Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2329 ตาน้ำสัตว์

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2329 ตาน้ำสัตว์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ปี้โซ่วไม่เพียงแค่กลับมายังปี้โซ่วเฉิงอันเป็นสถานที่ที่สำหรับความตายและวางไข่เท่านั้น ในปี้โซ่วเฉิงยังมีตาน้ำสัตว์อีกด้วย!

ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่ยังสามารถทนต่อสิ่งล่อใจได้ นั่งปี้โซ่ววิ่งห้อไปตลอดทาง โดยเฉพาะยอดฝีมือรุ่นอาวุโสที่ลงกลางทางมีจำนวนน้อยมาก

สุดท้าย ปี้โซ่วบางตัวเหมือนว่าได้วิ่งไปจนสุดปลายทางของตนแล้ว ก็จะหยุดและตามหาลำธารเล็กๆ ระหว่างช่องเขา และหรือแอ่งน้ำ แล้วรอคอยอยู่ที่ตรงนั้นเงียบๆ

ช่าาาเสียงหนึ่งดังขึ้น ครั้นถึงช่วงเวลาหนึ่ง ทันใดนั้นลำธารเล็กๆ ระหว่างช่องเขา และหรือแอ่งน้ำพลันปรากฎตาน้ำทะลักออกมา แต่ทว่า ตาน้ำนี้หาใช่น้ำที่ใสสะอาดเหมือนน้ำทั่วๆ ไป ตาน้ำที่พวยพุ่งขึ้นมากลับเป็นสีน้ำนม ขณะที่ตาน้ำเหล่านี้พวยพุ่งขึ้นมายังมีกลิ่นหอมของน้ำนมด้วย คล้ายดั่งเป็นน้ำนมของสัตว์อย่างนั้น

บรรดาปี้โซ่วที่รออยู่โดยรอบลำธารเล็กๆ ระหว่างช่องเขา และหรือแอ่งน้ำแต่แรกเหมือนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว ก้มลงดื่มอย่างเต็มที่เมื่อเห็นตาน้ำพวยพุ่งเป็นน้ำที่มีสีของน้ำนมออกมา เสียงดื่มน้ำดังกรุ กรุ กรุดังไม่ขาดสาย

“นี่มันคืออะไร?” ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ติดตามมาด้วยยังไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด เมื่อมองเห็นเหล่าปี้โซ่วต่างดื่มกินอย่างเต็มที่

“มันคือตาน้ำสัตว์! เร็วเข้า บรรจุไปให้มากหน่อยแล้วนำกลับไป” ยอดฝีมือรุ่นอาวุโส และหรือระดับบรรพบุรุษได้มีการเตรียมการเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว จึงกระโดดลงจากหลังของปี้โซ่วทันที และรีบเร่งไปบรรจุน้ำจากตาน้ำสัตว์ที่พวยพุ่งขึ้นมาจากใต้ดินทันที

“น้ำจากตาน้ำนี้มีประโยชน์อะไรรึ?” ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ต่างทยอยกันกระโดดลงมาช่วย และเอ่ยถามขึ้น

“สามารถบำรุงร่างกายทำให้มีอายุยืน สามารถดื่มกินก็ได้ และนำมาปรุงกลั่นยาเม็ด” ระดับบรรพบุรุษจำนวนไม่น้อยที่ร้อนรนจนรอไม่ไหว ตักรองน้ำจากตาน้ำสัตว์ไปพลาง และสั่งการให้ผู้เยาว์ทำงานต้องว่องไวหน่อย

แท้จริงแล้ว น้ำจากตาน้ำสัตว์ของปี้โซ่วเฉิงสามารถใช้บำรุงร่างกายให้มีอายุยืนยาวได้ แม้ว่าประสิทธิผลของมันจะไม่ถึงขั้นที่ว่าเป็นอมตะไม่มีวันตายได้ตามตำนาน แต่มันสามารถยืดอายุของผู้ที่มีอายุขัยเหือดแห้งให้ยืนยาวมากขึ้นได้จริง โดยเฉพาะกับระดับบรรพบุรุษที่มีการรับประทานยาเม็ดอายุวัฒนะแต่แรกมาแล้วนั้น ยาเม็ดอายุวัฒนะไม่ได้ผลสำหรับพวกเขาอีกต่อไป ดังนั้น พวกเขาจึงต้องการน้ำดื่มศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ มาบำรุงร่างกายให้มีอายุยืนยาวต่อไป

ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ตาน้ำสัตว์นับเป็นหนึ่งในน้ำดื่มศักดิ์สิทธิ์ที่ดีที่สุดชนิดหนึ่ง ด้วยเหตุนี้เอง จึงมีระดับบรรพบุรุษจำนวนไม่น้อยที่ยอมเสี่ยงอันตรายยิ่งเพื่อมาเอาน้ำจากตาน้ำสัตว์ด้วยตนเอง

ในเวลานี้ มีผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่ได้เห็นภาพประหลาด ปี้โซ่วตัวหนึ่งหลังจากได้ดื่มกินอย่างเต็มที่แล้ว เส้นขนสีขาวที่อยู่บนตัวของมันพลันทยอยหลุดร่วงลงมาราวกับหิมะตก ครั้นเส้นขนสีขาวทยอยกันหลุดร่วมไปแล้ว หลังจากนั้นกลับปรากฏเป็นเส้นขนสีดำมันขลับงอกขึ้นมาแทน ขณะเดียวกันก็มีปี้โซ่วบางตัวที่เริ่มจะลอกเอาผิวหนังออกเหมือนลอกคราบ แล้วมีผิวหนังที่ใหม่ทั้งหมดขึ้นมาทดแทน

“ช่างอัศจรรย์เหลือเกินกระมัง?” ไม่รู้ว่ามีผู้บำเพ็ญตนจำนวนเท่าไรที่หวั่นไหวกับสิ่งนี้ ถึงกับรู้สึกใจหายใจคว่ำและพึมพำออกมาว่า “นี่มันเป็นการกลับคืนสู่วัยเด็กเลยนะเนี่ย”

ครั้นเห็นว่าหลังจากที่ปี้โซ่วได้ดื่มกินแล้วถึงกับมีประสิทธิผลอย่างน่าอัศจรรย์แล้ว จึงมีผู้บำเพ็ญตนเฒ่าเลียนแบบปี้โซ่วทันที พลันหมอบอยู่ข้างตาน้ำและกรุ กรุ กรุดื่มกินอย่างเต็มที่ หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ปรากฏว่าเขาได้ดื่มน้ำเข้าไปจนท้องป่อง

“ทำไมผมขาวของข้าไม่ร่วง?” ดื่มเข้าไปจนพุงกาง อย่างไรก็ตาม ผมหงอกสักเส้นก็ไม่ได้ร่วง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีผมดำที่งอกขึ้นมาแล้ว

“สวะ ไม่มีสมอง” เมื่อระดับบรรพบุรุษที่อยู่ข้างๆ เห็นสภาพเช่นนี้ของเขาแล้ว จึงสบถออกมาด้วยความเย้ยหยันว่า “ชื่อก็บอกแล้วว่า ตาน้ำสัตว์ มันมีประสิทธิผลอย่างดีต่อปี้โซ่ว สามารถคืนความเป็นวัยเยาว์ภายในระยะเวลาอันสั้น แต่ สำหรับคนแล้วมันไม่ได้ จำเป็นต้องอาศัยเวลาไปดูดซึมสิ่งที่เป็นแก่นแท้ของมัน…”

“…ด้วยเหตุนี้เอง มีหมอโอสถต้องอาศัยกำลังกายใจมากมายไปปรุงและสกัดมัน ถ้าหากแค่ดื่มเข้าไปอย่างตามอารมณ์เพียงไม่กี่อึกก็สามารถกลับคืนความเป็นเด็กได้ล่ะก็ ของดีเช่นนี้ยังจะเหลือตกมาถึงเจ้ารึ? ถูกระดับปฐมบรรพบุรุษครอบครองไปนานแล้ว ถึงตอนนั้นมันจะไม่ได้ชื่อตาน้ำสัตว์แล้ว ชื่อตาน้ำอายุวัฒนะแล้ว”

ครั้นผู้บำเพ็ญตนผู้นี้ได้ฟังคำเช่นนี้จากระดับบรรพบุรุษแล้วพลันทำหน้าเจื่อนๆ กับพุ่งที่ป่องขึ้นมา ร้องกล่าวว่า “ข้า ข้า ข้าต้องทำอย่างไรในเวลานี้ ทนจะไม่ไหวแล้ว”

“เจ้าก็ค่อยๆ ย่อยมันไปก็แล้วกัน” ระดับบรรพบุรุษตอบแบบเคืองๆ และขึ้คร้านจะไปสนใจเขาอีก

แน่นอน คิดอยากจะได้ตาน้ำสัตว์มาก็ใช่เป็นเรื่องง่ายดาย สถานที่บางแห่งที่มีปี้โซ่วอยู่กันน้อย ปี้โซ่วก็ขี้คร้านจะมาสนใจเรื่องที่ผู้บำเพ็ญตนมาตักตวงเอาตาน้ำสัตว์ แต่ที่ที่มีปี้โซ่วอ่ยู่เป็นจำนวนมาก เดิมตาน้ำสัตว์ที่มีก็ไม่เพียงพออยู่แล้ว เมื่อเห็นยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนเข้ามาขโมยตาน้ำสัตว์ พวกปี้โซ่วเหล่านี้ก็จะไม่เกรงใจทันที ได้ยินเสียงดังตูม มีปี้โซ่วที่ใช้เท้าเหยียบลงมาอย่างแรงจนผู้บำเพ็ญตนแบนติดดิน

ปังเสียงดังสนั่น พื้นดินสะเทือนหวั่นไหวขึ้น ใต้พื้นดินถึงกับมีโครงกระดูกปี้โซ่วแต่ละโครงที่คลานออกมา และโครงกระดูกปี้โซ่วแต่ละโครงเหล่านี้ก็บุกเข้ามาหาตาน้ำสัตว์ ต้องการจะดื่นกินตาน้ำสัตว์เต็มที่เหมือนกัน

“ฆ่า…” เวลานี้ มีสถานที่อยู่ไม่น้อยเกิดการต่อสู้อย่างดุเดือดระหว่างผู้บำเพ็ญตนกับปี้โซ่ว และโครงกระดูกปี้โซ่วเพื่อแย่งชิงตาน้ำสัตว์ กระทั่งระหว่างผู้บำเพ็ญตนด้วยกันเอง หรือระหว่างปี้โซ่วด้วยกันเองก็มีการฆ่าฟันกันอย่างดุเดือดเพื่อแย่งชิงตาน้ำสัตว์ สถานที่ต่างๆ จำนวนไม่น้อยล้วนแล้วแต่ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือดในเวลานี้

ผืนแผ่นดินผืนนี้ไม่ได้มีเพียงตาน้ำสัตว์เท่านั้น ที่เป็นที่ใฝ่ฝันให้ได้มานั้นยังมีกระดูกเต๋า

เคยมีผู้บำเพ็ญตนปีนขึ้นไปบนยอดเขาที่สูงเทียมฟ้า ที่นั่นถึงกับมีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่มีขนาดใหญ่ยากจะหาใดเทียมต้นหนึ่ง ท่ามกลางป่าไม้ที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้ซ่อนตัวอย่างมิดชิดถึงกับมีกระดูกขาวแขวนอยู่ กระดูกขาวชิ้นนี้มีความละมุนละไมยิ่งนัก มองเห็นแสงเป็นมันวาวที่ไหลริน และปรากฏเป็นอักขระยันต์ขึ้นมาเป็นระยะๆ

กระดูกเต๋าที่อยู่ในตำนาน…ผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยพลันดีในอย่างยิ่งเมื่อมองเห็นภาพนี้แล้ว หมายปีนขึ้นไปบนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เพื่อครอบครองกระดูกเต๋าชิ้นนี้ในทันที

แต่ว่า เขาเพิ่งจะสัมผัสถูกต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้ ได้ยินเสียงดังเปรี้ยงดังขึ้น ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์พลันปรากฎสายฟ้าฟาดขึ้นมา จัดการฟาดลงบนตัวของเขาจนร่างกายของเขาดำเป็นตอตะโก

ยังมีผู้ที่พบเห็นกระดูกเต๋าชิ้นหนึ่งที่สะท้อนสีทองอ่อนๆ ขึ้นมาในหุบเหวลึกแห่งหนึ่ง ซึ่งสร้างความฮือฮาได้ไม่น้อยทีเดียว จึงมีผู้ที่เข้าไปยังหุบเหวลึกแห่งนี้ ตูมเสียงดังสนั่นเกิดขึ้น ผู้บำเพ็ญตนผู้นี้ยังไม่ทันตั้งตัว เพียงมองเห็นหุบเหวลึกมีกลุ่มควันที่หนาทึบพุ่งขึ้นมา ร่างกายของเขาพลันแข็งทื่อ และล้มตัวลงเสียชีวิตทันที

ภาพที่น่าสยดสยองเช่นนี้พลันทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกซู่ ไม่กล้าเข้าไปใกล้แม้เพียงครึ่งก้าว

แม้ว่าผืนแผ่นดินผืนนี้ได้พบกระดูกเต๋าอยู่บ้าง แต่ทว่าล้วนแล้วแต่อยู่ท่ามกลางที่ที่อันตราย ยากแก่การที่จะล่วงล้ำเข้าไปได้แม้เพียงครึ่งก้าว ซึ่งมักจะมีผู้ที่โลภมากนำเอาชีวิตของตนไปทิ้งก่อนที่จะได้กระดูกเต๋าอยู่เสมอๆ

กระดูกเต๋าที่พบเห็นนั้นล้วนแล้วแต่ปรากฎอยู่ในที่ที่สุดแสนจะอันตราย คิดอยากครอบครองมันเรียกว่ายากยิ่งกว่าขึ้นไปบนสวรรค์เสียอีก กระทั่งมีคนบางคนที่สามารถได้ครอบครองกระดูกเต๋าแต่ก็ไร้ประโยชน์ เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถบรรลุถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยมที่อยู่ภายใน

“กระดูกเต๋านี้มาได้อย่างไรกัน?” แม้ว่าจะมีผู้พบเห็นกระดูกเต๋าแต่ก็เอามาไม่ได้ ซึ่งสร้างความอึดอัดใจยิ่งนัก ขณะเดียวกันก็รู้สึกแปลกใจอย่างยิ่ง

“ไม่รู้เหมือนกัน” แม้แต่ระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิก็ไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของกระดูกเต๋าในปี้โซ่วเฉิง และกล่าวว่า “มีคำเล่าลือเล่าว่า หลังจากที่ปี้โซ่วตายลง ได้รับวาสนาที่ดีที่สุดจากสวรรค์เหลือทิ้งไว้เพียงกระดูกชิ้นที่ดีที่สุดของมันเอาไว้ และกระดูกชิ้นนี้เมื่ออยู่ภายใต้การบ่มฟักของฟ้าดินแห่งนี้ ได้ซ่อนความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของสัจธรรมเอาไว้ ถ้าหากสามารถได้กระดูกเต๋าเช่นนี้มาครอบครอง และเจ้าสามารถทำความบรรลุมันได้ล่ะก็ เช่นนั้นแล้วมันก็จะเป็นความลึกซึ้งยอดเยี่ยมที่ดั้งเดิมที่สุดแล้ว…”

“…ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการฝึกบำเพ็ญเพียรของเจ้าในอนาคต กระทั่งดีกว่าฝึกเคล็ดวิชาของปฐมบรรพบุรุษเสียอีก เนื่องจากเคล็ดวิชาของปฐมบรรพบุรุษคิดค้นสร้างขึ้นโดยปฐมบรรพบุรุษ มันสำเร็จเป็นรูปเป็นร่างของมันไปแล้ว บอกได้แต่เพียงเคล็ดวิชาของปฐมบรรพบุรุษมีความเหมาะสมต่อปฐมบรรพบุรุษเองมากที่สุด ขณะที่หากเจ้าสามารถบรรลุความลึกซึ้งยอดเยี่ยมที่ดั้งเดิมที่สุดนี้ได้ มันก็จะเหมาะสมกับเจ้ามากที่สุด กระทั่งมีความเป็นไปได้ว่ามันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของรากฐานของเจ้า”

ระดับบรรพบุรุษผู้นี้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ทำให้ผู้เยาว์จำนวนไม่น้อยรับฟังกันอย่างออกรสออกชาติ

“ได้ยินว่าราชันแท้จริงเต้าเจี่ยก็ได้รับกระดูกเต๋าชิ้นหนึ่งเช่นนี้แหละ” ระดับบรรพบุรุษอีกผู้หนึ่งกล่าวขึ้นมาว่า “ด้วยสาเหตุนี้เอง เขาจึงสามารถกระตุ้นให้ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวฟื้นขึ้นมาได้อย่างแท้จริง มิฉะนั้นล่ะก็ ลำพังอาศัย ‘คัมภีร์ฟู่หนิว’ เล่มหนึ่ง คิดจะให้ต้นกำเนิดสัจธรรมกลับมาใช้ได้ใหม่อีกครั้ง โดยพื้นฐานแล้วเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”

เมื่อได้ฟังคำจากบรรดาระดับบรรพบุรุษพูดขึ้นมาเช่นนี้ ยิ่งทำให้ผู้คนจำนวนมากอยากได้ครอบครองกระดูกเต๋ามากยิ่งขึ้นไปอีก ทำอย่างไรได้ คิดจะครอบครองกระดูกเต๋าที่นี้ยากยิ่งกว่าขึ้นไปสวรรค์เสียอีก เคยมีระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียมลงมือด้วยตนเองยังไม่ได้กระดูกเต๋ามาครอบครองแม้เพียงชิ้นเดียว

ด้วยเหตุนี้เอง จึงส่งผลให้กระดูกเต๋านั้นดูจะล้ำค่าอย่างยิ่ง

ในขณะที่ผู้คนจำนวนมากต่างวุ่นวายอยู่กับการแย่งไข่ของปี้โซ่ว ชิงตาน้ำเซียน ฉวยกระดูกเต๋าอยู่นั้น พวกหลี่ชิเย่สามคนกำลังติดตามปี้โซ่วที่คล้ายวัวขุยหนิวผ่าตรงเข้าไปตลอดทาง ทิ้งคนข้างหลังทุกๆ คนชนิดไม่เห็นฝุ่น

ดังนั้น เมื่อพวกของหลี่ชิเย่วิ่งนำอยู่ด้านหน้าสุด แม้ว่าระหว่างทางก็ได้พบกับโครงกระดูกปี้โซ่วอยู่บ้าง แต่ทว่า โครงกระดูกปี้โซ่วเหล่านี้เมื่อเทียบกับปี้โซ่วตัวนี้แล้วเรียกว่าอ่อนด้อยกว่ากันมากเหลือเกิน ดังนั้น เมื่อโครงกระดูกปี้โซ่วเหล่านี้พบเห็นปี้โซ่วตัวนี้แล้วก็จะถอยออกห่างไม่กล้าต่อต้านกับมัน

สุดท้าย ปี้โซ่วตัวนี้ได้มาถึงด้านหน้าของภูเขาขนาดใหญ่ที่ห่างไกลมาก ไม่สิ ที่ถูกต้องควรจะเป็นเทือกเขาที่ใหญ่โตมโหฬาร

เมื่อมองจากระยะห่างไกล มันก็คล้ายเป็นปี้โซ่วขนาดยักษ์สุดจินตนาการตัวหนึ่งที่กำลังหมอบอยู่บนพื้นดิน อีกทั้งเทือกเขาลูกนี้เหมือนติดกันเป็นลูกเดียวตามธรรมชาติ ดุจดั่งมันเกิดจากปี้โซ่วที่มีขนาดใหญ่โตมากตัวหนึ่งนั่นเอง

เฉกเช่นเทือกเขาที่ใหญ่โตมโหฬารเช่นนี้ เทือกเขาที่พวกเขาพบเห็นมาทั้งหมดตลอดทางที่ผ่านมานั้น ล้วนแล้วแต่เทียบไม่ได้กับเทือกเขาที่อยู่ตรงหน้าลูกนี้

ขณะที่ยังไม่ทันเข้าไปใกล้เทือกเขาลูกนี้ ก็สามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายสัตว์ที่น่าเกรงขามและไม่มีสิ้นสุดสายหนึ่งเข้ามาปะทะใบหน้า เสมือนดั่งมีเจ้าป่าตัวหนึ่งหมอบอยู่ที่ตรงนี้อย่างนั้น ภายใต้กลิ่นอายสัตว์ที่น่ากลัวเช่นนี้ ทำให้ในใจของผู้คนต้องสั่นเทาทีหนึ่งและรู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกซู่อยู่บ้าง ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

แม้ว่าปี้โซ่วที่คล้ายดั่งวัวขุยหนิวที่หมางเมินใต้หล้ามาตลอดทาง เวลานี้ยังเห็นได้ว่ามีการเก็บงำกลิ่นอายลงอย่างเห็นได้ชัด เหมือนว่ามีความเคารพยำเกรงที่บอกไม่ถูกต่อภูเขาสัตว์ที่ใหญ่โตมโหฬารลูกนี้เช่นกัน แม้แต่ฝีเท้าก็ดูจะเบาลงไม่น้อยทีเดียว

“นี่ นี่มันภูเขาอะไร!” ในใจของหวู่ปิงหนิงก็รู้สึกหวั่นไหวเช่นกัน เมื่อมองเห็นเทือกเขาขนาดยักษ์นี้ และรับรู้ถึงกลิ่นอายสัตว์ที่น่าเกรงขามไม่มีสิ้นสุดเช่นนี้

“จุดหมายปลายทางของพวกเรา” หลี่ชิเย่มองดูเทือกเขาที่ดุจดั่งสัตว์ขนาดยักษ์ที่หมอบอยู่ โดยสายตาของเขากลับกลายเป็นลึกล้ำยิ่ง และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ

เวลานี้ ปี้โซ่วตัวนี้ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ต่อให้ด้านหลังมีปี้โซ่วที่สามารถมาถึงตรงนี้ได้ แต่ พวกมันล้วนแล้วแต่ทยอยกันหยุดเดินไม่กล้าเดินเข้าไป พวกมันได้แต่มองดูเทือกเขาตรงหน้าที่ใหญ่โตมโหฬารยิ่งจากระยะห่างไกล

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *