Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1823 ราชโองการ

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1823 ราชโองการ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1823 ราชโองการ
ในเวลานี้ บนท้องฟ้าปรากฏราชโอการตกลงมา โดยตกลงบนมือทั้งสองของจอมเทพหนานหยางพอดิบพอดี

ทุกคนถึงกับกลั้นลมหายใจมองดูภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ระดับบรรพบุรุษของตระกูลราชันฉีหลินก็ไม่เว้น เซียนหวังฉีหลินปฐมระดับบรรพบุรุษของพวกเขาพลันมีพระราชโองการลงมากะทันหัน นับว่าสร้างความสะเทือนหวั่นไหวเหลือเกิน เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“ศิษย์น้อมส่งท่านอาจารย์” หลังจากจอมเทพหนานหยางรับราชโองการแล้ว ได้แสดงคารวะ โขกศีรษะดังสามครั้งด้วยความเคารพ

แม้ว่าจอมเทพหนานหยางในวันนี้คือระดับจอมเทพแห่งยุคแล้ว มีฐานะที่สูงส่ง แต่ภายในใจของเขายังคงไม่กล้าลืมบุญคุณที่ได้รับการสั่งสอนชี้แนะจากเซียนหวังฉีหลิน

หลังจากจอมเทพหนานหยางโขกศีรษะจบสิ้นเรียบร้อยแล้ว อานุภาพเซียนหวังแต่ละสายที่ตลบอบอวลจึงค่อยๆ จางหายไป เมื่ออานุภาพเซียนหวังจางหายไปแล้วเท่ากับเป็นการบ่งบอกว่าเซียนหวังฉีหลินได้จากไปไกลแล้ว เขาได้ปลีกตัวออกจากโลกภายนอกอีกครั้ง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกีย์มนุษย์อีก

หลังจากที่จอมเทพหนานหยางน้อมส่งเซียนหวังฉีหลินแล้ว สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง เปิดราชโองการออกมาด้วยความเคารพ เมื่อราชโองการถูกเปิดออก ปรากฏประกายเซียนตลบอบอวล อานุภาพราชันที่ลอยขึ้นมา พลันที่ได้เห็นก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือสุดยอดปณิธานสูงสุดของจอมราชันเซียนหวัง

ทุกคนถึงกับกลั้นลมหายใจเอาไว้ มองไปที่จอมเทพหนานหยาง ทุกคนต่างต้องการรู้ว่าในราชโองการฉบับนี้ว่าอย่างไรบ้าง ซึ่งหมายรวมถึงบรรดาระดับบรรพบุรุษของตระกูลราชันฉีหลินด้วย

การที่เซียนหวังฉีหลินมีราชโองการลงมาอย่างกะทันหัน อีกทั้งยังเป็นราชโองการให้แก่จอมเทพหนานหยาง ย่อมต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน

ในขณะนี้ ทุกคนต่างเฝ้าดูทุกๆ ความเคลื่อนไหวของจอมเทพหนานหยาง เหมือนว่าเวลาช่างผ่านไปเชื่องช้าเหลือเกิน นาทีหนึ่งเสมือนดั่งยาวนานถึงยุคสมัยหนึ่งอย่างนั้น

จอมเทพหนานหยางอ่านข้อความในราชโองการ เขาถึงกับมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไป ท่าทีที่หนักแน่นจริงจังขึ้นมา ท่าทีของเขากลับกลายเป็นเคร่งขรึมจริงจังยิ่งนัก

เมื่อทุกคนมองเห็นท่าทีของจอมเทพหนานหยางแล้ว ยิ่งเพิ่มความแปลกใจให้กับทุกคนมากยิ่งขึ้นไปอีก เซียนหวังฉีหลินได้เขียนอะไรไว้ในราชโองการกันแน่นะ ทุกคนล้วนแล้วแต่ ต้องการเห็นราชโองการนี้ด้วยตาของตนเอง

สุดท้าย จอมเทพหนานหยางได้เก็บราชโองการนี้เอาไว้อย่างดี จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เหินฟ้าขึ้นไป ก้าวเดินไปอยู่ตรงหน้าอาสน์ราชันของหลี่ชิเย่ เข้าโน้มกายไปข้างหน้าหมอบกราบกับพื้นตรงนี้ กล่าวด้วยท่าทีให้ความเคารพยิ่ง และกล่าวว่า “ข้าน้อยถูกสิ่งเล็กน้อยบังตา ไม่รู้ว่าใต้เท้ามาด้วยตนเอง ข้าน้อยโง่เขลาไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ล่วงเกินใต้เท้า ขอใต้เท้าลงโทษ!”

ภาพที่เห็นได้สร้างความสะเทือนหวั่นไหวให้กับทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิต่างอ้าปากค้าง พวกเขาถูกทำให้หวั่นไหวจนหุบปากไม่ลงอยู่นาน

จอมเทพหนานหยางคือระดับจอมเทพนะเนี่ย เวลานี้กลับคุกเข่าลงก้มกราบอยู่ตรงหน้าหลี่ชิเย่ ด้วยท่าทีที่เคารพอย่างยิ่ง ทำให้ผู้คนยากจะเชื่อ ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิบางคนยังเข้าใจว่าตัวเองตาลายถึงกับขยี้ตาตัวเอง

หลี่ชิเย่เพียงพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ผู้ไม่รู้ไม่ผิด อภัยให้เจ้าไร้ความผิด” กล่าวพลางเพียงแค่โบกมือเบาๆ เท่านั้นเอง

หลังจากที่จอมเทพหนานหยางได้รับการอภัยโทษจากหลี่ชิเย่แล้ว จึงลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีที่แสดงถึงความเคารพยิ่ง

ผู้คนจำนวนมากต่างไม่อยากจะเชื่อกับภาพที่เห็น ก่อนหน้านั้นจอมเทพหนานหยางยังหาเรื่องหลี่ชิเย่อยู่เลย เวลานี้กลับให้ความเคารพต่อหลี่ชิเย่ถึงเพียงนี้ พลันยิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกใจ ข้อความในราชโองการของอานุภาพเซียนหวังมีใจความอย่างไรกันแน่นะ

กล่าวสำหรับจอมเทพหนานหยางแล้ว การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ไม่มีอะไรต้องอับอาย เนื่องจากที่เขาเผชิญหน้าอยู่คือผู้ยิ่งใหญ่ของแดนสิบ เคยดำรงอยู่ในฐานะผู้ต่อต้านกับจอมราชันเซียนหวังเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่ามายุคแล้วยุคเล่า ยิ่งไปกว่านั้น เขาเคยช่วงชิงช่องว่างในการดำรงชีวิตให้กับร้อยชาติพันธุ์ มีผลงานสูงสุดและโด่งดังเพื่อร้อยชาติพันธุ์ ลำพังเพียงแค่ผลงานที่เขามอบให้กับร้อยชาติพันธุ่ มันก็คุ้มกับการไปให้ความเคารพต่อเขาอยู่แล้ว

“ข้าจะอาศัยอยู่ในตระกูลราชันฉีหลินชั่วคราวหลายวัน” เวลานี้ หลี่ชิเย่ยังคงนั่งอยู่บนอาสน์ราชัน เอ่ยขึ้นช้าๆ กับฉีหลินกว่านลี่

“คุณชาย ไม่ ใต้เท้ามาเยือนถือเป็นเกียรติของตระกูลราชันฉีหลินพวกเรา ทำให้ตระกูลราชันฉีหลินพวกเราดูดีขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว” ฉีหลินกว่านลี่รีบตอบด้วยความเคารพ

หลี่ชิเย่พยักหน้าและเดินลงจากอาสน์ราชัน จอมเทพหนานหยางกล่าวด้วยท่าทีที่เคารพยิ่งว่า “ช่วงที่ใต้เท้าอยู่ตระกูลราชันฉีหลิน ข้าน้อยจะให้การต้อนรับใต้เท้าแทนท่านอาจารย์ ใต้เท้าต้องการอะไรสั่งการมาได้เต็มที่”

หลี่ชิเย่พยักหน้าและกล่าวว่า “ความหวังดีของเซียนหวังฉีหลินข้ารับเอาไว้ วันหน้าข้าต้องไปพบกับเขาแน่”

เซียนหวังฉีหลินไม่สะดวกที่จะกลับสู่โลกปัจจุบัน ดังนั้น จึงมีราชโองการให้จอมเทพหนานหยางที่เป็นศิษย์ครึ่งตัวต้อนรับหลี่ชิเย่แทน

จอมเทพหนานหยางไม่กล่าวมากความ พยุงมือหลี่ชิเย่นำทางให้ด้วยตนเอง

เดินไปได้ไม่กี่ก้าว หลี่ชิเย่หันหลังกลับกล่าวกับฉีหลินกว่านลี่ว่า “บอกบรรดาตาเฒ่าทั้งหลายของพวกเจ้า ข้าต้องการเห็นสิ่งนั้นของพวกเจ้า!”

“แน่นอน” ฉีหลินกว่านลี่รีบกล่าวว่า “พวกเราจะต้องให้ใต้เท้าได้เห็นแน่นอน” เวลานี้เขาไม่กล้าบ่ายเบี่ยงแม้แต่น้อย

สุดท้าย ภายใต้การนำทางของจอมเทพหนานหยาง หลี่ชิเย่จึงเดินไปอย่างช้าๆ

หลังจากที่ฉีหลินกว่านลี่มองตามจนหลี่ชิเย่ลับตาไปแล้ว ท้ายที่สุด จึงถอนหายใจเฮือก ผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดนะเนี่ย ดำรงมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ ผู้ดำรงอยู่ในระดับสูงสุดคือผู้ที่สามารถลุกนั่งอยู่ในระนาบเดียวกันกับเซียนหวังฉีหลินของพวกเขา

ในขณะนี้ ฉีหลินกว่านลี่ก็รู้สึกว่าโชคดี และเป็นความจริงที่นังหนูธิดาราชันฉลาดมีไหวพริบ คาดเดาประวัติความเป็นมาของหลี่ชิเย่ได้ถูกต้อง มิฉะนั้นล่ะก็ หากแม้นมีข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ทำให้ตระกูลราชันฉีหลินของพวกเขาถูกดึงเข้าไปอยู่ในวังวนเช่นนี้ล่ะก็ ต่อให้สุดท้ายแล้วมีบรรพบุรุษของพวกเขาออกหน้าป้องตระกูลราชันฉีหลินเอาไว้ เกรงว่าผู้เยาว์อย่างพวกเขาคงต้องสำลักเอาการอยู่เหมือนกัน

สำหรับบรรดาระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิที่อยู่ในเหตุการณ์เรียกว่าไม่ได้สติคืนกลับมาอยู่นาน ครั้นหลี่ชิเย่ไปไกลนานแล้ว พวกเขาจึงค่อยๆ ได้สติกลับมา และรู้สึกโล่งอก

ทุกคนต่างรู้สึกหวั่นไหวภายในใจยิ่งนัก ต่อให้พวกเขาไม่รูถึงประวัติความเป็นมาของหลี่ชิเย่ ต่อให้พวงกเขาไม่สามารถคาดเดาถึงต้นกำเนิดของหลี่ชิเย่ แต่อาศัยการสร้างความตระหนกให้กับเซียนหวังฉีหลินและท่าทีที่ให้ความเคารพยิ่งของจอมเทพหนานหยาง พวกเขาก็เข้าใจได้ว่าประวัติความเป็นมาของหลี่ชิเย่ยิ่งใหญ่ ต้องเป็นระดับผู้ยิ่งใหญ่แน่นอน มีเพียงระดับนี้เท่านั้นที่สามารถสร้างความตระหนกให้กับเซียนหวังได้ มิฉะนั้นล่ะก็ จอมเทพทั่วไปก็ไม่สามารถสร้างความตระหนกให้กับเซียนหวังฉีหลิน

“ทุกท่าน ระวังคำพูดกันหละ” หลังจากได้สติกลับมาแล้ว ฉีหลินกว่านลี่ได้บอกกล่าวต่อบรรดาระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิที่อยู่ในเหตุการณ์ช้าๆ ว่า “เรื่องราวในวันนี้ หวังว่าทุกท่านจะระวังคำพูด อย่าได้วิพากวิจารณ์กันโดยง่ายดาย ข้าเชื่อว่าทุกท่านก็ไม่ต้องการนำมาซึ่งภัยถูกล้างสำนักกระมัง?”

คำพูดนี้ของฉีหลินกว่านลี่หาใช่เป็นการข่มขู่บรรดาระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิที่อยู่ในเหตุการณ์ ที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง ระดับผู้ยิ่งใหญ่ผู้หนึ่งที่ก้าวเข้าสู่โลกีย์มนุษย์ ไม่มีใครรู้ถึงรายละเอียดว่าเพราะอะไร เบื้องหลังจะต้องมีเรื่องที่สะเทือนฟ้าแน่นอน เรื่องเช่นนี้หาใช่เป็นสิ่งที่พวกเขาสามารถคาดการณ์ได้อยู่แล้ว

ไม่ว่าเรื่องราวเรื่องนี้มีเบื้องหลังอย่างไร การที่ระดับผู้ยิ่งใหญ่ผู้หนึ่งที่ก้าวเข้าสู่โลกีย์มนุษย์อันเป็นเรื่องที่สะเทือนฟ้าเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะไปวิพากวิจารณ์ง่ายๆ เบื้องหลังอาจเกี่ยวพันถึงร้อยชาติพันธุ์ กระทั่งอาจเกี่ยวพันถึง เผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่า ยิ่งกว่านั้น อาจเกี่ยวพันถึงบรรดาจอมราชันเซียนหวัง และราชันเซียนเก้าแดนจำนวนมาก

ดังนั้น การที่ระดับผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดคนหนึ่งเข้าสู่โลกของโลกีย์มนุษย์ ไม่ควรไปวิพากวิจารณ์ง่ายๆ เกิดพลาดพลั้งล่วงเกินใครเข้าให้ เกรงว่าสามารถทำลายล้างสำนักเจ้าลัทธิหนึ่งได้ง่าย หรือกระทั่งทำลายล้างแคว้นหรือราชวงศ์ใดๆ ได้!

“คำพูดของพี่กว่านลี่ พวกเราจะต้องจำใส่ใจให้มั่นแน่นอน” มีระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิท่าทีรู้สึกเย็นวาบบทีหนึ่ง รีบกล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นออกมา

ยังไม่ต้องพูดถึงว่าหลี่ชิเย่มีประวัติความเป็นมาเช่นใด ลำพังแค่เซียนหวังฉีหลินมีพระราชโองการลงมา ทุกคนก็ไม่กล้าไปวิจารณ์ง่ายดายแล้ว เรื่องนี้หากไม่ทันระวังก็จะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมา เมื่อถึงเวลานั้น ไม่จำเป็นต้องให้ระดับเซียนหวังฉีหลินลงมือ เกรงว่าตระกูลราชันฉีหลินจะเป็นคนแรกที่ลงมือทำลายล้างพวกเขา

ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิคนอื่นๆ ทยอยกันส่งเสียงสนับสนุน พวกเขาก็ไม่กล้าวิพากวิจารณ์เรื่องนี้โดยง่ายดาย

“ทุกท่านสามารถระวังคำพูดล่ะก็ดีมาก” ฉีหลินกว่านลี่พยักหน้า และเอ่ยขึ้นช้าๆ

ความจริงแล้ว ตัวของฉีหลินกว่านลี่เองก็ไม่กล้าพูดอะไรง่ายดาย เขาเองก็ไม่รู้ว่าเบื้องหลังของเรื่องนี้เป็นเช่นใด จะอย่างไรเสียการที่ระดับผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งเข้าสู่โลกีย์มนุษย์มันสร้างความสะเทือนหวั่นไหวได้มากเหลือเกิน

เป็นที่ทราบกันว่า ไม่ว่าจะเป็นจอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดนองค์ไนคิดจะท่องอยู่ในโลกีย์มนุษย์ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ยากมาก พร้อมจะนำมาซึ่งสวรรค์ลงทัณฑ์ได้ทุกเวลา แต่ เวลานี้มีผู้ยิ่งใหญ่ผู้หนึ่งไม่สนใจเรื่องสวรรค์ลงทัณฑ์ กระทั่งสามารถเฉือนทักษะยุทธของตนทิ้งไปเพื่อสามารถก้าวเข้าสู่โลกของโลกีย์มนุษย์ เบื้องหลังจะต้องมีเรื่องที่สะเทือนฟ้าอย่างแน่นอน!

หลังจากผ่านไปนานมากแล้ว ม่านเหล็กของตระกูลราชันฉีหลินจึงได้สลายไป ซึ่งทำให้บรรดาระดับบรรพบุรุษของตระกูลราชันฉีหลินต่างรู้สึกโล่งอกขึ้น

เกิดเหตุสะเทือนฟ้ามากมายเช่นนี้ ทำให้ศิษย์และยอดฝีมือจำนวนมากของตระกูลราชันฉีหลินต่างรู้สึกแปลกใจ พวกเขาต่างต้องการรู้เบื้องหลัง แต่เมื่อได้เห็นบรรดาผู้อาวุโสของสำนักล้วนแล้วแต่มีท่าทีหนักแน่น จึงไม่มีใครกล้าตามเรื่อง

ต่อให้มีผู้เยาว์ที่สอบถามถึงเรื่องดังกล่าว ผู้อาวุโสได้แต่กล่าวสั่งสอนพวกเขา ไม่บอกเบื้องหลังของเรื่องราวง่ายๆ

ลึกเข้าไปภายในตระกูลราชันฉีหลินมีทิวทัศน์ที่งดงามยิ่งนัก ณ ที่ตรงนี้ ประกายเซียนที่แลบแปลบ กลิ่นอายม่วงลอยตัวขึ้นมา วิหค และหงส์บินร่อน กวางเก้งกำลังพักผ่อน หญ้าหลินจือขึ้นเป็นกอ เงาเลือนรางของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์…

วิมานเซียนเช่นนี้หาใช่สถานที่ที่คนทั่วไปสามารถอาศัยอยู่ได้ ต่อให้เป็นระดับบรรพบุรุษของตระกูลราชันฉีหลินก็ไม่มีสิทธิ์ได้พักอาศัยที่นี่ สถานที่แห่งนี้สงวนไว้สำหรับบรรพบุรุษอาวุโส เป็นต้นว่าเซียนหวังของตระกูลราชันฉีหลิน หรือระดับจอมเทพของตระกูลราชันฉีหลิน

แต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นเซียนหวัง หรือจอมเทพของตระกูลราชันฉีหลิน ล้วนแล้วแต่ไม่ได้ปลีกตัวจากโลกภายนอกแล้วก็มาอาศัยอยู่ที่ตรงนี้ การที่ลูกหลานของตระกูลราชันฉีหลินสงวนที่เช่นนี้เอาไว้ เพียงกระหายต้องการเซียนหวัง หรือจอมเพทของพวกเขาเมื่อกลับมาแล้วสามารถมีสถานที่ลักษณะเช่นนี้ไว้พักอาศัยไม่กี่วันเป็นการชั่วคราว

แต่ทว่า เซียนหวังของตระกูลราชันฉีหลินพวกเขาหลังจากที่ปลีกตัวจากโลกปัจจุบันแล้ว ก็ไม่เคยได้กลับมาพักอาศัยที่นี่เป็นการชั่วคราวเลย มีเพียงระดับจอมเทพที่บางครั้งมาพักอาศัยอยู่บ้างเท่านั้น

วันนี้ หลี่ชิเย่ได้มาพักอาศัยอยู่ในวิมานเซียนแห่งนี้ มองดูต้นไม้ใบหญ้าที่คุ้นเคยภายในวิมานเซียนแห่งนี้ เขาถึงกับทอดถอนใจภายในใจเบาๆ

แม้ว่าต้นไม้ใบหญ้ายังคงอยู่ แต่สิ่งต่างๆ ยังคงอยู่ คนได้เปลี่ยนไป ตระกูลราชันฉีหลินในวันนี้ไม่ใช่ตระกูลราชันฉีหลินในอดีตเสียแล้ว แม้ว่าตระกูลราชันฉีหลินในวันนี้ยังคงเจริญรุ่งเรือง แต่ การมาอยู่ ณ ที่ตรงนี้อีกครั้ง ไม่พบเจอความรู้สึกในอดีตอีกแล้ว จะอย่างไรเสียผู้ที่สามารถรั้งให้เขาอยู่ตรงนี้ไม่อยู่เสียแล้ว ที่ตรงนี้ไม่มีความรู้สึกที่คุ้นเคยอีกต่อไป

หลังจากผ่านไปนานมาก นอกประตูปรากฏเสียงดัง ก๊อก ก๊อก ก๊อก หลี่ชิเย่จึงเอ่ยไปตามอารมณ์ว่า “เข้ามา”

ผ่านไปชั่วครู่ ธิดาราชันฉีหลินเดินเข้ามา สองมือของนางได้ยกกล่องไม้ที่มีขนาดใหญ่มากกล่องหนึ่ง นางวางกล่องดังกล่าวไว้ตรงหน้าหลี่ชิเย่แล้วเปิดออก หยิบเอาของสิ่งหนึ่งออกมา และกล่าวว่า “สิ่งนี้ก็คือสิ่งที่บินมาจากท้องฟ้า บรรดาระดับบรรพบุรุษที่เป็นจอมเทพต่างบอกว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับเซียนหวังเย่หลินพวกเรา วันนี้ขอเชิญคุณชายได้พิจารณา”

กล่าวจบ ธิดาราชันฉีหลินได้วางสิ่งนี่เอาไว้ตรงหน้าหลี่ชิเย่อย่างระมัดระวัง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *