Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 3071 กลืนกินเพลิงชั่วร้าย

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 3071 กลืนกินเพลิงชั่วร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3071 กลืนกินเพลิงชั่วร้าย

นาทีนี้เทพสงครามจินเปี้ยนไม่ได้คำรามออกมาด้วยความโกรธ เทพม้วนเมฆาก็ไม่ได้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ทุกคนล้วนแล้วแต่สงบเงียบมาก

ในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นหมิงหวังฝอที่เป็นอริยะสงฆ์ที่บรรลุธรรม หรือจะเป็นเทพสงครามจินเปี้ยนที่ฆ่าฟันอย่างไร้ความปราณี พวกเขาต่างมีสภาพจิตที่อ่อนโยนลงไปมากทีเดียว พวกเขาล้วนแล้วแต่อาศัยจิตใจที่อ่อนโยนที่สุดให้การต้อนรับการโจมตีครั้งสุดท้ายที่จะเกิดขึ้น

ขณะที่พวกเขามีสภาพจิตที่อ่อนโยนมากที่สุดนั้น กลับทำให้พวกเขาได้ยืนอยู่ท่ามกลางสภาพที่ดีที่สุดในทันที ทำให้พวกเขาได้กลับคืนสู่จุดสูงสุดของตนโดยพลัน

ในเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นหมิงหวังฝอก็ดี เทพสงครามจินเปี้ยนก็ช่าง กระทั่งห้าสหายภูผาเมฆ พวกเขาต่างมีแต่สุญญตา เสมือนดั่งเซียนที่หลุดพ้นจากวัฏสงสารอย่างนั้น

แม้ว่านาทีนี้พวกเขาต่างไม่ได้ระเบิดกลิ่นอายที่สะเทือนเลื่อนลั่นขึ้นมา ไม่มีใครสักคนในจำนวนพวกเขาที่คำรามเป็นคำพูดที่ฮึกเหิมขึ้นมา แต่ว่า กลับทำให้บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์รับรู้ถึงอานุภาพแห่งพลังของพวกเขา

ครั้นพวกของหมิงหวังฝอล้วนอยู่ในสภาพของสุญญตานั้น อานุภาพแห่งพลังของพวกเขาช่างสูงและกว้างไกลอะไรอย่างนั้น พวกเขาเสมือนดั่งยืนอยู่บนจุดสุงสุดและเฝ้าดูโลกทั้งโลก เฝ้าดูเหล่าเวไนยสัตว์ทั่วหล้าของเก้าแดน

ในขณะนี้ พวกเขาไม่ได้ถือดี ไม่ได้หยิ่งยโส และไม่ได้หมางเมินทั่วหล้า เพียงอาศัยจิตใจที่อ่อนโยนที่สุดไปก้มมองดูทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บนโลก

เวลานี้ ทั่วฟ้าดินล้วนเงียบสงบขึ้น แม้ว่าไม่มีผู้ใดกลั้นลมหายใจในขณะนี้ ทุกคนต่างรู้สึกว่ามีจิตที่สงบ ทุกคนรู้สึกหายใจได้คล่องสะดวก แต่ว่า การหายใจของทุกคนช่างบางเบาอะไรอย่างนั้น เหมือนเกรงว่าจะไปรบกวนพวกเขาอย่างนั้น

“อมิตาพุทธ…” ในเวลานี้ หมิงหวังฝอได้เป็นผู้นำทำลายความสงบเงียบก่อนการศึกในครั้งนี้ ท่าทีของเขาดูหนักแน่นจริงจัง เขาค่อยๆ หยิบเอาบาตรรพระออกมาใบหนึ่ง มันคือบาตรหมื่นอรหันต์นั่นเอง ก่อนหน้านี้เขาเคยอาศัยมันดูดเอาทะเลเพลิงไปทั้งหมด ภายในบาตรหมื่นอรหันต์มีไฟชั่วร้ายที่สะเทือนเลื่อนลั่นอยู่ภายใน

ตึง…เสียงกระบี่ดังคำรามขึ้นมาเสียงหนึ่ง นาทีนี้เวลานี้ เทพสงครามจินเปี้ยนก็มีกระบี่อยู่ในมือเช่นกัน เมื่อกระบี่อยู่ในมือ ทุกสิ่งล้วนกำเนิดจากใจ อานุภาพกระบี่ยิ่งใหญ่ไพศาล มีความศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ยามที่กระบี่อยู่ในมือนั้น เทพสงครามจินเปี้ยนหาใช่เทพสงครามจินเปี้ยนอีกต่อไป ตัวของเขาเหมือนกลายเป็นปฐมบรรพบุรุษคนหนึ่ง

“กระบี่ปราชญ์…” มีผู้ที่ชมเปาะด้วยความตื่นตะลึงเบาๆ เมื่อมองเห็นกระบี่ในมือของเทพสงครามจินเปี้ยน

เวลานี้กระบี่ที่อยู่ในมือของเทพสงครามจินเปี้ยนก็คือกระบี่ปราชญ์ กระบี่เล่มนี้คือกระบี่ประจำตัวของปราชญ์กระบี่ กระบี่เล่มนี้ได้หลอมรวมสัจธรรมของปราชญ์กระบี่เอาไว้ ปราศจากผู้เทียบเทียมใต้หล้า ปราศจากผู้ต่อกรนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน

ก่อนหน้านี้ ห้างเจียวเหิงก็เคยประมูลขายกระบี่อีกเล่มหนึ่งของปราชญ์กระบี่ แต่ว่า กระบี่เล่มนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับกระบี่เล่มนี้แล้ว ไม่สามารถเทียบกันได้เลย

กระบี่เล่มนี้ของปราชญ์กระบี่หลอมสร้างขึ้นหลังจากที่เขาได้กลายเป็นปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิเซียน เป็นกระบี่ปราชญ์ที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงที่ปราชญ์กระบี่อยู่ในจุดสูงสุด ด้วยกระบี่ปฐมบรรพบุรุษลักษณะเช่นนี้เล่มหนึ่ง มันไม่เพียงแต่ได้รวบรวมเอาพลังปฐมบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดของปราชญ์กระบี่เท่านั้น มันยังถูกสร้างขึ้นมาโดยเหล็กเซียนโลหะศักดิ์สิทธิ์ที่ปฐมบรรพบุรุษไปรวบรวมมาจากใต้หล้า

อาจกล่าวได้ว่า กระบี่ปราชญ์เล่มนี้คือหนึ่งในกระบี่ที่ทรงพลังมากที่สุดของปราชญ์กระบี่ กระบี่ปราชญ์ลักษณะเช่นนี้เคยปักอยู่ตรงนี้และสยบทะเลเพลิงเอาไว้นานนับพันล้านปี

เวลานี้ ขณะที่ในมือของเทพสงครามจินเปี้ยนถือกระบี่เล่มนี้อยู่นั้น อานุภาพปฐมบรรพบุรุษที่เปล่งออกมาจากตัวของเขาพลันทำให้ผู้คนบังเกิดมโนภาพ เหมือนว่าปราชญ์กระบี่ได้ฟื้นคืนชีพอย่างนั้น

แม้ว่ากระบี่ปราชญ์ในมือของเทพสงครามจินเปี้ยนยังไม่ได้ระเบิดปณิธานกระบี่ที่ไร้เทียมทานขึ้นมา แต่ว่า ก็ได้ทำให้ผู้คนรู้สึกเคารพยำเกรงอย่างยิ่งแล้ว ทำให้ผู้คนหวาดหวั่นพรั่นพรึง

ทุกคนต่างสามารถรับรู้ได้ว่า เวลานี้หากกระบี่ปราชญ์ที่อยู่ในมือของเทพสงครามจินเปี้ยนฟาดฟันลงมา นั่นย่อมต้องผ่าฟ้าดินที่อยู่ตรงหน้าอย่างแน่นอน เมื่อใดที่นำกระบี่ปราชญ์เล่มนี้ฟาดฟันเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามก็ได้แต่ยื่นคอรอถูกเชือด ไม่สามารถต่อกรได้อยู่แล้ว

ปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น นาทีนี้ห้าสหายภูผาเมฆพวกเขาต่างก้าวออกไปก้าวหนึ่ง ขณะที่พวกเขาก้าวเท้าออกไปก้าวหนึ่ง เหมือนสยบช่องว่างทั้งหมดเอาไว้โดยพลัน

ในพริบตาเดียวนั่นเอง ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกว่า นาทีนี้ทั่วทั้งช่องว่างล้วนถูกห้าสหายภูผาเมฆเหยียบอยู่ใต้เท้า และตำแหน่งที่ห้าสหายภูผาเมฆพวกเขายึดครองอยู่นั้นลึกซึ้งยอดเยี่ยมยิ่งนัก

ขณะที่พวกเขายืนอยู่ตำแหน่งของตนนั้น ไม่เพียงแต่ปิดกั้นฟ้าดินทั้งหมดเท่านั้น และพวกเขาทั้งห้าคนเมือนดั่งเป็นกระเป๋าเดียวกันอย่างนั้น พลันนำเอาฟ้าดินทั้งหมดดึงเข้าไปอยู่ท่ามกลางวงล้อมของพวกเขา ขณะเดียวกันก็ได้นำเอาพลังทั้งหมดของฟ้าดินดึงเข้าไปในอ้อมกอดของพวกเขา

ดังนั้น นาทีนี้แม้ว้าพวกเขาไม่ได้สำแดงเคล็ดวิชาที่ไร้เทียมทานที่สุดออกมา พลังระหว่างฟ้าดินทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกพวกเขานำมาใช้ พวกเขาเพียงแค่โบกมือก็จะมีพลังมหาศาลที่พุ่งโจมตีเข้ามา และพลังเช่นนี้เรียกได้ว่าสามารถทำลายฟ้าดินจนพังพินาศย่อยยับ

“นั่นคือเปรียบห้าภพภูมิรึ?” ผู้คนจำนวนมากรู้สึกใจหายใจคว่ำและเอ่ยเบาๆ ขึ้นมา เมื่อมองเห็นการยืนตำแหน่งของห้าสหายภูผาเมฆในเวลานี้

แม้แต่ระดับคงความอมตะตลอดกาลก็จ้องมองภาพที่อยู่ตรงหน้าอย่างใกล้ชิด เนื่องจากผู้คนใต้หล้าต่างเคยได้ยิน ‘เปรียบห้าภพภูมิ’ ของห้าสหายภูผาเมฆ มันคือเคล็ดวิชาโจมตีร่วมที่ปราศจากผู้ต่อกรแขนงหนึ่ง ฟังว่าไม่เคยมีผู้ใดรอดชีวิตจาก ‘เปรียบห้าภพภูมิ’ ของพวกเขามาได้

นับตังแต่ห้าสหายภูผาเมฆสร้างชื่อมาได้แล้ว ก็ไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ใดสามารถทำลาย ‘เปรียบห้าภพภูมิ’ ของพวกเขาได้ ดังนั้น ในแดนลัทธิเซียนจึงมีผู้กล่าวเอาไว้ว่า หากห้าสหายภูผาเมฆสำแดง ‘เปรียบห้าภพภูมิ’ ออกมาเมื่อใด ศัตรูจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

“มาคราวนี้ ‘เปรียบห้าภพภูมิ’ จะยังคงสามารพไร้เทียมทานอีกหรือไม่?” มีผู้อดจะมองไปที่หลี่ชิเย่แวบหนึ่ง ทุกคนต่างต้องการรู้ว่าคนโหดอันดับหนึ่งจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้อีกครั้งหรือไม่เล่า

พวกหมิงหวังฝอที่เป็นเจ็ดยอดฝีมือต่างทยอยกันประจำที่ พวกเขาได้ยึดครองตำแหน่งที่ได้เปรียบมากที่สุดเอาไว้แล้ว และอยู่ในมุมที่ทำการโจมตีสังหารที่ดีที่สุด พวกเขาที่เป็นยอดฝีมือทั้งเจ็ดได้ยึดครองชัยภูมิที่ดีที่สุดเอาไว้แล้ว พร้อมที่จะโจมตีครั้งเดียวถึงตายต่อหลี่ชิเย่ได้ทุกเวลา

ขณะนี้ แม้ว่าพวกของหมิงหวังฝอล้วนแล้วแต่ได้ยึดครองกาลเวลาที่เหมาะสม สถานที่ที่เหมาะสม และพลังสามัคคีแล้วก็ตาม แต่ทว่า พวกของหมิงหวังฝอยังคงมีท่าทีหนักแน่นจริงจัง ท่วงทีเอาจริงเอาจังยิ่งนัก ไม่ได้มีความลำพองใจแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย

นี่จะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของพวกเขา สามารถรอดชีวิตจากการต่อสู้ในครั้งนี้ได้หรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าการโจมตีในครั้งนี้ของพวกเขาสำเร็จหรือไม่แล้ว เมื่อใดที่ล้มเหลวพวกเขาจะต้องหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว

ในเวลานี้พวกของหมิงหวังฝอได้จ้องมองตากันและกันทีหนึ่ง สุดท้ายหมิงหวังฝอได้ประนมมือ เอ่ยนามพุทธองค์ “อมิตาพุทธ วันนี้อาตมาฝืนหลักศาสนาพุทธ ไม่ว่าจะชนะหรือพ่ายแพ้ก็จะเป็นวิญญาณสู่แดนสุขาวดี”

ท่าทางของหมิงหวังฝอที่มีความเคารพนับถือ ท่วงท่าหนักแน่นจริงจัง เวลานี้เขาได้เปิดบาตรหมื่นอรหันต์ออกมาช้าๆ ขณะบาตรหมื่นอรหันต์ถูกเปิดออกนั้น ได้ยินเสียงตูมดังขึ้นมาเสียงนึ่ง พลันปรากฎเปลวไฟที่พุ่งสูงขึ้นไปทันที

เปลวไฟที่พุ่งสูงขึ้นไปนี้แฝงด้วยกลิ่นอายชั่วร้าย ไฟสมาธิทุกๆ สายล้วนแล้วแต่มีประกายสีดำที่อ่อนแอมาก เหมือนว่าไฟชั่วร้ายเช่นนี้ไม่ได้มาจากโลกใบนี้อย่างนั้น

ในเวลานี้ หมิงหวังฝออ้าปาก และจัดการกรอกลาวาไฟชั่วร้ายที่อยู่ภายในบาตรหมื่นอรหันต์เข้าไปในปาก

“นี่มัน…” ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกตกใจยิ่งเมื่อมองเห็นภาพของหมิงหวังฝอถึงกับกลืนกินลาวาไฟชั่วร้ายเช่นนี้

ทุกคนต่างก็ทราบว่า หมิงหวังฝอได้จัดการดูดเอาลาวาไฟชั่วร้ายของทะเลเพลิงทั้งหมดเข้าไปในบาตรหมื่นอรหันต์ ลองนึกดูทะเลเพลิงที่ยิ่งใหญ่ไพศาลนั้นจะมีลาวาไฟชั่วร้ายอยู่เท่าใดกันเล่า?

พลานุภาพของลาวา และไฟชั่วร้ายของทะเลเพลิงทั้งหมดยิ่งใหญ่เพียงใด มีความสยองขวัญเช่นใด แต่ว่า นาทีนี้เวลานี้หมิงหวังฝอกลับต้องการกลืนกินมันเข้าไปในปากทั้งหมด

“นี่มันเสียสติแล้วรึ?” ไม่รู้ว่าผู้คนจำนวนเท่าไรได้ตะลึงกับภาพของหมิงหวังฝอกุรุ กุรุกลืนเอาลาวาไฟชั่วร้ายลงไปเช่นนั้น

เสียงตูม…ดังขึ้นเสียงหนึ่ง จังหวะที่หมิงหวังฝอได้กลืนกินลาวาไฟชั่วร้ายเข้าไปนั้น ปรากฏเปลวไฟที่พุ่งออกมาทั่วทั้งตัว โดยไฟที่พุ่งออกมานั้นมาจากภายในร่างกายของเขาเอง และกำลังเผาไหม้ร่างกายของตัวเขาเอง

จี๊ด จี๊ด จี๊ดเสียงเผาไหม้ดังขึ้น นาทีนี้ทุกคนต่างมองเห็นร่างกายของหมิงหวังฝอที่กำลังเผาไหม้อยู่ ร่างกายของเขาถูกเผาไหม้จนหลอมละลายไปภายในระยะเวลาอันสั้น ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหนังหรือกระดูกล้วนถูกเผาไหม้จนหลอมละลายไปท่ามกลางไฟชั่วร้ายนี้

อ๊ากก…เวลานี้หมิงหวังฝอร้องเสียงน่าเวทนาขึ้นมา ร่างของเขาถูกเผาไหม้จนไฟลุกท่วมไปทั้งตัวแล้ว

ตูม ตูม ตูมท่ามกลางเสียงดังตูมตามดังเป็นระลอก ปรากฎเปลวไฟที่ลุกโชนอย่างรุนแรงไปทั่วร่างของหมิงหวังฝอ เหมือนหนึ่งทั้งตัวของเขาได้จุดติดโลกทั้งโลกให้สว่างไสวอย่างนั้น ยิ่งไปกว่านั้นยามที่เชื้อไฟทั่วร่างของเขาลุกโชนขึ้นสูง ได้ยินเสียงเผาไหม้ช่องว่างดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดขึ้นมานั้น เพียงเชื้อไฟที่ลามเข้ามา ช่องว่างก็จะถูกเผาไหม้ไปทั้งหมด

ด้วยความน่ากลัวของไฟชั่วร้ายพลันทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง

กึก กึก กึก…เสียงฟันกระทบกันดังขึ้นเป็นระลอก ศีรษะของหมิงหวังฝอถูกไหม้จนมองเห็นไม่ชัดเจนแล้ว แต่ว่า ครั้นหน้าตาของเขาถูกไหม้จนน่าเกลียดน่ากลัวแล้วนั้น ฟันของเขาได้กระทบกัน แลดูชั่วร้ายอย่างยิ่ง

ขณะที่เสียงตูมดังขึ้นมานั้น ในเวลานี้เอง ภายในเบ้าตาของหมิงหวังฝอพลันพวยพุ่งเป็นไฟชั่วร้ายออกมา ขณะที่ไฟชั่วร้ายลักษณะเช่นนี้พวยพุ่งออกมานั้นสามารถเผาทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกได้

เวลานี้เอง หมิงหวังฝอส่งเสียงคำรามดังขึ้นมา เสมือนดั่งเป็นจอมมารที่เพิ่งขึ้นมาจากนรกอเวจีอย่างนั้น จากการคำรามด้วยความโกรธของเขา ปรากฏเปลวไฟชั่วร้ายที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง เหมือนต้องการทำลายฟ้าดินจนพินาศ่ย่อยยับอย่างนั้น

ในเวลานี้ หมิงหวังฝอได้กลับกลายร่างเป็นมารเพลิงไปแล้ว ไหนเลยยังมีเค้าร่างของอริยสงฆ์ที่บรรลุธรรมเมื่อครู่

“อมิตาพุทธ…” ขณะที่หมิงหวังฝอถูกไฟมารกลือนกลืนกิน และกลายร่างเป็นจอมมารที่น่าสยองขวัญนั้น หลังจากที่เขาดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสแล้ว สุดท้าย เขาได้พวยพุ่งเป็นรัศมีพุทธทั่วร่างขึ้นมาอีกครั้ง

ได้ยินเสียงตูมดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ในเวลานี้ภายในร่างกายที่พวยพุ่งเป็นไฟชั่วร้ายออกมาทั่วร่างก็ปรากฎเป็นรัศมีพุทธที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในขณะนี้

จากการที่ทั่วร่างของหมิงหวังฝอได้พวยพุ่งรัศมีพุทธออกมาอย่างรุนแรง ไฟชั่วร้ายเริ่มมีการเก็บงำ เหมือนว่ามีอะไรบางอย่างที่มีแรงดูดที่ทรงพลังยิ่งทำการดูดเอาไฟชั่วร้ายที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงเข้าไปเก็บไว้ในร่างกาย

สุดท้าย ได้ยินเสียงตูมดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ไฟชั่วร้ายที่น่าสยองขวัญเมื่อครู่ก็ถูกดูดเก็บจนเกลี้ยงไม่มีหลงเหลือเอาไว้ นาทีนี้หมิงหวังฝอที่มีลักษณะของอริยะสงฆ์ก็ได้ปรากฎตัวต่อหน้าผู้คนทุกคนอีกครั้ง

การเปลี่ยนแปลงลักษณะเช่นนี้ทำให้ผู้คนมองจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก หมิงหวังฝอที่กลืนกินลาวาไฟชั่วร้ายเข้าไปได้กลายเป็นมารเพลิงไปแล้ว แต่ว่า เวลานี้เขาได้กลับกลายเป็นอริยะสงฆ์อีก ปรากฎรัศมีพุทธวูบวาบไปทั่วร่าง

“ไม่เหมือน…” มีผู้ที่จ้องมองดูหมิงหวังฝออีกครั้ง พบว่าหมิงหวังฝอในขณะนี้กับก่อนหน้านี้มีข้อแตกต่างที่ต่างกันมากทีเดียว

แม้ว่าหมิงหวังฝอในขณะนี้ยังคงมีรัศมีพุทธที่ส่องแสงทั่วหล้าอย่างเสมอภาค แต่ว่า ดวงตาคู่นั้นของเขาปรากฎเป็นแสงไฟแวบวับ เมื่อมองดูร่างกายของเขาให้ละเอียดก็จะพบว่า ภายใต้รัศมีพุทธ ภายในร่างกายของเขายังคงมีทะเลลาวาที่ยิ่งใหญ่ไพศาลและไร้ขอบเขตสิ้นสุดกำลังปะทุขึ้นมาอย่างนั้น

เหมือนว่าภายในร่างกายของหมิงหวังฝอมีทะเลเพลิงที่ชั่วร้ายและอันตรายยิ่งกำลังคำรามอยู่

…………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด