Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1729 การลอบสังหารจากแดนที่สิบ

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1729 การลอบสังหารจากแดนที่สิบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1729 การลอบสังหารจากแดนที่สิบ
เสียง “ตูม” ดังสนั่น ขณะที่หวงหลงและป้าหู่กำลังต่อสู้แบบหลอกๆ กับจอมราชันที่อยู่บนท้องฟ้า อีกฟากหนึ่งของท้องฟ้าพลันปรากฏมือขนาดยักษ์อีกข้างหนึ่งที่คว้าลงมา โดยพุ่งเป้าไปที่เรือลำยักษ์ลำนั้น

มือยักษ์ข้างนี้ปรากฏกฎเกณฑ์จอมราชันที่ทิ้งตัวลงมาเป็นสายๆ ตลบอบอวลด้วยความขมุกขมัว ภายใต้มือขนาดยักษ์ข้างนี้ เรือรบลำใหญ่กลับกลายเป็นเล็กจิ๋วอะไรปานนั้น เหมือนว่าชั่วพริบตาเดียวก็สามารถบีบเรือรบลำยักษ์จนแหลกละเอียดไป

แม้ว่าพวกของเหมยซู่เหยาจะได้เตรียมตัวเตรียมใจเผชิญหน้ากับบรรดาราชันและเหล่าเทพของแดนที่สิบมาแล้ว แต่ว่า เมื่อจอมราชันของแดนที่สิบลงมืออย่างกะทันหัน ภายในใจของพวกเหมยซู่เหยาอดที่จะไม่สู้ดีนัก จอมราชันย่อมเป็นจอมราชัน พลังที่พวกเขาสืบทอดมานั้นน่ากลัวอย่างแท้จริง

“ควรค่าแก่การต่อสู้สักครั้งหนึ่ง!” ราชันทักษิณถึงกับตื่นเต้นดีใจ นัยน์ตาทั้งสองพวยพุ่งเป็นประกายออกมา เมื่อเห็นมือขนาดยักษ์ข้างหนึ่งของจอมราชันที่ยื่นคว้าเข้ามา

ราชันทักษิณยังไม่ทันได้ลงมือ นัยน์ตาของหม่ากูได้กลับกลายเป็นเจิดจรัสยิ่งนัก ทันใดนั้น ได้ยินเสียง “แว้งค์” ดังขึ้น ปรากฏประกายพวยพุ่งออกมาจากนัยน์ตาของหม่ากูอย่างไม่ขาดสาย ประกายดังกล่าวนี้ดูพร่างพราว และเจิดจรัสยิ่งนัก ยามที่ประกายดังกล่าวพวยพุ่งออกมาไม่ขาดสายนั้น มันคล้ายดั่งเป็นสายน้ำแห่งกาลเวลาสายหนึ่งที่ปรากฎออกมากั้นขวางอยู่ด้านหน้าของเรือรบขนาดยักษ์ โดยสายน้ำแห่งกาลเวลาสายนี้ได้กั้นขวางระหว่างเรือรบขนาดยักษ์กับมือยักษ์ของจอมราชันเอาไว้

เสียง “จี๊ด จี๊ด จี๊ด” ดังขึ้น เมื่อมือขนาดยักษ์ของจอมราชันยื่นคว้าเข้าไปในสายน้ำแห่งกาลเวลา มันถูกกาลเวลาที่ไหลผ่านไปทำให้แห้งเหี่ยวลง มือขนาดยักษ์ข้างนั้นแก่ชราลงอย่างรวดเร็ว และเหี่ยวแห้งอย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลาอันสั้นก็กลับกลายเป็นหนังหุ้มกระดูกคล้ายขาไก่อย่างนั้น

แต่ทว่า จอมราชันย่อมเป็นจอมราชัน อย่างไรเสียเขาก็ได้สืบทอดชะตาฟ้ามา ได้ยินเสียงดัง “ปัง” มือที่แห้งเหี่ยวจนดูคล้ายกับขาไก่สั่นสะเทือนทีหนึ่ง พลังชะตาฟ้าได้ไหลบ่าเข้ามาดั่งกระแสน้ำ มือยักษ์ข้างนั้นที่เดิมแห้งเหี่ยวดั่งขาไก่พลันฟื้นคืนลมปราณเหมือนเดิม กลายเป็นมีเลือดมีเนื้อดังเดิมทันที อาศัยพลังจากชะตาฟ้า มือยักษ์ของจอมราชันยังคงก้าวข้ามสายน้ำแห่งกาลเวลาเข้าไปคว้าเรือรบขนาดยักษ์นั่น

“จอมราชันองค์ไหน แจ้งชื่อฉายามา อย่างได้รังแกผู้เยาว์” ขณะที่หม่ากูยังไม่ทันได้ลงมือเป็นครั้งที่สอง หวงหลงกล่าวหัวเราะเสียงดังพร้อมกับยื่นกรงเล็บมังกรออกไป “ปัง” รับมือกับมือขนาดยักษ์ที่ยื่นเข้ามา

หวงหลงและป้าหู่ยังคงพูดคุยกันอย่างสนุกสนานในการรับการลงมือจากจอมราชันทั้งสอง กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว จอมราชันที่มีชะตาฟ้าเพียงห้าหรือหกสายยากที่จะสร้างความกดดันให้กับพวกเขา เว้นแต่จะมีจอมราชันระดับชะตาฟ้าเก้าสายลงมือเอง

แน่นอนที่สุด หากเป็นจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายลงมือนับว่าน่ากลัวยิ่งเหลือเกิน เกรงว่าพวกเขาสองคนร่วมมือกันก็ไม่สามารถต้านรับเอาไว้ได้

“กายอายุวัฒนะขั้นสมบูรณ์ ช่างน่ากลัวเหลือเกิน” แม้ว่าหม่ากูไม่ได้ลงมืออีกเป็นครั้งที่สอง แต่ก็ได้ทำให้พวกราชันทักษิณมองดูหม่ากูด้วยความหวาดกลัว

แม้ว่าหม่ากูไม่สามารถกลายเป็นราชันเซียนได้ ทั้งยังน้อยครั้งมากที่ลงมือ แต่ว่า ยามที่นางชำเลืองมานั้น ไม่ว่าใครก็ต้องรู้สึกหวาดกลัว

กายอายุวัฒนะของหม่ากูมีพลังของกาลเวลาอยู่ในครอบครอง ตลอดเวลาที่ผ่านมา พลังของกาลเวลาคือสิ่งที่ผู้บำเพ็ญตนหวั่นเกรงมากที่สุด ยามที่กาลเวลาไหลเคลื่อนคล้อยไป ไม่ว่าผู้นั้นจะดำรงอยู่ในฐานะเช่นใด ยังคงไม่สามารถต้านทานอานุภาพของกาลเวลาเอาไว้ได้!

“กายอายุวัฒนะขั้นสมบูรณ์หนึ่งเดียวตลอดกาล สุดยอดหนึ่งไม่มีสอง” แม้แต่บุคคลระดับผู้เฒ่าเซียนยังคงรู้สึกประทับใจยิ่ง พึมพำออกมา

ในขณะที่หวงหลงได้รับมือการโจมตีจากจอมราชันอีกผู้หนึ่งนั้น บนท้องฟ้าปรากฏเสียงที่เข้มและทรงอานุภาพยิ่ง เสียงนี้ได้กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ไม่ทราบว่าเป็นสหายท่านใดกำลังกลั่นแกล้งผู้เยาว์จากเก้าแดนของข้า! หากสหายต้องการต่อสู้ ราชันเซียนอย่างข้าขอน้อมรับ!”

ขณะเสียงที่เข้มและทรงอานุภาพดังขึ้นมานั้น อานุภาพราชันเซียนพลันอาละวาดไปทั่วฟ้าดิน!

“ราชันเซียนเก้าแดนของพวกเจ้ามาแล้ว” หวงหลงหัวเราะกล่าวกับผู้เยาว์ที่อยู่บนเรือรบขนาดยักษ์ว่า “ราชันเซียนพวกเจ้ามาช่วยได้ทันเวลาพอดี เห็นทีคงไม่ได้สู้กันแล้วหละ”

“เฮ่อ ราชันเซียนไร้สาระอะไรนั่น พวกเรายังไม่ทันหายอยากเลย จะรีบมาทำไมก็ไม่รู้” เป็นที่ชัดเจนว่าป้าหู่ดูจะไม่พอใจอย่างยิ่งกับการมาช่วยเหลือกะทันหันของราชันเซียน เขาเพิ่งจะปะมือกับจอมราชันที่อยู่บนท้องฟ้าเอง แต่กลับจะต้องสิ้นสุดลงแล้ว ทำให้เขาไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง

ป้าหู่ไม่ได้ลงมือกับผู้ใดมานานแล้ว ก่อนหน้านั้นเขาถูกสยบเอาไว้ใต้เขาสยบมังกร ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้ลงมือ ในที่สุดเวลานี้สามารถต่อสู้กับจอมราชันของแดนสิบสักครั้ง แต่แล้ว เมื่อราชันเซียนของเก้าแดนมาถึง เกรงว่าคงไม่สามารถทำได้อีกแล้ว

“เว้นแต่จะมีจอมราชันองค์ที่สามลงมือ” หวงหลงมองขึ้นไปบนท้องฟ้าส่ายหน้าและกล่าวว่า “ต่อให้จอมราชันองค์ที่สามลงมือก็ไม่มีประโยชน์ อาศัยคำพูดของเจ้าอีกาบ้าที่บอกว่า ครั้งนั้น พวกเขามีข้อตกลงเอาไว้ ต่อให้มีจอมราชันองค์ที่สามลงมือ แต่ก็เป็นไปไม่ได้จะมีถึงสี่ การต่อสู้ลักษณะเช่นนี้จืดชืดเหลือเกิน”

เวลานี้ พวกของราชันทักษิณ ผู้เฒ่าเซียนต่างมองขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกเขาอยากรู้นักว่าเป็นราชันเซียนองค์ไหนของเก้าแดนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ

“ตูม” เสียงดังสนั่น หลังจากที่แดนอสูรปีอานได้แล่นเข้าไปยังเขตผ่อนปรนแล้ว พลันด้านบนดำมืดขึ้นมา เหมือนว่ามีอะไรบางอย่างที่มีขนาดใหญ่โตมาบดบังเอาไว้

มนุษย์ศิลาของแดนอสูรปีอานพลันมีทีท่าหนักแน่นจริงจังขึ้นมาทันทีเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว พวกเขาพอจะคาดเดาอะไรได้บางอย่างเมื่อเห็นเงาดำนี้แล้ว

“โฮ่ววว” ทันใดนั่นเอง บนท้องฟ้าปรากฎเสียงคำรามของสัตว์ดังขึ้น เสมือนเป็นสัตว์ในยุคดึกดำบรรพ์กำลังร้องคำรามออกมา นาทีนี้บนท้องฟ้าเหมือนมีสัตว์ขนาดยักษ์ในยุคดึกดำบรรพ์รอแดนอสูรปีอานอยู่อย่างนั้น

“คู่ปรับเก่ากำลังจะมาแล้ว” หัวหน้าองครักษ์พิทักษ์เมืองรับรู้ถึงกลิ่นอายของสัตว์ยุคดึกดำบรรพ์ บ่นพึมพำขึ้นมา

“อิ๊ววว” ในขณะนี้ ภายในแดนอสูรปีอานปรากฎเสียงร้องคำรามที่ใสและดังของสัตว์ขึ้นมาเช่นกัน จากนั้น ปีอานที่ใหญ่โตมโหฬารได้วิ่งออกมา หลังจากที่ออกมาแล้ว ก้าวเท้าเหยียบฟ้าดินจนแหลกลาญ อ้าปากกลืนกินสุริยันจันทรา!

“โฮ่ววว” จังหวะที่ปีอานขนาดยักษ์บุกขึ้นไปบนท้องฟ้านั้น บนท้องฟ้าก็ปรากฏเสียงดัง “ปัง” เห็นกรงเล็บขนาดยักษ์ที่ตบสวนลงมา…

ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ดั่งธนู นำพาหลี่ชิเย่บุกเข้าไปยังเขตผ่อนปรน บนท้องฟ้าปรากฎประกายเซียนที่ทิ้งตัวลงมา ทางเข้าสู่แดนที่สิบอยู่ตรงหน้านี้เอง

แต่ทว่า นาทีนี้ท่ามกลางเขตผ่อนปรนที่กว้างใหญ่ไพศาลได้มีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น เป็นชายหนุ่มผู้หนึ่ง ชายหนุ่มที่มีท่าทางรูปงามหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร

ชายหนุ่มผู้นี้สวมชุดที่คลุมยาวทั้งตัว บนชุดได้ปักมังกรเอาไว้ตัวหนึ่งในลักษณะแยกเขี้ยวกางเล็บ เหมือนหนึ่งต้องการเหินบินออกมา เมื่อบินออกมาแล้วสามารถฉีกทุกอย่างในฟ้าดินให้กระจุยได้

ชายหนุ่มผู้นี้สวมมงกุฎราชันบนศีรษะ ยืนเอามือไพล่หลัง เสมือนหนึ่งแบกรับสวรรค์เอาไว้บนบ่าอย่างนั้น แม้ว่าเขาไม่มีพลังลมปราณพวยพุ่งออกมาในเวลานี้ ไม่มีอานุภาพราชันเซียนที่พลุ่งพล่าน เขาเก็บงำพลังลมปราณเอาไว้ แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ยามที่เขายืนอยู่ตรงนั้นทำให้ใครก็ตามไม่สามารถก้าวผ่านไปได้

โดยเฉพาะยามที่เขาจ้องมองมานั้น ต่อให้ระดับจักรพรรดิเทพยังต้องสั่นเทา ไม่ต้องรอให้เขาแสดงอำนาจ ไม่ต้องรอให้เขาโกรธ แค่จ้องมองมาเท่านั้น กระทั่งระดับจักรพรรดิเทพก็ต้องก้มกราบกับพื้น สายตาของเขาสามารถสยบฟ้าดินได้ ทุกท่วงท่าของเขาสามารถเขย่าดวงดาวบนท้องฟ้าให้ร่วงหล่นลงมาได้

จอมราชัน! ต่อให้เป็นผู้ที่ไม่รู้อะไรเลยเมื่อเห็นชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ต้องเข้าใจทันทีว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าต้องเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะสืบทอดชะตาฟ้ามาแล้ว และเป็นผู้อยู่ในฐานะสามารถเคียงคู่ราชันเซียนได้!

ขณะที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พุ่งขึ้นมานั้น สายตาของชายหนุ่มผู้นี้ก็ได้ล็อคเป้าหมายที่เป็นหลี่ชิเย่ยืนอยู่บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ทันที พลันที่ถูกสายตาของเขาล็อคเป้าเอาไว้ ต่อให้ระดับจักรพรรดิเทพก็ต้องรู้สึกอ่อนยวบไปทั้งร่าง กระทั่งเป็นจักรพรรดิเทพระดับเก้าแดนก็ไม่สามารถต้านทานกับสายตาเช่นนี้ได้ เกรงว่าแม้แต่ยืนยังไม่มั่นคง

“ใต้เท้าอีกาทมิฬ ข้ารออยู่ที่นี่นานแล้ว” ชายหนุ่มผู้นี้กล่าวขึ้นช้าๆ เมื่อได้เห็นหลี่ชิเย่

การพูดการจาของชายหนุ่มผู้นี้มีจังหวะจะโคนมาก เหมือนว่าทุกจังหวะของฟ้าดินก็ต้องสนองตอบเขาอย่างนั้น พลันที่เขาปริปากก็สามารถควบคุมจังหวะของฟ้าดินเอาไว้ เหมือนว่าฟ้าดินแลจักรวาลล้วนแล้วแต่ อยู่ในมือของเขา

พลังเช่นนี้หาใช่จักรพรรดิเทพระดับสามารถต่อกรราชันเซียนซึ่งหน้าได้จะเทียบเคียงได้ ภายใต้พลังเช่นนี้ การดำรงอยู่ของจักรพรรดิเทพระดับนี้ไม่สามารถต่อกรได้เลย!

หลี่ชิเย่ไม่ได้รู้สึกตระหนกกับการปริปากพูดของชายหนุ่มผู้นี้ เพียงมองหน้าเขาทีหนึ่งแล้วยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “ไม่คุ้นหน้าเลย ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ในบรรดาจอมราชันและเซียนหวางของแดนสิบ ถ้าหากเป็นจอมราชันหรือเซียนหวางที่ข้าไม่เคยพบเจอ หรือไม่อยู่ในความทรงจำมาก่อนคงไม่มี เช่นนั้นแล้ว เจ้าจะต้องบรรลุสัจธรรมหลังราชันเซียนเชียนหลี่แล้วหละ”

“ใต้เท้าอีกาทมิฬมีความรู้กว้างขวางจริงๆ” ชายหนุ่มใบหน้าแฝงด้วยรอยยิ้ม กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ข้าคือจอมราชันองค์แรกของยุคนี้ ฉายาต้าวหลง ได้พบใต้เท้าอีกาทมิฬเป็นครั้งแรก ล่วงเกินแล้ว”

“ราชันสวรรค์ สายเลือดเผ่าสวรรค์” หลี่ชิเย่จ้องมองดูชายหนุ่มแล้วกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ในเมื่อมีฉายาราชันว่าต้าวหลง ดูท่าเจ้าคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับมังกร แต่ว่า บนตัวของเจ้าไม่ได้มีสายเลือดมังกรแท้จริง นั่นย่อมเป็นการบ่งบอกว่าวิชาที่เจ้าฝึกมีส่วนเกี่ยวข้องกับเผ่ามังกร”

“ใต้เท้าอีกาทมิฬมีสายตาที่แหลมคมจริงๆ” ราชันสวรรค์ต้าวหลงถึงกับสัมผัสฝ่ามือไปมา และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เคยมีผู้อาวุโสบอกกับข้าว่า บนโลกนี้มีสิ่งของน้อยอย่างที่สามารถหลอกตาใต้เท้าอีกาทมิฬได้ กำชับข้าให้รอบคอบ วันนี้ได้พบเป็นจริงดังว่า ใต้เท้าอีกาทมิฬไม่เสียทีที่เป็นมือมืดที่คอยกำกับศึกล่าราชันในครั้งครานั้นจริงๆ”

“ที่เจ้ามาวันนี้คงไม่ได้มาพูดคุยสัพเพเหระกระมัง” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวท่าทีเรียบเฉยขึ้นมา

ราชันสวรรค์ต้าวหลงหัวเราะพลางส่ายหน้า และกล่าวไม่สะทกสะท้านว่า “ข้าเองก็อยากจะคุยสัพเพเหระกับใต้เท้าอีกาทมิฬเหมือนกัน แม้ว่าใต้เท้าอีกาทมิฬไม่ได้อยู่ในแดนที่สิบอีกแล้ว แต่ตำนานเกี่ยวกับใต้เท้าได้มีการเล่าลือตลอดระหว่างจอมราชันและเซียนหวาง เสียดาย วันนี้ข้าได้รับการไหว้วานจากผู้อาวุโสให้มาเอาชีวิตของใต้เท้า”

“ไม่แปลก” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “บรรดาตาเฒ่าของเผ่าสวรรค์ เผ่ามาร และเผ่าเทพทั้งสามเผ่าไม่ต้องการเห็นข้าได้ขึ้นไปอยู่บนแดนสิบอีกครั้ง พวกเจ้าย่อมต้องการศีรษะของข้า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ศึกล่าราชันขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง!”

“ข้าเชื่อว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นได้อีกครั้ง” ราชันสวรรค์ต้าวหลงกล่าวขึ้นมาช้าๆ เขาพูดได้ราบเรียบมาก แต่ ทุกคำพูดของเขาหนักแน่นและมีพลัง!

“มั่นใจเต็มเปี่ยม” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะมีปัญญาเอาศีรษะของข้าได้หรือไม่”

“ข้าสืบทอดชะตาฟ้าหกสาย หากว่าชาตินี้เก้าแดนมีผู้ที่ได้เป็นราชันเซียน ไม่ว่าราชันเซียนผู้นี้จะสรรสร้างเคล็ดราชันเช่นใดขึ้นมา ข้าก็มั่นใจว่าสามารถสู้ได้ แต่ว่า สำหรับใต้เท้าอีกาทมิฬแล้วนับว่าเป็นข้อยกเว้นโดยแท้” ราชันสวรรค์ต้าวหลงกล่าวขึ้นช้าๆ

“สืบทอดชะตาฟ้าหกสาย ชาตินี้เจ้าได้ช่วงชิงชะตาฟ้ามาแล้วสองครั้ง ยังเหลืออีกเพียงครั้งเดียว” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยขึ้นมา

ทุกยุคสมัยของแดนสิบจะมีชะตาฟ้ารวมทั้งสิ้นเจ็ดสิบสองสาย ขณะที่ทุกคนที่ได้เป็นจอมราชันมีโอกาสได้สืบทอดชะตาฟ้าสามครั้ง! ส่วนจะสามารถสืบทอดชะตาฟ้าได้กี่สายนั้นขึ้นอยู่กับกำลังความสามารถของจอมราชันแต่ละองค์

แม้ว่าเก้าแดนจะมีชะตาฟ้าเพียงหนึ่งเดียว แต่ชะตาฟ้าหนึ่งเดียวของเก้าแดนมีความแข็งแกร่งมากกว่าชะตาฟ้าหนึ่งสายของแดนที่สิบอยู่มากทีเดียว

ดังนั้น จึงมีคำกล่าวในแดนที่สิบว่า โดยส่วนใหญ่ ราชันเซียนของเก้าแดนที่เพิ่งก้าวขึ้นยังแดนที่สิบจะสามารถสู้กับจอมราชันหรือเซียนหวางของแดนที่สิบที่มีชะตาฟ้าสองถึงหกสายในครอบครอง

แน่นอนที่สุด ราชันเซียนแต่ละองค์ก็จะมีกำลังความสามารถที่แตกต่างกัน ดังนั้น สามารถต่อกรกับจอมราชันและเซียนหวางที่แตกต่างกันเช่นกัน

แต่ทว่า เฉกเช่นราชันเซียนเจียวเหิง ราชันเซียนหญิงหงเทียน ราชันเซียนกู่ฉุนเหล่านี้ถือว่าอยู่ในข้อยกเว้น เนื่องจากขณะที่พวกเขาเพิ่งก้าวขึ้นสู่แดนที่สิบก็ได้สร้างผลงานการรบที่โชติช่วงชัชวาลยิ่งนัก!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *