Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2432 แต่งงานแทน

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2432 แต่งงานแทน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แม้ว่าราชวงศ์โต่วเซิ่นจะเงียบสงบยิ่งนัก หลังจากที่กองทัพหยินมี่ได้หายสาบสูญไปแล้ว หกกองทัพใหญ่อื่นๆ ก็ไม่ได้กระทำการบุ่มบ่าม และแคว้นเจ้าลัทธิอื่นๆ ก็ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวแม้เพียงน้อยนิด

แต่ว่า นี่เป็นเพียงความสงบก่อนที่พายุฝนฟ้าคะนองจะมาเท่านั้นเอง ไม่ว่าใครก็ตามในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ต่างได้กลิ่นอายที่ไม่สงบและจิตใจที่ไม่สงบสายหนึ่ง

ความจริงแล้ว แม้ว่าหกกองทัพใหญ่ไม่ได้กระทำการใดๆ อีกทั้งบรรดาแคว้นเจ้าลัทธิของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ก็อยู่ระหว่างรอจังหวะบุกโจมตี แต่มีผู้ที่กำลังจะเคลื่อนไหวก่อการกบฏอยู่ลับๆ แล้ว

ลองนึกดู ฮ่องเต้ไท่ชิงเป็นฮ่องเต้มาสามยุคสมัย อำนาจฮ่องเต้ของราชวงศ์โต่วเซิ่นถูกรวมศูนย์อยู่ในขั้นสูงสุดอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน การสั่งสมทั่วทั้งราชวงศ์โต่วเซิ่นไม่ว่าจะเป็นด้านของผืนแผ่นดินหรือทรัพย์สมบัติล้วนแล้วแต่ก้าวไปถึงขั้นทำให้คนทั้งแผ่นดินต้องตาลุกวาวแล้ว เวลานี้ฮ่องเต้องค์ใหม่ไร้ความสามารถ แล้วจะไม่ให้ผู้คนทั่วหล้ารู้สึกอยากได้สิ่งนี้อย่างยิ่ง และกำลังเคลื่อนไหวที่จะก่อการได้อย่างไรเล่า? สำหรับสถานการณ์ใต้หล้านั้น หลี่ชิเย่ไม่ยอมรับรู้ทั้งสิ้น เสมือนหนึ่งไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นอย่างนั้น ตรงกันข้าม กลับเป็นจางเจี๋ยตี้ที่กังวลและส่งคนคอยสืบเสาะหาข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ใต้หล้า ให้ความสนใจในสำนักใหญ่ต่างๆ และทุกๆ ความเคลื่อนไหวของหกกองทัพใหญ่

นับว่าจางเจี๋ยตี้มีความจงรักภักดีต่อหลี่ชิเย่อยู่ เขาไม่ต้องการให้แผ่นดินของราชวงศ์โต่วเซิ่นต้องล่มสลายด้วยประการเช่นนี้ เขาคาดหวังสามารถทำอะไรให้กับหลี่ชิเย่ได้บ้าง

แต่จางเจี๋ยตี้จะอย่างไรก็คือจางเจี๋ยตี้ แม้ว่าเขาจะเป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะคนหนึ่ง แต่กำลังความสามารถก็มีขีดจำกัด จะอย่างไรเสียท่ามกลางระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ที่เป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิยักษ์ใหญ่นั้น เทพแท้จริงขั้นอมตะมีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว

ไม่ว่าจะเป็นด้านธาตุแท้ภายใน หรือว่าบารมีนั้น จางเจี๋ยตี้ดูจะอ่อนไปนิดหนึ่งเทียบไม่ได้กับซุนหลึ่งหยิ่ง จะอย่างไรเสียซุนหลึ่งหยิ่งติดตามฮ่องเต้ไท่ชิงมานานสามยุคสมัยแล้ว อีกทั้ง ยังกุมอำนาจอยู่ในมือ เข่นฆ่าทั่วหล้า ซึ่งทำให้ซุนหลึ่งหยิ่งได้สั่งสมอำนาจบารมีที่สยบทั่วหล้าเอาไว้อย่างเพียงพอ

เฉกเช่นผู้ดำรงอยู่ในฐานะปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้านั้น ซุนหลึ่งหยิ่งยังคงสามารถเอาอยู่ แต่หากเปลี่ยนเป็นจางเจี๋ยตี้ล่ะก็ไม่สามารถทำได้ อย่าว่าแต่ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าเลย แม้แต่แม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพหยินมี่ จางเจี๋ยตี้ก็ไม่สามารถสร้างผลกระทบได้อย่างเพียงพอกับพวกเขา

ความจริงแล้ว ในขณะที่กองทัพหยินมี่กำลังจะถอนทัพจากไปนั้น จางเจี๋ยตี้ได้เคยพยายามหว่านล้อมอย่างเต็มที่ต่อผู้นำกองทัพของกองทัพหยินมี่มาก่อน แต่ว่า ผู้นำกองทัพของกองทัพหยินมี่ไม่ให้เกียรติแก่จางเจี๋ยตี้ ยังคงทำตามอำเภอใจและถอนทัพจากไป

ถ้าหากซุนหลึ่งหยิ่งยังคงอยู่ล่ะก็ ขอคำพูดคำเดียวของเขาก็เพียงพอแล้ว ก็สามารถรั้งกองทัพหยินมี่ได้ทั้งกองทัพ

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ นิดหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้แคร์ และไม่ได้ใส่ใจกับความทุกข์ใจของจางเจี๋ยตี้

“ฝ่าบาท ตระกูลขุนนางปิงฉือได้ส่งตัวสนมมาแล้ว” ขณะที่หลี่ชิเย่ยังคงเอ้อระเหยสบายๆ อยู่นั้น จางเจี๋ยตี้ได้เข้ารายงานต่อหลี่ชิเย่

จางเจี๋ยตี้ก็แค่เรียกว่า ‘พระชายา’ โดยไม่ได้เรียกเป็น ‘ฮองเฮา’ จะอย่างไรเสีย ในครั้งนั้นฮ่องเต้ไท่ชิงได้กำหนดให้มีพระชายารวดเดียวถึงห้าคน ใครจะได้เป็นฮองเฮายังไม่ชัดเจนเลย

“คุณหนูของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือรึ?” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่งและกล่าวว่า “ดูท่ามีความไวมากเหลือเกินนี่ ให้นางมาพบข้าก็แล้วกัน”

“ให้พระชายาได้เตรียมตัวบ้างเถอะ” จางเจี๋ยตี้ถึงกับยิ้มเจื่อนๆ เมื่อเห็นท่าทางของหลี่ชิเย่ที่เหมือนอดใจไม่ไหวอย่างนั้น

“อืมม…” หลี่ชิเย่เพียงตอบรับตามอารมณ์คำหนึ่ง ไม่ได้บอกว่าได้หรือไม่ได้

หลังจากที่พระชายาจากตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือผ่านการชำระล้างกายาและตรียมตัวพร้อมแล้ว ในที่สุดภายใต้การเคียงข้างด้วยนางกำนัลได้เดินทางมาเข้าเฝ้าฮ่องเต้องค์ใหม่

ได้ยินเสียงเครื่องประดับหยกที่ดังขึ้นเป็นระลอก ท่ามกลางการห้อมล้อมของเหล่านางกำนัล มองเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งก้าวเดินมาช้าๆ หญิงสาวผู้นี้สวมใส่ชุดสีแดงทั้งชุด บนเสื้อได้เดินดิ้นทองและปักรูปหงส์ สูงส่งและมีระดับ ทำให้ผู้พบเห็นทราบได้ทันทีว่าหากไม่ใช่ฐานะสูงส่งก็ต้องมีฐานะร่ำรวย

หญิงสาวผู้นี้ก็คือผู้ที่ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือส่งมาเป็นพระชายา เวลานี้แม่นางของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉืออดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ เนื่องจากนางรู้ว่าคืนนี้ฮ่องเต้องค์ใหม่จะต้องนอนร่วมฮ่องเต้องค์ใหม่ ในฐานะที่เป็นแม่นางเป็นสาวรุ่นที่ยังไม่ได้แต่งงานคนหนึ่ง จู่ๆ ต้องมาเป็นเจ้าสาวของผู้ชายคนที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อน ทั้งยังไม่รู้ว่าหน้าตาของผุ้ชายนี้เป็นผู้เฒ่าหรือหน้าตาน่าเกลียดหรือไม่ แล้วจะไม่ให้ภายในใจของนางตื่นเต้นและเป็นกังวลได้อย่างไรเล่า

แม่นางจากตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือมองเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในระยะที่ห่างไกลตรงนั้นแวบหนึ่ง จึงหลับตาลงไม่กล้ามองดูมากนัก เมื่อเดินเข้าไปใกล้ คุกเข่าลงกับพื้นและร้องกล่าวว่า “ถวายบังคมฝ่าบาท”

“เงยหน้าขึ้นสิ” หลี่ชิเย่มองดูหญิงสาวที่ก้มกราบอยู่ตรงหน้า และเอ่ยขึ้นช้าๆ

แม่นางแห่งตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือรู้สึกตะลึงงันนิดหนึ่ง เมื่อได้ยินคำพูดของชายผู้นี้ดังขึ้นที่ข้างหู เสียงนี้ฟังดูคุ้นๆ อยู่ เหมือนเคยได้ยินมาจากไหนก่อนหน้าอย่างนั้น นางอดที่จะเงยหน้าขึ้นช้าๆ

หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มบางๆ ขึ้นมาเมื่อมองเห็นแม่นางที่อยู่ตรงหน้า ขณะที่แม่นางตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือถึงกับตกตะลึงจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก เมื่อได้สติกลับมาแล้วตกใจจนแทบจะกระโดดตัวลอยขึ้นมา

“ลุกขึ้น” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มขึ้นมา โบกมือเบาๆ

สำหรับจางเจี๋ยตี้ที่ยืนอยู่ด้านหลังหลี่ชิเย่นั้น สายตาพลันเพ่งมองไปข้างหน้า เผยประกายเยือกเย็นออกมา

หลังจากที่แม่นางตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือลุกขึ้นยืนแล้ว ในขณะนี้นางหมดปัญญาที่จะทำอะไร ตัวนางเองก็ยังตะลึงงัน มือคู่นั้นของนางไม่รู้ว่าควรจะวางไว้ตรงไหนดี

“แม่นาง มีวาสนาพบเจอกันได้ทุกที่นะเนี่ย” หลี่ชิเย่ยิ้มแต้เอ่ยขึ้น

“หม่อมฉัน หม่อมฉัน หม่อมฉัน…” ในขณะนี้แม่นางตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร นางไม่นึกไม่ฝันเลยว่า ฮ่องเต้องค์ใหม่ถึงกับเป็นจอมมารน้อยในร่างมนุษย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในทางไม่ดีของเมืองหลวง

แม่นางของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือผู้ที่อยู่ตรงหน้าก็คือปิงฉือหยิ่งเจี้ยนที่หลี่ชิเย่เคยพบเจอที่ร้านเหล็กมา เวลานี้นางถึงกับแต่งเข้าวังในฐานะธิดาศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ ช่างเป็นเรื่องที่น่าสนใจเหลือเกิน

ปิงฉือหยิ่งเจี้ยนเองก็ได้รับการแต่งตั้งในช่วงวิกฤตอย่างกะทันหัน ถูกแต่งตั้งให้เป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ เพื่อแต่งเข้าวังเป็นพระชายา

“เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าคือผู้แทนของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือล่ะสิ?” หลี่ชิเย่เอามือลูบคาง ยิ้มกล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหย

ภายในใจของปิงฉือหยิ่งเจี้ยนสะท้านทีหนึ่ง ที่นางยินดีกลับไปยังตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ ยินดีเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์เพื่อแต่งเข้าวัง นั่นเป็นเพราะเพื่อสายของพวกเขา เพื่อให้สายของราชันแท้จริงพั่วปิงสามารถกลับไปยังตระกูลขุนนางโบราณปิงฉืออีกครั้ง สามารถสืบทอดต่อไปได้อีกครั้ง

“ข้า ข้าเป็นทายาทของราชันแท้จริงพั่วปิง ก็ ก็สามารถเป็นผู้แทนสายตรงของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ” ปิงฉือหยิ่งเจี้ยนกัดริมฝีปาก กล่าวขึ้นมาเบาๆ ในตอนท้าย

นางเองก็นึกไม่ถึงว่า ฮ่องเต้องค์ใหม่ถึงกับเป็นจอมมารน้อยในร่างมนุษย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในทางไม่ดีของเมืองหลวง อีกทั้ง ระหว่างพวกเขาเคยผ่านเหตการณ์มาช่วงหนึ่ง ทำให้เวลานี้ภายในสมองของปิงฉือหยิ่งเจี้ยนดูยุ่งเหยิงยิ่งนัก

“ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรผิดปรกติ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “สายเลือดของเทพแท้จริง นับว่าสูงส่งจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นราชันแท้จริงพั่วปิงก็นับว่าเป็นราชันเซียนที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งจริงๆ กล่าวสำหรับตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ ก็สามารถเป็นตัวแทนของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือทั้งหมดได้”

เมื่อปิงฉือหยิ่งเจี้ยนได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่แล้วถึงกับหายใจด้วยความโล่งอกทีหนึ่ง

“เจี๋ยตี้เอ๊ย” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “ตามหลักแล้ว ชายาที่มาจากตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือคือคนไหนรึ?”

“กราบทูลฝ่าบาท คือปิงฉือหานยวี่ และเป็นทายาทของปิงฉือเจี๋ยจุน ตามพระประสงค์ของฮ่องเต้องค์ก่อนคือให้ปิงฉือหานยวี่แต่งเข้าวัง” จางเจี๋ยตี้กล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา

“น่าสนใจนะเนี่ย” หลี่ชิเย่ยิ้มและเอามือลูบคาง กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า ”ดูท่าตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือก็แค่ต้องการตบตานิดหนึ่งเท่านั้น”

ครั้งนั้น ปิงฉือเจี๋ยจุนรับปากฮ่องเต้ไท่ชิง ให้สายเลือดที่สูงส่งที่สุดของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือแต่งเข้าวัง ครั้งนั้นย่อมหมายถึงองค์หญิงปิงฉือหานยวี่ องค์หญิงแห่งตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือแล้วล่ะ

แต่ว่า เวลานี้ฮ่องเต้ไท่ชิงสวรรคต ซุนหลึ่งหยิ่งจากไป กองทัพหยินมี่หายสาบสูญ ส่งผลให้ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือกลับคำ เนื่องจากพวกเขาไม่เชื่อมั่นในฮ่องเต้องค์ใหม่ และไม่มั่นใจในราชวงศ์โต่วเซิ่นปัจจุบัน ดังนั้น จึงไม่ยินดีให้องค์หญิงแห่งตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือพวกเขา องค์หญิงปิงฉือหานยวี่แต่งเข้าวัง

ดังนั้น จึงมีคำสั่งขึ้นมากะทันหันให้ติดตามตัวปิงฉือหยิ่งเจี้ยนที่เป็นองค์หญิงตกอับผู้นี้มาสวมแทน ให้ปิงฉือหยิ่งเจี้ยนแต่งเข้าวังแทนองค์หญิงปิงฉือหานยวี่

ตามหลักการแล้ว นับว่าสมเหตุสมผลดี จะอย่างไรเสียสายเลือดของปิงฉือหยิ่งเจี้ยนก็มีความสูงส่งยิ่งนัก ในฐานะทายาทของราชันแท้จริงพั่วปิง หากจะว่ากันถึงเรื่องของสายเลือดแล้ว นางสูงส่งกว่าปิงฉือหานยวี่เสียอีก ยิ่งไปกว่านั้น ตัวของปิงฉือหยิ่งเจี้ยนในเวลานี้ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นองค์หญิงของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือแล้ว ดังนั้น นางแต่งเข้ามาในฐานะพระชายาก็ไม่ถือว่าเป็นการขัดรับสั่งที่เป็นคำสั่งเสียของฮ่องเต้ไท่ชิง

“เรื่อง เรื่อง เรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ” ปิงฉือหยิ่งเจี้ยนออกอาการร้อนรน รีบกล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “เป็น เป็น เป็นข้าที่ยินดีแต่งเข้ามาเอง” เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ นางไม่กล้ามองหน้าหลี่ชิเย่

“นับตั้งแต่ปิงฉือขวางฟ่างพ่ายแพ้สงครามแล้ว สายของพวกเจ้าก็ถูกตัดออกจากตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือไปแล้ว สายของพวกเจ้ายังสามารถเป็นผู้แทนของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือได้อีกรึ?” ดวงตาทั้งสองของจางเจี๋ยตี้เยือกเย็นและเอ่ยขึ้นช้าๆ

ยามที่สายตาคู่นั้นของเทพแท้จริงขั้นอมตะเผยความเยือกเย็นออกมานั้น ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ปิงฉือหยิ่งเจี้ยนอดที่จะสั่นเทาไม่ได้ ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก

“เจี๋ยตี้น่ะ นี่เจ้าทำให้แม่นางเขาตกใจแล้ว” หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมา โบกมือกับปิงฉือหยิ่งเจี้ยน และกล่าวว่า “เจ้ากลับไปพักผ่อนในตำหนักก่อน เดินทางมาไกลคงเหนื่อยแล้ว”

ปิงฉือหยิ่งเจี้ยนในเวลานี้ถึงกับงุนงงอยู่ตรงนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา ภายในเมืองหลวงตามลือกันว่าจอมมารน้อยในร่างมนุษย์เป็นผู้ที่มักมากในกาม แย่งชิงหญิงชาวบ้านกลางถนน เวลานี้ดูไปแล้วเหมือนว่ามันไม่เป็นเช่นนั้น

ปิงฉือหยิ่งเจี้ยนทำท่าขยับปากเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร สุดท้ายได้แต่หุบปาก ถวายบังคมแล้วก็ล่าถอยออกไป

“น่าสนใจนะ” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “เจี๋ยตี้ ถ่ายทอดคำสั่งเรา ให้กองทัพส่วนกลางยกทัพโจมตีตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือทันที”

“ฝ่าบาท…” พลันที่หลี่ชิเย่โพล่งคำๆ นี้ออกมา ทำเอาจางเจี๋ยตี้ตกใจเป็นการใหญ่ จู่ๆ ก็มีคำสั่งให้กองทัพส่วนกลางเข้าโจมตีตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ นี่มันคือเด็กเล่นขายของชัดๆ

“ทำไมรึ มีปีญหาหรือ?” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวขึ้นมา

“ฝ่าบาท นี่ นี่ นี่ทำเช่นนี้ไม่ได้นะ” จางเจี๋ยตี้รีบกล่าวว่า “ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ อาศัยความเท็จมาแทนของจริง ตบตาเรื่องสมรสของฮ่องเต้ โทษสมควรตายหมื่นครั้ง กระหม่อมก็ทราบว่าฝ่าบาททรงกริ้วในพระทัย แต่ ทำแบบนี้ไม่ได้จริงๆ เวลานี้สถานการณ์ผันผวน กองทัพส่วนกลางไม่สามารถโยกโดยพละการ…”

เรื่องสมรสขององค์ฮ่องเต้เป็นเรื่องใหญ่ การที่ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉืออาศัยองค์หญิงตัวปลอมแต่งเข้าวังมา ย่อมเป็นการหลอกลวงฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน เปลี่ยนเป็นฮ่องเต้องค์ใดก็ตามก็ต้องทรงกริ้ว

“ไม่ เจ้าผิดแล้ว” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ข้าไม่ได้โกรธแม้แต่น้อย เรื่องเช่นนี้ไม่มีอะไรต้องโกรธอยู่แล้ว เพียงแต่ นี่มันช่างเป็นโอกาสที่ดีเหลือเกิน เดิมทีข้ายังคิดจะให้ผู้อื่นด่าว่าข้าเป็นคนเสียสติ หรือด่าว่าข้าเป็นคนบ้าสงครามอะไรทำนองนั้น เวลานี้ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือไม่ยอมให้ข้าแม้แต่โอกาสเช่นนี้”

“เดิมทีข้าคิดไว้แล้วว่าจะส่งกองทัพเกรียงไกรไปทั่วหล้า ไม่ว่าจะเป็นตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ หอหลินไห่เก๋ออะไรนั่น ทั้งหมดจัดการโจมตีมันสักรอบหนึ่งก่อนค่อยว่ากัน” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “เวลานี้ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือเล่นเอาองค์หญิงตัวปลอมแต่งเข้าวังก่อน ก็ดี เราจะได้ไม่ต้องหาข้ออ้างอีกแล้ว ส่งกองทัพจัดการกับพวกมันอย่างหนักอย่างเต็มที่”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *