Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2453 หาเรื่องตายเอง

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2453 หาเรื่องตายเอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เอาไป สินสอดเล็กๆ น้อยๆ นับเป็นอะไรได้ ข้าให้ได้อยู่แล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มพลางและจัดการโยนของวิเศษทั้งห้าออกไปตามอารมณ์ ขณะที่ของวิเศษทั้งห้าชิ้นถูกโยนออกไป พลันปรากฏกลิ่นอายราชันแท้จริงที่ตลบอบอวล

ของวิเศษทั้งห้าชิ้นก็คือของวิเศษทั้งห้าชิ้นระดับราชันแท้จริงนั่นเอง ในจำนวนของวิเศษทั้งห้าชิ้นนี้ประกอบด้วย มุกราชัน เสื้อเกราะศักดิ์สิทธิ์ เสื้อสวรรค์…ของวิเศษทุกชิ้นล้วนแล้วแต่เปล่งประกายลอยขึ้นมา และอานุภาพราชันที่ตลบอบอวล

ของวิเศษราชันแท้จริง…ขณะที่หลี่ชิเย่โยนของวิเศษราชันแท้จริงออกมาห้าชิ้นนั้น ศิษย์สำนักเสินสิงเหมินทั้งหมดที่อยู่ด้านนอกประตูพลันส่งเสียงฮือฮาขึ้นมา ทุกคนอดที่จะยืดคอของตนให้ยาวขึ้น และคู่ดวงตาเบิกกว้างสุดๆ ไม่ได้

แม้แต่เทียนเฮ่อเจินเหริน และระดับบรรพบุรุษของสำนักเสินสิงเหมินก็ตะลึงงัน พวกเขาต่างทยอยกันเบิ่งตามองดูของวิเศษทั้งห้าชิ้นนี้

แม้จะกล่าวว่า สำหรับสำนักเสินสิงเหมินแล้ว พวกเขาก็สามารถนำเอาของวิเศษราชันแท้จริงจำนวนสามถึงห้าชิ้น และหรือของวิเศษที่อยู่ในระดับเดียวกันออกมาได้เหมือนกัน แต่ทว่า การโยนของวิเศษราชันแท้จริงห้าชิ้นออกมาตามอารมณ์ ทั้งยังไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย เหมือนดั่งที่โยนออกมานั้นคือผักกาดขาวห้าต้นอย่างนั้น ข้อนี้สำนักเสินสิงเหมินของพวกเขายังไม่สามารถทำได้

ไม่ง่ายนัก หลังจากที่เทียนเฮ่อเจินเหรินกับระดับบรรพบุรุษของสำนักเสินสิงเหมินจะได้สติกลับมาแล้ว พวกเขาต่างมองหน้ากันและกัน พวกเขาเองก็นึกไม่ถึงว่าหลี่ชิเย่แค่หยิบออกมาตามอารมณ์ก็โยนเอาของวิเศษราชันแท้จริงออกมาได้ ซึ่งอยู่เหนือความคาดคิดของพวกเขาโดยสิ้นเชิง ในเวลานี้ เทียนเฮ่อเจินเหรินกับระดับบรรพบุรุษของสำนักเสินสิงเหมินล้วนแล้วแต่พูดอะไรไม่ออก

แรกที่เดียวที่เทียนเฮ่อเจินเหรินเสนอข้อเรียกร้องเช่นนี้ออกมานั้น เขาต้องการให้หลี่ชิเย่รู้ว่าเรื่องนี้ทำได้ยากแล้วยอมถอย เป็นการกลั่นแกล้งหลี่ชิเย่ ขณะเดียวกันก็ต้องการทดสอบหยั่งเชิงหลี่ชิเย่

ถ้าหากว่าหลี่ชิเย่ไม่สามารถเอาของวิเศษราชันแท้จริงห้าชิ้นออกมาเป็นสินสอด เช่นนั้นแล้วการถอนหมั้นของสำนักเสินสิงเหมินพวกเขาก็ทำได้สมเหรตุสมผล ถึงเวลานั้นก็ไม่สามารถบอกว่าสำนักเสินสิงเหมินของพวกเขาไม่รักษาคำพูด และไม่สามารถหาว่าสำนักเสินสิงเหมินพวกเขาไม่ทำตามคำมั่นสัญญา แต่เป็นเพราะหลี่ชิเย่ไม่สามารถนำเอาสินสอดมาแต่งงานกับธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวา

เวลานี้ เทียนเฮ่อเจินเหรินกับระดับบรรพบุรุษของสำนักเสินสิงเหมินต่างมองตากันและกัน ท่าทางของพวกเขาดูจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก พวกเขานึกไม่ถึงว่าหลี่ชิเย่จะโยนของวิเศษราชันแท้จริงออกมาได้ตามใจเช่นนี้

ในขณะนี้เอง ภายในใจของพวเขาก็รู้สึกหวั่นไหว เวลานี้เทียนเฮ่อเจินเหรินกับระดับบรรพบุรุษของสำนักเสินสิงเหมินต่างตระหนักถึงปัญหาข้อหนึ่งพร้อมกัน

การที่หลี่ชิเย่สามารถโยนของวิเศษราชันแท้จริงทั้งห้าออกมาตามอารมณ์ อีกทั้งยังทำเหมือนเป็นการโยนผักกาดขาวออกมาอย่างนั้น ย่อมเป็นการบ่งบอกว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้หวงแหนของวิเศษราชันแท้จริงที่ทุกคนมองว่าเป็นของวิเศษเลยแม้แต่น้อย และเป็นการอธิบายได้ว่า ของวิเศษราชันแท้จริงที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่ยังมีอยู่อีกเป็นจำนวนมาก ไม่ได้มีอยู่เพียงเท่านี้

ภายในใจของเทียนเฮ่อเจินเหรินกับระดับบรรพบุรุษของสำนักเสินสิงเหมินถึงกับหวั่นไหวเมื่อนึกถึงข้อนี้ คลังสมบัติส่วนตัวของฮ่องแต้ไท่ชิงมีมากเพียงใด เป็นที่ต้องการครอบครองมากของผู้คนเท่าไร แม้จะกล่าวว่า ฮ่องแต้ไท่ชิงได้ตายไปแล้ว และราชวงศ์โต่วเซิ่นก็ล่มสลายไป แต่หลี่ชิเย่ที่อยู่ในฐานะฮ่องแต้องค์ใหม่กลับได้สืบทอดคลังสมบัติของฮ่องแต้ไท่ชิงเลยนะ

ในเวลานี้ ทั้งเทียนเฮ่อเจินเหรินและระดับบรรพบุรุษของสำนักเสินสิงเหมินอดที่จะแอบมองตากันและกันลับๆ เผยให้เห็นแววตาของความโลภออกมา ถ้าหากว่าสำนักเสินสิงเหมินของพวกเขาสามารถได้รับคลังสมบัติหลวงของฮ่องแต้ไท่ชิงมาครอบครอง มันบ่งบอกถึงสิ่งใด?

นั่นจะเป็นการบ่งบอกว่า ธาตุแท้ภายในของสำนักเสินสิงเหมินพวกเขาได้ก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง และเป็นการบ่งบอกว่าในอนาคตหากสำนักเสินสิงเหมินพวกเขาจะชิงแผ่นดินกับอีกสี่แกร่งที่เหลือ ก็จะมีกำลังและธาตุแท้ภายใจเพิ่มมากขึ้นอีกส่วนหนึ่ง

ไม่ ข้าไม่แต่ง…ในเวลานี้เอง ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาได้ก้าวออกมาและส่งเสียงดังว่า “ท่านพ่อ ต่อให้เป็นของวิเศษราชันแท้จริงร้อยชิ้นข้าก็ไม่แต่ง ข้าไม่ใช่สินค้า! ข้าไม่เห็นด้วยกับการค้าเช่นนี้อยู่แล้ว และข้าก็จะไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานในครั้งนี้อย่างเด็ดขาด! ”

“อย่างนั้นรึ? ” หลี่ชิเย่มองดูธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาที่มีท่าทีโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ กล่าวเอ้อระเหยขึ้นมาว่า “ข้าได้มอบสินสอดให้แล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าก็คือผู้หญิงของข้าแล้ว”

“ฝันไปเถอะ! ” ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาเชิดใส่หลี่ชิเย่ทีหนึ่ง กล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “ต่อให้เจ้ามีของวิเศษราชันแท้จริงเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น ต่อให้มีคลังหลวงทั้งหลังอยู่ในครอบครอง ข้าก็จะไม่แต่งกับเจ้า! ฮึแค่สวะที่อ่อนแอไร้ความสามารถก็คิดจะแต่งงานกับข้า เป็นความฝันของคนปัญญาอ่อน! ”

ในสายตาของธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวามองว่า หลี่ชิเย่ก็คือฮ่องแต้ชั่วที่มั่งโลกีย์ไร้คุณธรรมคนหนึ่ง คือสวะที่อ่อนแอไร้ความสามารถคนหนึ่ง นางที่อยู่ในฐานะสตรีผู้สูงศักดิ์ เป็นผู้ที่อยู่ในฐานะสูงส่งตลอดมา และมีท่าทีที่หยิ่งผยอง ไหนเลยจะมองเห็นหลี่ชิเย่อยู่ในสายตาเล่า ยิ่งไม่ยินยอมแต่งกับหลี่ชิเย่อยู่แล้ว

“คืนนี้ให้นางมาอุ่นเตียงให้กับข้าก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่แสดงท่าทียิ้มๆ นิดหนึ่ง เชิดคางกับธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาทีหนึ่ง และพูดเอ้อระเหยกับเทียนเฮ่อเจินเหรินว่า “วันนี้เราจะเล่นให้สนุกสักหน่อย จัดการอบรมสั่งสอนผู้หญิงเช่นนี้ให้อย่างดี! ”

พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา สีหน้าของธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาปั้นยากจนถึงขีดสุด จ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธเคืองอย่างยิ่ง ดวงตาทั้งสองแทบจะพ่นเป็นเพลิงแห่งความโกรธออกมา ศิษย์สำนักเสินสิงเหมินที่อยู่นอกประตูต่างมีอารมณ์โกรธร่วม คำพูดลักษณะเช่นนี้นับว่าเป็นการสร้างความอัปยศอย่างยิ่งกับเทพธิดาในดวงใจของพวกเขา!

ปากเจ้าให้มันเป็นมงคลหน่อย…คุณชายเฮ่อเฟยส่งเสียงดังออกมาด้วยความโกรธจัด

“ทำไมรึ? ไม่พอใจรึ? ” หลี่ชิเย่ที่มีท่าทางที่เหนื่อยหน่าย กล่าวว่า “แค่ผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้นเอง สามารถได้รับการอบรมสั่งสอน สามารถคุกเข่าเลียข้า มันคือเกียรติอย่างหนึ่ง! ”

“เจ้าหาเรื่องตาย!” คุณชายเฮ่อเฟยชื่นชอบในตัวของธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เวลานี้ได้ยินหลี่ชิเย่สร้างความอับอายให้กับหญิงในดวงใจต่อหน้าคนทุกคนเช่นนี้ เขาจะกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้อย่างไรกัน จึงบันดาลความโกรธแค้นถึงขีดสุดและคำรามเสียงดังขึ้นมา เสียงตึงดังขึ้นเสียงหนึ่งในชั่วพริบตาเดียว กระบี่ยาวได้ออกจากฝักพุ่งเป้าไปที่คอหอยของหลี่ชิเย่ดั่งสายฟ้าแลบ

คุณชายเฮ่อเฟยรู้ว่าหลี่ชิเย่มีของล้ำค่าที่ฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่ง ดังนั้น เขาจึงจะชิงลงมือก่อนไม่ให้หลี่ชิเย่มีโอกาสได้ลงมือใดๆ เลย หวังจะปลิดชีพหลี่ชิเย่ในกระบี่เดียว

กระบี่ปานสายฟ้าแลบ จังหวะที่คุณชายเฮ่อเฟยลงมือในเสี้ยวนาทีนั้น ทั้งเทียนเฮ่อเจินเหรินและระดับบรรพบุรุษก็ได้มองตากันและกัน พวกเขาไม่มีใครลงมือขัดขวางสักคน กระทั่งส่งเสียงห้ามปรามสักคำก็ไม่มี พวกเขาต่างยินดีที่จะให้เหตุการณ์เป็นไปตามนั้น ถ้าหากคุณชายเฮ่อเฟยสังหารหลี่ชิเย่เสียก็นับเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง

ในสายตาของพวกเทียนเฮ่อเจินเหรินมองว่า ทักษะยุทธของหลี่ชิเย่อ่อนแอจนมองข้ามไปได้อย่างสิ้นเชิง เขาแค่อาศัยของวิเศษต่างๆ นานาที่ฮ่องเต้ไท่ชิงทิ้งเอาไว้ให้เท่านั้น เวลานี้ขอเพียงคุณชายเฮ่อเฟยชิงลงมือก่อน หลี่ชิเย่ต้องไม่มีโอกาสได้ลงมือเสกเอาของวิเศษขึ้นมาได้แน่ ซึ่งจะต้องเสียชีวิตภายใต้กระบี่เดียวแน่นอน

ตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น เสียงกระบี่คำรามไพเราะดังขึ้น หนึ่งกระบี่รวดเร็วปานฟ้าแลบ พริบตาเดียวนั่นเองก็ได้แทงไปยังตำแหน่งลำคอของหลี่ชิเย่ กระบี่กระบวนท่านี้รวดเร็วยิ่งนัก ศิษย์สำนักเสินสิงเหมินที่อยู่ด้านนอกประตูจำนวนมากยังไม่ทันมองเห็นได้อย่างชัดเจน

เสียงปังเสียงหนึ่งดังขึ้น พริบตาเดียวนั่นเอง กระบี่ยาวในมือของคุณชายเฮ่อเฟยพลันแตกละเอียด คุณชายเฮ่อเฟยได้ตกอยู่ในกำมือของหลี่ชิเย่เสียแล้วขณะที่ทุกคนยังไม่ทันได้สติกลับมา มือของหลี่ชิเย่ได้บีบคอของคุณชายเฮ่อเฟยเอาไว้ และยกตัวเขาลอยขึ้นสูงเหนือพื้นดินไปมากทีเดียว

ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมากเหลือเกิน ทุกคนยังไม่รู้เลยว่าหลี่ชิเย่ลงมืออย่างไร กระทั่งทุกคนต่างก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทุกอย่างล้วนแล้วแต่หยุดลงกะทันหัน เมื่อทุกคนสามารถมองเห็นได้ชัดเจน หลี่ชิเย่ก็ได้เค้นคอคุณชายเฮ่อเฟยเอาไว้แล้ว และยกตัวเขาลอยขึ้นเหนือพื้นดินไปสูงมาก

“แค่มดปลวกฝูงหนึ่งเท่านั้น หาญกล้าทำกระโดดโลดเต้นต่อหน้าข้า” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และกล่าวว่า “ที่ข้ารั้งอยู่ที่ตรงนี้ก็แค่เล่นสนุกๆ เท่านั้น เล่นเป็นเพื่อนให้กับพวกเจ้า เข้าใจว่าข้าเป็นประเภทอ่อนแอจริงๆ นะเนี่ย”

ปุ…เสียงหนึ่งดังขึ้น พลันที่หลี่ชิเย่พูดจบ ร่างของคุณชายเฮ่อเฟยก็ถูกพลังกระแทกจนกลายเป็นหมอกเลือดไปทันที เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะแสดงปฏิกิริยาออกมา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าส่งเสียงขอความช่วยเหลือและร้องเสียงน่าเวทนาออกมา

ไม่…มีศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมินถึงกับร้องเสียงดังขึ้นมา เมื่อมองเห็นคุณชายเฮ่อเฟยถูกหลี่ชิเย่บีบจนกลายเป็นหมอกเลือดไป

การเปลี่ยนแปลงในลักษณะเช่นนี้ช่างรวดเร็วเหลือเกิน การเปลี่ยนแปลงที่กลับตาลปัตรเช่นนี้เป็นสิ่งที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต่างคาดไม่ถึง เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวหลี่ชิเย่ก็จัดการใช้พลังกระแทกจนร่างของคุณชายเฮ่อเฟยกลายเป็นหมอกเลือดไป อย่าว่าแต่ศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมินที่อยู่นอกประตู แม้แต่เทียนเฮ่อเจินเหรินและระดับบรรพบุรุษก็ไม่อาจมีปฏิกิริยาตอบโต้ได้ในเวลานี้

ตึง ตึง ตึงในพริบตาเดียวนี้เอง เสียงอาวุธที่ออกจากฝักดังขึ้นมาเป็นระลอก เทียนเฮ่อเจินเหรินและระดับบรรพบุรุษต่างตระหนกอย่างยิ่ง พลันลุกขึ้นยืนทันที ในเวลานี้กระบี่ของพวกเขาได้ออกจากฝัก และมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในมือ ทุกคนพลันจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ

“ทำไมรึ? ” หลี่ชิเย่กวาดตามองพวกเขาทีหนึ่ง ยิ้มบางๆ และกล่าวว่า “เล่นมวยหมู่รึ? ดี ข้าจะเล่นเป็นเพื่อนพวกเจ้า ดูสิว่าพวกเจ้าจะมีฝีมือสักแค่ไหน”

“เจ้าหนู เจ้าอวดดีเกินไปแล้ว” หน้าตาของเทียนเฮ่อเจินเหรินในเวลานี้เย็นชาน่าครั่นคร้าม กล่าวน่าครั่นคร้ามเย็นชาออกมาว่า “ฆ่าคนภายในสำนักเสินสิงเหมิน มองสำนักเสินสิงเหมินพวกเราไม่มีคนอย่างนั้นรึ? ” เวลานี้เขาไม่เรียก ‘ฝ่าบาท’ อีกต่อไปแล้ว แววตาของเทียนเฮ่อเจินเหรินในเวลานี้เผยให้เห็นถึงปณิธานฆ่าที่น่ากลัวออกมา แม้คุณชายเฮ่อเฟยจะเป็นเพียงศิษย์ของเขา แต่เขาถือเป็นดั่งลูกชายของตน เวลานี้หลี่ชิเย่ถึงกับบีบเขาจนกลายเป็นหมอกเลือด เขาย่อมต้องแก้แค้นแทนคุณชายเฮ่อเฟยที่ตายไป

“แค่สำนักเสินสิงเหมินเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง ขี้คร้านจะไปมองหน้าพวกเขาสักครั้งด้วยซ้ำ โดยไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา ยิ้มกล่าวตามอารมณ์ว่า “ในสายตาของข้า ก็แค่รังมดรังหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่มีค่าที่จะกล่าวขวัญถึง! ”

เจ้าคนไม่รู้จักคำว่าตาย…ระดับบรรพบุรุษผู้หนึ่งส่งเสียงร้องขึ้นมาด้วยความโกรธจัด ตูมเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ค้อนยักษ์ที่อยู่ในมือพลันทุบเข้าหาหลี่ชิเย่โดยตรง

เสียงปังดังสนั่นขึ้นมา ขณะที่ค้อนยักษ์นี้ยังไม่ทันได้ทุบใส่ตัวของหลี่ชิเย่ ภายใต้ค้อนยักษ์ที่ทุบลงมาก็ทำให้ห้องโถงนี้แตกละเอียดในทันที

“ฝีมือจิ๊บๆ เท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง มือขนาดใหญ่ที่ยื่นออกไปและคว้าเอาสิ่งของสิ่งหนึ่งอยู่ในมือ เสียงปังดังขึ้น พลังที่ยังคงเหลืออยู่ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นรุนแรง ค้อนยักษ์ได้ทุบลงบนสิ่งของสิ่งหนึ่ง และมันก็ได้ต้านค้อนยักษ์นี้เอาไว้ได้

ศิลาจารึกไร้อักษร…ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนไม่น้อยต่างร้องเสียงหลงขึ้นมา และผวาจนหน้าถอดสี เมื่อมองเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่ได้อย่างชัดเจน

ในเวลานี้ ทั้งเทียนเฮ่อเจินเหริน และระดับบรรพบุรุษของสำนักเสินสิงเหมินต่างรู้สึกเสียวสันหลังวาบบ อดที่จะมองตากันและกันไม่ได้ พวกเขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่ามือของหลี่ชิเย่แค่คว้าออกไปตามอารมณ์ ถึงกับคว้าเอาศิลาจารึกไร้อักษรแผ่นนั้นของราชันแท้จริงเสินสิง ปฐมบรรพบุรุษสำนักเสินสิงเหมิน ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาปรมาจารย์มาไว้ในมือได้

สมควรทราบว่า นับตั้งแต่ราชันแท้จริงเสินสิง ปฐมบรรพบุรุษสำนักเสินสิงเหมินได้นำเอาศิลาจารึกไร้อักษรแผ่นนี้มาตั้งเอาไว้บนบนยอดเขาปรมาจารย์แล้ว ก็ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนศิลาจารึกไร้อักษรแผ่นนี้ได้อีกเลย

แต่แล้ว ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า มือของหลี่ชิเย่เพียงคว้าออกไปได้ตามอารมณ์ ก็คว้าเอาศิลาจารึกไร้อักษรแผ่นนี้ที่ตั้งอยู่ไกลถึงบนยอดเขาปรมาจารย์เอาไว้ในมือ สิ่งนี้กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วมันเป็นเรื่องเหลือเชื่อเหลือเกิน

…….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *