Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1849 หมิงเหรินเก๋อ

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1849 หมิงเหรินเก๋อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1849 หมิงเหรินเก๋อ
แม้แต่ระดับบรรพบุรุษอย่างเผิงเย่ยังแทบจะวิญญาณออกจากร่างกับวินาทีที่เห็นบรรพบุรุษของตนต้องหลั่งเลือดออกมา ตกใจจนต้องสั่นสะท้าน และรู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่ง สุดท้าย เมื่อเห็นทวนวงเดือนสั้นในมือสามารถต้านดาบนั้นเอาไว้ได้ จึงทำให้ภายในใจของพวกเผิงเย่คลายความกังวลลงอย่างช้าๆ

ขณะที่ระดับบรรพบุรุษและศิษย์ด้านตระกูลขุนนางโบราณตงกงต่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เมื่อเห็นบรรพบุรุษของตนฟันเสื้อเกราะศักดิ์สิทธิ์ของจอมเทพท่าซิงจนขาดในดาบเดียว แต่พวกเขารู้สึกเสียใจอยู่นิดหนึ่งที่ไม่สามารถสังหารจอมเทพท่าซิงได้ในดาบเดียว แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ชั่วพริบตาเดียวกันนี้บรรดาบรรพบุรุษและศิษย์ของตระกูลขุนนางโบราณตงกงพลันเปี่ยมด้วยความหวัง บรรพบุรุษของพวกเขาจะต้องเอาชนะจอมเทพท่าซิงได้อย่างแน่นอน

“นี่คืออาวุธอะไรกันแน่ ถึงกับสามารถต้านรับตำราครึ่งเล่มและอาวุธที่ไม่สมประกอบได้!” แม้แต่ผู้ได้รับการเคารพสูงสุดระดับสวรรค์สัจธรรมยังต้องรู้สึกกระตุกในใจนิดหนึ่ง ถึงกับเสียวสันหลังวาบ

ยามที่ดาบของจอมเทพเสินกงฟันฉับลงไปนั้น เสื้อเกราะศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนตัวของจอมเทพท่าซิงถูกฟันจนขาดโดยไม่ลังเล เป็นที่ทราบกันดีว่า “ชุดตัวอ่อนม้าบินเหยียบดาว” ชุดนี้มีความยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง สามารถต้านรับศาสตราวุธเต๋าระดับจอมราชัน เวลานี้กลับถูกฟันจนขาดในดาบเดียว ย่อมสามารถประเมินได้ว่าดาบโค้งเล่มนี้มีความคมเช่นใด และมีความสยองเพียงใด

แต่ว่า เวลานี้ดาบโค้งเล่มนี้กลับถูกต้านเอาไว้ได้โดยทวนวงเดือนสั้นที่อยู่ในมือของจอมเทพท่าซิง ย่อมไม่ต้องกังขาว่าทวนวงเดือนสั้นเล่มนี้ที่อยู่ในมือของจอมเทพท่าซิงเหนือกว่า “ชุดตัวอ่อนม้าบินเหยียบดาว” อยู่มากทีเดียว

“นี่มัน” จอมเทพระดับล่างผู้หนึ่งรู้สึกหัวใจเต้นกระตุกนิดหนึ่งเมื่อมองเห็นทวนวงเดือนสั้นในมือของจอมเทพท่าซิง นึกถึงคำเล่าลือบางอย่างขึ้นมาได้ แอบรู้สึกตกใจเงียบๆ

“อาวุธราชันปราบสวรรค์!” แม้แต่จอมเทพเสินกงที่ได้ครอบครองตำราครึ่งเล่มและอาวุธที่ไม่สมประกอบในมือยังต้องสายตาเต้นกระตุกทีหนึ่ง และร้องกล่าวเสียงหลงออกมา เมื่อได้เห็นทวนวงเดือนสั้นที่อยู่ในมือของจอมเทพท่าซิง

“สหายเสินกงมีสายตาที่ยอดเยี่ยม” จอมเทพท่าซิงไม่ได้มองดูบาดแผลที่สยดสยองบนหน้าอกของตน กระทั่งปล่อยให้เลือดสดๆ ไหลนองจนเสื้อเกราะแดงฉาน บาดแผลที่เกิดจากการทำร้ายโดยตำราและอาวุธสวรรค์ เป็นบาดแผลที่หายได้ยากมาก จึงไม่จำเป็นต้องรีบตอนนี้ อีกอย่างเขาผ่านศึกเหนือเสือใต้มาอย่างโชกโชน บาดแผลเช่นนี้กล่าวสำหรับเขาแล้วถือเป็นเรื่องปรกติเสียแล้ว

“ไม่นึกเลยว่าสหายถึงกับได้ครอบครองอาวุธราชันปราบสวรรค์อยู่ในมือ นับว่าเหนือความคาดคิดจริงๆ” ท่าทีของจอมเทพเสินกงดูหนักแน่นจริงจังขึ้นมาเช่นกัน เมื่อได้เห็นทวนวงเดือนสั้นที่อยู่ในมือของจอมเทพท่าซิง เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “โดยทั่วไปแล้ว จอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดนจะไม่สืบทอดอาวุธราชันปราบสวรรค์เอาไว้ มาวันนี้สหายกลับได้ครอบครองเล่มหนึ่ง นับว่าเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง

คำพูดของจอมเทพเสินกงทำให้หลายคนต้องมองหน้ากันและกัน ผู้ที่ไม่รู้จักอาวุธราชันปราบสวรรค์ต้องเอ่ยถามขึ้นเบาๆ ว่า “อาวุธราชันปราบสวรรค์คืออะไร?”

แม้กระทั่งศิษย์ของสายสำนักราชันเซียนก็ไม่เข้าใจเกี่ยวกับอาวุธราชันปราบสวรรค์ พวกเขาไม่เคยได้เห็นตำราและอาวุธสวรรค์มาก่อน

“สิ่งนี้เป็นสิ่งที่จอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดนเตรียมเอาไว้สำหรับการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้าย เล่าลือกันว่า อาวุธราชันปราบสวรรค์เป็นอาวุธที่จอมราชันเซียนหวัง ชันเซียนเก้าแดนสร้างขึ้นให้เหมาะสมกับตนเองเพื่อภารกิจเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้าย มีอานุภาพที่ยอดเยี่ยม เหนือกว่าบรรดาศาตราวุธเต๋าระดับจอมราชัน” ระดับบรรพบุรุษของสายสำนักราชันเซียนกล่าวขึ้นมาช้าๆ ด้วยท่าทีที่หนักแน่นจริงจัง

“หมิงเหรินเก๋อ” หลี่ชิเย่เองถึงกับรู้สึกหดหู่ และทอดถอนใจออกมาเบาๆ เมื่อมองเห็นทวนวงเดือนสั้นที่อยู่ในมือของจอมเทพท่าซิง

การเผชิญกับศึกการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้าย ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดนก็ต้องรอบคอบแล้วรอบคอบอีก เดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายหาใช่เป็นสิ่งที่นึกขึ้นมาเดี๋ยวนั้นของจอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดน พวกเขาต่างระมัดระวังรอบคอบ และมีการเตรียมตัวล่วงหน้ามากมาย กระทั่งมีการสร้างอาวุธให้เหมาะสมกับตนขึ้นมา อาวุธลักษณะเช่นนี้ถูกเรียกว่าอาวุธราชันปราบสวรรค์!

“เป็นความรักและเมตตาของราชันเซียนหมิงเหริน” จอมเทพท่าซิงไม่ได้มีท่าทีที่ลำพอง ท่าทีให้ความเคารพอย่างสูง กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ราชันเซียนหมิงเหรินมีความคิดที่จะเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายมาเป็นเวลานาน ดังนั้น เคยทดลองสร้างอาวุธราชันปราบสวรรค์มาชิ้นหนึ่ง เสียดายไม่เหมาะมือ ไม่สามารถเข้ากันได้กับชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงบนตัวของเขา ในศึกล่าราชันครั้งนั้น ราชันเซียนหมิงเหรินได้ประทานอาวุธนี้ให้กับข้าเพื่อไว้ป้องกันตัว”

ผู้คนจำนวนมากรู้สึกหวั่นไหวในใจ เมื่อได้ยินคำพูดของจอมเทพท่าซิง ทุกคนนึกไม่ถึงว่าอาวุธเล่มนี้ยังมีประวัติเช่นนี้

ทั่วทั้งสิบสามทวีปล้วนแล้วแต่เคยได้ยินชื่อของราชันเซียนหมิงเหริน แม้ว่าเขาจะเป็นราชันเซียนเก้าแดนที่ทำตัวไม่เด่นดัง แต่ว่า ในศึกล่าราชันนั้น เรียกได้ว่าราชันเซียนหมิงเหรินนั้นปราศจากผู้ต่อกร ตัวเขาที่มีความสามารถชนิดปราดเปรื่องน่าทึ่งแล้วยังได้ครอบครองชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงอีก ทำให้เขาสามารถต้านกับจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายและอยู่ในระดับสูงสุดของเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์ทั้งสามเผ่าได้!

ในสิบสามทวีปนี้ เคยมีผู้นำเอาราชันเซียนหมิงเหรินเทียบชั้นกันราชันเซียนเจียวเหิง ราชันเซียนหญิงหงเทียน ราชันเซียนเฟย ราชันซื่อตี้…ที่เป็นระดับสูงสุดของจอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดน เขาคือหนึ่งในกลุ่มของจอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดนที่อยู่ในระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสิบสามทวีปอย่างแน่นอน

การเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายในครั้งที่ห้า ผู้ริเริ่มก็คือราชันเซียนหมิงเหรินนั่นเอง ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้ในศึกล่าราชันราชันเซียนหมิงเหรินได้สร้างชื่อเสียงที่โด่งดังมาก อาศัยศึกทั้งสองนี้ก็เพียงพอที่จะให้ชื่อเสียงของราชันเซียนหมิงเหรินคงอยู่ชั่วนิรันดร์แล้ว!

“ชั่วชีวิตของราชันเซียนหมิงเหรินองอาจกล้าหาญ” เวลานี้จอมเทพเสินกงเรียกคืนต้วนเจียง กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า วันนี้สามารถรับการชี้แนะจากอาวุธราชันปราบสวรรค์ของราชันเซียนหมิงเหรินถือเป็นเกียรติอย่างหนึ่ง สหาย ถึงเวลาที่พวกเราควรตัดสินชี้ขาดกันได้แล้ว” กล่าวพลาง ต้วนเจียงที่อยู่ในมือของเขาชี้ไปที่จอมเทพท่าซิง

เสียง “แว้งค์” ดังขึ้น ชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ต้วนเจียงที่อยู่ในมือของจอมเทพเสินกงได้เปล่งประกายออกมาคล้ายแผ่นซีดี โดยที่ประกายดังกล่าวไม่ได้มีประกายเซียนที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และไม่ได้ส่องประกายไปทั่วหล้า

แม้ว่าประกายลักษณะเช่นนี้ไม่ได้มีท่าทีที่สะเทือนฟ้าอะไรมากมายนัก แต่ ขณะที่ประกายเหล่านี้แผ่กระจายออกมานั้น เสมือนหนึ่งรั่วไหลออกมาจากร่องของโลกนี้ออกมา เหมือนว่าประกายเหล่านี้คือประกายที่ยังคงหลงเหลืออยู่ของโลกในยุคดึกดำบรรพ์ที่เพิ่งจะแยกฟ้าดินออกเป็นสองส่วน

แม้ว่าประกายลักษณะเช่นนี้จะไม่แสบตา แต่มันกลับยิงตรงเข้าไปถึงวิญญาณของผู้คน ยามที่ได้มองเห็นประกายเหล่านี้แล้ว อย่าว่าแต่เป็นผู้บำเพ็ญตนทั่วไปเลย แม้แต่ผู้ซึ่งได้รับการเคารพสูงสุดของระดับสวรรค์สัจธรรมก็ยังรู้สึกเหมือนว่าวิญญาณของตนถูกแยกออกจากกายเนื้อของตนอย่างนั้น

ในพริบตาเดียวนี้เอง ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกเหมือนยื่นคอของตนให้ถูกเชือด โดยไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขัดขืนแม้แต่น้อย ต่อให้เป็นจอมเทพระดับล่างที่ได้เห็นยังต้องสะท้านภายในใจ แม้ว่าชะตาแท้ของพวกเขาอยู่ในฐานะที่แข็งแกร่งจนไม่อาจทำลายได้แล้ว แต่ยังคงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

“ดี พวกเรามาสู้กันอีก!” เวลานี้จอมเทพท่าซิงกล่าวเสียงทุ้มต่ำออกมา ในเวลานี้เองเสียงของเขาที่ดั่งระฆัง “ตูม” ในชั่วพริบตาเดียวกันนี้เอง พลังลมปราณของเขาพวยพุ่งออกมาอย่างรุนแรงกระแทกใส่อวกาศอย่างแรง เสมือนหนึ่งเป็นกระแสน้ำทำลายโลกที่ไหลบ่า กวาดไปทั่วทุกที่ ทำลายทุกแดนจนแหลกลาญ

จากเสียงดัง “แว้งค์” ในขณะนี้ลมปราณของจอมเทพท่าซิงได้จับเป็นก้อน และกลับกลายเป็นกระถางสามขาดึกดำบรรพ์ขึ้นมาใบหนึ่ง ได้ยินเสียงดัง “ตึง” กระถางสามขาดังกังวานหมื่นชาติ ชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง กระถางศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดจากการจับตัวของลมปราณได้กลับเข้าไปภายในร่างของจอมเทพท่าซิงอีกครั้ง

ยามเมื่อกระถางศักดิ์สิทธิ์ใบนี้ถูกจอมเทพท่าซิงรับเข้าไปภายในร่างกายแล้ว ได้ยินเสียงดัง แว้งค์ แว้งค์ แว้งค์ ดังขึ้นมา ปรากฏอักขระยันต์แต่ละตัวขึ้นบนทุกส่วนของร่างกาย เหมือนว่าทุกส่วนของร่างกายเขาล้วนแล้วแต่ผ่านการหลอมกลั่นด้วยอักขระยันต์สูงสุดมาอย่างนั้น

ชั่วพริบตาเดียวนี้เอง ทั่วทั้งร่างของจอมเทพท่าซิงได้เปล่งประกายทองเหลืองจางๆ ขึ้นมา ประกายลักษณะนี้ไม่ทำให้รู้สึกแสบตา แต่กลับรู้สึกโบราณเรียบง่ายและมีพลัง เหมือนว่าร่างกายของจอมเทพท่าซิงหลอมสร้างขึ้นมาจากกระถางโบราณอย่างนั้น

“สายเลือดเก้ากระถาง สมคำเล่าลือจริงๆ!” สายตาของจอมเทพเสินกงกระตุกทีหนึ่งมองดูการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของจอมเทพท่าซิง ต่อให้ต่างก็เป็นจอมเทพทั้งคู่ แต่ก็รู้สึกน่าทึ่งกับสายเลือดนี้อยู่หลายส่วน

“สายเลือดเก้ากระถาง หนึ่งในสองสายเลือดยิ่งใหญ่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์เรานะเนี่ย” ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกปราดเปรื่องน่าทึ่ง และรู้สึกอิจฉายิ่งนักเมื่อได้เห็นสายเลือดเช่นนี้

ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ หรือจะเป็นร้อยชาติพันธุ์ และหรือเป็นยอดฝีมือของเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่า ต่างรู้สึกอิจฉายิ่งกับสายเลือดเช่นนี้ ในโลกนี้มีอยู่แปดเลือดโบราณ พบเห็นได้ยาก และมีความล้ำค่ายิ่งนัก! เวลานี้ ได้เห็นสายเลือดเก้ากระถางของจอมเทพท่าซิงกับตาตนเองนับว่าเป็นที่ประทับใจยิ่ง เป็นที่ใฝ่ฝันหา และน่าอิจฉายิ่งนัก

“สายเลือดเก้ากระถาง” พวกเผิงเย่แห่งบ้านตระกูลเผิงถึงกับสะท้านในใจทีหนึ่ง เมื่อได้เห็นภาพของจอมเทพท่าซิง อาจกล่าวได้ว่า สายเลือดเก้ากระถางเป็นความภาคภูมิใจของตระกูลเผิงพวกเขาตลอดมา เนื่องจากไม่รู้ว่ามีสายสำนักราชันเซียนจำนวนเท่าไรที่ต้องการครอบครองสายเลือดเช่นนี้แล้วไม่ได้

กระทั่งสายสำนักราชันเซียนที่ต้องการได้สายเลือดเก้ากระถาง ถึงกับเคยคิดจะเกี่ยวดองสมรสกับตระกูลเผิงเลยทีเดียว

ในฐานะลูกหลานของตระกูลเผิง ยังคงได้เห็นสายเลือดเก้ากระถางขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ นับว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เลือดในกายพวกเขาต้องเดือดพล่าน หนึ่งเดียวที่ทำให้ตระกูลเผิงต้องเสียใจก็คือ ตระกูลเผิงพวกเขานอกจากจอมเทพท่าซิงแล้ว ไม่มีใครได้สืบทอดสายเลือดเก้ากระถางอีกเลย

“ควรจบสิ้นกันได้แล้ว! ” ในขณะนี้จอมเทพท่าซิงคำรามเสียงยาว เสียงดั่งระฆังดังก้อง ก้าวเท้าออกไปก้าวหนึ่งโดยพลัน ชั่วพริบตาเดียวนี้เอง ตัวของเขาเสมือนดั่งเป็นที่สุดของกระถางสามขา สามารถค้ำฟ้าดิน สยบทุกสิ่งท่ามกลางเก้าทวีป ยืนหยัดหมื่นชาติ!

“ตูม” เสียงดังสนั่น จอมเทพท่าซิงหนึ่งก้าวหนึ่งแผ่นฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว เข้าใกล้ตัวจอมเทพเสินกงโดยพลัน หมิงเหรินเก๋อที่อยู่ในมือได้ทิ่มแทงออกไปทันที หมิงเหรินเก๋อที่มีขนาดเล็กและสั้นพลันแทงทะลุท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวนับล้านล้าน หมายแทงทะลุอกของจอมเทพเสินกงในคราเดียว

“ไร้ขอบเขตไร้สะบั้น” สีหน้าของจอมเทพเสินกงดูบึ้งตึงขณะที่ทวนวงเดือนสั้นเสือกเข้ามา คำรามเสียงยาว หนึ่งดาบที่ฟันสวนขึ้นไป หนึ่งดาบสะบั้นหมื่นชาติ

“ตึง” เห็นดาบโค้งของจอมเทพเสินกงลากเป็นเงาดาบที่ยาวมาก เงาดังกล่าวดูจางมาก แต่ทว่าด้วยเงาจางๆ เช่นนี้กลับลากผ่านแล้วฟันหมื่นชาติ และหกภพภูมิจนขาดสะบั้น ภายใต้เงาดาบ ทุกสิ่งบนโลกหล้าขาดไปตามเสียง ไม่เว้นแม้แต่วันเวลาก็ถูกฟันจนขาดไปด้วย

ได้ยินเสียงของดาบดัง “ตึง” ก้องไปทั่วแผ่นฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวนับล้านล้านผืน เงาดาบที่ลากยาวผ่านหมิงเหรินเก๋อของจอมเทพท่าซิง โดยเงาดาบเหมือนก้าวข้ามหมิงเหรินเก๋อของจอมเทพท่าซิงไปได้ ขณะเดียวกันก็ขวางการโจมตีที่ปราศจากผู้ต่อกรของหมิงเหรินเก๋อเอาไว้ ทำให้หมิงเหรินเก๋อไม่สามารถเลยไปข้างหน้าได้อีกแม้เพียงครึ่งก้าว

“ปุ” เงาดาบที่ยาวมากล่วงล้ำหมิงเหรินเก๋อไปพลันย้อนฟันเข้าไปบนตัวของจอมเทพท่าซิง หมายฟันร่างของจอมเทพท่าซิงให้ขาดเป็นสองท่อนในดาบเดียว

เงาดาบของดาบนี้ไม่เพียงแต่รวดเร็วทั้งยังมีอานุภาพยากจะหาใดเทียม ภายใต้เงาดาบได้สะบั้นมิติกาลเวลา พันธนาการจักรวาลเอาไว้ ไม่ว่าใครก็หลบเลี่ยงไปไม่พ้น

ภายใต้ดาบลักษณะเช่นนี้ จอมเทพท่าซิงทำได้เพียงอาศัยร่างของตนต้านกับดาบ

มองดูดาบนี้ฟันใส่ร่างของจอมเทพท่าซิงเช่นนี้ ทำให้ผู้ที่สามารถมองเห็นภาพนี้ได้อย่างชัดเจนถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจ

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *