Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2304 บีบจนละเอียด

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2304 บีบจนละเอียด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผู้คนจำนวนไม่น้อยทยอยมองไปยังเสียงที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน มองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวขึ้นบันได ข้างกายของเขายังห้อมล้อมด้วยยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนอยู่จำนวนไม่น้อย มากด้วยความโอหังอวดดี หยิ่งผยองลำพอง ด้วยท่าทีที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา

“เขาคืออัครทูตโจว” มีผู้กล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาเมื่อได้เห็น่ชายหนุ่มผู้นี้

ชายหนุ่มผู้นี้ก็คือโจวจื้อคุนที่มีชาติกำเนิดมาจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ เดิมทีเขาเป็นเพียงศิษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น หลังจากได้รับการสนับสนุนจากผู้ยิ่งใหญ่ ตำแหน่งขึ้นพรวดพราดโดยไม่ต้องเปลืองแรง มีตำแหน่ง ฐานะที่แตกต่างในทันที กลายเป็นอัครทูตคนหนึ่ง

ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกแปลกใจ เมื่อเห็นท่าทางของโจวจื้อคุนที่ต้องการทวงถามความผิดต่อหลี่ชิเย่ โดยเฉพาะได้ยินว่าหลี่ชิเย่ก็คือคนของหุบเขาอมตะเช่นกันแล้ว ยิ่งทำให้ในใจของผู้คนรู้สึกแปลกใจ

เนื่องจากผู้คนจำนวนมากยังไม่ทราบถึงฐานะของหลี่ชิเย่ ยิ่งไม่รู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ ดังนั้นผู้คนจำนวนมากก็แปลกใจว่าระหว่างโจวจื้อคุนกับหลี่ชิเย่มีบุญคุณความแค้นอะไรกันแน่

โดยเฉพาะอย่างยิ่งโจวจื้อคุนเองก็มีชาติกำเนิดมาจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะเช่นเดียวกัน ถือว่าเป็นศิษย์ร่วมสำนักกับหลี่ชิเย่ น่าจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวนักจึงจะถูก

“ใช่แล้วทำไม?” ท่าทางของหลี่ชิเย่ดูจะไม่ใส่ใจทั้งสิ้นกับการมาด้วยท่าทีที่ดุดันของโจวจื้อคุน มองดูเขาแวบหนึ่งด้วยท่าทีเรียบเฉย

“เป็นเจ้าที่สังหารศิษย์น้องของข้า” เวลานี้โจวจื้อคุนเดินเข้าไปใกล้ ดวงตาทั้งสองดูไม่เป็นมิตร ด้วยท่าทีที่ข่มเหงผู้คน เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ไม่รู้จัก” หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะไปมองหน้าเขามากกว่าครั้ง

“ศิษย์น้องของข้าคือหวู่เสียนยวี่ คือหนึ่งในอัครทูตใต้บังคับบัญชาของนายน้อยมู่!” โจวจื้อคุนร้องเสียงดังออกมา

พลันที่โจวจื้อคุนพูดออกมาเช่นนี้ ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยมองหน้ากันและกัน ระดับผู้ยิ่งใหญ่รุ่นอาวุโสจำนวนไม่น้อยต่างก็รู้ว่าโจวจื้อคุนไปพึ่งพานายน้อยมู่ โดยศิษย์น้องของเขาหวู่เสียนยวี่ก็ติดตามไปด้วย

เวลานี้คำพูดลักษณะเช่นนี้ของโจวจื้อคุนได้ทำให้ภาพรวมของเรื่องราวแตกต่างกันแล้ว ไม่ว่าหวู่เสียนยวี่จะเป็นอัครทูตที่แท้จริงหรือไม่ก็ตาม แต่ว่าเมื่อโจวจื้อคุนพูดเช่นนี้แล้ว เท่ากับว่าหลี่ชิเย่ได้ฆ่าคนของนายน้อยมู่ ต้องการเป็นศัตรูกับนายน้อยมู่

“ไม่รู้จัก” หลี่ชิเย่โบกมือและกล่าวว่า “คนที่ถูกข้าสังหารหากมีไม่ถึงสิบล้านก็ต้องมีล้านหนึ่ง จำนวนมากมายดั่งมดปลวก ไหนเลยจะไปจดจำได้”

“อหังการมาก” คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้มีผู้แอบยกนิ้วให้ เนื่องจากมีคนบางส่วนที่ดูแคลนโจวจื้อคุนอยู่ในใจอยู่แล้ว

เนื่องจากโจวจื้อคุนเป็นแค่ศิษย์ระดับธรรมดาๆ คนหนึ่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะเท่านั้น ตั้งแต่ไปเกาะอิทธิพลของนายน้อยมู่แล้วก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทำตัวเป็นสุนัขจิ้งจอกที่อิงแอบบารมีของเสือ ทำตัวโอหังอวดดีกับทุกๆ คน ต่อให้ต้องพูดจากับระดับบรรพบุรุษของแคว้นเจ้าลัทธิก็มีท่าทีของตาที่มองขึ้นไปบนฟ้า ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่ในใจ เพียงแต่หวั่นเกรงต่อนายน้อยมู่ที่อยู่เบื้องหลังของเขา ทุกคนจึงไม่ต้องการไปถือสาเขา

คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้หน้าของโจวจื้อคุนแดงก่ำ นับตั้งแต่เขาได้กลายเป็นอัครทูตของนายน้อยมู่แล้ว ใครบ้างที่ไม่ให้เกียรติเขาสามส่วน ต่อให้เป็นระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใหญ่ๆ ก็ต้องเรียกเขาว่า ‘หลานโจว’ ด้วยท่าทีที่เกรงใจอย่างยิ่ง เวลานี้หลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงผู้เยาว์คนหนึ่งถึงกับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาอย่างสิ้นเชิง!

“เจ้าคนแซ่หลี่ เจ้าอย่าได้ทำตัวเป็นเหล้าที่คารวะแสดงความยินดีไม่ดื่มอยากดื่มเหล้าลงโทษ!” โจวจื้อคุนร้องเสียงดังว่า “สังหารอัครทูตคือโทษมหันต์ หากนายน้อยมู่จะเอาโทษอย่าว่าแต่ชีวิตน้อยๆ ของเจ้า แม้แต่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะก็ไม่มีที่ยืน…”

“มดปลวกมาจากไหนกัน” ขณะที่โจวจื้อคุนกำลังร้องกล่าวตำหนิอยู่นั้น หลี่ชิเย่ได้กล่าวตัดบทของเขาและเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “นายน้อยมู่เม่ออะไรนั่น มดปลวกฝูงหนึ่งเท่านั้น อย่าทำเป็นแยกเขี้ยวกางเล็บต่อหน้าข้า ทำให้ข้าอารมณ์ไม่ดีล่ะก็ จะจัดการตระกูลมู่อะไรนั่นหมดทั้งตระกูลเลย ถือโอกาสเวลานี้ข้ายังไม่อยากฆ่าคนรีบๆ ไสหัวไปให้พ้นเสีย!”

พลันที่คำพูดนี้ถูกพูดออกมา เดิมทีตำหนักหมีเซียนที่ดูคึกคักยิ่งพลันเงียบสงบลงทันที ทุกคนพลันมองไปที่หลี่ชิเย่ และมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่คู่ดวงตาต้องเบิกกว้าง

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างได้ยินคำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่อย่างชัดเจน คำพูดลักษณะเช่นนี้สร้างความหวั่นไหกับผู้คนจำนวนไม่น้อย คำพูดเช่นนี้ทำเอาผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับอ้าปากกว้าง ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีผู้ที่กล้าพูดคำพูดเช่นนี้ออกมา

ถ้าหากบอกว่าโจวจื้อคุนเป็นมดปลวก เกรงว่าในใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยจะเห็นด้วยกับสิ่งนี้อยู่แล้ว แม้ว่าต่อหน้าจะไม่พูดออกมา ในใจของระดับบรรพบุรุษบางส่วนก็ถือโจวจื้อคุนเป็นมดปลวกตัวหนึ่ง ต่อให้เขาเกาะผู้มีอิทธิพลอย่างนายน้อยมู่แล้วก็ตาม แต่ด้วยทักษะยุทธที่อ่อนด้อยของเขานั้น มันก็ได้แค่มดปลวกเท่านั้น

แต่นายน้อยมู่นั้นแตกต่าง ผู้คนจำนวนไม่น้อยเมื่อได้ยินชื่อของเขาแล้วถึงกับใจหาย เนื่องจากเขาเป็นคนที่ลงมาจากเบื้องบน โดยเฉพาะระดับบรรพบุรุษบางส่วนที่มีความเข้าใจในตระกูลมู่แล้ว ยิ่งรู้ดีว่าตระกูลมู่ที่อยู่เบื้องบนนั้นดำรงอยู่ในฐานะอย่างไร นั่นมันคือระดับผู้ยิ่งใหญ่ที่มีศักยภาพที่สุดยอดปราศจากผู้เทียบเทียมในหล้า ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใดๆ ในแดนลัทธิพรรษล้วนแล้วแต่ไม่สามารถเทียบเคียงกับเขาได้

เวลานี้หลี่ชิเย่ไม่เพียงบอกว่านายน้อยมู่เป็นมดปลวก ยังพูดจาโอหังว่าจะทำลายตระกูลมู่เสีย นี่มันโอหังมากเกินไปแล้ว ทั่วทั้งแดนลัทธิพรรษก็ไม่มีใครกล้าพูดเช่นนี้ออกมา ต่อให้มีผู้สำเร็จเป็นราชันแท้จริงแล้วจริงๆ ก็ไม่กล้าพูดว่าตนเองจะทำลายตระกูลมู่เสีย

เวลานี้หลี่ชิเย่พูดเอ้อระเหยว่าจะทำลายตระกูลมู่เสีย เป็นความบ้าบิ่นอย่างแท้จริง ทำให้บุคคลระดับบรรพบุรุษจำนวนไม่น้อยถึงกับมองตากันและกันลับๆ เจ้าหนู่นี่เสียสติแล้วรึ? ถึงกับกล้าบอกว่าจะทำลายตระกูลมู่ต่อหน้าธารกำนัล ช่างบ้าบิ่นเหลือเกิน

“บังอาจ” เวลานี้ยอดฝีมือบางคนที่อยู่ข้างกายโจวจื้อคุนอดร้องตวาดออกมาไม่ได้ และกล่าวว่า “เจ้าเด็กโง่เขลา นายน้อยมู่ไหนเลยให้เจ้ามาวิจารณ์เหลวไหลเช่นนี้ได้”

“เจ้าคนไม่รู้จักคำว่าตาย ถึงกับกล้าวิจารณ์เหลวไหลต่อนายน้อยมู่ โทษสมควรตายหมื่นครั้ง” โจวจื้อคุนก็ส่งเสียงตวาดออกไป

เสียงปังดังขึ้น ร่างของโจวจื้อคุนอัดเข้ากับผนังของตำหนักหมีเซียนอย่างแรงขณะที่พูดยังไม่ทันจบ ร่างของเขาคล้ายดั่งเป็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่แปะติดอยู่กับผนัง ไม่สามารถขยับตัวได้

หลี่ชิเย่ในขณะนี้แค่กางนิ้วทั้งห้าออกเท่านั้นก็จัดการสยบโจวจื้อคุนอยู่ตรงนั้น เพียงแค่หลี่ชิเย่ออกแรงนิดหนึ่ง ได้ยินเสียงของกระดูกที่แตกละเอียดดังคร๊ากกขึ้น เลือดสดๆ พลันย้อมเสื้อของเขาจนแดงฉาน

อ๊ากกโจวจื้อคุนส่งเสียงร้องน่าเวทนาออกมา นาทีนี้เขาถูกทำให้ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดลอยจากร่าง

“เจ้าคิดทำอะไร” บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่เดิมมาด้วยกันกับโจวจื้อคุนรู้สึกตกใจยิ่งนัก มีบางคนที่ชักดาบชักกระบี่ออกมาทันที และจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ

หลี่ชิเย่เพียงจ้องหน้าพวกเขาน่าเกรงขามแวบหนึ่งเท่านั้นเอง พวกเขาถึงกับสะท้านไปทั่วร่าง ร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่งและก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว

แม้ว่าพวกเขาก็คิดจะเข้าช่วยเหลือโจวจื้อคุน แต่ทว่าเวลานี้ความกล้าของพวกเขาล้วนแล้วแต่อันตรธารหายไปจนหมด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ความกลัวที่มาจากสัญชาตญาณทำให้พวกเขาถึงกับเข่าอ่อนทั้งสองข้าง

จะอย่างไรเสียพวกเขาล้วนแล้วแต่ไม่ใช่คนของนายน้อยมู่ เพียงแค่ต้องการประจบเชื่อมสัมพันธ์เล็กน้อยกับโจวจื้อคุนเท่านั้นเอง พวกเขาจึงยังไม่ถึงขั้นเอาชีวิตไปเสี่ยงเพียงเพียงความสัมพันธ์เล็กน้อยเช่นนี้

ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน ทุกคนไม่นึกไม่ฝันเลยว่าหลี่ชิเย่ถึงกับลงมือโดยไม่พูดพล่ามทำเพลง ทั้งยังไม่ให้เกียรติและไม่หวั่นเกรงต่อฐานะของโจวจื้อคุนแม้แต่น้อย

“นับเป็นคนโหดโดยแท้” เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ไม่ใส่ใจโดยสิ้นเชิง คิดจะลงมือก็ลงมือเลยท่าทางตามแต่ใจปรารถนาอย่างนั้น ทำให้ในใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับเย็นวาบ คนโหดเช่นนี้พบเห็นได้ไม่บ่อยนัก

“เจ้า เจ้า เจ้าคิดจะทำอะไร?” ขณะที่ความตายเข้ามาใกล้ ทำให้โจวจื้อคุนอดที่จะหวาดกลัวจนขนลุกซู่ไม่ได้ จึงส่งเสียงร้องดังออกมา

“ไม่ทำอะไร จะทำอะไรได้ ก็แค่เหยียบมดตายตัวหนึ่งตามอารมณ์” หลี่ชิเย่กล่าวออกมาตามอารมณ์ นิ้วทั้งห้าออกแรงเพิ่มไปนิดก็ได้ยินเสียงดังคร๊ากกขึ้นมา เสียงกระดูกแตกละเอียดดังขึ้นอีกครั้ง เลือดสดๆ พรั่งพรู ทำเอาชุดของโจวจื้อคุนถูกย้อมจนแดงฉาน

“ข้า ข้า ข้าคืออัครทูตของนายน้อยมู่ เจ้า เจ้า เจ้ากล้าแตะต้องข้าแม้เพียงเส้นผม โลกนี้จะไม่มีที่ซุกหัวสำหรับเจ้า…” โจวจื้อคุนร้องกล่าวด้วยเสียงดัง

แต่เขาพูดยังไม่ทันจบ เสียงคร๊ากกดังขึ้นไม่ขาดสาย กระดูกบนตัวของโจวจื้อคุนถูกบีบจนแตกละเอียดมีมากขึ้นกว่าเดิมอีก เลือดสดๆ ดั่งน้ำพุ ทำเอาเขาตกใจจนใบหน้าขาวซีด ไม่กล้าพูดอะไรอีก

“ยังมีอะไรจะพูดหรือไม่ล่ะ?” หลี่ชิเย่แค่เพิ่มแรงลงไปนิดหนึ่งก็บีบกระดูกของเขาจนแตกละเอียด ทำให้โจวจื้อคุนตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง รู้ว่าเจอคนโหดเข้าให้แล้ว จึงต้องหุบปากไม่กล้าพูดอะไรอีก

“ต้องแบบนี้สิ” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ไว้ชีวิตสุนัขของเจ้าเพียงต้องการให้เจ้านำคำพูดของข้าไปให้นายน้อยมู่อะไรนั่น บอกเขาว่ามาจากไหนก็ไสหัวกลับไปที่นั่น ให้รู้จักกาลเทศะสักหน่อย มิฉะนั้นล่ะก็ข้าจะเอาหัวสุนัขของเขาแขวนไว้บนที่สูงกลางอากาศของแดนลัทธิพรรษ”

“นี่ นี่ นี่มันพาลมากเกินไปแล้วกระมัง” คำพูดลักษณะเช่นนี้พลันทำให้ผู้อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกงงงัน หลายคนมองหน้ากันและกัน

การร้องเอะอะถึงนายน้อยมู่โดยตรงต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ มันคือการประกาศศึกต่อนายน้อยมู่ชัดๆ

“เขา เขายังไม่ชัดเจนในประวัติความเป็นมาของนายน้อยมู่กระมัง คำพูดนี้โอหังเกินไปแล้ว ถ้าหากเขารู้ถึงประวัติความเป็นมาของนายน้อยมู่อย่างแท้จริง รู้ถึงความน่ากลัวของตระกูลมู่ล่ะก็ เกรงว่าคงไม่กล้าพูดคำพูดที่อวดดีเช่นนี้ออกมากระมัง” มียอดฝีมือกล่าวเสียงแผ่วเบาออกมา

“เจ้า เจ้า เจ้า…” เดิมทีโจวจื้อคุนก็หาใช่ยอดฝีมืออะไรอยู่แล้ว เมื่อถูกหลี่ชิเย่บดขยี้เช่นนี้แล้ว ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ กระทั่งพูดอะไรไม่ออก

“สามารถส่งข่าวไปถึงหรือไม่?” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเฉยเมย และเพิ่มพลังไปนิดหนึ่งเท่านั้น ก็ได้ยินเสียงกระดูกที่แตกละเอียดดังไม่ขาดสายขึ้นมา

อ๊ากกกโจวจื้อคุนส่งเสียงร้องน่าเวทนาออกมา เจ็บปวดจนสุดจะทนจึงต้องยอมอ่อนข้อให้ ร้องเสียงดังขึ้นมาว่า “ส่งไปถึง ส่งไปถึง ส่งไปถึงอย่างแน่นอน”

เวลานี้โจวจื้อคุนไม่สนใจเรื่องหน้าตาศักดิ์ศรีอะไรอีกแล้ว ไม่เหลือไว้ซึ่งลักษณะอันน่าเกรงขามเมื่อครู่อีกแล้ว ยอมอ่อนข้าเพื่อให้เขาละเว้นตนทันที

“ดีมาก” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย กล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า “ถ้าหากส่งข่าวไม่ถึง ถึงตอนนั้นข้าจะเด็ดหัวสุนัขของเจ้าออกมา” ขาดคำคลายนิ้วทั้งห้า

เสียงปังดังขึ้น เมื่อหลี่ชิเย่ได้คลายนิ้วมือทั้งห้าแล้ว ร่างของโจวจื้อคุนก็ไหลลงมาจากผนังลงพื้นอ่อนระทวยอยู่ตรงนั้น กระทั่งลุกนั่งยังไม่ได้ ร่างกายโชกไปด้วยเลือด

หลี่ชิเย่สัมผัสมือและหันหลังจากไปโดยขี้คร้านจะไปมองหน้าเขาอีกสักครั้ง

หลินซิม่อที่ติดตามอยู่ข้างกายไม่กล้าส่งเสียงออกมา นางถูกทำให้ตกใจกระทั่งขนลุกซู่ในใจ จะอย่างไรเสียนางเป็นเพียงบุคคลตัวน้อยๆ ที่ไม่มีค่าจะกล่าวถึง เรื่องอย่างนี้นางไม่ค่อยจะได้พานพบสักเท่าไร

เวลานี้มองเห็นหลี่ชิเย่ก้าวลงบันไดไป นางไหนเลยกล้าจะรั้งอยู่จึงรีบเร่งติดตามลงไป

“คุณชายโจว” ผู้คนจำนวนไม่น้อยทยอยกันก้าวเข้าไปหาเมื่อเห็นว่าหลี่ชิเย่ได้จากไปแล้ว พยุงตัวโจวจื้อคุนที่ร่างอ่อนระทวยขึ้นมาและรักษาอาการบาดเจ็บให้กับเขา

“ช่วยส่งข่าวให้ผู้อาวุโสฝาน!” หลังจากที่โจวจื้อคุนได้สติคืนกลับมาจึงกล่าวขึ้นทันทีว่า “ข้าต้องการให้ผู้อาวุโสฝานลงมือ ผู้ที่กล้าเป็นศัตรูกับนายน้อยมู่จะอภัยให้ไม่ได้” ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วถึงกับขบเขี้ยวเคี้ยวฟันขึ้นมา

“ผู้อาวุโสฝานก็มาด้วยแล้ว?” ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกตกใจ เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้

“ผู้เฒ่าท่านอยู่ใกล้ๆ นี้เอง รีบเร่งเชิญท่านผู้เฒ่าให้มาที่นี่” โจวจื้อคุนกล่าวขึ้นมาทันที

ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกตกใจ เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของโจวจื้อคุน

………………………………………………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *