Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2462 หลิ่วชูฉิง

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2462 หลิ่วชูฉิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แม้จะกล่าวว่า ในเขาจิ่วเหลียนซานจะมีศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่มาพักอาศัยและบรรลุสัจธรรมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่า เขาหงฮวงซานซึ่งอยู่ไกลออกไปทางใต้ยังคงเงียบสงัดยิ่งนัก ยังคงไม่มีผู้ใดมารบกวนหลี่ชิเย่ และไม่มีผู้ใดมาพักอาศัยอยู่ที่เขาหงฮวงซาน

ประการแรกนอกเหนือจากการที่เขาหงฮวงซานตั้งอยู่ในที่ที่เปลี่ยวมากเกินไป และอยู่ห่างไกลจากบริเวณที่เป็นศูนย์กลางของเขาจิ่วเหลียนซานมากเกินไปแล้ว ประการที่สองก็คือเขาหงฮวงซานมีสภาพที่ไม่เหมาะแก่การพักอาศัยเหลือเกิน มีไม่กี่คนที่ยินดีรองรับกับการโจมตีของกลิ่นอายชั่วร้าย มันคือเรื่องที่ลำบากแสนเข็ญแล้วยังไม่ได้ดี เว้นแต่บุคคลผู้นั้นจะเป็นผู้ที่ชอบถูกกระทำให้ลำบากแต่กำเนิด

แต่ทว่า เป็นความจริงที่เขาจิ่วเหลียนซานนั้นกินพื้นที่กว้างขวางยิ่งนัก เทือกเขาเขาจิ่วเหลียนซานทั้งเทือกนั้นทอดยาวต่อเนื่องนับหมื่นลี้ ต่อให้มีศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่มาพักอาศัยและบรรลุธรรมเป็นแสน ภาพรวมของเขาจิ่วเหลียนซานก็ยังคงมีพื้นที่กว้างขวางและผู้คนบางตาเหมือนเดิม ยังคงให้ความรู้สึกที่โล่งๆ เหมือนเดิม

แน่นอนที่สุด กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว การที่ไม่มีใครมารบกวนเป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว และเขาเองก็มีความสุขอยู่กับความเงียบสงบ

แม้ว่าไม่มีใครยินดีมาพักอาศัยอยู่ที่เขาหงฮวงซาน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครมาที่เขาหงฮวงซาน มาวันนี้แต่เช้าตรู่ก็มีคนผู้หนึ่งมายืนอยู่บริเวณด้านนอกตหนักศิลาที่หลี่ชิเย่พักอาศัยอยู่

เอี๊ยดดด…เสียงประตูหินถูกเปิดออก หลี่ชิเย่ตื่นขึ้นมาแต่เช้าก็นั่งสมาธิเข้าฌาน ผ่อนกลิ่นอายชั่วร้ายเข้าออก ขณะที่ประตูหินเปิดออกนั้น มองเห็นด้านนอกประตูมีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ก่อนแล้ว คนผู้นี้ยืนรอคอยอยู่ตรงนั้นเงียบๆ เหมือนว่านางได้ยืนรออยู่ตรงนี้มานานมากแล้ว

ผู้ที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นหญิงสาวผู้หนึ่ง เกรงว่าไม่ว่าใครก็ตามหากได้มองเห็นผู้หญิงคนนี้แล้ว ล้วนแล้วแต่ต้องตาลุกวาว

คิ้วที่เรียวยาวและจาง นัยน์ตาดั่งดาวพระศุกร์ ขนตาที่งอนแลดูปราดเปรียวร่าเริงสวยสดงดงามไม่ธรรมดา ใบหน้าที่อ่อนละมุนเหมือนดั่งเป็นศิลปะที่สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นจมูกที่โด่งนิด ริมฝีปากที่อวบอิ่มมีสีแดงที่สวยสดงดงาม และหรือแก้มทั้งสองข้าง ล้วนแล้วแต่อยู่ในสัดส่วนที่สวยสมบูรณ์แบบ ด้วยใบหน้าที่งดงามเช่นนี้ ทำให้มองดูไม่รู้จักเบื่อ

รูปโฉมของหญิงสาวอาจมีความอ่อนช้อยน่ารักและลักษณะของความเป็นเด็กอยู่บ้าง แต่ภาพรวมของรูปร่างกลับแลดูงดงามมาก กระโปรงยาวที่ไม่สามารถกั้นขวางปทุมถันที่ตระหง่านอย่างทระนง และไม่อาจห่อหุ้มก้นที่กลมกลึงนั่นเอาไว้ รูปร่างที่สูงเพรียว ทำให้ภาพรวมรูปร่างของนางแผ่กลิ่นอายของความเป็นผู้ใหญ่ออกมา เสมือนหนึ่งเป็นสตรอเบอรี่ที่สุกงอมลูกหนึ่ง ทำให้ผู้คนอยากจะเด็ดมาลิ้มลองสักหน่อย

แต่ทว่า นางมีใบหน้าที่คล้ายดั่งเป็นทูตสวรรค์อยู่ในครอบครอง ความอ่อนช้อยน่ารักและลักษณะของความเป็นเด็กอยู่เจ็ดส่วน ทำให้ผู้คนรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเย็นชุ่มชื่นสายหนึ่งภายในใจที่ไหลรินผ่านไป ชำระล้างความคิดที่ฟุ้งซ่านภายในใจให้หมดไป

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายใต้เส้นผมทีปล่อยยาวให้สยายอยู่บริเวณไหล่ เสมือนดั่งเป็นม่านหมอกที่ลอยขึ้นขณะสายลมที่พัดโชยมาแผ่วเบา ทำให้นางให้รสชาติของความสดใหม่ของผู้ที่หลุดพ้นจากความเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาอยู่หลายส่วน

หญิงสาวผู้นี้คล้ายดั่งเป็นหยกชิ้นหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางหุบเหวลึกและเงียบในป่าลึก มีคุณธรรมสูงส่งบริสุทธิ์และห่างไกลจากความเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา จนผู้พบเห็นต้องรู้สึกรักใคร่ชอบพอขึ้นมา ให้ความรู้สึกความสดใหม่และเบิกบานใจ และทำให้ผู้คนรู้สึกว่าไม่อยากละสายตาไปจากนาง

หญิงสายที่ยืนอยู่หน้าประตูดูจะมีอาการตื่นเต้นอยู่บ้าง อดที่จะจับเล่นอยู่กับมุมของชายเสื้อเบาๆ ก้มหน้าก้มตา แต่ว่า นางยังคงมีความอดทนในการรอคอยที่สูงมาก

ขณะที่หลี่ชิเย่เปิดประตูออกมานั้น นางได้เงยหน้าขึ้นมองทันที เหมือนไม่ทันระวังตัวอยู่บ้างเมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ ถึงกับก้าวถอยหลังไปหลายก้าว และตื่นเต้นเล็กน้อย อ้าปากทำท่าจะพูดอะไร แต่ว่า ในขณะนี้ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี

หลี่ชิเย่ยืนกอดอกพิงอยู่กับบานประตู ใบหน้าแฝงไว้ซึ่งรอยยิ้มขณะมองดูหยิงสาวผู้นี้ กล่าวท่าทีเอ้อระเหยว่า “แม่นาง มาหาใครกันเล่า? ”

หญิงสาวพินิจพิเคราะห์หลี่ชิเย่ตั้งแต่หัวจรดเท้า และมองเข้าไปภายในบ้านแวบหนึ่งอย่างรวดเร็ว พบเว่านอกจากหลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงนี้แล้วก็ไม่มีผู้อื่นอีกเลย

“ท่าน ท่าน ท่านคือฮ่องแต้องค์ใหม่รึ? ไม่ ไม่ ไม่ ท่านคือฝ่าบาทใช่หรือไม่? ” หญิงสาวดูจะตื่นเต้นอยู่บ้าง เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วนางถึงกับต้องกำหมัดแน่น เพื่อให้กำลังใจกับตนเอง

หลี่ชิเย่ยืนกอดอกและยิ้มกล่าวว่า “ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ดูเหมือนมีเพียงข้าคนเดียวที่ถูกคนเขายกย่องว่าเป็นฮ่องแต้องค์ใหม่ แน่นอน ถ้าหากยังไม่มีฮ่องแต้ขึ้นครองราชย์ล่ะก็ เช่นนั้นแล้วข้าควรจะเป็นฮ่องแต้องค์ใหม่ที่เจ้าพูดถึง แน่นอน โดยส่วนตัวแล้วข้าชอบชื่อหลี่ชิเย่ชื่อนี้มากกว่า ไม่ใช่ฮ่องแต้องค์ใหม่”

“ถ้า ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ผิดแล้ว” เมื่อหญิงสาวรู้ว่าหลี่ชิเย่ก็คือผู้ที่ตนเองต้องการตามหาแล้ว ถึงกับหายใจด้วยความโล่งอก เหมือนปลดภาระหนักลงจากบ่าอย่างนั้น

หลี่ชิเย่พินิจพิเคราะห์หญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า แววตานั้นช่างกำเริบเสินสานยิ่งนัก โดยไม่ได้เก็บงำแม้แต่น้อยอันเนื่องจากนางเป็นแม่นางคนหนึ่ง เขาได้เพ่งมองตั้งแต่หัวจดเท่าคล้ายต้องการมองร่างของหญิงสาวตั้งแต่ภายนอกทะลุปรุโปร่งถึงภายในทั่วทั้งตัวอย่างนั้น

หญิงสาวดูตื่นเต้นอย่างยิ่งจนต้องก้าวถอยหลังไปหลายก้าว เมื่อถูกหลี่ชิเย่พินิจพิเคราะห์เช่นนี้ เมื่อนึกถึงชื่อเสียงของฮ่องแต้องค์ใหม่ที่เล่าลือกัน ทำให้ในใจของนางมีความตื่นเต้นมากขึ้น รู้สึกว่าตนเองเหมือนถูกจับจ้องโดยสุนัขจิ้งจอกที่หิวโหยอย่างนั้น รู้สึกเสียใจภายหลังอยู่เล็กน้อย แต่ว่า เมื่อนึกถึงชะตาชีวิตของตนแล้ว นางอดที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่งไม่ได้ กำหมัดแน่นเพื่อให้กำลังใจตนเอง

“เจ้าหาข้าด้วยเรื่องอันใดรึ? ” หลี่ชิเย่ละสายตากลับมา มองดูหญิงสาวด้วยท่าทางยิ้มแต้

“ข้า ข้าหลิ่วชูฉิง” หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง มองดูหลี่ชิเย่แวบหนึ่งและเอ่ยขึ้นมาแผ่วเบา ไม่กล้าสู้สายตาของหลี่ชิเย่

“ไม่รู้จัก” หลี่ชิเย่ยิ้มๆ ส่ายหน้า และกล่าวว่า “ไม่มีปัญหา คนอย่างข้าเป็นคนที่สามารถพูดคุยกันได้ โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่งดงามน่าประทับใจ ข้ายิ่งยินดีที่จะพูดคุยสับเพเหระกับนาง สร้างความผูกพัน”

พลันที่หลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ ทำให้หญิงสาวดูจะตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น ถึงกับบีบมุมชายเสื้อทีหนึ่ง ถอยหลังไปก้าวหนึ่งตามสัญชาตญาณ แต่เมื่อนึกถึงความตั้งใจแรกเริ่มของตนแล้วก็ได้ดึงเอาความกล้าหาญออกมา เดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่งและเงยหน้าขึ้น เพ่งตรงสู้กับสายตาของหลี่ชิเย่

แต่ว่า ท้ายสุดแล้วนางก็เทียบไม่ได้กับหลี่ชิเย่ หลังจากผ่านไปชั่วครู่นางก็ก้มหน้าลง รู้สึกร้อนผ่าวที่กกหู

หลี่ชิเย่ดูจะมีความอดทนอย่างยิ่ง ยืนกอดอกและอิงแอบอยู่กับบานประตู จ้องมองนางเงียบๆ ด้วยใบหน้าที่แฝงด้วยรอยยิ้ม

เพียงชั่วครู่ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง เงยหน้าขึ้น กล่าวต่อหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีจริงจังว่า “ข้า ข้าก็คือองค์หญิงของหอหลินไห่เก๋อ ข้า ข้ามาทำตามข้อตกลง” ประโยคท้ายๆ นางอดที่จะตื่นเต้นในใจไม่ได้ และน้ำเสียงก็เบาลงไม่น้อยทีเดียว

“อ้อ ข้านึกขึ้นมาได้แล้ว” หลี่ชิเย่ใช้มือตบที่หน้าผากเบาๆ เข้าใจในทันที และกล่าวว่า “เจ้าก็คือนังหนูคนนั้นน่ะสิ คุณหนูแห่งหอหลินไห่เก๋อที่มีสายเลือดสูงส่ง ข้าเคยได้ยินตาเฒ่าหอหลินไห่เก๋อพวกเจ้าเอ่ยถึงมาก่อน”

“ถูกต้อง” ขณะที่หญิงสาวหลิ่วชูฉิงเผชิญหน้ากับหลี่ชิเย่โดยลำพังนั้นยังคงมีความตื่นเต้นเล็กน้อยอยู่บ้าง รีบพยักหน้าคล้ายดั่งไก่น้อยจิกเม็ดข้าวสารอย่างนั้น ท่าทางนั้นดูน่ารักอยู่บ้าง

“เจ้ามาทำตามคำมั่นแต่งงานรึ? ” หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มออกมา

ในครั้งนั้น ฮ่องแต้ไท่ชิง ได้บังคับให้ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าให้มีการเกี่ยวดองสมรส และปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของหอหลินไห่เก๋อพวกเขาก็ได้ยกศิษย์ของหอหลินไห่เก๋อที่มีพรสวรรค์และสายเลือดที่สูงส่งที่สุดให้กับหลี่ชิเย่ที่เป็นองค์รัชทายาทผู้นี้ในครั้งนั้น

นังหนูผู้นั้นที่ว่าก็คือหลิ่วชูฉิงที่อยู่ตรงหน้า เพียงแต่หลี่ชิเย่ในครั้งนั้นก็ไม่ได้เก็บเอาเรื่องนี้มาใส่ใจเท่านั้น

“ถูก ถูกต้อง” หลิ่วชูฉิงรีบพยักหน้าและเอ่ยเสียแผ่วเบาขึ้น ครั้นนางเอ่ยมาถึงตรงนี้ได้เหลือบมองหลี่ชิเย่แวบหนึ่งอย่างรวดเร็ว ไม่ทราบด้วยเหตุผลอันใด รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นบริเวณกกหูอยู่บ้าง รีบหลับตาลง

จะอย่างไรเสีย ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าจะกลายเป็นสามีของตน และจะต้องเป็นผู้ชายที่ตนเคียงข้างไปตลอดชีวิต ดังนั้น เมื่อนางนึกถึงตรงนี้แล้วจึงดูจะตื่นเต้นและรีบเร่งก้มหน้าลง นิ้วมือม้วนอยู่กับมุมชายเสื้อโดยไม่รู้ตัว

นับเป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดคิดจริงๆ และน่าสนใจอยู่บ้างที่หอหลินไห่เก๋อยังสามารถทำตามข้อตกลงแต่งงานในครั้งนั้นได้” หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มขึ้นมา และแววตาดูจะกลายเป็นลึกล้ำยิ่งนัก

ครั้งนั้น ฮ่องแต้ไท่ชิงได้บังคับให้ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าลงนามในสัญญาแต่งงาน แม้ว่าจะมีสัญญาก็ตาม แต่สัญญาฉบับนี้ดูไม่แตกต่างอะไรกับเศษกระดาษสักเท่าไร เมื่อสิ้นชาติสิ้นแผ่นดิน สัญญาแต่งงานฉบับนี้ก็ไม่ได้มีผลที่จะบังคับใดๆ ได้อยู่แล้ว

เมื่อล่วงเลยมาถึงวันนี้ หนังสือสัญญาฉบับนี้มีหรือไม่มีก็ค่าเท่ากัน กระทั่งกล่าวได้ว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับข้อสัญญาแต่งงานในครั้งนั้นสามารถไม่ปฏิบัติตามสัญญาได้อย่างสิ้นเชิง ในทัศนะคติพวกเขามองว่า ต่อให้พวกเขาไม่ปฏิบัติตามข้อสัญญาแต่งงาน ฮ่องแต้องค์ใหม่ที่ได้กลายเป็นฮ่องแต้สิ้นชาติแล้วก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้

ในครั้งนั้น ผู้ที่เล่นตุกติกก่อนใครเพื่อนก็คือตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือแล้ว ในครั้งนั้นพวกเขามองว่า ถ้าหากตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือจะปฏิเสธเรื่องการแต่งงานครั้งนี้โดยตรง ฮ่องแต้องค์ใหม่ก็ทำอะไรไม่ได้

เพียงแต่ว่า สัญญาแต่งงานในครั้งนี้ ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือเป็นผู้จัดทำขึ้น ในฐานะที่เป็นระดับปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุด ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ พวกเขาไม่สามารถเสียสัจจะให้เป็นที่เล่าขานของชนรุ่นหลัง ด้วยเหตุนี้เอง เจ้าบ้านของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือจึงได้เล่นตุกติกด้วยการให้ปิงฉือหยิ่งเจี้ยนแต่งงานแทนปิงฉือหานยวี่

ในฐานะที่เป็นปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ หรือสี่แกร่งคนอื่นๆ พวกเขาละอายที่จะกลับคำเรื่องการแต่งงานในครั้งนี้ เฉกเช่นเทพวายุเป็นต้น ในครั้งแรกแม้ว่าในใจของเขาจะไม่ยินยอม แต่เขาก็จะไม่ปฏิเสธเรื่องการแต่งงานในภายหลัง ในฐานะที่เป็นปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุด เขาจะไปบังคับให้หลี่ชิเย่ยกเลิกแต่งงานก็ไม่ได้

แต่ทว่า ในฐานะที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง พวกนางก็จะไม่มีความกังวลต่อสิ่งนี้ จะอย่างไรเสียมันคือสิ่งที่เกี่ยวพันถึงชะตาของตนไปชั่วชีวิต อีกทั้งชื่อเสียงด้านลบของฮ่องแต้องค์ใหม่ที่เป็นที่เล่าลือกัน พวกนางจะยอมแต่งงานกับฮ่องแต้ชั่วเช่นนี้ได้อย่างไรกัน

ด้วยเหตุนี้เอง จึงได้เกิดเหตุการณ์ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาถอนหมั้นเกิดขึ้น

เวลานี้หลิ่วชูฉิงในฐานะองค์หญิงของหอหลินไห่เก๋อกลับมาหฏิบัติตามข้อตกลงแต่งงานของหอหลินไห่เก๋อพวกเขา ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดคิดอย่างยิ่ง

“ข้า ข้า ข้าหอหลินไห่เก๋อพูดแล้วต้องทำได้” หลิ่วชูฉิงดูจะตื่นเต้นอยู่บ้าง นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง เงยหน้าขึ้นจ้องมองหลี่ชิเย่ ไม่รู้ว่านางไปเอาความกล้ามาจากไหนเพ่งมองตรงสู้สายตาของหลี่ชิเย่

ความจริงแล้ว แม้ว่าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดหอหลินไห่เก๋อของพวกเขาไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาอีกเลยสำหรับสัญญาแต่งงานในครั้งนี้ แต่ระดับบรรพบุรุษของหอหลินไห่เก๋อพวกเขาส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย แม้แต่เจ้าสำนักหอหลินไห่เก๋อพวกเขาก็ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานในครั้งนี้ และจะไม่ไปปฏิบัติตามสัญญาแต่งงานครั้งนี้

ในมุมมองของผู้คนทุกระดับชั้นของหอหลินไห่เก๋อมองว่า เวลานี้ฮ่องแต้องค์ใหม่คือฮ่องแต้สิ้นชาติ กลายเป็นผู้ที่หมดที่พึ่ง ไร้ญาติขาดมิตร การที่เขาสามารถรักษาชีวิตรอดมาได้ก็คือพระคุณอย่างหนึ่งแล้ว

มาถึงขั้นนี้แล้ว ยังคิดจะแต่งงานกับองค์หญิงของหอหลินไห่เก๋อ มันคือการฝันเฟื่องของคนปัญญาอ่อนชัดๆ

แต่ว่า หลิ่วชูฉิงยังคงยืนกรานที่จะปฏิบัติตามสัญญา สิ่งนี้นอกเหนือจากนางไม่สามารถทำให้ปรมาจารย์ของตนเป็นคนไร้สัจจะแล้ว ก็ไม่สามารถทำให้หอหลินไห่เก๋อเป็นผู้ไร้สัจจะต่อผู้คนทั่วหล้า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่นางสมควรจะกระทำ

แม้ว่าปรมาจารย์ของพวกเขาเป็นผู้กำหนดงานแต่งงานในครั้งนี้ แต่ว่า นี่นับเป็นเรื่องใหญ่สำหรับหอหลินไห่เก๋อของพวกเขา นับตั้งแต่วินาทีที่มีการกำหนดขึ้นก็ได้ตัดสินชะตาชีวิตของนางไปแล้ว

สิ่งนี้เป็นข้อตกลงระหว่างหอหลินไห่เก๋อพวกเขากับทางราชสำนัก ไม่อาจถือเป็นเรื่องล้อเล่น มิฉะนั้นก็เท่ากับเป็นการเสียสัจจะต่อผู้อื่น

…………………………………………………………………………………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *