Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1767 ทำลายทิ้ง

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1767 ทำลายทิ้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1767 ทำลายทิ้ง
เวลานี้ เถ้าแก่ร้านเฒ่าใช้สองมือประเคนถ้วยหยกใบนั้นให้กับหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “นี่เป็นสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากทางร้านน้อยๆ ของข้า ขอให้ท่านได้โปรดรับเอาไว้ด้วยเถอะ”

พวกสือโส่วต่างมองดูตาค้างกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ถึงกับพูดอะไรไม่ออกในเวลานี้

ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเถ้าแก่ร้านเฒ่าผู้นี้ให้ความเคารพต่อหลี่ชิเย่แค่ไหน เวลานี้ เถ้าแก่ร้านเฒ่าถึงกับนำถ้วยหยกใบนั้นที่มีราคาไม่น้อยมอบให้กับหลี่ชิเย่เสียอย่างนี้แหละ นับว่าเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ

ควรจะทราบว่า ถ้วยหยกใบนี้อย่าว่าแต่พวกเขาเลย ต่อให้สำนักต้นไม้เหล็กขายสำนักทุ่มเงินทั้งหมดที่มีก็ซื้อมันไม่ได้ เวลานี้เถ้าแก่ร้านเฒ่ากลับมอบให้เปล่าโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น ลักษณะของเจ้าบุญทุ่มเช่นนี้หาใช่สิ่งที่สำนักขนาดเล็กอย่างพวกเขาสามารถจินตนาการได้

หลี่ชิเย่รับเอาถ้วยหยกใบนี้มามองดูแวบหนึ่ง จากนั้นปล่อยหลุดมือ “แพล้งก์” ถ้วยหยกใบนี้กระทบกับพื้นจนแหลกละเอียดเกลื่อนพื้นไปหมด

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกะทันหันทำทุกคนงงงันยืนเซ่ออยู่ตรงนั้น ยิ่งพวกของเสิ่นเสี่ยวซันถึงกับตะลึงอยู่ตรงนั้น ไม่สามารถเรียกสติกลับมาได้โดยสิ้นเชิง

กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ถ้วยหยกใบนี้ราคาสูงลิบลิ่ว ถ้าหากพวกเขาสามารถได้ครอบครองถ้วยหยกใบนี้ล่ะก็ พวกเขาต้องนำขึ้นหิ้งบูชาแน่นอน กระทั่งอาจกลายเป็นสมบัติประจำตระกูลของพวกเขาก็เป็นได้

เวลานี้ หลังจากหลี่ชิเย่ได้รับมาแล้ว เพียงโยนทิ้งไปตามอารมณ์เท่านั้น พลันทำให้มันต้องแตกละเอียดไป คำว่าใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยคงไม่เกินเลยไปกว่านี้อีกแล้ว

หลี่ชิเย่มองดูหยกที่แตกกระจายบนพื้น ส่ายหน้า และกล่าวต่อเถ้าแก่ร้านเฒ่าว่า “ถ้วยหยกใบนี้ไม่เลวนัก เสียดายไม่ใช่ผลงานที่กูโส่วตั้งอกตั้งใจทำขึ้นมา”

ความจริงแล้ว ขณะที่หลี่ชิเย่มองเห็นถ้วยหยกใบนี้เขาได้นึกถึงคนๆ หนึ่ง คนผู้นี้เวลาหลอมสร้างของวิเศษชื่นชอบที่จะทำอะไรที่เหนือความคาดคิด ถ้าหากของวิเศษชิ้นไหนเขาทำขึ้นมาด้วยความตั้งอกตั้งใจล่ะก็ รับรองได้ว่าจะต้องมีอะไรที่สร้างความตื่นเต้นแปลกใจแน่นอน แต่หากว่าเขาแค่ทำไปตามอารมณ์ ของวิเศษชิ้นนั้นก็จะออกมาในลักษณะมาตรฐานปรกติเท่านั้นเอง

ด้วยเหตุนี้เอง หลี่ชิเย่จึงไม่ตื่นเต้นอะไรกับการทำลายถ้วยหยกใบนี้ทิ้งไป และนี่คือสาเหตุที่ทำให้หลี่ชิเย่รู้สึกไม่มีอารมณ์

“ท่านมีความรู้สูงส่งยิ่งนัก ถึงกับดูออกว่าเป็นผลงานยอดเยี่ยมของกูโส่ว” เถ้าแก่ร้านเฒ่ารู้สึกตกใจ กล่าวพร้อมกับโค้งศีรษะคำนับ

ในเวลานี้ สีหน้าของรัชทายาทเทียนหวงดูไม่จืดถึงขีดสุด เขาถึงกับกัดฟันกรอด ท่ามกลาง

ธารกำนัลทำให้เขาหาทางลงไม่ได้

เดิมทีเขาต้องการทุ่มเงินเพื่อซื้อถ้วยหยกใบนี้ไปมอบให้กับพี่สาวของเขา เมื่อซื้อไม่ได้ก็แล้วกันไป แต่ เวลานี้หลี่ชิเย่กลับทำลายถ้วยหยกใบนี้จนแหลกละเอียดไปต่อหน้าต่อตาเขา เท่ากับเป็นการนำเอาถ้วยหยกใบนี้ทุบเข้าที่ใบหน้าของเขาอย่างแรง ความอัปยศเช่นนี้จะให้เขากล้ำกลืนไปได้อย่างไรกัน

แน่นนอน หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะสนใจเขา กระทั่งขี้คร้านแม้แต่จะมองหน้าเขาสักครั้งด้วยซ้ำ

“ขอเชิญท่านไปคุยกันที่ห้องโถงด้านในจะดีไหม?” เถ้าแก่ร้านเฒ่ากล่าวเชื้อเชิญหลี่ชิเย่ พร้อมมอบให้พนักงานในร้านคอยต้อนรับพวกของรัชทายาทเทียนหวง

แน่นอน กล่าวสำหรับเถ้าแก่ร้านเฒ่าแล้ว ต่อให้ต้องล่วงเกินรัชทายาทเทียนหวงก็ไม่ใช่ปัญหา หรือต่อให้เป็นกษัตริย์เทียนหวง ผู้เป็นบิดาของรัชทายาทเทียนหวงเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็เป็นเพียงผู้เยาว์เท่านั้นเอง

“เอาเถอะ” หลี่ชิเย่หยักหน้า และกล่าวว่า “ไปนั่งสักหน่อยก็แล้วกัน”

เถ้าแก่ร้านเฒ่ารีบนำทางให้กับหลี่ชิเย่ และให้การต้อนรับด้วยตนเอง แม้แต่ระดับเจ้าสำนัก หรือกษัตริย์ของแคว้นก็ไม่มีคุณสมบัติพอให้เขาต้องมาต้อนรับ เวลานี้เขากลับมาให้การต้อนรับหลี่ชิเย่ด้วยตนเอง

ภายในห้องโถงด้านใน เถ้าแก่ร้านเฒ่าจัดการต้มชาอย่างดีให้กับหลี่ชิเย่ด้วยตนเอง เรียกได้ว่าให้ความอบอุ่นยิ่งนัก

ท่าทีของหลี่ชิเย่อย่างไรก็ได้ นั่งจิบน้ำชาเลิศรสอย่างสบายอารมณ์ ท่าทีของเขาเหมือนถือว่าที่นี่เป็นบ้านของเขาเองอย่างนั้น สุดแต่ใจปรารถนา

สำหรับพวกของเสิ่นเสี่ยวซันสามคนเรียกว่ายังไม่ได้สติกลับมาโดยสมบูรณ์ พวกเขาดูจะงงงันอยู่ เรื่องนี้เกิดขึ้นรวดเร็วและกะทันหันเหลือเกิน ในเวลานี้พวกเขายังรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ไม่หมด

“ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอะไร?” เถ้าแก่ร้านเฒ่าให้การต้อนรับหลี่ชิเย่อย่างอบอุ่น และไม่ขาดตกบกพร่องในด้านการให้ความเคารพ

แม้ว่าทักษะของหลี่ชิเย่จะอ่อนด้อยจนถือได้ว่าเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น แต่จังหวะที่หลี่ชิเย่ลงมือในชั่วพริบตาเดียวนั้น เขาก็รู้แล้วว่าหลี่ชิเย่ไม่ธรรมดา ที่สำคัญมากไปกว่านั้น เขามีเรื่องต้องอาศัยหลี่ชิเย่

“หลี่ชิเย่ บอกไปเจ้าก็ไม่รู้จัก” หลี่ชิเย่จิบน้ำชาไปคำหนึ่ง ยิ้มกล่าวเฉยเมยขึ้นมา

เถ้าแก่ร้านเฒ่าย่อมไม่เคยได้ยินชื่อของหลี่ชิเย่อยู่แล้ว แต่ว่า เขาเป็นผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย จึงยิ้มกล่าวว่า “ท่านคือมังกรแท้จริงที่เหินอยู่บนท้องฟ้า อยู่ท่ามกลางเมฆหมอก มังกรที่เห็นหัวไม่เห็นหาง พวกเราที่เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาไม่ทราบชื่อของท่าน เป็นเพราะพวกเราความรู้ตื้นเขินเท่านั้นเอง”

ในเวลานี้ สือโส่วและเฮ่อเฉินถึงกับมองหน้ากันและกัน พวกเขาไม่อาจหาคำๆ ใดมาเปรียบเปรยกับสภาพจิตใจของตนในขณะนี้ ต่อให้พวกเขาดูไม่ออกว่าทักษะของเถ้าแก่ร้านเฒ่าตื้นลึกแค่ไหน แต่ทว่า หากวันหนึ่งเฉกเช่นผู้ดำรงอยู่ในฐานะอย่างเถ้าแก่ร้านเฒ่าสามารถเดินทางไปที่สำนักต้นไม้เหล็กของพวกเขาล่ะก็ นับเป็นเรื่องที่หาไม่ได้อีกแล้ว กระทั่งกล่าวได้ว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ผู้คนในสำนักต้นไม้เหล็กทั้งหมดต้องมาคุกเข่าให้การต้อนรับ

เวลานี้ ผู้ยิ่งใหญ่ลักษณะเช่นนี้กลับจะต้องถ่อมตนอย่างยิ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่ เรียกตัวเองว่าเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ช่างเป็นภาพที่สร้างความสะเทือนหวั่นไหวเพียงใดกันเล่า

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มไปตามอารมณ์สำหรับคำพูดของเถ้าแก่ร้านเฒ่า เขานั่งอย่างสบายอยู่ตรงนั้น จิบน้ำชากันไป ขณะที่เถ้าแก่ร้านเฒ่าคอยปรนนิบัติด้วยความเคารพอยู่ด้านข้าง

“ข้ากลับจะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง พิณหลังนี้ของตระกูลราชันฉีหลินหลุดออกมาได้อย่างไร” หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้จิบน้ำชาไปครู่หนึ่งได้กล่าวท่าทีเฉยเมยออกมา

ภายในใจของพวกเสิ่นเสี่ยวซันถึงกับสะเทือนหวั่นไหว พวกเขานึกไม่ถึงว่าพิณเรียกหงส์ถึงกับหลุดออกมาจากตระกูลราชันฉีหลิน

“ไม่ขอปิดบังท่าน บรรพบุรุษของพวกเรามาจากสายราชัน มีผลงานแก่วงศ์ตระกูล จึงได้รับพระราชทานพิณนี้มา” เถ้าแก่ร้านเฒ่ารีบเร่งกล่าวตอบ

“พวกเจ้ากลับไม่มีจังหวะดนตรีหงส์” หลี่ชิเย่หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว

เถ้าแก่ร้านเฒ่าหัวเราะเจื่อนๆ ท่าทีกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้าง ได้แต่กล่าวว่า “ลูกหลานอกตัญญู

“แต่ว่า พวกเจ้าไม่เชื่อว่าโลกนี้มีผู้ที่รู้จักจังหวะดนตรีหงส์ เนื่องจากพิณหลังนี้ตระกูลฉีก็ได้มาจากภายนอกอีกที ดังนั้น พวกเจ้าจึงนำเอาพิณหลังนี้ออกแสดงเพื่อใช้มันเป็นเพียงเหยื่อล่อเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว

“ไม่ขอปิดบังท่าน เมื่อไม่มีจังหวะดนตรีหงส์ พิณหลังนี้ก็ไม่สามารถใช้การอะไรได้ ดังนั้น พวกเราเองก็คาดหวังอย่างจริงใจว่าพิณหลังนี้สามารถรอผู้มีวาสนา” เถ้าแก่ร้านเฒ่ารีบกล่าวขึ้นมา

“เพราะว่าข้ารู้จักจังหวะดนตรีหงส์” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมย เขาจะไม่รู้จักจังหวะดนตรีหงส์ได้อย่างไรกันหละ? เพราะว่าพิณเรียกหงส์เคยอยู่ในมือของเขามาก่อน ต่อมาภายหลังจึงได้สืบทอดไปยังตระกูลราชันฉีหลิน!

พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ทำให้พวกเสิ่นเสี่ยวซันถึงกับตะลึง พวกเขานึกไม่ถึงว่าหลี่ชิเย่จะรู้ถึงจังหวะดนตรีหงส์ของตระกูลราชันฉีหลิน มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริงๆ

“ท่านก็คือผู้มีวาสนาคนนั้น” เถ้าแก่ร้านเฒ่ารีบกล่าวว่า “แน่นอน ถ้าหากท่านต้องการได้พิณหลังนี้จริงๆ ร้านน้อยๆ ของพวกเราก็ยินดีขายพิณหลังนี้ให้กับท่าน”

“ไม่ ข้าไม่ต้องการพิณหลังนี้ ในเมื่อเป็นสมบัติประจำตระกูลพวกเจ้า ข้าก็จะไม่ช่วงชิงของรักของหวงของผู้อื่น” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นมาเฉยเมย

“ท่านยินดีถ่ายทอดจังหวะดนตรีหงส์รึ?” เถ้าแก่ร้านเฒ่าพลันรู้สึกยินดี รีบเร่งกล่าวว่า “หากเป็นเช่นนี้จริง ท่านก็คือผู้มีพระคุณของพวกเรา ท่านต้องการสิ่งใดขอให้บอกมาได้เลย”

“ข้าเพียงต้องการกล่องไม้ใบนั้น” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉย

“กล่องไม้ใบนั้น?” เมื่อเถ้าแก่ร้านเฒ่าได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่แล้วถึงกับตะลึงนิดหนึ่ง เขาย่อมรู้ว่ากล่องไม้ที่หลี่ชิเย่พูดถึงนั้นก็คือกล่องใบที่วางอยู่ด้วยกันกับพิณเรียกหงส์นั่น

“กล่องไม้ใบนั้นหาใช่เป็นของๆ ทางร้าน เป็นของสหายผู้หนึ่งฝากขาย” เมื่อเถ้าแก่ร้านเฒ่าได้สติคืนกลับมา จึงรีบเร่งเอ่ยขึ้น

หลี่ชิเย่พยักหน้าและกล่าวว่า “เรื่องนี้ข้ารู้ ข้าใช้จังหวะดนตรีหงส์แลกกับเคล็ดวิชาป้องกันระดับเซียนหวัง เจ้าคิดว่าพวกเจ้าขาดทุนหรือไม่?”

“เรื่องนี้” เถ้าแก่ร้านเฒ่าตะลึงนิดหนึ่ง จากนั้นกล่าวว่า “ย่อมไม่ใช่ดังนั้น เพียงแต่เคล็ดวิชาป้องกันระดับเซียนหวังนั้น พวกเราตัดสินใจได้ยากนิดหนึ่ง จำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากตระกูลราชัน”

“นั่นมันเรื่องของพวกเจ้า บอกกันตามตรงเลยนะ งานนี้พวกเจ้าได้เปรียบ” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า “เมื่อได้พิณเรียกหงส์ได้จังหวะดนตรีหงส์ไว้ในครอบครอง ข้าคงไม่ต้องอธิบายถึงอานุภาพของมันมากนัก ที่พวกเจ้ารอคอยนั้น ไม่เพียงได้จังหวะดนตรีหงส์เท่านั้น ยังมีพิณเรียกหงส์อีกด้วย หาไม่แล้ว พิณเรียกหงส์ที่อยู่ในมือทำได้แค่เป็นฟืนเท่านั้นเอง”

“ก็ถูก” เถ้าแก่ร้านเฒ่าไม่จำเป็นต้องปิดบัง อย่างไรเสียเมื่อเจอคนที่รู้จริงก็ยากที่จะปิดบัง

เถ้าแก่ร้านเฒ่าถึงกับลังเลนิดหนึ่ง สุดท้ายกัดฟัน และกล่าวว่า “งั้นก็ให้ข้าตัดสินใจแทน ตกลงตามเงื่อนไขของท่านก็แล้วกัน”

“เจ้าตรงไปตรงมา ข้าก็ตรงไปตรงมา เอาพู่กันและหมึกมา” หลี่ชิเย่ยิ้มและกล่าวตามอารมณ์ขึ้นมา

แน่นอน การที่หลี่ชิเย่กล้าเขียนจังหวะดนตรีหงส์ให้ก่อนโดยไม่กลัวว่าทางเถ้าแก่ร้านเฒ่าจะบิดพลิ้ว ความจริงแล้ว การที่หลี่ชิเย่มีความมั่นใจถึงเพียงนี้ เถ้าแก่ร้านเฒ่าก็ไม่กล้าหลอกลวงหลี่ชิเย่ เนื่องจากเขาดูหลี่ชิเย่ไม่ขาด เฉกเช่นหลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น แต่หาญกล้านั่งอย่างไม่เกรงใจต่อหน้าของเขา กระทั่งมองเขาเหมือนไม่มีตัวตน ภายใต้สภาพการณ์เช่นนี้ ไม่ก็คือเป็นคนเสียสติ หรือไม่ก็คือผู้มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม

แต่ หลี่ชิเย่ที่อยูตรงหน้าไม่ใช่คนเสียสติอย่างเด็ดขาด มนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งสามารถมีความมั่นใจขนาดมองพวกเขาไม่มีตัวตน มันช่างเป็นธาตุแท้ภายในที่น่ากลัวเพียงใด ดังนั้น เถ้าแก่ร้านเฒ่ามองหลี่ชิเย่ไม่ขาดอย่างสิ้นเชิง จึงไม่กล้ามีความคิดที่จะหลอกหลี่ชิเย่อยู่แล้ว

เมื่อเถ้าแก่ร้านเฒ่าหยิบเอาพู่กันและหมึกมาแล้ว หลี่ชิเย่เขียนตัวอักษรพลิ้วไหวสวยงามและทรงพลังยิ่งนัก จัดการเขียนจังหวะดนตรีหงส์ออกมา หลังจากที่หลี่ชิเย่เขียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เถ้าแก่ร้านเฒ่ารับด้วยมือทั้งสองด้วยท่าทีที่เคารพยิ่ง อ่านดูอย่างละเอียด และกลั่นกรองอย่างรอบคอบ

แม้ว่าจังหวะดนตรีหงส์ของตระกูลของเถ้าแก่ร้านเฒ่าจะสาบสูญไปแล้ว แต่ว่า ระดับผู้ยิ่งใหญ่เช่นเขา เรื่องเช่นนี้ก็ไม่สามารถหลอกสายตาของเขาได้

หลังจากทบทวนกลั่นกรองอย่างรอบคอบมาครั้งหนึ่งแล้ว เถ้าแก่ร้านเฒ่ามั่นใจว่าไม่ผิดแน่ แสดงคารวะต่อหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “ขอบคุณท่านที่มอบให้ด้วยลายมือ”

แม้จะกล่าวว่านี่คือการซื้อขายระหว่างพวกเขาเท่านั้น แต่ว่า หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น เกรงว่าจะไม่ยอมมอบจังหวะดนตรีหงส์ออกมา เนื่องจากพิณเรียกหงส์ได้จังหวะดนตรีหงส์มาด้วยแล้วย่อมไม่ธรรมดา มูลค่าของมันหาใช่บุคคลทั่วไปสามารถจินตนาการได้อยู่แล้ว

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เถ้าแก่ร้านเฒ่าได้ไปหยิบเอากล่องไม้ใบนั้นมาด้วยตนเอง เขาประคองด้วยสองมือส่งมอบให้หลี่ชิเย่ด้วยความเคารพ และกล่าวว่า “เวลานี้ กล่องไม้ใบนี้เป็นของท่านแล้ว”

หลี่ชิเย่รับเอากล่องไม้ใบนั้นมา มองดูนิดหนึ่งและยิ้มเฉยเมย จากนั้นเก็บเอาไว้เรียบร้อย

“ท่าน มีคำพูดคำหนึ่ง ไม่ทราบว่าสมควรถามหรือไม่” เถ้าแก่ร้านเฒ่าลังเลนิดหนึ่ง สุดท้ายเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง

หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “ว่ามา”

“ภายในกล่องนี้เป็นสิ่งใดรึ?” เถ้าแก่ร้านเฒ่าถึงกับเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ความจริงแล้ว ขณะที่กล่องไม้ใบนี้ถูกนำมาฝากขายที่นี่นั้นตัวเขาเองเป็นคนพิจารณาด้วยตนเอง แต่ว่าเขาก็ดูไม่ออกว่าภายในกล่องไม้คือสิ่งใดกันแน่

ถ้าหากไม่เป็นเพราะคนที่นำมาฝากขายเป็นผู้ที่เขารู้จักดีเขาก็คงไม่กล้ารับเอาไว้

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *