Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1468 การลงมือของเทพธิดาเก็บจันทรา

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1468 การลงมือของเทพธิดาเก็บจันทรา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1468 การลงมือของเทพธิดาเก็บจันทรา

หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมาขณะนั่งอยู่บนบัลลังก์ราชันกับคำปฏิเสธของจักรพรรดิหอยสังข์ กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า “ถ้าหากโอรสสวรรค์ปกสมุทรไม่ยอมรับคำท้าก็ใช่ว่าจะไม่ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเจ้าก็จะมีทางเลือกอยู่เพียงแค่ทางเดียว นั่นก็คือข้าจะจัดการกับพวกเจ้าทั้งหมด พวกเจ้าที่ได้ชื่อว่าสี่ยอดฝีมือใครก็อย่าหวังมีชีวิตรอดไปจากที่ประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์แห่งนี้”

เมื่อหลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่ประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ถึงกับนิ่งเงียบ รู้สึกหวาดกลัวขึ้นในใจ การที่มีเมิ่งเจิ้นเทียน องค์ชายแห่งความชั่วร้ายพวกเขาที่เป็นยอดฝีมืออยู่กันพร้อมหน้า ในแดนวิญญาณสวรรค์ใครหน้าไหนหาญกล้าทำกำเริบเสิบสาน แต่ หลี่ชิเย่กลับคุกคามข่มขู่พวกของเมิ่งเจิ้นเทียนสี่คนตรงๆ ช่างทรงกำลังอำนาจขนาดไหน เป็นความพาลไร้เหตุผลเช่นใด โดยไม่เห็นพวกของเมิ่งเจิ้นเทียนทั้งสี่คนอยู่ในสายตาเลย

สีหน้าของพวกเมิ่งเจิ้นเทียน องค์ชายแห่งความชั่วร้ายดูไม่จืดเลย พวกเขาต่างก็เป็นผู้ที่สามารถสั่งลมสั่งฝน อำนาจสยบแดนวิญญาณสวรรค์ทั้งสิ้น จะมีใครกล้ากำแหงต่อหน้าพวกเขา แต่ทว่า มาวันนี้หลี่ชิเย่กลับไม่มองพวกเขาอยู่ในสายตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต่อให้เป็นผู้ที่มีความอดกลั้นดีเยี่ยมก็ต้องมีอารมณ์บ้างเหมือนกัน

“หลี่ชิเย่ เจ้าคิดว่าอาศัยเจ้าลำพังคนเดียวสามารถเอาชนะพวกเราทั้งสี่คนได้จริงหรือ? ” องค์ชายแห่งความชั่วร้ายกล่าวท่าทีน่าเกรงขามออกมา

เสินจื่อโจวนับเป็นพื้นที่อิทธิพลของสำนักเทพเจ้าโบราณน้ำลึก ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมีใครกล้าทำกำเริบเสิบสานที่เสินจื่อโจวของพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลักษณะของการท้าทายอำนาจของเทพเจ้าโบราณทะเลลึกของพวกเขา แต่ทว่า เวลานี้หลี่ชิเย่กลับทำการตามอำเภอใจ โดยไม่เห็นเทพเจ้าโบราณทะเลลึกพวกเขาอยู่ในสายตาเลย

“แค่พวกชื่อเสียงจอมปลอมเท่านั้น ไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึง” หลี่ชิเย่หัวเราะนิดหนึ่งพร้อมกับกล่าวตามอารมณ์ออกมา

“พูดพล่ามมากเกินไปแล้ว! ” เทพธิดาเก็บจันทราเวลานี้หมดความอดทนแล้ว กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “พวกเจ้าทั้งสี่ลงมือเลย ปราบพวกเจ้าให้เรียบแล้วจะได้เลิกงานประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ในทันที”

“เทพธิดาเก็บจันทรา เจ้าจะอวดดีเกินไปแล้ว…” สีหน้าของจักรพรรดิลู่เปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำพูดของเทพธิดาเก็บจันทรา ลุกขึ้นยืนและร้องกล่าวเสียงดังออกมาทันที

“อวดดีแล้วไง!” สายตาของเทพธิดาเก็บจันทราดูน่าเกรงขามขึ้นทันที ขาดคำ หนึ่งนิ้วที่กวาดออกไป ปรากฏประกายดาวที่เจิดจ้า ด้วยวาสนาธรรมชาติที่ฟ้าดินประทานมาให้ เป็นปฏิปักษ์กับหยินและหยาง ตัดสินผลกรรม!

ทันทีที่เทพธิดาเก็บจันทราลงมือ ได้แสดงถึงท่วงท่าที่พาลให้เห็นโดยไม่ปิดบังซ้อนเร้นเลย นางไม่เพียงมีท่วงท่าที่งามดั่งเทพธิดาเท่านั้น ทวงท่าเทพธิดาของเขายังพาลอหังการยิ่งนัก!

สีหน้าของจักรพรรดิลู่พลันเปลี่ยนไป เมื่อเห็นหนึ่งนิ้วที่กวาดออกมา จึงกางนิ้วทั้งสิบออกทันที ทันใดนั้น ปรากฎแนวป้องกันเกิดขึ้นยด้านหน้าของจักรพรรดิลู่เป็นชั้นๆ ขึ้นมา กลายเป็นภูเขาที่สูงตระหง่านแต่ละลูกขึ้นด้านหน้าของจักรพรรดิลู่

ภูเขาที่แลดูสูงตระหง่านอันตรายและยิ่งใหญ่ เรียกได้ว่าแม้นยืนเฝ้าเพียงคนเดียว หมื่นคนก็หักหาญเข้าไปไม่ได้ แต่ทว่า ต่อให้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ถูกตั้งวางซ้อนกันเป็นชั้นๆ ภายใต้หนึ่งนิ้วของเทพธิดาเก็บจันทรา “ปัง” เสียงหนึ่งที่ดังขึ้น ภูเขาแต่ละลูกพลันถูกทำลายพังทลายลง ทันใดนั้น ร่างของจักรพรรดิลู่ถูกแรงกระแทกจนตัวลอยออกไป

“เปิด…” ระหว่างที่ร่างของจักรพรรดิลู่ลอยออกไปนั้น จังหวะที่กำลังอยู่ในอันตราย จักรพรรดิลู่คำรามเสียงดังออกมา มือที่กวักออกไปพลันปรากฏเหมือนน้ำตกศักดิ์สิทธิ์ที่ตกลงมาจากฟากฟ้า กลิ่นอายเก่าแก่โบราณแต่ละสายพลันถักทอเข้าด้วยกัน กลายเป็นต้นไม้ขนาดยักษ์ที่สูงตระหง่านเทียมฟ้า โดยที่ต้นไม้ยักษ์ต้นนี้ได้แผ่จิตวิญญาณที่ไม่ขาดสายออกมา ทันใดนั้น ต้นไม้ยักษ์ที่เหมือนดั่งยักษ์ตนหนึ่งได้ปะทุประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีสิ้นสุดออกมา

มาครั้งนี้ ต้นไม้ขนาดยักษ์เสมือนหนึ่งคือปรมาจารย์พฤกษาที่ฟื้นคืนชีพอย่างนั้น หอบเอาท่าทีที่เหนือฟ้าเปรียบประดุจเป็นการลงมือของปรมาจารย์พฤกษา ทันใดนั้น รอบๆ ของต้นไม้ขนาดยักษ์ปรากฎเป็นอักขระยันต์ที่ไม่มีสิ้นสุดออกมาทุกทิศทุกทาง ตัวอักขระยันต์ทุกๆ ตัวเปรียบเหมือนเป็นยันต์ของปรมาจารย์พฤกษาอย่างนั้น อักขระยันต์ทุกๆ ตัวล้วนแล้วแต่สามารถสยบเหล่าชั้นฟ้าได้ทั้งสิ้น

ได้ยินเสียงดัง “ตึง” อักขระยันต์ที่ไม่มีสิ้นสุดได้กลับกลายเป็นกระบี่ขนาดยาวที่ยาวเป็นหมี่นลี้เล่มหนึ่ง หนึ่งกระบี่ที่สามารถฟาดฟันทางช้างเผือกจนขาดกระจุย หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ “ตึง…” กระบี่ส่งเสียงคำรามก้องไปยังเก้าชั้นฟ้า ตรงเข้าฟาดฟันยังตัวของเทพธิดาเก็บจันทราทันที

ในขณะนี้ เทพธิดาเก็บจันทราได้ลงมือแล้ว มือของนางที่กางออกไป หยุดยั้งจักรวาล หยุดกาลเวลาเอาไว้ ยามเมื่อนิ้วทั้งห้าของนางบีบเข้าหา ได้ยินเสียงดัง “ปัง” เหมือนดั่งจักรกวาลถูกบีบจนแหลกละเอียดท่ามกลางนิ้วทั้งห้าของนาง กาลเวลาล่มสลาย ภายใต้การบีบเข้าหากันของนิ้วทั้งห้า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่กลายเป็นเถ้าธุลีไป

“ตึง” เป็นเสียงของกระบี่ที่หักสะบั้นดังขึ้น กระบี่ยาวพลันหักเป็นท่อนๆ กว่าสิบท่อน ขณะเดียวกัน “ตูม” ต้นไม้ขนาดยักษ์ที่สูงเทียมฟ้าถูกบีบจนแหลกละเอียด ปรากฏเป็นเศษไม้จำนวนนับไม่ถ้วนที่ปลิวว่อนเต็มท้องฟ้า

“ปุ…” จักรพรรดิลู่กระอักเลือดออกมาอย่างแรง จากนั้นได้ยินเสียงดัง “คร๊ากก” ร่างของจักรพรรดิลู่ถูกพลังกระแทกเข้าให้จนตัวลอยอีกครั้ง พร้อมกับกระดูกที่แตกร้าวของร่างกาย

จักรพรรดิลู่ในครั้งนี้ไม่ใช่จักรพรรดิลู่ในวันนั้นอีกแล้ว จักรพรรดิลู่ในวันนั้นยังคงเป็นร่างกายของจักรพรรดิลู่เอง มาครั้งนี้ เป็นร่างกายของจักรพรรดิลู่ที่ถูกควบคุมบงการโดยหลงจวู๋หย่าจู่ เขาจึงมีพลังของหลงจวู๋หย่าจู่ส่วนหนึ่งอยู่ในตัว

ต่อให้จักรพรรดิลู่ที่มีพลังบางส่วนของหลงจวู๋หย่าจู่บนตัวในเวลานี้ก็ตาม ภายใต้สองสามกระบวนท่าของเทพธิดาเก็บจันทรายังคงพ่ายแพ้อย่างยับเยิน หาใช่คู่ต่อสู้ของเทพธิดาเก็บจันทราเลย เว้นแต่ร่างจริงของเขาจะมาด้วยตนเอง

.ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าได้สร้างความสะเทือนหวั่นไหวเหลือเกิน ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่หวั่นไหวจนไม่อาจเรียกสติคืนมาอยู่เป็นเวลานาน หลงจวู๋หย่าจู่ที่สิงอยู่ในร่างของจักรพรรดิลู่ต้องพ่ายแพ้ให้กับเทพธิดาเก็บจันทราเพียงแค่สองสามกระบวนท่าเท่านั้น ผลที่ออกมาเช่นนี้สร้างความสะเทือนใจผู้คนยิ่งนัก!

โดยเฉพาะสำหรับพวกของเมิ่งเจิ้นเทียน องค์ชายแห่งความชั่วร้ายแล้ว พวกเขาถึงกับใจหายใจคว่ำ พวกเขาย่อมรู้ดีว่า จักรพรรดิลู่ที่มีพลังของหลงจวู๋หย่าจู่อยู่ในตัวส่วนหนึ่งนั้นมีความแข็งแกร่งเพียงใด แต่ทว่า ในเวลานี้ เมื่อต้องเผชิญกับเทพธิดาเก็บจันทรา กลับไม่สามารถรับการโจมตีของเทพธิดาเก็บจันทรา ได้เลย

“ไม่เสียทีที่เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดตลอดกาลของราชันเซียนหญิงหงเทียน” สีหน้าของผู้คนจำนวนมากเปลี่ยนไปมากเมื่อมองเห็นความแข็งกร้าวและพาลของเทพธิดาเก็บจันทรา ถึงกับหวาดกลัวยิ่งนัก

“แค่หุ่นเชิดเท่านั้น ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง!” เทพธิดาเก็บจันรากล่าวท่าทีน่าเกรงขามว่า “ให้ร่างจริงออกมา ข้าจะซัดเจ้าให้คลานอยู่กับพื้นตามระเบียบเหมือนเดิม!”

ความอหังการของเทพธิดาเก็บจันทราสุดจะบรรยายได้จริงๆ หลงจวู๋หย่าจู่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่รองจากปรมาจารย์พฤกษาเท่านั้น ผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องมีสีหน้าแปรเปลี่ยนไปเมื่อมีการเอ่ยถึงชื่อนี้ แต่ทว่า เทพธิดาเก็บจันทรากลับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย

ซูหย่งหวงถึงกับจ้องมองหลี่ชิเย่อยู่หลายครั้ง เมื่อมองเห็นความอวดดีและพาลของเทพธิดาเก็บจันทรา ความอวดดีและพาลของเทพธิดาเก็บจันทราก็คือพิมพ์เดียวกันกับหลี่ชิเย่ชัดๆ

ไม่ง่ายนักกว่าจักรพรรดิลู่จะลุกขึ้นยืนได้ เขาโกรธจนร่างสั่นเทิ้ม เวลานี้เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร สู้ก็ไม่ใช่ ไม่สู่ก็ไม่ใช่ หากจะสู้ล่ะก็ ตัวเขาที่ปัจจุบันหยั่งรากอยู่ในพื้นที่บรรพชนหากจะออกมาสิงอยู่ในร่างของจักรพรรดิลู่แบบเต็มตัว ต้องแลกมาด้วยค่าตอบแทนที่สูงมาก ซึ่งจะสร้างความเจ็บปวดใจอย่างยิ่งกับค่าตอบแทนที่ต้องเสียไป

หากเลือกที่จะไม่สู้ การที่ถูกเทพธิดาเก็บจันทรากล่าววาจาดูถูกถึงเพียงนี้ และการพ่ายแพ้ต่อเทพธิดาเก็บจันทราเช่นนี้ ทำให้เขาไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ไหน

“ในเมื่อระดับผู้เยาว์ต้องการสะสางบุญคุณความแค้นต่อกัน งั้นก็ปล่อยให้ผู้เยาว์ได้ไปตัดสินชี้ขาดกันเองก็แล้วกัน รุ่นอาวุโสอย่างพวกเราก็ไม่ต้องเข้าไปก้าวก่าย” ในเวลานี้ องค์ชายแห่งความชั่วร้ายได้พูดกับจักรพรรดิหอยสังข์ขึ้นมาอย่างช้าๆ “พี่จักรพรรดิ ศิษย์สำนักของท่านนับเป็นบุรุษผู้สูงส่ง ใยจะต้องเกรงกลัวกับการต่อสู้ ให้เขาลงมือดับเพลิงฮึกเหิมของศัตรูบ้างก็แล้วกัน”

เวลานี้ องค์ชายแห่งความชั่วร้ายเองก็ไม่ต้องการปะทะซึ่งหน้ากับเทพธิดาเก็บจันทราโดยตรง ยอดฝีมือทั้งสี่เช่นพวกเขานับเป็นพันธมิตรที่เข้มแข็งมาก หากพวกเขาทั้งสี่สามารถรักษาความร่วมมือในลักษณะเช่นนี้เอาไว้ได้ล่ะก็ ในอนาคตต้องมีความหวังอย่างมาก แต่หากจะต้องเกิดการเสียหายกับหลงจวู๋หย่าจู่ที่กำลังปะทะกันอยู่ในขณะนี้ไป จะทำลายสภาพความเป็นพันธมิตรสี่ยอดฝีมือลง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่ออนาคตของพวกเขา

หากเรื่องเล็กน้อยไม่ยอมอดกลั้นจะส่งผลเสียต่อแผนการใหญ่ได้ ดังนั้น หลังจากที่องค์ชายแห่งความชั่วร้ายได้ชั่งน้ำหนักดูแล้ว จึงคิดว่าให้โอรสสวรรค์ปกสมุทรออกรบให้มันรู้แล้วรู้รอดไป เพื่อหลีกเลี่ยงความโดดเด่นของเทพธิดาเก็บจันทรา

จักรพรรดิหอยสังข์ไตร่ตรองนิดหนึ่ง ในที่สุดได้สั่งการกับโอรสสวรรค์ปกสมุทรไปว่า “ไปเถอะ ถึงเวลาที่ต้องทำลายความฮึกเหิมของศัตรูแล้ว ภาระกิจยิ่งใหญ่ในการประกาศอำนาจเผ่าพันธุ์ปีศาจทะเลพวกเราอยู่บนบ่าของเจ้าแล้ว”

จักรพรรดิหอยสังข์เองประเมินแล้วเช่นกันว่า การหลบความร้อนแรงของเทพธิดาเก็บจันทราในเวลานี้ก็นับว่าเป็นการกระทำที่ชาญฉลาดที่สุด อีกอย่าง โอรสสวรรค์ปกสมุทรคือความภาคภูมิใจของสำนักแตรสังข์พวกเขา การรับคำท้าสู้ก็ไม่เห็นว่าจะต้องพ่ายแพ้ให้กับเผ่าพันธุ์มนุษย์คนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านั้นโอรสสวรรค์ปกสมุทรก็เคยเอาชนะซูหย่งหวงมาแล้ว!

“ศิษย์เข้าใจ” โอรสสวรรค์ปกสมุทรกล่าวพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และโค้งคำนับทีหนึ่ง

“นี่คืออาวุธของบรรพบุรุษ มันสามารถช่วยเจ้าได้อีกแรงหนึ่ง” ขณะที่โอรสสวรรค์ปกสมุทรกำลังจะรับคำท้าอยู่นั้น จักรพรรดิหอยสังข์ได้เรียกโอรสสวรรค์ปกสมุทรเอาไว้ ล้วงเอาถุงมือออกมาคู่หนึ่งยื่นให้กับโอรสสวรรค์ปกสมุทร

ถุงมือคู่นี้ส่งประกายระยิบระยับ และแผ่กลิ่นอายของเทพเจ้าแห่งทะเลออกมา ยามที่โอรสสวรรค์ปกสมุทรได้สวมถุงมือคู่นี้แล้วนั้น มือทั้งสองของเขาเสมือนดั่งเป็นมือของเทพเจ้าแห่งทะเลอย่างนั้น

ถุงมือคู่นี้นับว่ามีประวัติความเป็นมาที่ไม่ธรรมดา มันเคยเป็นสุดยอดผลงานของเทพเจ้าแห่งทะเลหอยสังข์ เคยเกรียงไกรไปทั่วหล้าเคียงข้างเทพเจ้าแห่งทะเลหอยสังข์มา ต่อมา เทพเจ้าแห่งทะเลหอยสังข์ได้ส่งมอบถุงมือคู่นี้ให้กับบุตรชายของเขา ซึ่งก็คือจักรพรรดิหอยสังข์นั่นเอง

หลังจากที่โอรสสวรรค์ปกสมุทรได้สวมถุงมือเทพเจ้าแห่งทะเลแล้ว ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ก้าวเดินตัวตรงออกมา ทุกๆ ฝีก้าวของเขาดูมีความมั่นคงแน่นอน เขาเดินไม่เร็วนัก แต่ทุกย่างก้าวดูเป็นมาตรฐานมาก เหมือนว่าทุกฝีก้าวล้วนแล้วแต่มีการวัดระยะมาแล้วอย่างนั้น

หลังจากที่โอรสสวรรค์ปกสมุทรก้าวเดินออกมาแล้ว ปรากฏทั่วทั้งร่างของเขาถูกห้อมล้อมไปด้วยหมอกที่หนาทึบ คล้ายดั่งตัวเขานั้นหลบซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหมอกที่หนาทึบอย่างนั้น แต่ก็ดุจดั่งร่างกายของเขาได้หลอมรวมกเข้ากับอากาศจนกลายเป็นร่างเดียวกัน ทำให้ตัวของโอรสสวรรค์ปกสมุทรเหมือนว่าได้เพิ่มความลึกลับขึ้นไปอีกหลายส่วน

“การต่อสู้ระหว่างเจ้ากับข้า ไม่ตายไม่เลิกรา!” โอรสสวรรค์ปกสมุทรยืนอยู่กลางอากาศ กล่าวน้ำเสียงน่าเกรงขามออกมา เวลานี้ การพูดการจาของโอรสสวรรค์ปกสมุทรดูมีพลังยิ่ง เปี่ยมด้วยความมั่นใจ ปณิธานการต่อสู้ฮึกเหิม

กล่าวสำหรับโอรสสวรรค์ปกสมุทรแล้ว เขามีความมั่นใจว่าสามารถเอาชนะซูหย่งหวงได้ เพราะว่าก่อนหน้านั้นเขาก็เคยเอาชนะมาได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น การที่บรรพบุรุษได้มอบถุงมือที่ทรงพลังยิ่งเช่นนี้ให้กับเขาในเวลานี้ ด้วยความทรง

พลังของถุงมือนี้อยู่เหนืออาวุธเทพเจ้าแห่งทะเลทั้งหมดอยู่มากทีเดียว

ตัวของโอรสสวรรค์ปกสมุทรมีกำลังที่แข็งแกร่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อมีถุงมือเทพเจ้าแห่งทะเลที่ทรงพลังเช่นนี้เพิ่มเข้าไปอีก จึงยิ่งเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับเขาว่า สามารถเอาชนะซูหย่งหวงได้อย่างแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น กล่าวสำหรับเขาแล้วศึกนี้เขาจะต้องชนะให้ได้ ถ้าหากเขาชนะเท่ากับเป็นการยืนยันฐานะของเขาในเผ่าปีศาจทะเล สามารถสร้างชื่อในการประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ ทำให้ชื่อเสียงของตนขจรไกล เป็นการเพิ่มโอกาสความเป็นเทพเจ้าแห่งทะเลของเขา

ดังนั้น กล่าวสำหรับโอรสสวรรค์ปกสมุทรแล้ว การศึกครั้งนี้จะต้องเกิดขึ้นให้ได้ อีกทั้งเขาจะต้องเป็นฝ่ายกำชัยอย่างแน่นอน เขาจะได้สร้างชื่อเสียงที่โด่งดังมากเป็นที่ประจักษ์

ทันใดนั้น นาทีนี้โอรสสวรรค์ปกสมุทรเหมือนมังกรเห็นภาพที่ตนเองได้ชัยชนะกลับมาอย่างนั้น คราวนี้ เขาจะต้องสังหารซูหย่งหวงให้จงได้ เพื่อเป็นการบั่นทอนความฮึกเหิมของหลี่ชิเย่

ความจริงแล้ว ทั้งองค์ชายแห่งความชั่วร้าย และเมิ่งเจิ้นเทียนพวกเขาก็มีความคิดเช่นเดียวกัน คาดหวังอาศัยมือของโอรสสวรรค์ปกสมุทรสังหารซูหย่งหวงเสีย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วย่อมสามารถบั่นทอนความฮึกเหิมของหลี่ชิเย่ลงได้

ภายใต้ลักษณะการต่อสู้เพื่อชี้ขาดเช่นนี้ หากซูหย่งหวงพ่ายแพ้ ต่อให้หลี่ชิเย่คิดจะคืนคำก็ไม่มีโอกาสเสียแล้ว ภายใต้การต่อสู้ชี้ขาดเช่นนี้ หากถูกศัตรูสังหารก็ได้แต่โทษตัวเองที่ฝีมือไม่ดี เมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้หลี่ชิเย่คิดจะออกหน้าแทนนางก็ไม่มีโอกาสเสียแล้ว

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *