Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2060 เหรินเซิ่นทวงแค้น

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2060 เหรินเซิ่นทวงแค้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เหรินเซิ่น ชื่อนี้เปี่ยมด้วยพลังที่ทำให้ผู้คนลุ่มหลงในทวีปเจียวเหิงโจว กล่าวได้ว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่ในทวีปเจียวเหิงโจวไม่มีใครสามารถเทียบเคียงกับเหรินเซิ่นได้อีกแล้วแม้แต่กู่ฉวี่หัง เรียกได้ว่าเหรินเซิ่นคือผู้ที่ทุกคนให้ความมั่นใจ

สำหรับสถาบันศึกษาเทพเจ้ายิ่งไม่ต้องกล่าวให้มากความ ครั้งนั้นเหรินเซิ่นเคยศึกษาอยู่ที่สถาบันศึกษาเทพเจ้า ในสถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่รู้ว่ามีนักศึกษาจำนวนเท่าไรที่เป็นผู้สนับสนุนของเขา และนักศึกษาจำนวนเท่าไรที่ศรัทธาต่อเขาอย่างยิ่ง

เหรินเซิ่น ในฐานะเซียนหวังชะตาฟ้าสี่สาย ยิ่งกว่านั่นยังมีสายเลือดไร้ขีดจำกัดซึ่งเป็นหนึ่งในสองสายเลือดโบราณของเผ่าพันธุ์มนุษย์ไว้ในครอบครอง! กล่าวได้ว่าเหรินเซิ่นนั้นมีความยอดเยี่ยมมากแล้ว ในบรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่ไม่มีใครสามารถเทียบเคียงกับเขาได้ และไม่มีใครในร้อยชาติพันธุ์ที่มีฐานะสูงส่งมากไปกว่าเขาอีกแล้ว อย่างน้อยที่สุดในยุคสมัยนี้เป็นเช่นนี้

“เหรินเซิ่นหน่ะ หล่อมากกว่าในภาพวาดพันเท่าหมื่นเท่านะเนี่ย” มีนักศึกษาหญิงที่กล่าวด้วยความหลงใหลในเพศตรงข้ามยิ่งนัก

ในเวลานี้ ไม่รู้ว่ามีนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าจำนวนเท่าไรที่จ้องมองดูเหรินเซิ่นด้วยความศรัทธายิ่ง เลื่อมใสอย่างสุดซึ้ง

“มีเรื่องอะไรรึจงเจิ้งทัว?” ในขณะนี้ ผู้อำนวยการของสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้ปรากฎตัวและเอ่ยขึ้นมาช้าๆ

เมื่อมีการเอ่ยถึงเหรินเซิ่น ทุกคนต่างก็รู้จักเหรินเซิ่น เรียกได้ว่าทุกคนเกือบจะลืมไปแล้ว่าเขามีชื่อว่าอะไร และน้อยคนนักที่กล้าไปเรียกชื่อของเหรินเซิ่น

แต่ ที่นี่คือสถาบันศึกษาเทพเจ้า ต่อให้เหรินเซิ่นได้กลายเป็นเซียนหวังแล้ว แต่เขายังคงเคยเป็นนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้ามาก่อน โดยเฉพาะผู้อำนวยการสถาบันยิ่งมีสิทธิ์ที่จะเรียกชื่อของเหรินเซิ่นออกมาตรงๆ เหรินเซิ่นก็แค่หนึ่งในนักศึกษาจำนวนมากของเขาเท่านั้นเอง

เมื่ออยู่ต่อหน้าสถาบันศึกษาเทพเจ้า เหรินเซิ่นเองก็ไม่กล้าทำเย่อหยิ่ง ลงจากหลังม้าด้วยตนเอง เมื่อพบกับผู้อำนวยการสถาบันศึกษาเทพเจ้าแล้ว โค้งคำนับและแสดงคารวะ เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ศิษย์คารวะผู้อำนวยการ ได้ยินว่าสถาบันมีภัย ดังนั้นศิษย์จึงนำกำลังทหารมาสนับสนุน”

ครั้นมองเห็นท่วงท่าของเหรินเซิ่นแล้ว ไม่รู้ว่าได้สยบนักศึกษาจำนวนเท่าไร โดยเฉพาะนักศึกษาหญิง

“เหรินเซิ่นย่อมเป็นเหรินเซิ่น ต่อให้กลายเป็นเซียนหวังแล้วก็ยังคงให้เกียรตินักปราชญ์หรือราชบัณฑิต ยังคมมีความถ่อมตนยิ่งนัก” นักศึกษาหญิงที่หลงใหลในเพศตรงข้ามกล่าวว่า “มาให้การสนับสนุนเป็นคนแรกเมื่อสถาบันมีภัย มีน้ำใจและคุณธรรม บุรุษสมควรเป็นเยี่ยงนี้ สามารถแต่งงานกับบุรุษเช่นนี้ชีวิตนี้ก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจอีกแล้ว”

เมื่อผู้อำนวยการสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้ฟังคำพูดของเหรินเซิ่นแล้วก็ไม่ได้มีอารมณ์หวั่นไหวสักเท่าไร พยักหน้าและเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “มีคนอย่างเจ้าก็ดี ก็ดี อนุญาตให้พวกเจ้าตั้งค่ายอยู่ด้านนอก”

แม้จะกล่าวว่าเหรินเซิ่นได้สำเร็จเป็นเซียนหวังแล้ว และก็คือผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ในรอบพันล้านปีที่ผ่านมา ใช่ว่าสถาบันศึกษาเทพเจ้าจะไม่เคยให้กำเนิดเซียนหวัง ส่วนระดับจอมเทพนั้นก็ยิ่งมีเป็นจำนวนมาก แม้แต่เซียนหวังอิเย่ก็เคยศึกษาอยู่ที่สถาบันศึกษาเทพเจ้ามาก่อน เมื่อเทียบกับความสำเร็จของพวกเซียนหวังอิเย่แล้ว ความสำเร็จของเหรินเซิ่นก็ไม่นับว่ามีความปราดเปรื่องมากเป็นพิเศษ

“อาจารย์มีสิ่งใดให้รับใช้ สั่งการมาได้เลย” เหรินเซิ่นคารวะอีกครั้ง

ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาเทพเจ้าเพียงพยักหน้าเบาๆ ไม่ได้กล่าวมากความ ใช่ว่าเขาเป็นคนถือดีและเย่อหยิ่ง โดยที่ตัวเขาเองก็คือยอดฝีมือในหล้าอยู่แล้ว พูดถึงศักยภาพเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเหรินเซิ่น ยิ่งไปกว่านั้น เหรินเซิ่นก็เป็นเพียงนักศึกษาของเขาเท่านั้นเอง

“อาจารย์ ศิษย์มีเรื่องขอร้องที่ไม่สมเหตุสมผลเรื่องหนึ่ง” เวลานี้ เหรินเซิ่นแสดงคารวะอีกครั้ง กล่าวท่าทีหนักแน่นจริงจังขึ้นมา

“ว่ามา” ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาเทพเจ้าจ้องมองเขาแล้วพูดขึ้นช้าๆ

“อาจารย์ก็รู้ ผู้อาวุโสข่งคือผู้คุ้มครองของศิษย์ ช่วงก่อนหน้านั้น ยุวกษัตริย์หกกระบี่บุตรของผู้อาวุโสข่งได้เสียชีวิตในสถาบัน ผู้อาวุโสข่งยังไม่ออกจากการกักตน ดังนั้น ศิษย์จึงต้องการจะทราบรายละเอียดเรื่องนี้ หวังว่าอาจารย์จะชี้แนะให้ด้วย” เวลานี้เหรินเซิ่นได้คำนับและเอ่ยขึ้น

ผู้อาวุโสข่งที่เหรินเซิ่นพูดถึงก็คือจอมเทพเก้ากระบี่ และก็คือผู้คุ้มครองของเขา

ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาเทพเจ้ามองหน้าเขาทีหนึ่งโบกมือเบาๆ แล้วกล่าวว่า “เรื่องนี้เจ้าอย่าได้เอ่ยถึงจะดีกว่า”

การที่เหรินเซิ่นเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมากะทันหัน ได้ทำให้นักศึกษาจำนวนมากของสถาบันศึกษาเทพเจ้าล้วนแล้วแต่กลั้นลมหายใจเอาไว้ ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า ยุวกษัตริย์หกกระบี่ถูกฆ่าโดยหลี่ชิเย่ ขณะที่หลี่ชิเย่คืออาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย

จอมเทพเก้ากระบี่ต้องไม่ยอมเลิกราแน่นอน เมื่อลูกของเขาต้องถูกฆ่าตาย ขณะที่เขาเองก็เป็นผู้คุ้มครองของเหรินเซิ่น แล้วเขาจะยืนอยู่ข้างฝ่ายของจอมเทพเก้ากระบี่ หรือยืนอยู่ข้างฝ่ายของสถาบันศึกษาเทพเจ้ากันเล่า

เหรินเซิ่นนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เมื่อผู้อำนวยการสถาบันศึกษาเทพเจ้าพูดเช่นนี้ จากนั้นเขาได้พูดหนักแน่นจริงจังว่า “ใช่ว่าศิษย์ปากมาก เท่าที่ข้ารู้ คนที่ตายอนาถไม่ได้มีเพียงบุตรชายของผู้อาวุโสข่งเท่านั้น ยังมีผู้สืบทอดของพรรคซือเสิน และพรรคทะยานฟ้า พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นยอดคนของยุคนี้ เวลานี้พวกเขาทั้งสามคนกลับต้องตายอนาถในสถาบัน เรื่องนี้หากไม่มีคำอธิบาย เกรงว่าจะไม่เป็นผลดีต่อสถาบัน”

“เรื่องนี้ให้มันจบลงเพียงเท่านี้ เจ้าอย่าได้ถามถึงจะดีกว่า” ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาเทพเจ้าส่ายหน้า การที่เขาพูดออกมาเช่นนี้นับว่าเพื่อเหรินเซิ่นแล้ว เนื่องจากเขารู้ดีกว่าใครๆ ผู้ดำรงอยู่ในฐานะเฉกเช่นหลี่ชิเย่นั้น หาใช่คนอย่างเหรินเซิ่นจะไปหาเรื่องได้ เฉกเช่นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะหลี่ชิเย่ เซียนหวังแล้วจะเป็นอย่างไร บทจะฆ่าก็ฆ่าเลย! เรื่องทำนองนี้ใช่ว่าเขาจะไม่เคยทำมาก่อน!

คำพูดและท่าทีเช่นนี้ของผู้อำนวยการสถาบันศึกษาเทพเจ้า ทำเอาเหรินเซิ่นตะลึงนิดหนึ่ง

ความจริงแล้ว ใช่เพียงเหรินเซิ่นที่ตะลึงเท่านั้น ในใจของนักศึกษาสถาบันศึกษาเทพเจ้าจำนวนมากก็รู้สึกแปลกใจ หลี่ชิเย่คนนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่นะ ถึงกับทำให้สถาบันศึกษาเทพเจ้าต้องปกป้องเขาถึงเพียงนี้

สมควรทราบว่า หลี่ชิเย่สังหารสามเทพบุตรสถาบันรวดเดียวทั้งสามคน อีกทั้งสามเทพบุตรสถาบันล้วนแล้วแต่มีประวัติความเป็นมาไม่ธรรมดาทั้งสิ้น นายน้อยทะยานฟ้าคือผู้สืบทอดของหนึ่งสำนักห้าเซียนหวัง ขณะที่เทพบุตรซือจงคือผู้สืบทอดของหนึ่งสำนักสี่เซียนหวัง ยุวกษัตริย์หกกระบี่คือบุตรของจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวง

อัจฉริยะบุคคลทั้งสามถูกฆ่าพร้อมๆ กัน ไม่ว่าใครถูกใครผิดก็จะนำมาซึ่งแรงกดดันที่สูงมากต่อสถาบันศึกษาเทพเจ้า จะอย่างไรเสียพวกของพรรคทะยานฟ้าก็ใช่ว่าจะหาเรื่องกับพวกเขาได้ง่ายดาย หากสถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่สามารถให้คำตอบในเรื่องนี้ ไม่แน่นักสถาบันศึกษาเทพเจ้าอาจจะเป็นศัตรูกับพวกพรรคทะยานฟ้านับแต่นี้เป็นต้นไป

แต่ทว่าเวลานี้ดูเหมือนสถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่คิดจะทำเรื่องนี้ให้กระจ่างโดยสิ้นเชิง และไม่คิดจะตัดสินว่าใครผิดใครถูก ต่อให้พวกของนายน้อยทะยานฟ้าสามคนถูกฆ่าตาย เหมือนว่าทางสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบายต่อพวกของพรรคทะยานฟ้าอยู่แล้ว

“อาจารย์ ใช่ว่าศิษย์จะบุ่มบ่าม เพียงแต่เรื่องนี้ใครถูกใครผิด มีเหตุมีผลอย่างไรควรจะมีการตัดสินความ” เหรินเซิ่นทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่งแล้วกล่าวว่า “บุตรชายของผู้อาวุโสข่งจะตายแบบไม่มีความชัดเจนไม่ได้ มิฉะนั้นหละก็ศิษย์เองก็ลำบากใจเหมือนกัน”

สำหรับข้อเรียกร้องเช่นนี้ของเหรินเซิ่นนั้น ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาเทพเจ้าถึงกับขมวดคิ้วทีหนึ่ง

“ข้าเป็นคนฆ่าเอง มีอะไรก็พูดกับข้าก็แล้วกัน” ในขณะที่ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาเทพเจ้ากำลังคิดจะเกลี้ยกล่อมเหรินเซิ่นอยู่นั้น ปรากฏเสียงเอ้อระเหยเสียงหนึ่งดังขึ้น

เมื่อผู้อำนวยการสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้ยินเสียงนี้แล้ว เขาไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างสิ้นเชิงแล้ว เขาเข้าใจแล้วว่าชะตาชีวิตของเหรินเซิ่นจะเป็นเช่นใดนั้น ทั้งหมดอยู่ในกำมือของตัวเขาเองแล้ว

“อาจารย์หลี่…” นักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าต่างทยอยกันมองไปเมื่อได้ยินเสียงนี้ และเอ่ยเสียงแผ่วเบาขึ้นมา

เวลานี้มองเห็นหลี่ชิเย่ปรากฏตัวอยู่เหนือท้องฟ้าของเรือนตำรา หลิวจินเซิ่นที่อยู่ข้างหลังได้ยกเก้าอี้มาตัวหนึ่ง แล้วหลี่ชิเย่ก็ได้นั่งลงบนท้องฟ้าด้วยท่านั่งที่ไม่เกรงใจใคร…ไอลีนโนเวล

เหรินเซิ่นก็ได้มองไปทางหลี่ชิเย่ เมื่อเห็นท่าทีของหลี่ชิเย่แล้ว เขาเพ่งมองไปข้างหน้า แล้วเหินฟ้ามุ่งไปยังเรือนตำรา เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ไปถึงด้านหน้าของหลี่ชิเย่

“ฮึ หลี่ชิเย่คนนี้ออกจะใช้อำนาจบาตรใหญ่เหลือเกิน ยโสเกินไปแล้วกระมัง เริ่มจากการเป็นศัตรูกับอาจารย์ฉวี่หัง เวลานี้ก็มาหาเรื่องเหรินเซิ่น ทำตัวเด่นดังให้น้อยหน่อยจะตายหรืออย่างไร เหมือนว่าไม่เข้ากับใครก็ไม่ได้อย่างนั้น” มีนักศึกษาหญิงที่รักใครชื่นชมในตัวเหรินเซิ่นเมื่อมองเห็นภาพเช่นนี้แล้ว รู้สึกไม่สบอารมณ์ในใจ ส่งเสียงแสดงความไม่พอใจออกมา

“ยโสแล้วอย่างไร ใช้อำนาจบาตรใหญ่แล้วอย่างไร อาศัยดอกสัจธรรมสิบสี่กลีบดอกหนึ่ง เขาก็มีสิทธิ์ยโส มีสิทธิ์ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ด้วยผลงานเช่นนี้ไม่ใช้เป็นการคุยโว แต่เป็นความสามารถแท้จริง ด้วยอาจารย์ที่มีฝีมือเช่นนี้ สถาบันศึกษาเทพเจ้าย่อมจะต้องบูชาเทิดทูนไว้อย่างดี…”

“…เซียนหวังองค์หนึ่งนับเป็นอะไรได้ ขอเพียงมีอาจารย์เช่นนี้คงอยู่ในสถาบันศึกษาเทพเจ้า ต้องการเซียนหวังจำนวนเท่าไร ต้องการจอมเทพจำนวนเท่าไร ล้วนแล้วแต่สามารถบ่มฟักขึ้นมาได้ ดังนั้นกล่าวได้ว่า ต่อให้อาจารย์หลี่ทำเรื่องใหญ่โตเพียงใดก็ตาม ทางสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็ต้องช่วยรับผิดชอบให้กับเขา” นักศึกษาที่มองการณ์ไกลรับรู้ถึงคุณค่าของหลี่ชิเย่ ดังนั้น จึงเอ่ยขึ้นมาเฉยเมย

เหรินเซิ่นก้าวเดินไปถึงด้านบนเรือนตำรา สายตาตกอยู่บนตัวของหลี่ชิเย่ เขาเองก็ดูไม่รู้ถึงตื้นลึกหนาบางของหลี่ชิเย่ได้อย่างสิ้นเชิง เขาแสดงคารวะแบบจีน และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ไม่ทราบว่าพี่ท่านมีชื่อว่ากระไร?”

“ผู้เยาว์ที่ไร้ชื่อเสียงคนหนึ่งเท่านั้น ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉย

จุดนี้คือความห่างชั้นระหว่างเหรินเซิ่นกับหลิวจินเซิ่น ต่อให้หลิวจินเซิ่นไม่รู้ถึงประวัติความเป็นมาของหลี่ชิเย่ แต่ว่า หลังจากที่เขาพบกับหลี่ชิเย่แล้วก็เข้าใจว่ามีเรื่องกับหลี่ชิเย่ไม่ได้ แต่ว่า เหรินเซิ่นไม่สามารถรับรู้ถึงความจริงเช่นนี้ได้

“พี่ท่านเป็นผู้สังหารยุวกษัตริย์หกกระบี่รึ?” การพูดจาของเหรินเซิ่นนับว่ามีหลักมีฐาน ไม่ได้อาศัยอำนาจของเซียนหวังมาสยบหลี่ชิเย่

แน่นอนที่สุด การวางมาดเซียนหวังในสถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่แน่เสมอว่าใช้การได้ จะอย่างไรเสียผู้ที่มาเป็นอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าใช่จะรับมืองได้ง่ายๆ เสียที่ไหน กระทั่งมีอาจารย์บางคนแข็งแกร่งยิ่งกว่าจอมราชันเซียนหวังเสียอีก

“ไม่ทราบว่ายุวกษัตริย์ได้กระทำความผิดอะไร สมควรให้พี่ท่านลงมือสังหารเช่นนี้” เหรินเซิ่นเอ่ยขึ้นช้าๆ

“จะฆ่าก็ฆ่าเลย ใยต้องอาศัยข้ออ้างมากมาย” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “ไปเถอะ เวลานี้เหตุการณ์ไม่ปรกติ อย่าหาเรื่องให้ตัวเองเลย ข้าฆ่าคนไม่จำเป็นต้องมีข้ออ้าง ฆ่าทิ้งก็สิ้นเรื่อง”

พลันที่พูดคำๆ นี้ออกมา ทำให้นักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับเสียวสันหลังวาบ คำพูดลักษณะเช่นนี้นับว่าพาลเหลือเกิน สมควรทราบว่าเหรินเซิ่นนั้นคือเซียนหวังผู้มีสายเลือดไร้ขีดจำกัดและชะตาฟ้าสี่สายในครอบครอง หลี่ชิเย่ถึงกับมองเขาเหมือนไม่มีตัวตนอย่างนั้น ไม่ได้มองเหรินเซิ่นอยู่ในสายตาเลย

“อันธพาลเกิน” นักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าพึมพำขึ้นมา

คำพูดของหลี่ชิเย่ได้ทำให้สีหน้าของเหรินเซิ่นเปลี่ยนไปมากทีเดียว จะอย่างไรเสีย การพูดเช่นนี้ต่อหน้าธารกำนัลเท่ากับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย

สิ่งนี้ไม่อาจบอกว่าเหรินเซิ่นเป็นผู้ที่ยโสโอหัง ตัวเขาในฐานะเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสี่สาย จะอย่างไรเสียก็นับเป็นบุคคลผู้มีอิทธิพลในทวีปเจียวเหิงโจว เวลานี้หลี่ชิเย่กลับมองไม่เห็นหัวเขาอย่างสิ้นเชิง

“พี่ท่าน ข้ามาขอคำชี้แนะด้วยความจริงใจ” เหรินเซิ่นเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “แม้ว่าที่นี่คือสถาบันศึกษาเทพเจ้า แต่ว่าก็ไม่สามารถสังหารผู้อื่นโดยพละการ ใช่ว่าคิดจะฆ่าก็ฆ่าเลย จะอย่างไรเสียก็ต้องมีความเป็นธรรม!”

“เจ้ามาขอคำชี้แนะแล้วจะอย่างไร?” หลี่ชิเย่หัวเราะแล้วกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “หรือว่าหากให้เหตุผลที่ดีมากกับเจ้าแล้ว เจ้าก็จะให้เรื่องนี้ผ่านไป สลายบุญคุณความแค้นเรื่องนี้จากนี้ไป เจ้าสามารถทำให้จอมเทพเก้ากระบี่อะไรนั่นไม่แก้แค้นให้กับลูกชายของเขาได้รึ?”

………………………………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *