครเขาบงการได้ตามใจชอบ

ฮ่องเต้ไท่ชิงแต่งตั้งให้เขาเป็นรัชทายาทเขาก็ไม่ปฏิเสธ กลับตอบตกลงทันที ซึ่งทำให้ผู้คนไม่รู้ว่าเขาต้องการจะทำอะไร

สำหรับเรื่องที่ว่าเพราะเหตุใดฮ่องเต้ไท่ชิงจึงแต่งตั้งให้หลี่ชิเย่เป็นรัชทายาท ก็เป็นปริศนาเช่นกัน

หากจะกล่าวว่า ฮ่องเต้ไท่ชิงมีพระชนม์มายุมากแล้วและหลงลืม และเป็นผู้เฒ่าที่เลอะเลือนแล้ว หากมีความคิดเช่นนี้ล่ะก็ นั่นคือไร้สาระชัดๆ

เฉกเช่นฮ่องเต้ไท่ชิงซึ่งดำรงอยู่ในฐานะเทพแท้จริงขั้นอมตะที่ปราศจากผู้ต่อกรเช่นนี้ เขาจะไม่อยู่ในสถานะคนแก่ที่เลอะเลือนเด็ดขาด

แต่ว่า ก่อนที่จะสวรรคตกลับมอบอำนาจที่สูงสุดเพียงผู้เดียวให้กับคนหนุ่มที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงสองวัน ช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ และไม่มีใครรู้ว่าฮ่องเต้ไท่ชิงคิดอย่างไร และไม่รู้ว่าฮ่องเต้ไท่ชิงต้องการอะไรกันแน่

หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้กลายเป็นองค์รัชทายาทแล้ว เพลิดเพลินกับวันเวลานั้นเหลือเกิน สบายมากเหลือเกิน ผู้ที่อยู่ข้างกายนั้นให้ความเคารพจนไม่รู้จะเคารพอย่างไรแล้ว ผู้ที่คอยปรนนิบัติรับใช้เขาเรียกได้ว่าอยู่ในท่าคุกเข่าลงทั้งสองข้าง

จะอย่างไรเสีย หลี่ชิเย่ในเวลานี้ก็คือองค์รัชทายาท ผู้กุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ในอนาคต ในอนาคตเขาจะกุมอำนาจที่มีเพียงหนึ่งเดียวในมือ เป็นใหญ่แต่ผู้เดียวใต้หล้า ผู้ที่คอยปรนนิบัติรับใช้เขาใครบ้างล่ะที่ไม่ยอมคุกเข่าให้เขา?

ภายในตำหนักตงกง ขอเพียงหลี่ชิเย่ต้องการ ไม่ว่าต้องการสิ่งใดก็ตาม ผู้ที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายของเขาก็จะทำให้หลี่ชิเย่พึงพอใจในข้อเรียกร้อง การเสพสุขในระดับฮ่องเต้นี้ไม่ทราบว่าเป็นที่ต้องการของผู้คนจำนวนเท่าไร

สายลมพัดโชยมาเฉื่อยฉิว หลี่ชิเย่นั่งอยู่ท่ามกลางสวนไผ่ภายในตำหนักตงกง เพลิดเพลินไปกับการปรนนิบัติของคนข้างกาย สายลมที่พัดโชยมาเอื่อยๆ เป็นระลอก ทำให้ง่ายที่จะเผลอหลับไป

หลี่ชิเย่นอนอยู่ที่เก้าอี้ตัวใหญ่นั่นเหมือนหลับสนิทไปแล้วอย่างนั้น สายลมที่พัดมาเบาๆ คล้ายดั่งคนรักที่นุ่มนวลกำลังลูบไล้ตัวของเขาอยู่

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว ผู้ที่คอยปรนนิบัติรับใช้หลี่ชิเย่อยู่ข้างกายไม่ทราบว่าหายไปไหน มีเพียงหลี่ชิเย่ที่นั่งอยู่ที่ตรงนั้นเพียงลำพังคนเดียว

ไม่ถูก ยังมีอีกคนที่นั่งอยู่ด้านข้างของหลี่ชิเย่ เป็นผ้หญิงคนหนึ่ง นางนั่งอยู่บนก้อนหินที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ท่าทางดูอิสระเสรีและเป็นธรรมขาติ นางนั่งอยู่ที่ตรงนั้นเสมือนหนึ่งเป็นร่างเดียวกันกับฟ้าดิน

ผู้หญิงคนนี้งดงามมากเหลือเกิน นักพรตฉางเซิน นักพรตพเนจรหยางหมิงนับว่างดงามมากพอแล้วสิ พวกนางล้วนแล้วแต่เป็นผู้หญิงที่สวยหยาดเยิ้ม สามารถทำให้ผู้คนหลงใหล

แต่ว่า เมื่อเปรียบเทียบกับผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนักพรตฉางเซิน หรือว่านักพรตพเนจรหยางหมิงล้วนแล้วแต่ขาดอะไรไปบางอย่าง

ความงดงามของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า ไม่ได้งดงามที่ตรงรูปโฉม แต่เป็นคุณสมบัติเฉพาะตัว นางก้าวขึ้นสู่สวรรค์กำลังเป็นเซียน ถ้าหากกล่าวว่านักพรตพเนจรหยางหมิงเหมือนอยู่เหนือมนุษย์ปุถุชนธรรมดา คล้ายดั่งเซียน นั่นแค่คล้ายเท่านั้นเอง

ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าให้ความรู้สึกผู้คนก็คือความเป็นเซียน พลันที่เห็นนางก็คือเซียน ไม่ใช่เหมือน

นางสวมใส่เสื้อผ้าสีเขียวอ่อน มีประกายบางๆ ไหลรินอยู่ เหมือนน้ำทะเลสาบที่กระเพื่อมอย่างนั้น มีอัญมณีที่เป็นมรกตประดับอยู่บริเวณหน้าผากของนาง มรกตชิ้นนั้นมีสีเขียวที่ลึกล้ำยิ่ง เหมือนช่องว่างที่อยู่ห่างไกลมาก เหมือนอัญมณีชิ้นนี้ของนางได้รวบรวมโลกธาตุนับตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา

นางนั่งอยู่ที่ตรงนั้นเงียบๆ ทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหวล้วนแล้วแต่ไปในทิศทางเดียวกับจังหวะฟ้าดิน ซึ่งสิ่งนี้หาใช่นางสอดรับกับจังหวะฟ้าดิน แต่เป็นจังหวะฟ้าดินที่เคลื่อนไปตามความเคลื่อนไหวของนาง เป็นนางที่นำพาจังหวะทั่วฟ้าดิน หาใช่นางที่ต้องสอดรับกับจังหวะฟ้าดิน

ผู้หญิงลักษณะเช่นนี้คือนางฟ้าที่ลงมายังโลกมนุษย์มองไม่รู้จักเบื่อ ขอเพียงได้จ้องมองดูทีหนึ่ง เกรงว่าคงยากที่จะลืมเลือนไปชั่วชีวิต นางสามารถฝากภาพความทรงจำที่ไม่สามารถลบเลือนได้ ช่างงดงามเหลือเกิน!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *