Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2160 อาละวาด

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2160 อาละวาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในเวลานี้ ผู้คนทั้งหมดที่อยู่ภายในโรงเตี้ยมต่างลุกขึ้นยืนอยู่ตรงนั้นไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ไม่ว่าจะเป็นระดับผู้อาวุโสของสำนัก หรือศิษย์ของตระกูลขุนนางโบราณล้วนแล้วแต่ต้องกลั้นลมหายใจเอาไว้

ถ้าหากจะกล่าวว่า การมาถึงขององครักษ์เมืองหลวงเฉินซูเหว่ย กับจิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยทำให้ทุกคนที่อยู่ในโรงเตี้ยมต้องลุกขึ้นยืนเพื่อแสดงความเคารพ เพื่อแสดงถึงการให้ความเคารพนับถือต่อพวกเขา

เช่นนั้นแล้ว การมาถึงของฉู่ชิงหลิน บรรดาระดับผู้อาวุโสของสำนัก หรือศิษย์ของตระกูลขุนนางโบราณทั้งหมดที่อยู่ในโรงเตี้ยมไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจแรง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการส่งเสียงทักทายต่อฉู่ชิงหลิน ถ้าหากจะกล่าวว่าที่พวกเขาแสดงต่อซี๋วจื้อเจี๋ยและเฉินซูเหว่ยเป็นการแสดงออกถึงความเคารพนับถือ ถ้าเช่นนั้น ที่แสดงต่อฉู่ชิงหลินก็ออกมาจากความรู้สึกที่เคารพยำเกรงแล้ว

ตำแหน่งและฐานะของฉู่ชิงหลินอยู่เหนือกว่าซี๋วจื้อเจี๋ยและเฉินซูเหว่ย ต่อให้มีสักวันที่ซี๋วจื้อเจี๋ยและเฉินซูเหว่ยหนึ่งในสองคนนี้ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งกษัตริย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้ ฐานะของพวกเขาก็ไม่เห็นจะสูงส่งไปกว่าฉู่ชิงหลิน

จะอย่างไรเสีย บรรดาบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้ทำการบ่มเพาะฉู่ชิงหลินในฐานะของราชันแท้จริง ซึ่งเป็นการบรรลุข้อตกลงร่วมกันของขั้วอำนาจต่างๆ ถ้าหากวันข้างหน้าฉู่ชิงหลินได้เป็นราชันแท้จริงได้จริงๆ

เช่นนั้นแล้ว ต่อให้นางไม่รับตำแหน่งใดๆ ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง อำนาจและฐานะของนางก็ยังคงอยู่สูงเด่น โดยภาพรวมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง คำพูดของนางก็มีน้ำหนักมากพอ

จะอย่างไรเสีย ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงนับตั้งแต่ผู้เฒ่ากำแหงแล้ว ก็เคยให้กำเนิดราชันแท้จริงมาหลายองค์ ซึ่งราชันแท้จริงเหล่านี้จะไม่ไปกุมอำนาจใหญ่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง แต่ยังคงสามารถบงการภาพรวมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้ทั้งหมด

ดังนั้น แม้ว่าก่อนกษัตริย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงยังไม่ได้เสด็จสวรรคต เขาเองก็ได้ให้ความเคารพนับถือต่อฉู่ชิงหลินเป็นอย่างยิ่ง จากกรณีนี้ก็สามารถมองออกว่าฐานะของฉู่ชิงหลินในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเป็นเช่นใดแล้ว

“เข้าใจผิด” เวลานี้ฉู่ชิงหลินจ้องมองยอดฝีมือกว่าสิบคนที่ล้อมหลี่ชิเย่เอาไว้นั่นด้วยสายตาที่เย็นชา และกล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “ถ้าหากเป็นการเข้าใจผิด พวกเขากำลังทำอะไร?”

คำพูดของฉู่ชิงหลินทำเอาท่าทีของเฉินซูเหว่ยดูผะอืดผะอมยิ่งนัก ส่วนบรรดายอดฝีมือกว่าสิบคนที่ล้อมหลี่ชิเย่เอาไว้ก็ทยอยกันถอยกลับไปไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม แม้แต่เจ้าบ้านตระกูลเฉินของพวกเขายังต้องให้เกียรติแก่ฉู่ชิงหลิน นับประสาอะไรกับศิษย์ตระกูลเฉินเช่นพวกเขาเล่า

ขณะที่เฉินซูเหว่ยทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้น จิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยยืนมือสองข้างกอดอกอยู่ข้างๆ นัยน์ตาเผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น เมื่อเทียบกับองครักษ์เมืองหลวงเฉินซูเหว่ยแล้ว จิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยดูจะอดกลั้นได้ดีกว่า

“ท่านแม่ทัพ คนผู้นี้สังหารนายน้อยตระกูลเผิง ข้าต้องการรักษาความสงบเรียบร้อยของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ข้าจะจับกุมไปรับการไต่สวน!” จังหวะที่เฉินซูเหว่ยกำลังผะอืดผะอมอยู่นั้นได้บังเกิดความคิดขึ้นทันที จึงรีบกล่าวว่า “เขาสังหารศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงตามอำเภอใจ ไม่เห็นกฎราชสำนักอยู่ในสายตา ก่อกวนระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ข้าต้องการจับกุมเขาดำเนินตามกฎหมาย ขอท่านแม่ทัพพิจารณาตัดสิน!”

เวลานี้ เฉินซูเหว่ยได้ยัดข้อหาใหญ่ให้กับหลี่ชิเย่ แอบอ้างผู้มีอำนาจได้รับความเสียหาย หวังฉวยโอกาสจับกุมหลี่ชิเย่ หากทำได้สำเร็จ เช่นนั้นแล้วฉู่ชิงหลินก็ไม่สามารถพูดอะไรได้

“ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงย่อมมีกฎของราชสำนักเอง ในเมื่อไม่ได้อยู่ในราชสำนักแล้วอ้างถึงราชสำนักได้อย่างไรกัน! อยู่ข้างนอกไม่ต้องเอ่ยถึงกฎราชสำนัก ในยุทธภพย่อมมีกฎของยุทธภพเอง การที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปหลากหลายอย่างเป็นระบบ มีสำนักเป็นหมื่นพัน สำนักที่กุมอำนาจมีเพียงแค่หนึ่งหรือสองส่วนเท่านั้นเอง หากอยู่ด้านนอกยังคงต้องเอ่ยถึงกฎราชสำนัก ไหนเลยที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงสามารถขยายกิ่งก้านสาขาออกไปได้!” ฉู่ชิงหลินเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาออกมา

คำพูดลักษณะเช่นนี้ของฉู่ชิงหลินทำให้บรรดาระดับผู้อาวุโสของสำนัก และศิษย์ของตระกูลขุนนางโบราณจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างแอบสนับสนุนอยู่ในใจ คำพูดลักษณะเช่นนี้ของฉู่ชิงหลินนับว่าเป็นการพูดในมุมมองของความยุติธรรม

จะอย่างไรเสียแต่ละยุคสมัยที่ผ่านมา สำนักที่ได้กุมอำนาจที่แท้จริงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงมีอยู่เพียงไม่กี่สำนักเท่านั้นเอง การได้กุมอำนาจปกครองบอกได้แต่เพียงเป็นตัวแทนที่แท้จริงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเท่านั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นผู้ปกครองของทุกๆ สำนักที่อยู่ในสังกัดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง

ตลอดเวลาที่ผ่านมา อย่าว่าแต่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเลย ความจริงแล้ว ทุกๆ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิในแดนสามเซียนก็เป็นเช่นนี้

สำนักที่กุมอำนาจการปกครองของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจะไม่ไปก้าวก่ายกิจการภายในของสำนักอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเดียวกัน ขอเพียงไม่กระด้างกระเดื่องก็พอ เว้นแต่ต้องการมุ่งแสวงหาอำนาจจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

มิฉะนั้นล่ะก็ สำนักที่กุมอำนาจการปกครองของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเมื่อมองเห็นสำนักหนึ่งสำนักใดไม่สบอารมณ์ ก็สามารถอ้างผู้มีอำนาจแล้วส่งกำลังทหารไปทำลายสำนักนั้นๆ เสีย เรียกได้ว่าคล้อยตามข้าอยู่ ขัดใจข้าม้วย

ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริง ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธินั้นๆ ก็จะไม่สามารถสืบทอดต่อไปได้ตลอดกาล ไม่สามารถเจริญรุ่งเรืองได้ต่อไป จะอย่างไรเสียไม่ว่าสำนักใดๆ ก็มีโอกาสเสื่อมลงได้ทั้งนั้น มีเพียงสำนักต่างๆ จำนวนมากที่อยู่ภายใต้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิมีความเจริญรุ่งเรือง เมื่อผู้ปกครองที่กุมอำนาจเสื่อมลงก็จะมีผู้ที่ขึ้นมาทดแทนได้!

ดังนั้น เมื่อฉู่ชิงหลินพูดเช่นนี้ออกมา ทำให้ศิษย์ของสำนักต่างๆ และศิษย์ตระกูลขุนนางโบราณจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องส่งเสียงสนับสนุน จะอย่างไรเสีย ใช่ว่าทุกๆ สำนักล้วนแล้วแต่มีใจอยากจะแย่งชิงเพื่อครอบครองอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ถ้าหากแม้ไม่อยู่ในราชสำนัก แล้วเฉินซูเหว่ยสามารถนำเอากฎของราชสำนักมาจับกุมผู้บำเพ็ญตนคนหนึ่งคนใด หรือลงโทษสำนักใดสำนักหนึ่งได้ล่ะก็ เมื่อเป็นเช่นนั้นจะทำให้ทุกคนต้องอยู่อย่างหวาดระแวงในอันตรายที่จะมาถึงตน!

ในเมื่อฉู่ชิงหลินในฐานะว่าที่ราชันแท้จริงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงสามารถพูดคำพูดที่มองการณ์ไกลเช่นนี้ออกมาได้ ทำให้ศิษย์ของสำนักต่างๆ และศิษย์ตระกูลขุนนางโบราณจำนวนไม่น้อยรู้สึกหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยที่สุดระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงยังไม่ถึงขั้นที่จะเล่นบทจอมเผด็จการแบบนั้น ไอรีนโนเวล

ครั้นฉู่ชิงหลินเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้จ้องมองเฉินซูเหว่ยด้วยสายตาเย็นชา กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “นายน้อยเผิงถูกคนเขาสังหาร ย่อมมีคนของบ้านตระกูลเผิงแก้แค้นให้กับเขา อย่างได้นำเอากองกำลังทหารมาทำอะไรให้มันวุ่นวายที่นี่ รังแต่เป็นที่หัวเราะเยาะของผู้คน!”

เมื่อเฉินซูเหว่ยถูกฉู่ชิงหลินตำหนิสั่งสอนเช่นนี้ ทำให้เขามีท่าทีผะอีดผะอมยิ่งนัก แม้ว่าทหารที่เขาพามาจะเป็นทหารส่วนตัว ล้วนแล้วแต่สังกัดศิษย์ของตระกูลเฉินทั้งสิ้น ปัญหาอยู่ที่ว่าเวลานี้พวกเขาอาศัยชื่อของทหารวังหลวง เมื่อถูกฉู่ชิงหลินสั่งสอนเช่นนี้ จึงทำให้เขาไม่สามารถโต้เถียงได้แม้แต่คำเดียว

จังหวะที่เฉินซูเหว่ยกำลังตำหนิสั่งสอนเฉินซูเหว่ยอยู่นั้น หลี่ชิเย่ยังคงนั่งดื่มสุรา และรับประทานอาหารที่จูซือจิ้งคีบป้อนให้ ท่าทางเอ้อระเหยอิสระเสรี

สำหรับหยางเซิ่นผิงนั้น เขายืนอยู่ด้านหลังหลี่ชิเย่ มือทั้งสองทิ้งลงข้างลำตัวก้มหน้าลงต่ำ ไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจแรง เวลานี้ได้กลายเป็นบุญคุณความแค้นระหว่างผู้ยิ่งใหญ่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเสียแล้ว ตัวเขาที่เป็นเพียงตัวละครเล็กๆ ไม่มีสิทธิ์กระทั่งพูดอะไรออกมา ดังนั้น เขาจึงได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นแต่โดยดี ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

เวลานี้ฉู่ชิงหลินเงยหน้าขึ้นจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ นางพยายามมองดูหลี่ชิเย่อย่างละเอียดรอบหนึ่ง แต่ว่าไม่สามารถมองออกถึงเส้นสนกลในได้แม้แต่น้อย

ฉู่ชิงหลินถึงกับส่งเสียงไม่พอใจออกมา เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ที่เวลานี้ยังคงดื่มสุราอย่างเอ้อระเหย และรับประทานอาหารที่สาวใช้คีบป้อนให้อยู่

“เวลานี้สถานการณ์ไม่ปรกติเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า มีเรื่องเพิ่มขึ้นเรื่องหนึ่งมิสู้น้อยลงเรื่องหนึ่ง อย่าทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อนเลย!” เวลานี้ ฉู่ชิงหลินกล่าววาจาน่าเกรงขามขึ้นมา

ทุกคนในขณะนี้ต่างมองไปที่หลี่ชิเย่ ต่อให้เป็นคนโง่ก็ฟังออกว่าฉู่ชิงหลินกำลังกล่าวเตือนหลี่ชิเย่อยู่ เวลานี้ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ ทุกคนมองไปที่หลี่ชิเย่ อยากจะรู้นักว่าเมื่อต้องเผชิญกับคำเตือนของฉู่ชิงหลินแล้ว เจ้าคนที่อวดดียโสผู้นี้จะตอบว่าอย่างไร

ทั้งซี๋วจื้อเจี๋ยและเฉินซูเหว่ยต่างมองไปที่หลี่ชิเย่ ท่าทางของพวกเขาเผยให้เห็นถึงการเยาะเย้ย แม้ว่าพวกเขาไม่สามารถจัดการกับเจ้าหนูคนนี้ได้ แต่ไม่กลัวว่าฉู่ชิงหลินจะจัดการกับเจ้าหนูคนนี้ไม่ได้!

หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้ยินคำเตือนจากฉู่ชิงหลินแล้ว จึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นช้าๆ มองดูฉู่ชิงหลินแวบหนึ่ง หัวเราะและกล่าวว่า “นังหนู อย่าได้ทำวางก้ามกับข้า มา เข้ามารินสุราให้กับข้า”

พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา เสียงที่รู้สึกใจหายใจคว่ำดังก้องไปทั่วทั้งโรงเตี้ยม ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่ถึงกับใจหายใจคว่ำ และอ้าปากกว้างค้างอยู่อย่างนั้น พวกเขาไม่อยากจะเชื่อหูของตนเอง เข้าใจว่าหูฝาดไป

เวลานี้ทุกคนต่างรู้สึกงงงัน ถ้าจะบอกว่าหลี่ชิเย่ทำยโสกับซี๋วจื้อเจี๋ยและเฉินซูเหว่ยยังพอว่า แต่ว่าเวลานี้เขาออกปากเรียกให้ฉู่ชิงหลินมารินสุราให้กับเขา การกระทำลักษณะเช่นนี้นับว่าเกินเลยไปมากทีเดียว

ลองถามดู ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจะมีสักกี่คนหาญกล้าเรียกให้ฉู่ชิงหลินมารินสุราให้กับตน? นี่คือราชันแท้จริงในอนาคตนะเนี่ย ถ้าหากมีสักวันนางได้กลายเป็นราชันแท้จริงแล้ว เท่ากับว่านางมีฐานะที่สูงส่งอย่างยิ่ง ไม่ว่าใครก็ตามในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็ต้องแหงนหน้ามอง!

เป็นอย่างไรบ้างล่ะกับเจ้าหนูที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ เรียกฉู่ชิงหลินให้มารินสุราให้กับตนตรงๆ การกระทำเช่นนี้ออกจะพาลเกินไป โง่เขลาและอวดดี ซึ่งคำพูดเหล่านี้ไม่เพียงพอที่จะนำมาเปรียบเปรยกับเจ้าหนูคนนี้ได้ เป็นการพาลจนไร้ขื่อแปแล้ว

สีหน้าของฉู่ชิงหลินพลันดูบึ้งตึงขึ้นมา เมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ ก่อนหน้านี้นางเข้าช่วยเหลือหลี่ชิเย่ด้วยความหวังดี ไม่นึกเลยว่าเจ้าหมอนี่กลับไม่รักดี กล้าทำยโสและอวดดีถึงเพียงนี้ ใช้ให้นางไปรินสุราให้ เรียกว่าเป็นการยั่วโมโหจนอยากจะเข้าไปสั่งสอนเจ้าหมอนี่ที่อยู่ตรงหน้าให้เข็ดหลาบสักที

“อย่าได้รู้สึกโกรธในใจ” หลี่ชิเย่พูดเฉยเมยขึ้นมาขณะกำลังเคี้ยวเนื้อวัวในปาก “สามารถมารินเหล้าให้กับข้า ถือเป็นวาสนาอย่างหนึ่ง คนอื่นอยากมีโอกาสเช่นนี้แต่ไม่ได้ เข้ามาเถอะ”

พลันที่คำพูดนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนงุนงงไปโดยสิ้นเชิง การเรียกใช้ให้ฉู่ชิงหลินรินสุราให้ก็เกินเลยมากไปแล้ว เวลานี้ยังจะบอกว่าการได้รินสุราให้กับเขาเป็นวาสนาอย่างหนึ่ง คนอื่นอยากได้ก็ยังไม่ได้ ความพาลเช่นนี้ไม่ใช่ใครก็สามารถมีได้แล้ว

“เขาเป็นโรคจิตรึ?” กระทั่งระดับผู้อาวุโสของสำนักถึงกับต้องพึมพำออมาว่า มีเพียงผู้ที่ป่วยโรคจิตเท่านั้นจึงจะพูดเช่นนี้ได้ ขอเพียงคนที่พอมีสติอยู่บ้างก็จะไม่กล้าพูดออกมาเช่นนี้

ฉู่ชิงหลินพลันถูกยั่วโมโหจนแทบกระอักเลือดออกมา นัยน์ตาคู่นั้นของนางดูน่ากลัว แววตาดั่งดาบทำให้ผู้พบเห็นต้องตัวสั่นดั่งลูกนก เดิมทีนางต้องการเข้าคลี่คลายสถานการณ์ให้กับหลี่ชิเย่ด้วยความหวังดี ไม่นึกเลยว่าเจ้าหนูผู้นี้ไม่สำนึกในบุญคุณก็ช่างเถอะ กลับถึงกับไม่รู้จักกาลเทศะเช่นนี้ ถึงกับใช้ให้นางไปรินสุราให้ ทั้งยังพูดจาไม่ละอายปากว่าการรินสุราให้เขานั้นนับเป็นวาสนาอย่างหนึ่ง! นี่เป็นการท้าทายต่ออำนาจของนาง เวลานี้นางแทบอยากจะอัดเจ้าหนูจนคลานให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

เสียงตูมดังสนั่นขึ้นมา นาทีนี้เอง ทั่วทั้งร่างของฉู่ชิงหลินปรากฏพลังขึ้นมา แม้ว่านางไม่ได้โกรธถึงขั้นอาละวาดขึ้นมา แต่ทว่าเมื่อพลังเสมือนดั่งเปลวเพลิงที่ถูกจุดติดขึ้น พลันทำใหทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องขนลุกซู่ในใจ

นาทีนี้ทุกคนรับรู้ได้ว่าพายุฝนฟ้าคะนองกำลังจะมาถึงแล้ว ทุกคนต่างเข้าใจได้ว่าหลี่ชิเย่ได้ยั่วให้ฉู่ชิงหลินโกรธขึ้นมาอย่างสิ้นเชิงแล้ว!

เวลานี้ผู้คนจำนวนไม่น้อยได้ถอยออกห่างกันไปอย่างช้าๆ ทุกคนต่างรุ้ดีว่า หากฉู่ชิงหลินลงมือเมื่อไรล่ะก็ต้องมีผู้ที่ต้องโชคร้ายอย่างแน่นอน พวกเขาจึงไม่อยากอยู่ใกล้นัก เกิดเจอลูกหลงพลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วย มิเท่ากับเป็นการรนหาที่ตายเองของพวกเขาแล้ว!

ฉู่ชิงหลินหาใช่เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงจอมปลอม นางได้ชื่อว่าเป็นอันดับหนึ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ย่อมต้องมีต้นทุนเพียงพอที่จะหยิ่งยโสและบ้าระห่ำ ลือกันว่าฉู่ชิงหลินอยู่ในระดับปราชญ์แท้จริงมานานแล้ว กระทั่งมีข่าวลือกันว่า เวลานี้เท้าข้างหนึ่งของนางได้ก้าวเข้าไประดับเทพแท้จริงแล้ว

…………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *