Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1772 เลี่ยมทอง

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1772 เลี่ยมทอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1772 เลี่ยมทอง
หลี่ชิเย่ลงมือด้วยความรวดเร็ว ทุกครั้งที่มีดผ่าศิลาในมือผ่าลงไปเป็นไปด้วยความชำนาญ ทำให้ผู้ที่ได้เห็นต้องชื่นชมว่าสุดยอดมาก ทำให้ยอดฝีมือและผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับทอดถอนใจออกมา

ต่อให้คนผู้นั้นไม่ใช่ผู้ชำนาญการศิลาก็ดูออกว่าหลี่ชิเย่เป็นผู้ชำนาญการศิลาที่ยอดเยี่ยมมาก อาศัยฝีมือในการผ่าเช่นนี้ก็สามารถเอาชนะผู้ที่อยู่ในรุ่นเดียวกันได้แล้ว

แม้แต่ผู้ชำนาญการศิลาของร้านศิลา และดาวรุ่งผู้ชำนาญการศิลาหลี่ล่างซวนที่อยู่ในเหตุการณ์ เมื่อได้เห็นกระบวนท่าที่ชำนาญเช่นนั้นแล้ว พวกเขาล้วนแล้วแต่มีสีหน้าที่เคร่งเครียด เข้าใจได้ทันทีว่าได้เจอะเจอยอดฝีมือที่อยู่ในอาชีพเดียวกันเข้าให้แล้ว

การแสดงฝีมือของหลี่ชิเย่ได้ทำให้รัชทายาทเทียนหวงดูไม่จืดถึงขีดสุด แรกทีเดียวเขายังเข้าใจว่าหลี่ชิเย่เป็นเพียงผู้ชำนาญการศิลาชั้นต่ำเท่านั้น ไม่นึกเลยว่าจะเป็นผู้ชำนาญการศิลาที่มีฝีมือสูงส่งถึงเพียงนี้

ผู้ชำนาญการศิลามนุษย์ปุถุชนธรรมดานะเนี่ย ในอดีตยังไม่เคยพบเห็นมาก่อน” บรรดายอดฝีมือและผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองดูกระบวนท่าที่ยอดเยี่ยมมากของหลี่ชิเย่จนต้องชมเปาะด้วยความตื่นตะลึง

กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ในอดีตไม่เคยเห็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาเป็นผู้ชำนาญการศิลามาก่อน เนื่องจากการที่จะได้เป็นผู้ชำนาญการศิลาคนหนึ่งใช่เป็นเรื่องง่ายดาย โดยปรกติแล้ว การที่จะได้เป็นผู้ชำนาญการศิลาต้องเริ่มต้นจากการเป็นยอดฝีมือที่มีความรู้อย่างลึกซึ้งในด้านของวัตถุให้กำเนิดตัวอ่อน และตัวอ่อน แล้วจึงผันตัวเองเป็นผู้ชำนาญการศิลาอีกที

จากมนุษย์ปุถุชนธรรมดาแล้วกลับกลายเป็นผู้ชำนาญการศิลาเลย พวกเขายังไม่เคยพบเห็นกรณีเช่นนี้มาก่อน ความจริงแล้ว ไม่เพียงแต่ยอดฝีมือและผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์รู้สึกตระหนก แม้แต่ผู้ชำนาญการศิลาที่อยู่ในเหตุการณ์ก็รู้สึกตระหนกเช่นกัน การที่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งสามารถก้าวมาถึงระดับนี้ นับเป็นผู้ชำนาญการศิลาที่ยอดเยี่ยมมากโดยแท้จริง

แม้แต่หลี่ล่างซวนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นดาวรุ่งผู้ชำนาญการศิลาเมื่อได้เห็นกระบวนท่าในการผ่าศิลาของหลี่ชิเย่แล้ว ท่าทีของเขาก็ดูเคร่งเครียดยิ่งนัก และรู้สึกได้ว่าหลี่ชิเย่ที่เป็นผู้ชำนาญการศิลามนุษย์ปุถุชนธรรมดามีฝีมือที่น่ากลัวมาก

ครั้นหลี่ชิเย่ได้เฉือนจนเหลือชั้นบางๆ ชั้นหนึ่งแล้วนั้น ทุกคนถึงกับต้องกลั้นลมหายใจเอาไว้

ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้ดีว่า การที่ตระกูลราชันฉีหลินกล้าเปิดเป็นร้านศิลาที่นี่ย่อมต้องมีฝีมือที่เด็ดขาดอย่างแน่นอน มิฉะนั้น คงขาดทุนป่นปี้สิ้นเนื้อประดาตัวไปนานแล้ว ผู้ชำนาญการศิลาของตระกูลราชันฉีหลินคือผู้ที่มีความยอดเยี่ยมมากที่สุดของชิงโจวเลยทีเดียว

เมื่อถูกผู้ชำนาญการศิลาของร้านศิลาตัดสินลงความเห็นว่าวัตถุให้กำเนิดตัวอ่อนชิ้นนี้คือชั้นขาวบริสุทธิ์แล้ว โดยทั่วไปเมื่อผ่าออกมาก็ต้องได้ตัวอ่อนที่อยู่ในระดับชั้นขาวบริสุทธิ์เท่านั้น มีเพียงส่วนน้อยที่ผู้ชำนาญการศิลาจะมองพลาดไป แน่นอน อัตราส่วนตรงนี้น้อยมากจนสามารถมองข้ามไปได้เลย

“แว้งค์” เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่ได้ทำการเฉือนปอกวัตถุให้กำเนิดตัวอ่อนออกไปได้ทั้งหมด ได้ตัวอ่อนที่สมบูรณ์แบบออกมาได้แล้ว เป็นการทดสอบความสามารถของผู้ชำนาญการศิลายิ่งในบรรดาขั้นตอนการผ่าทั้งหมด เพราะถ้าหากไม่ทันระวัง อาจสร้างความเสียหายให้กับตัวอ่อนได้

“ออกมาแล้ว” บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างทยอยกันเบิกตาโตมองดูตัวอ่อนที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่ หลังจากที่ถูกผ่าออกเรียบร้อยแล้ว

เห็นเพียงมีดสั้นเล่มหนึ่งอยู่ในมือของหลี่ชิเย่

มีดสั้นเล่มนี้ปรกอบขึ้นจากการถักทอเข้าด้วยกันของหลักกฎเกณฑ์แต่ละสาย โดยที่กฎเกณฑ์ขนาดเล็กแต่ละสายตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายขมุกขมัว เสมือนว่าตัวมันเองสามารถให้กำเนิดให้กำเนิดพลังของโลกยุคดึกดำบรรพ์เองได้อยู่แล้ว

ท่ามกลางตัวอ่อนที่เกิดจากการถักทอของกฎเกณฑ์แต่ละสายปรากฎเป็นเส้นใยสีทองที่ม้วนตัวขึ้นมา เหมือนว่าเส้นใยสีทองแต่ละสายที่ม้วนตัวขึ้นมานั้นวิวัฒนาการขึ้นมาอย่างช้าๆ จากกฎเกณฑ์แต่ละสายนั่น ด้วยเหตุที่ภายในกฎเกณฑ์แต่ละสายมีเส้นใยสีทองอยู่ จึงทำให้ตัวอ่อนนั้นเปล่งประกายสีทองจางๆ ออกมา

“นี่คือตัวอ่อนดาบ ทั้งยังเป็นชั้นคุณภาพเลี่ยมทองอีกด้วย!” มียอดฝีมือ และผู้บำเพ็ญตนที่มองเห็นตัวอ่อนนี้แล้ว ร้องเสียงดังออกมา

ชั้นคุณภาพของตัวอ่อน เรียงจากต่ำไปหาสูงแบ่งออกได้ดังนี้ ขาวบริสุทธิ์ ศาตราอินทนิล เลี่ยมทอง แสดสามัญ และสวรรค์ตราตั้ง

เวลานี้ หลี่ชิเย่สามารถผ่าวัตถุให้กำเนิดตัวอ่อนที่ถูกผู้ชำนาญการศิลาลงความเห็นว่าเป็นขาวบริสุทธิ์ ปรากฏผ่าออกมาเป็นตัวอ่อนชั้นคุณภาพเลี่ยมทอง นับเป็นเรื่องที่สร้างความตระหนกกับผู้คนเป็นจำนวนมาก

ผู้ชำนาญการศิลาที่สามารถประจำการอยู่ ณ ที่ตรงนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นปรมาจารย์ของผู้ชำนาญการศิลา เวลานี้ ผู้ชำนาญการศิลาของร้านศิลาก็มีโอกาสพลาดได้เหมือนกัน แล้วจะไม่ให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องตื่นตระหนกได้อย่างไร

แม้แต่ผู้ชำนาญการศิลาที่ประจำอยู่ร้านศิลาเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ต่างรู้สึกตระหนกยิ่งนัก น้อยครั้งนักที่พวกเขาจะมองพลาด ไม่นึกเลยว่าวันนี้จะพลาดจนได้

วัตถุให้กำเนิดตัวอ่อนที่เป็นขาวบริสุทธิ์กองนี้ข้าเหมาทั้งกอง” ระดับหัวหน้าพรรคผู้หนึ่งมีปฏิกิริยาที่ไวมาก เมื่อเห็นหลี่ชิเย่ผ่าออกมาเป็นชั้นคุณภาพเลี่ยมทองแล้ว จึงกล่าวกับพนักงานของร้านศิลาว่า จะซื้อวัตถุให้กำเนิดตัวอ่อนชั้นคุณภาพขาวบริสุทธิ์ที่กองอยู่บริเวณมุมนั้นไว้ทั้งหมด

ยอดฝีมือและผู้บำเพ็ญตนที่มีปฏิกิริยาช้าไปก้าวหนึ่งต่างรู้สึกเสียใจ เมื่อเห็นหัวหน้าพรรคผู้นี้ซื้อวัตถุให้กำเนิดตัวอ่อนชั้นคุณภาพขาวบริสุทธิ์รวดเดียวหมดทั้งกอง

แม้ว่าการซื้อวัตถุให้กำเนิดตัวอ่อนชั้นคุณภาพขาวบริสุทธิ์มากมายเช่นนี้เป็นการกระทำที่โง่เขลา แต่หากว่าสามารถเหมือนหลี่ชิเย่ที่เจอโชคใหญ่ จากชั้นคุณภาพขาวบริสุทธิ์กลับกลายเป็นชั้นคุณภาพขาวเลี่ยมทอง มันไม่ขาดทุนแน่นอนอยู่แล้ว แต่หากว่าผ่าออกมาแล้วได้ชั้นคุณภาพแสดสามัญล่ะก็ จะได้กำไรมากทีเดียว

ผู้บำเพ็ญตนผู้หนึ่งที่สนิทกับผู้ชำนาญการศิลาของร้านศิลา ครั้นเห็นหลี่ชิเย่ผ่าออกมาเป็นตัวอ่อนดาบที่เป็นชั้นคุณภาพเลี่ยมทอง ถึงกับเอ่ยกับผู้ชำนาญการศิลาผู้นั้นว่า “ไม่นึกเลยว่าท่านก็มีโอกาสที่จะมองพลาดได้เหมือนกันนะเนี่ย”

“นี่แหละคือความสนุกของการพนันศิลา” ผู้ชำนาญการศิลาของร้านศิลาถึงกับหัวเราะและกล่าวว่า “ท่านผู้นี้มีสายตาดีเยี่ยม ถึงกับร่อนสมบัติวิเศษได้ นับถือ นับถือ”

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเฉยเมยกับการยกย่องสรรเสริญเพื่อประจบของผู้ชำนาญการศิลา

“เจ้าแพ้แล้ว” หลี่ชิเย่กล่าวพร้อมกับมองดูรัชทายาทเทียนหวงทีหนึ่ง

สีหน้าของรัชทายาทเทียนหวงดูไม่จืดอยู่บ้าง ไม่นึกเลยว่า วัตถุให้กำเนิดตัวอ่อนชั้นคุณภาพขาวบริสุทธิ์ถึงกับผ่าออกมาเป็นตัวอ่อนชั้นคุณภาพเลี่ยมทองได้ แม้แต่ผู้ชำนาญการศิลาของร้านศิลาก็มีโอกาสมองพลาดเช่นกัน

“ฮึ เงินเล็กน้อยแค่นี้ รัชทายาทอย่างช้าสามารถจ่ายได้” รัชทายาทเทียนหวงส่งเสียงไม่พอใจออกมา กล่าวสำหรับเขาแล้วเงินทองที่เสียไปไม่ได้มีปัญหาอะไร ปัญหาอยู่ที่เดิมเขาต้องการตัดแขนทั้งสองของมนุษย์ปุถุชนธรรมดาผู้นี้ ไม่นึกเลยว่ากลับทำไม่สำเร็จ

“เป็นเงินเล็กน้อยจริงๆ เศษเงินพวกนี้ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง ข้าเกรงว่ามันจะทำให้กระเป๋าข้าต้องแปดเปื้อนด้วยซ้ำ” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าว จากนั้น นำศาสตราวุธเต๋าสองเล่มและศิลาขมุกขมัวระดับกษัตราสัจธรรมแสนเม็ดนั้นตบรางวัลให้กับเฮ่อเฉิน และสือโส่วที่อยู่ข้างกาย

สือโส่ว และเฮ่อเฉิน ถึงกับตะลึงอยู่ตรงนั้นกับศาสตราวุธเต๋าสองเล่มและศิลาขมุกขมัวระดับกษัตราสัจธรรมแสนเม็ดในมือ พวกเขารู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันอย่างนั้น

ไม่ว่าจะเป็นศาสตราวุธเต๋าสองเล่ม หรือศิลาขมุกขมัวระดับกษัตราสัจธรรมแสนเม็ด ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่กล้าจะฝันถึงด้วยซ้ำ กระทั่งกล่าวได้ว่ารวบรวมสมบัติของทั้งสำนักต้นไม้เหล็กทั้งสำนักก็มีจำนวนมากไม่เท่านี้

เวลานี้ ศาสตราวุธเต๋าสองเล่มและศิลาขมุกขมัวระดับกษัตราสัจธรรมแสนเม็ด หลี่ชิเย่บทจะให้ก็ยกให้เลย โยนให้พวกเขาตามอารมณ์เหมือนโยนทิ้งขยะอย่างนั้น สร้างความตระหนกจนตะลึงให้กับเฮ่อเฉินและสือโส่วยิ่งนัก! ไม่แน่นัก ชาตินี้ทั้งชาติพวกเขาก็ไม่สามารถสั่งสมทรัพย์สินได้ขนาดนี้ เวลานี้ หลี่ชิเย่กลับมอบให้กับพวกเขา

ไม่เพียงเฮ่อเฉิน และสือโส่วเท่านั้นที่ถูกทำให้ต้องตะลึง แม้แต่ยอดฝีมือและผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ตะลึงกับสิ่งนี้เช่นกัน แม้ว่าเงินทองจำนวนนี้ที่อยู่ตรงหน้าจะไม่นับเป็นเงินจำนวนมากในสายตาของผู้ยิ่งใหญ่จำนวนไม่น้อยก็ตาม แต่เหมือนดั่งหลี่ชิเย่ ที่บทจะตบรางวัลก็ทำเหมือนโยนทิ้งขยะอย่างนั้น เกรงว่าแม้แต่ระดับหัวหน้าพรรค หรือกษัตริย์แห่งแคว้นก็ไม่มีใครมือเติบได้ขนาดนี้

“มิน่าหละ แม้แต่ผู้บำเพ็ญตนก็ยินดีที่จะเป็นผู้ติดตามให้กับ*มนุษย์ปุถุชนธรรมดา” ผู้บำเพ็ญตนบางคนที่เห็นหลี่ชิเย่มือเติบขนาดนี้ถึงกับพึมพำออกมา ได้พานพบเจ้านายที่มือเติบขนาดนี้ หากเป็นพวกเขาก็ยินดีที่จะติดตามมนุษย์ปุถุชนธรรมดาเช่นนี้เหมือนกัน

เดิมทีสีหน้าของรัชทายาทเทียนหวงก็ปั้นยากอยู่แล้ว เมื่อต้องแพ้พนันในเกมนี้ไป เวลานี้ หลี่ชิเย่ถึงกับนำเอาศาสตราวุธเต๋ากับศิลาขมุกขมัวตบรางวัลให้กับผู้ติดตามที่อยู่ข้างกายเหมือนโยนทิ้งขยะอย่างนั้น รัชทายาทเทียนหวงไม่สามารถกล้ำกลืนความอัปยศเช่นนี้ไปได้เมื่อถูกทำให้ต้องเสื่อมเสียเกียรติถึงเพียงนี้

“กล้าพนันอีกสักรอบหรือไม่?” รัชทายาทเทียนหวงร้องเสียงดังออกมา ในเวลานี้เลือดในกายของรัชทายาทเทียนหวงร้อนระอุพุ่งปี๊ดขึ้น ไม่สามารถควบคุมสติได้อีกต่อไป กล่าวสำหรับเขาแล้ว วันนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เขาจะต้องตัดแขนทั้งสองข้างของเจ้ามนุษย์ปุถุชนธรรมดาให้ได้ต่อหน้าธารกำนัลมากมาย มิฉะนั้นแล้ว เกียรติและหน้าตาของความเป็นรัชทายาทเทียนหวงก็ไม่หลงเหลืออีกต่อไปแล้ว!

หลี่ชิเย่เหลือบมองเขาอย่างเชื่องช้าทีหนึ่ง กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “พนัน? ได้สิ ยังจะพนันมือทั้งสองข้างของข้ารึ? แต่ว่ามือทั้งสองข้างของข้าขึ้นราคาแล้วนะ เห็นแก่เจ้ามันยากจนถึงเพียงนี้ข้าเสนอราคาให้ก็แล้วกัน มือทั้งคู่ของข้าคิดศิลาขมุกขมัวระดับปรัชญาสัจธรรมสิบล้านเม็ดก็แล้วกัน”

“เจ้า” สีหน้าของรัชทายาทเทียนหวงพลันดูไม่จืดขึ้นมาทันที ส่งเสียงฮึแสดงความไม่พอใจออกมา และกล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าสำคัญตนเองมากเกินไปแล้ว อาศัยแค่มือสองข้างของมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งมีค่าถึงศิลาขมุกขมัวระดับปรัชญาสัจธรรมสิบล้านเม็ดเลยรึ!”

ระดับของศิลาขมุกขมัวจะเช่นเดียวกันกับระดับพลังการฝึก เรียงจากต่ำไปหาสูงดังนี้ ธุลีสัจธรรม ตะนอยสัจธรรม กิมิชาติสัจธรรม เทียรฆชาติสัจธรรม พยัคฆาสัจธรรม นักพรตน้อย นักพรต ทูตาสัจธรรม ครุสัจธรรม พระยาสัจธรรม ราชาสัจธรรม กษัตราสัจธรรม ทิพยสัจธรรม ธรรมมังสัจธรรม ปรัชญาสัจธรรม สวรรค์สัจธรรม จอมราชัน หรือเซียนหวัง

เป็นที่ทราบว่า ศิลาขมุกขมัวระดับปรัชญาสัจธรรมต่ำกว่าสวรรค์สัจธรรม และจอมราชันสองระดับนี้เท่านั้น อาจกล่าวได้ว่าเป็นศิลาขมุกขมัวที่สูงสุดในโลกปัจจุบันก็ว่าได้

ศิลาขมุกขมัวระดับปรัชญาสัจธรรมจำนวนสิบล้านเม็ด อย่าว่าแต่คนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์เลย ต่อให้ผู้ที่มีฐานะและชาติกำเนิดอย่างรัชทายาทเทียนหวงก็เป็นไปไม่ได้ที่จะควักเอาศิลาขมุกขมัวระดับปรัชญาสัจธรรมจำนวนสิบล้านเม็ดออกมาได้

นี่มันคือจำนวนมหาศาล เกรงว่าต่อให้เป็นแคว้นเจ้าลัทธิสักแคว้นหนึ่ง ให้พวกเขาควักศิลาขมุกขมัวระดับปรัชญาสัจธรรมจำนวนสิบล้านเม็ดออกมาในทันทีก็ทำไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบุคคลคนหนึ่งเลย

“นั่นเป็นเพราะเจ้าไม่มีราคาเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่หัวเราะออกมาทีหนึ่ง กล่าวต่อรัชทายาทเทียนหวงว่า “ถ้าหากเจ้าไม่สามารถนำออกมาได้ก็อย่ามาพนันอีกเลย หรือไม่ก็นำมือสองข้างมาเดิมพัน!”

เมื่อรัชทายาทเทียนหวงถูกหลี่ชิเย่ยั่วโมโหเข้า ถึงกับร่างสั่นเทิ้มขึ้นมา ในฐานะที่เขาเป็นถึงรัชทายาทย่อมไม่เอามือสองข้างมาพนันกับมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งอยู่แล้ว กล่าวสำหรับผู้มีฐานะเช่นเขาแล้ว เงินทองเป็นเพียงของนอกกายเท่านั้นเอง

“ฮึ แค่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งอย่าได้สำคัญตัวเองผิด รัชทายาทอย่างข้าเห็นแก่เจ้า ศิลาขมุกขมัวระดับทิพยสัจธรรมหนึ่งล้านเม็ดเดิมพันกับแขนสองข้างของเจ้า กล้ารับคำท้าหรือไม่!”

“ศิลาขมุกขมัวระดับทิพยสัจธรรม? ช่างเถอะ จำนวนมันน้อยเกินไป อาศัยมือผู้ชำนาญการศิลาระดับปรมาจารย์คู่นี้ของข้า ขอเพียงข้าออกปาก สายสำนักราชันเซียนจำนวนมากก็ต้องการให้ข้าไปเป็นผู้ชำนาญการศิลา! เห็นแก่เจ้าที่ไม่สามารถนำเงินออกมาได้ เอาเถอะ ข้าลดข้อเรียกร้องลงมาอีกนิด ศิลาขมุกขมัวระดับธรรมมังสัจธรรมหนึ่งล้านเม็ด…”

“…แน่นอนที่สุด ถ้าหากเจ้าในฐานะที่เป็นถึงรัชทายาท แค่ศิลาขมุกขมัวระดับธรรมมังสัจธรรมหนึ่งล้านเม็ดก็เอาออกมาไม่ได้ ก็อย่าได้มาทำขายหน้าประชาชีอีกเลย แค่นักเลงหัวไม้ที่ยากจนคนหนึ่งเท่านั้น ยังมีหน้ามาเล่นพนัน!” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวด้วยท่าทีเฉยเมย

ในเมื่อรัชทายาทเทียนหวงต้องการเอาชีวิตของเขา หลี่ชิเย่จึงเล่นด้วยเป็นเพื่อน และทรมานรัชทายาทเทียนหวงให้สาสม

แม้ว่าคำพูดนี้ของหลี่ชิเย่พูดได้ยโสมาก แต่ว่า มือทั้งสองข้างของเขามีค่าเท่ากับศิลาขมุกขมัวระดับธรรมมังสัจธรรมหนึ่งล้านเม็ดหรือไม่นั้น ปัญหาเช่นนี้เรียกว่าพูดกันยากนานาจิตตัง

แต่ว่า คำพูดของหลี่ชิเย่คำนั้นพูดไม่ผิด อาศัยระดับความสามารถผู้ชำนาญการศิลาเช่นนี้ เป็นความจริงที่สำนักเจ้าลัทธิจำนวนมากต้องการได้ผู้ชำนาญการศิลาเข้าไปอยู่ในสำนักของตน

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *