Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2491 หม่าหมิงชุน

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2491 หม่าหมิงชุน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2491 หม่าหมิงชุน
แม้ว่าทุกคนจะไม่ทราบผลแพ้ชนะการต่อสู้ระหว่างดาบอริยะกวานไห่ กับฉินเจี้ยนเหยา แต่พลังกระบี่และปณิธานดาบทได้กระเพื่อมไปมาอยู่ในเขาจิ่วเหลียนซานอยู่เป็นเวลานานมากจึงได้จางหายไป กระทั่ง กว่าผู้คนจำนวนมากจะได้สติกลับคืนมาก็ต้องหลังจากศึกที่สะเทือนเลื่อนลั่นนี้สิ้นสุดลงไปนานมากแล้ว

ในจังหวะที่ผู้คนจำนวนมากยังไม่ได้สติกลับคืนมาจากการศึกที่สะเทือนเลื่อนลั่นจากดาบอริยะกวานไห่ และฉินเจี้ยนเหยา ด้านนอกของเขาจิ่วเหลียนซานพลันปรากฏการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น

เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมา เสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหวนี้ได้สร้างความหวั่นไหวไปทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ จากนั้นติดตามด้วยเสียงตูม ตูม ตูมที่ดังตูมตามขึ้นมาไม่ขาดสาย ฟ้าดินสั่นไหวโคลงเคลง อากาศธาตุถึงกับสั่นเทากับสิ่งนี้

ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ทุกคนล้วนแล้วแต่มองเห็นน้ำจากทางช้างเผือกที่พุ่งเข้ามาภายใต้เสียงตูมดังสนั่น มองเห็นน้ำจากทางช้างเผือกที่ส่งประกายสีเงินแวบวับเสมือนดั่งพุ่งลงมาจากท้องฟ้าสูง ภายใต้เสียงตูมดังสนั่น จากนั้นก็วิ่งห้อมายังทิศทางที่ตั้งเขาจิ่วเหลียนซาน

ตูม ตูม ตูมเสียงดังตูมตามดังขึ้นไม่ขาดสาย สั่นคลอนต่อฟ้าดิน ทำให้ภูเขาแม่น้ำโคลงแคลง ด้วยอิทธิพลที่อันธพาลและบ้าระห่ำ ทำเอาบรรดาสิงสาราสัตว์ตกใจจนทยอยกันหมอบอยู่กับพื้นไม่อาจเคลื่อนไหวได้ และหรือหลบซ่อนอยู่ภายในรังไม่กล้าโผล่หัวออกมา

การที่น้ำจากทางช้างเผือกพุ่งลงมาจากท้องฟ้านั้น พลันสร้างความแตกตื่นให้กับสำนักต่างๆ ทั่วหล้า ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากถูกทำให้แตกตื่น ต่างทยอยกันจ้องมองไปยังน้ำจากทางช้างเผือกที่วิ่งห้อเข้ามา

ท่ามกลางเสียงดังตูมที่ดังสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นเป็นระลอกนั้น มองเห็นน้ำจากทางช้างเผือกเสมือนดั่งน้ำหลากที่เอ่อล้นจากเขื่อนแตก ไหลพุ่งทยานไม่หยุดคล้ายเป็นสัตว์ร้ายในยุคดึกดำบรรพ์อย่างนั้น ขณะที่น้ำจากทางช้างเผือกที่น่ากลัววิ่งห้อเข้ามานั้น เหมือนว่าสามารถพุ่งทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ระหว่างทาง

“นั่นมันกองทัพส่วนกลาง…” ผู้ที่ตาแหลมมองเห็นได้อย่างชัดเจนแต่ไกล ขณะที่น้ำจากทางช้างเผือกที่วิ่งห้อเข้ามา ต้องร้องเสียงดังออกมาอย่างช่วยไม่ได้

แรกทีเดียวที่มองเห็นน้ำจากทางช้างเผือกที่เทลงมาจากฟ้าและวิ่งห้อมายังเขาจิ่วเหลียนซาน ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกให้กับทุกคน ผู้คนจำนวนมากยังเข้าใจว่าเป็นภัยพิบัติอะไรสักอย่างที่เข้ามา ถึงกับขนลุกซู่ในใจอย่างช่วยไม่ได้

แต่ทว่า เมื่อมองดูให้ละเอียดแล้ว นั้นมันน้ำจากทางช้างเผือกที่ไหนกัน มันเป็นกองทัพมหึมากองทัพหนึ่ง เป็นกองทัพที่มีไพร่พลนับล้านวิ่งเข้ามาด้วยท่าทีที่คำรามก้อง เดินทัพด้วยความรวดเร็วดั่งพายุ เดินทัพรวดเร็วทำลายสิ่งกีดขวางทุกอย่าง

“เป็นกองทัพส่วนกลางจริงๆ ด้วย…” ผู้คนจำนวนไม่น้อยตื่นตระหนกยิ่งในใจ อดที่จะร้องเสียงดังออกมาไม่ได้เมื่อมองเห็นน้ำจากทางช้างเผือกที่วิ่งห้อเข้ามาได้อย่างชัดเจน

กองทัพส่วนกลางวิ่งห้อเข้ามาด้วยท่าทีที่ดุดัน ทั้งกองทัพล้วนแล้วแต่สวมเสื้อเกราะสีเงิน แม้แต่ม้าศึกที่ขี่มาด้วยก็สวมเสื้อเกราะสีเงินเช่นเดียวกัน เสื้อเกราะทุกชุดล้วนแล้วแต่ประดับด้วยอัญมณีแต่ละเม็ดที่ประดุจดั่งดวงดาว เปล่งประกายที่สุกใสแวบวับภายใต้แสงตะวัน ดูคล้ายเป็นดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว กองทัพที่มีไพร่พลนับล้านวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วด้วยท่าทีร้องคำรามเสียงดัง พวกเขาก็เหมือนดั่งน้ำจากทางช้างเผือกที่ลงมาจากท้องฟ้าอย่างนั้น พวกเขาก็คล้ายดั่งน้ำหลากที่มาจากเขื่อนแตก และวิ่งห้อมาถึงนั้น มีท่าทีที่ทำลายล้างอย่างรุนแรง ไร้สิ่งใดต้านทานมันได้

กองทัพที่วิ่งเข้ามาลักษณะเช่นนี้อย่างรวดเร็ว ด้วยท่าทีที่ยิ่งใหญ่มาก ฟ้าดินแตกตื่น ขณะที่กองทัพส่วนกลางเดินทัพเข้ามาอย่างรวดเร็วนั้น ตลอดทางที่ผ่านมาปราศจากผู้คน และสำนักใดๆ กล้าขวางทาง พลันที่มองเห็นกองทัพนับล้านที่เสมือนดั่งน้ำหลากแล้ว ผู้คนที่สัญจรในทาง และหรือสำนักต่างๆ ต่างหลีกหนีไปไกลนับพันลี้ เป็นเส้นทางที่สะอาดหมดจดไร้ผู้คนขวางทางแม้แต่คนเดียว

มองเห็นกองทัพส่วนกลางที่วิ่งห้อเข้ามาอย่างรวดเร็ว ดุจดั่งเป็นสัตว์ร้ายที่คำรามเสียงดัง ผู้ที่รู้จักกาลเทศะต่างก็รู้ว่ากองทัพนี้เปี่ยมด้วยเพลิงแห่งความโกรธ โดยทั้งกองทัพเสมือนหนึ่งถูกเผาผลาญด้วยเพลิงแห่งความโกรธ ใครขวางทางต้องถูกสังหารโดยไม่มีการละเว้นอย่างแน่นอน

ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกน่ากลัวคือผู้เฒ่าที่นำอยู่ด้านหน้าสุดคนนั้น ผู้เฒ่าที่อยู่ด้านหน้าสุดของกองทัพส่วนกลางผู้นี้ คล้ายเป็นตัวเขานั่นแหละที่นำพาน้ำหลากที่น่ากลัววิ่งห้อมาด้วยท่าทีที่ทำลายล้างรุนแรงมาตลอดทาง

ผู้เฒ่าผู้นี้สวมชุดเกราะสีเงิน ชุดเกราะทั้งชุดพวยพุ่งประกายสีเงินที่เจิดจ้าละลานตา คล้ายเป็นดวงจันทราแต่ละดวงที่ลอยขึ้นมา ประกายสีเงินที่เจิดจ้าละลานตาทำให้ผู้ที่มองเห็นรู้สึกเหมือนทิ่มแทงจนดวงตาทั้งสองเจ็บปวดขึ้นมา

สิ่งนี้ยังไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด ที่น่ากลัวที่สุดคือ ร่างทั้งร่าง่ของผู้เฒ่าพวยพุ่งอานุภาพเทพแท้จริงขั้นอมตะออกมา ปรากฏเจดีย์วิเศษที่ลอยอยู่เหนือศีรษะ โดยเจดีย์วิเศษดังกล่าวล้อมรอบด้วยกลิ่นอายขมุกขมัว พลังดั่งมหาสมุทรที่น่าเกรงขามออกมา

ขณะที่เจดีย์วิเศษเช่นนี้ลอยอยู่เหนือศีรษะนั้น เสมือนดั่งสามารถกดดันหล่าชั้นฟ้า ทำให้ผู้คนหายใจไม่สะดวก เหมือนว่าขอเพียงเจดีย์วิเศษที่ลงมา ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือเช่นใด ก็จะถูกสยบและสังหารจนกลายเป็นหมอกเลือดไป

“หม่าหมิงชุน แม่ทัพของกองทัพส่วนกลาง!” ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำเมื่อได้เห็นผู้เฒ่าผู้นี้ พึมพำว่า “นี่คือระดับอมตะนะเนี่ย ระดับอมตะที่จริงแท้แน่นอน”

หม่าชุนหมิง แม่ทัพแห่งกองทัพส่วนกลาง และคือหนึ่งในระดับเทพแท้จริง ขั้นอมตะที่แข็งแกร่งที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ เคยมีผู้กล่าวเอาไว้ว่า ความแข็งแกร่งของหม่าชุนหมิงนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของห้าแกร่ง

สามารถกล่าวได้ว่า หม่าชุนหมิงคือแม่ทัพที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งของหกกองทัพของราชวงศ์โต่วเซิ่น ยกเว้นกองทัพหยินมี่ และด้วยเหตุนี้เอง หม่าชุนหมิงจึงได้รับการสนับสนุนจากแม่ทัพอีกหกกองทัพใหญ่ของราชวงศ์โต่วเซิ่น

“กองทัพส่วนกลางจะยกไปปราบใครกันล่ะ? เป็นใครกันแน่ที่ไปหาเรื่องกองทัพส่วนกลางเข้าแล้ว?” ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างผวาดผวาและมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เมื่อมองเห็นกองทัพส่วนกลางที่มีไพร่พลนับล้านภายใต้การนำของหม่าหมิงชุน อาศัยท่าทีที่คำรามเสียงดังดั่งสิงโตที่โกรธและวิ่งห้อมาตลอดทาง ต่อให้ผู้ที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ก็ต้องถอยห่างไปให้ไกล

นับตั้งแต่กองทัพหยินมี่หายสาบสูญไปแล้ว ราชวงศ์โต่วเซิ่นก็อาศัยหกกองทัพเป็นหลัก ขณะที่หกกองทัพก็จะมีกองทัพส่วนกลางที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุด โดยเฉพาะมีแม่ทัพอย่างหม่าหมิงชุนเป็นผู้ควบคุม อาจกล่าวได้ว่ากองทัพส่วนกลางคือกองทัพที่แข็งแกร่งมากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ในยุคนี้ ไม่มีใครกล้ายุ่งกับพวกเขาโดยง่ายดาย

มิฉะนั้นล่ะก็ ภายใต้การนำของหม่าหมิงชุน หกกองทัพของราชวงศ์โต่วเซิ่น สามารถต่อกรกับสำนักใดสำนักหนึ่งของห้าแกร่งได้อยู่แล้ว

เวลานี้กองทัพส่วนกลางอาศัยท่วงท่าที่คำรามเสียงดังวิ่งห้อเข้ามา ด้วยความโกรธมหันต์รุนแรง เสมือนดั่งเป็นกองทัพที่สามารถเผาผลาญท้องฟ้าได้อย่างนั้น ความโกรธของกองทัพนับล้านเหมือนว่าสามารถเผาผลาญพื้นที่รัศมีพันลี้ให้กลายเป็นพื้นดินที่ไหม้เกรียมได้อย่างนั้น

“ได้ยินมาว่าหม่าจินหมิงบุตรชายเพียงหนึ่งเดียวของแม่ทัพหม่าถูกฮ่องเต้องค์ใหม่สังหารที่เขาจิ่วเหลียนซานนี่แหละ” มีผู้ที่ไวเรื่องการข่าวเมื่อมองเห็นกองทัพส่วนกลางอาศัยท่วงท่าคำรามเสียงดังตรงไปยังเขาจิ่วเหลียนซาน อย่างรวดเร็ว อดที่จะกล่าวเสียงแผ่วเบาขึ้นมาไม่ได้

“นี่เป็นการก่อเรื่องแล้วสิ” ผู้คนจำนวนไม่น้อยด้านนอกเขาจิ่วเหลียนซานต่างเสียวสันหลังวาบเมื่อได้ยินข่าวนี้ และกล่าวว่า “ฮ่องเต้องค์ใหม่ต้องการตายไปข้างหนึ่งกับกองทัพส่วนกลางนะเนี่ย”

”มันจะไปมีอะไร?” มีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ และกล่าวว่า “ครั้งนั้นกองทัพส่วนกลางนำพากองทัพทั้งห้าก่อการกบฏ ยกทัพปิดล้อมวังหลวง ใช่เพียงแค่กองทัพส่วนกลางเท่านั้น หกกองทัพล้วนแล้วแต่แตกหักกับฮ่องเต้องค์ใหม่แล้ว กล่าวสำหรับฮ่องเต้องค์ใหม่แล้วหกกองทัพก็คือกองทัพกบฏ การที่ฮ่องเต้องค์ใหม่สังหารบุตรชายของหม่าหมิงชุน ก็นับเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล”

ผู้คนจำนวนมากต่างนิ่งเงียบทันทีเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ไม่ว่าพวกของหม่าหมิงชุนที่เป็นหกกองทัพอาศัยเหตุผลใดเข้าปิดล้อมวังหลวงในวันนั้น แต่ว่า ฮ่องเต้องค์ใหม่ในฐานะฮ่องเต้เพียงหนึ่งเดียวที่ถูกต้องตามกฎหมายของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ พวกของหม่าหมิงชนต่อให้มีเหตุผลมากกว่านี้ก็หาใช่เหตุผล นาทีขณะที่พวกเขายกทัพล้อมวังหลวงพวกเขาก็คือกองทัพกบฏ เป็นกองทีพกบฏของราชวงศ์โต่วเซิ่น เรื่องนี้ไม่ว่าจะไปลบล้างอย่างไรก็ตามก็ไม่สามารถล้างได้สะอาด อย่างไรเสียพวกเขาก็ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นทหารกบฏ

เรื่องที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ สำนักและตระกูลขุนนางโบราณจำนวนมากต่างไม่ต้องการกล่าวถึง และต้องการไปเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เนื่องจากเรื่องนี้ส่งผลกระทบร้ายแรงเหลือเกิน

“หม่าหมิงชุนอาศัยกำลังทั้งหมดของกองทัพมาแก้แค้นให้กับบุตรชายของตนนะเนี่ย” มีผู้อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “นี่ออกจะทำเกินไปแล้วกระมัง”

ผู้คนจำนวนไม่น้อยได้มองตากันและกันอย่างลับๆ ถ้าหากเป็นยุคที่ฮ่องเต้ไท่ชิงยังอยู่ ต่อให้บุตรชายของหม่าหมิงชุนถูกคนเขาสังหาร หม่าหมิงชุนก็ไม่กล้านำกองทัพทั้งกองทัพไปแก้แค้นให้กับบุตรชายของตน เรื่องนี้ไม่เพียงทำให้ต้องหัวหลุดจากบ่าเท่านั้น การโยกกองทัพโดยพละการ หากถูกฮ่องเต้ไท่ชิงรู้เมื่อไรล่ะก็ มันคือเรื่องถึงขั้นประหารล้างตระกูล

“เวลานี้หกกองทัพต่างยินดีติดตามและเชื่อฟังในตัวของหม่าหมิงชุน โดยเฉพาะกองทัพส่วนกลาง และส่วนที่เป็นกองกำลังกล้าแข็งล้วนเป็นกองทหารตระกูลหม่า เมื่อหม่าหมิงชุนต้องการโยกกองทัพทั้งหมดไปแก้แค้นให้กับบุตรชายของตน ใครเล่ากล้าคัดค้าน? ยิ่งไปกว่านั้น หม่าหมิงชุนมีบุตรชายเพียงคนเดียวเท่านั้น หากเขายินดีเลิกราง่ายดายนั่นแหละเรื่องแปลก” มียอดฝีมือรุ่นอาวุโสยิ้มเยาะและเอ่ยขึ้น

การนำเอากองทัพทั้งกองทัพมาแก้แค้นให้กับบุตรชายของตน ซึ่งด้วยฐานะของผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพๆ หนึ่งดูจะไม่เหมาะสม แต่ว่า เวลานี้จะมีใครเล่าที่สามารถควบคุมหม่าหมิงชุนได้เล่า? ไม่มี! กองทัพส่วนกลางทั้งกองทัพอยู่ในมือของเขา เขาอยากจะทำอะไรก็ทำได้

ตูม…เสียงดั่งสนั่นขึ้นมาเสียงหนึ่ง กองทัพส่วนกลางที่เคลื่อนทัพเป็นหมื่นลี้ในหนึ่งวัน ภายในระยะเวลาอันสั้นก็มาถึงด้านนอกของเขาจิ่วเหลียนซานแล้ว ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังขึ้นมาเป็นระลอก กองทัพไพร่พลนับล้านพลันหยุดกึกลงทันทีทั้งกองทัพ โดยมีการจัดทัพที่เป็นระเบียบอย่างยิ่ง ไม่มีความสับสนวุ่นวายแม้แต่น้อย ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่ากองทัพนี้มีความแข็งแกร่งเพียงใดแล้ว

กองทัพส่วนกลางหยุดอยู่แค่ด้านนอกของเขาจิ่วเหลียนซาน แม้ว่าตัวของหม่าหมิงชุนนั้นจะโกรธแค้นอย่างยิ่ง และปณิธานการฆ่ารุนแรง แต่เขายังคงมีสติอยู่บ้าง ยังไม่กล้าอวดดีถึงขั้นนำทัพบุกเข้าไปยังเขาจิ่วเหลียนซานโดยตรง

เกรงว่าการกระทำลักษณะเช่นนี้คงไม่มีใครกล้าทำนับแต่อดีตกาลที่ผ่านมา แม้แต่ฮ่องเต้ไท่ชิงที่เป็นใหญ่แต่ผู้เดียวก็ไม่กล้าถือดีถึงขั้นนำเอากองทัพเข้าไปยังเขาจิ่วเหลียนซาน การทำเช่นนี้เท่ากับเป็นการเหยียดหยามต่อเขาจิ่วเหลียนซานชัดๆ เป็นการบ่งบอกถึงการเข้ารุกรานต่อเขาจิ่วเหลียนซาน ซึ่งจะต้องเป็นศัตรูกับเขาจิ่วเหลียนซาน

“กองทัพส่วนกลางมาแล้ว เป็นแม่ทัพหม่า” ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ภายในเขาจิ่วเหลียนซานถูกท่าทีที่ยิ่งใหญ่น่ากลัวของกองทัพส่วนกลางทำให้ตื่นตระหนกยิ่งนัก ผู้คนจำนวนมากทยอยกันจ้องมองดู

“แม่ทัพหม่าต้องการแก้แค้นให้กับบุตรชายที่ตายไป” เห็นทางทางของกองทัพส่วนกลางที่อวดดีและดุดันยิ่งนัก ทุกคนต่างรู้ว่าหม่าหมิงชุนต้องการทำอะไร เวลานี้ไม่ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ตั้งตาคอย กระทั่งมีอยู่จำนวนไม่น้อยที่ดีใจเมื่อเห็นผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกล่าวสำหรับอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่แล้ว ในใจของพวกเขาแอบดีใจอยู่เงียบๆ ถ้าหากหม่าหมิงชุนสังหารฮ่องเต้องค์ใหม่ได้ กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุดในโลก

“ขอให้เขาจิ่วเหลียนซานมอบคนแซ่หลี่ออกมา” หม่าหมิงชุนที่ยืนอยู่ด้านนอกเขาจิ่วเหลียนซาน ดวงตาทั้งสองที่ดั่งเทียนศักดิ์สิทธิ์ ส่องสว่างทั่วแผ่นดิน โดยเฉพาะอานุภาพเทพแท้จริงอมตะของเขาตลบอบอวลระหว่างฟ้าดินนั้น ได้สยบจนผู้คนหายใจไม่สะดวก

ครั้นมองเห็นเจดีย์วิเศษที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของหม่าหมิงชุนแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังที่สยบนั้นได้ทำให้ขาทั้งสองของผู้คนจำนวนมากต้องสั่นเทา และหวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกซู่

หม่าหมิงชุนนั้นคือเทพแท้จริงขั้นอมตะคนหนึ่ง เบื้องหลังมีกองทัพนับล้าน ด้วยกำลังเช่นนี้ใครบ้างที่ไม่หวั่นเกรงอยู่สามส่วน ใครบ้างที่ไม่หลบไปให้ไกลเล่า?

………………………………………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *