Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 3111 ความลับ

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 3111 ความลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3111 ความลับ

หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่งเมื่อได้ฟังคำพูดของเจ๋อหลง และกล่าวตามอารมณ์ว่า “ถูกต้อง ข้าเป็นคนยกตนข่มท่าน ไม่พอใจก็เข้ามารนหาที่ตาย ข้าไม่รังเกียจที่จะทำการเข่นฆ่าครั้งใหญ่อยู่แล้ว”

พลันที่หลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ ทำให้บรรยากาศกลับกลายเป็นตึงเครียดขึ้นมาทันที บรรยากาศระหว่างฟ้าดินจับตัวแข็งขึ้นทันที

ในเวลานี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่มองหน้ากันและกัน และมีผู้คนจำนวนมากหัวเราะเจื่อนๆ

ดูเหมือนไม่ว่าเวลาใดก็ตาม คนโหดอันดับหนึ่งก็จะตรงๆ แบบนี้ ง่ายๆ และหยาบคายอะไรอย่างนั้น เหมือนว่าคนโหดอันดับหนึ่งจะไม่รู้จักอ้อมค้อมสักนิดหนึ่ง และหรือตกแต่งคำพูดสักหน่อยหนึ่ง

“หรือว่าคำพูดของคนโหดอันดับหนึ่งจะอ้อมค้อมสักหน่อยไม่ได้หรือไง?” มียอดฝีมืออดพึมพำขึ้นมาว่า “พูดคำพูดที่เกรงใจสักคำ ไม่แน่นักทุกคนล้วนมีทางหนีทีไล่ ไม่จำเป็นต้องทำให้เรื่องราวตึงเครียดขนาดนี้ ทำให้ทั้งสองฝ่ายล้วนไม่มีทางลง”

คนเราล้วนมีหน้ามีตากันทั้งสิ้น โดยเฉพาะผู้ที่ปราศจากผู้ต่อกรยิ่งชอบรักษาหน้าตา กระทั่งไม่เสียดายที่จะสู้กันเอาเป็นเอาตายเพียงเพื่อหน้าตา

เวลานี้ คนโหดอันดับหนึ่งพูดคำพูดที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้ต่อหน้าผู้คนทั่วหล้า มันคือการทำให้ทางลงของทั้งสองฝ่ายถูกปิดตายไปทันที ทั้งสองฝ่ายล้วนไม่มีทางหนีทีไล่อีกแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งสองฝ่ายพลันหักหน้ากันโดยเปิดเผยแล้ว

เหมือนเช่นเมื่อครู่อย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นราชันแท้จริงปาฉื่อ หรือจะเป็นจักรพรรดิซีหวง คำพูดของพวกเขาล้วนแล้วแต่ดูจะมีบุคลิกที่งดงามมากเป็นพิเศษ ล้วนดูจะมีมาตรฐาน เรียกได้ว่าทุกๆ คำพูดล้วนแล้วแต่มีความงดงามยิ่งนัก อย่างไรก็ตาม คำพูดของคนโหดอันดับหนึ่งกลับง่ายๆ หยาบคาย และมักจะล่วงเกินคนอื่นง่ายเป็นพิเศษอยู่เสมอๆ

“เจ้าหมอนี่” มีประมุขพรรคถึงกับหัวเราะเจื่อนๆ และ*กล่าวว่า “หรือว่าเขาจะมีชาติกำเนิดมาจากที่ห่างไกลความเจริญ ไม่ได้รับการบ่มเพาะด้านคุณธรรมของสำนักเจ้าลัทธิหรือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ…”

“โง่” ระดับบรรพบุรุษส่ายหน้าและกล่าวว่า “มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่คิดเช่นนี้ นั่นเป็นเพราะเขาขี้คร้านจะพูดเท่านั้นเอง เจ้าจะพูดจาสุภาพเกรงใจกับมดปลวกสักตัวหรือไม่?”

“แต่ว่า ที่เขา เขาเผชิญหน้าคือเจ๋อหลง คือพระอาจารย์จินกวงนะเนี่ย” มียอดฝีมืออดซุบซิบขึ้นมาไม่ได้

สายตาระดับบรรพบุรุษผู้นี้ลึกล้ำ มองดูคนโหดอันดับหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงนั้น และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “นับแต่เข้าสู่ยุทธภพมา คนโหดอันดับหนึ่งเคยเห็นใครอยู่ในสายตา ไม่ว่าจะเป็นใครทั้งสิ้น!”

ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างงงงัน เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ เมื่อลองนึกดูอย่างละเอียด เหมือนว่าจะเป็นเช่นนี้จริงๆ นับแต่คนโหดอันดับหนึ่งเผยโฉมขึ้นมาเขาก็จะโอหังเช่นนี้ ถืออำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้ เหมือนว่าไม่เคยเห็นศัตรูคนใดว่ามีดีอะไรนักหนา

“คลื่นลูกหลังไล่ลูกหน้า” เวลานี้เจ๋อหลงทอดถอนใจออกมาและกล่าวว่า ” พวกเราต่างก็แก่เฒ่าแล้ว ไม่ได้มีลักษณะที่ทำตามอำเภอใจแบบคนหนุ่มอีกแล้ว”

ครั้นเจ๋อหลงเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้หยุดนิดหนึ่ง และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “แต่ตาเฒ่าอย่างข้ายังคงคิดจะทรมานตน หากสหายดึงดันจะเป็นศัตรูกับพวกเรา ตาเฒ่าอย่างข้าไม่เจียมตน สู้กันสักตั้งจะเป็นไรไปเล่า?”

แม้คำพูดนี้ของเจ๋อหลงจะพูดได้เกรงใจมากเหลือเกิน แต่ว่า เมื่อคำพูดนี้ออกมาจากปากกลับเผยให้เห็นถึงการถืออำนาจบาตรใหญ่ออกมา ในพริบตาเดียวนั่นเอง เหมือนว่าได้มองเห็นเจ๋อหลงคนที่มีอำนาจมากสามารถทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงได้คนนั้นในครั้งครานั้น

“สู้กันแล้วจะเป็นไรไป” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ข้ารับคำท้าก็แล้วกัน!”

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้แล้ว ทุกคนต่างรู้ว่าทั้งสองฝ่ายไม่สามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้อีกแล้ว ทำให้บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดที่ยืนดูในระยะห่างไกลถึงกับมองตากันและกัน

เพียงแต่สิ่งที่ทุกคนนึกไม่ถึงก็คือ คนโหดอันดับหนึ่งยังไม่ทันได้ต่อสู้กับพระอาจารย์จินกวง กลับจะต้องต่อสู้กับเจ๋อหลง ผู้คุมกันของพระอาจารย์จินกวงก่อน

ทุกคนต่างรู้ดีว่า เจ๋อหลงในฐานะที่เป็นระดับคงความอมตะตลอดกาล ชั้นวิถีไกล ความแข็งแกร่งด้านทักษะของเขาไม่เห็นจะด้อยไปกว่าพระอาจารย์จินกวงอยู่แล้ว

“สถานที่แห่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับพวกเรา” เวลานี้ เจ๋อหลงได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เกรงว่าการต่อสู้กับสหายครั้งนี้ พวกเราจะไม่ยึดติดอยู่กับวิธีการใดๆ! หากมีสิ่งใดล่วงเกิน ขอสหายได้โปรดอภัย”

“ไม่มีคำว่าล่วงเกินหรือไม่ล่วงเกินอยู่แล้ว” หลี่ชิเย่ไม่ถือสา ยิ้มบางๆ และกล่าวว่า “แพ้ ก็คือวิชาสู้คนอื่นเขาไม่ได้เท่านั้นเอง มีฝีมืออะไรก็งัดออกมาใช้ให้หมด ไม่แน่นัก หลังจากนี้จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว”

“ดี ดี ดีมีความพาลยิ่งนัก” เจ๋อหลงหัวเราะเสียงดัง และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “กี่ปีมาแล้วที่ตาเฒ่าอย่างข้าไม่ได้ยินคำพูดเช่นนี้มากี่ปีแล้ว ดีมาก ดีมาก!”

ขณะที่เจ๋อหลงหัวเราะเสียงดังนั้น ดวงดาวบนท้องฟ้าสั่นเทางึกงัก สุริยันจันทราเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง เหมือนว่าสรรพสิ่งล้วนประหม่าเป็นยิ่งนักจนสั่นเทา ภายใต้เสียงหัวเราะเสียงดังนี้

แม้ว่าเจ๋อหลงจะหัวเราะเสียงดัง แต่ว่า ไม่ว่าใครก็สามารถฟังออกว่า ท่ามกลางเสียงหัวเราะเสียงดังของเจ๋อหลงแฝงความโกรธไว้หลายส่วน

ทุกคนต่างเข้าใจได้เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะที่แฝงด้วยความโกรธ จะอย่างไรเสีย กี่ปีผ่านมาแล้วเฉกเช่นผู้ดำรงอยู่ในฐานะเจ๋อหลงเช่นนี้ ผู้คนในหล้าล้วนให้ความเคารพนอบน้อมเมื่ออยู่ต่อหน้าของเขา ไม่ว่าจะเป็นบุคคลเช่นใดก็ตาม มาวันนี้กลับถูกหลี่ชิเย่ดูแคลนถึงเพียงนี้ ต่อให้เป็นมนุษย์ดินปั้นก็ยังต้องมีอารมณ์โกรธอยู่

ในขณะนี้เจ๋อหลงไม่ได้แสดงความโกรธออกมา นับว่ามีบุคลิกที่สง่างามยิ่งแล้ว

“น้องไม่เจียมตัว” เวลานี้ ภายในรถม้าปรากฏเสียงของจักรพรรดิซีหวงดังขึ้น “อยากจะขอคำชี้แนะสักหน่อย หวังว่าคุณชายหลี่จะอภัย”

“จะเป็นไรไป” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ข้าก็บอกแล้วมิใช่รึ? หากพวกเจ้าไม่ไปจากที่นี่ ข้าก็จะกวาดล้างที่นี่จนเลือดไหลนองหมื่นลี้ ไม่ว่าพวกเจ้าจะร่วมมือกันกี่คนข้าก็ไม่ถือสาอยู่แล้ว”

“ขอบคุณคุณชายหลี่ที่เข้าใจ” แม้ทั้งสองฝ่ายกำลังจะลงมือกันแล้ว จักรพรรดิซีหวงในเวลานี้ยังคงมีความสง่างดงามสุภาพ การพูดการจายังคงมีท่าทีเกรงใจและมีมารยาท

ขณะที่จักรพรรดิซีหวงพูดคำๆ นี้ออกมา เจ๋อหลงก็ไม่ได้ขัดขวาง ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า เขาเองก็ยอมรับการลงมือของจักรพรรดิซีหวงกลายๆ แล้ว

ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ สิ่งนี้เป็นการบ่งบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นเจ๋อหลงก็ดี จักรพรรดิซีหวงก็ช่าง เขาเซียนถงซานไม่คิดที่จะสู้กับหลี่ชิเย่ตัวต่อตัวอยู่แล้ว เตรียมการร่วมมือกันเข้าต่อสู้กับหลี่ชิเย่

เมื่อก้าวถึงระดับปฐมบรรพบุรุษแล้ว พวกเขามักจะชื่นชอบการต่อสู้แบบตัวต่อตัว ยอดฝีมือลักษณะเช่นนี้มักจะไม่ชอบให้ผู้อื่นเข้าช่วยเหลือ ยิ่งไปกว่านั้น การต่อสู้ระดับเช่นนี้หากให้ผู้ที่มีทักษะอ่อนกว่าเข้าช่วย ไม่สามารถช่วยอะไรได้อยู่แล้ว ตรงกันข้ามกลับจะกลายเป็นภาระอย่างหนึ่ง

เวลานี้เจ๋อหลงกลับอนุญาตให้จักรพรรดิซีหวงเข้าร่วมด้วย นับว่าสร้างความตระหนกให้ผู้คนไม่น้อย

แม้ว่าจักรพรรดิซีหวงจะแข็งแกร่งมาก แต่ ก็แค่กับยอดฝีมือใต้หล้าเท่านั้นเอง ต่อให้นางแข็งแกร่งมากไปกว่านี้ ก็ยังก้าวไม่ถึงระดับปฐมบรรพบุรุษ ไม่สามารถก้าวถึงระดับความสูงของเจ๋อหลงอยู่แล้ว

กล่าวได้ว่า ต่อให้จักรพรรดิซีหลงสำแดงกำลังความสามารถเต็มที ท่ามกลางการต่อสู้ในลักษณะเช่นนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้ กระทั่งอาจส่งผลให้กลายเป็นภาระอย่างหนึ่ง แต่ว่า เจ๋อหลงกลับอนุญาตแล้ว สิ่งนี้เป็นเพียงเจ๋อหลงต้องการผู้ช่วยอย่างนั้นรึ? เมื่อนึกถึงข้อนี้แล้ว ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมองหน้ากันและกัน ทุกคนต่างรู้สึกว่าการที่จักรพรรดิซีหวงต้องการลงมือนั้น เป็นเรื่องที่อยุ่เหนือความคาดคิดของผู้คนมากทีเดียว

“ฟังจากน้ำเสียงของเจ้าดูเหมือนจะมีความมั่นใจหลายส่วน” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มขึ้นมา และกล่าวว่า “ข้ากลับมีความชื่นชอบอยู่หลายส่วนสำหรับผู้หญิงที่ฉลาดเช่นเจ้า ตามหลักแล้วเจ้าจะไม่ทำในสิ่งที่ไร้สมองอยู่แล้ว”

คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ไหนเลยจะไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนคิด จะอย่างไรเสีย การที่จักรพรรดิซีหวงเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ชี้ขาดเช่นนี้ ฟังดูแล้วเป็นเรื่องที่ไม่ชาญฉลาดอย่างยิ่งเอาเสียเลย

“คุณชายสติปัญญาฉลาดเฉียบแหลมและมองการไกล รุ่นอย่างพวกข้าไม่สามารถตามได้ทัน” จักรพรรดิซีหวงชมเปาะด้วยความตื่นตะลึง และกล่าวว่า “น้องก็แค่มีวิชาตื้นๆ วิชาหนึ่งเท่านั้น ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นวิธีการอะไร”

ผู้หญิงอย่างจักรพรรดิซีหวงจะให้โกรธคงทำได้ยาก ฟังคำพูดของนางก็เหมือนเป็นการเสพสุขอย่างหนึ่ง สามารถทำให้คนชอบ เป็นความจริงที่ผู้หญิงลักษณะเช่นนี้มีเพียงระดับพระอาจารย์จินกวงเท่านั้นจึงจะคู่ควร

“ในครั้งนั้น ปฐมบรรพบุรุษข้าถูกกักขังในแดนอาถรรพ์และบรรลุได้ ได้รับความช่วยเหลือจากเจียวเหิง และก่อตั้งสัจธรรมขึ้นมาแขนงหนึ่ง ซึ่งแตกต่างจากสัจธรรมเดิมของเขา” จักรพรรดิซีหวงเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ภายหลังปฐมบรรพบุรุษข้าเห็นว่าสัจธรรมดังกล่าวไม่สอดคล้องกับสัจธรรมเดิม ดังนั้น บรรลุแต่ไม่ทำการฝึก ชนรุ่นหลังก็ไม่เคยฝึกเช่นกัน น้องความรู้น้อยนิด จับพลัดจับผลู…”

ผู้คนทั้งหมดต่างรู้สึกตื่นตระหนกเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของจักรพรรดิซีหวง เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้ยินความลับเช่นนี้ และทุกคนก็ได้ยินข่าวลือที่ไม่เป็นทางการซึ่งน้อยคนที่รู้เป็นครั้งแรก

ผู้คนทั่วหล้าต่างก็รู้ว่า ครั้งนั้น เจียวเหิงได้นำสี่ไป๋ฮุย ปฐมบรรพบุรุษของสี่ซีขายให้กับมารร้าย แต่ เวลานี้ฟังคำจากจักรพรรดิซีหวงแล้ว เหมือนว่าในครั้งนั้นหาได้ง่ายดายเพียงนี้

เหมือนว่าหลังจากที่เจียวเหิงได้นำเอาสี่ไป๋ฮุยขายให้กับมารร้ายแล้ว ก็ได้ช่วยเหลือสี่ไป๋ฮุยอีกแรงหนึ่ง? บางที การที่เจียวเหิงนำสี่ไป๋ฮุยขายให้กับมารร้ายนั้นเป็นเพียงกลอุบายทำร้ายตัวเองเท่านั้น เป็นการวางแผนให้ร้ายมารร้าย!

เรื่องราวความลับในครั้งนั้น เกรงว่าคงไม่มีใครในยุคนี้ที่รู้ถึงรายละเอียดของเรื่องนี้แล้ว แต่ว่า จากเรื่องราวตอนหนึ่งได้ทำให้ผู้คนยุคหลังได้เข้าใจแล้วว่า เรื่องราวในครั้งนั้นไม่ได้ง่ายดายเช่นนี้

“พูดเช่นนี้ เท่ากับคิดอาศัยข้าเป็นหินฝนทองแล้วสิ” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉยทีหนึ่ง

“มิกล้า น้องแค่ไม่เจียมตนเท่านั้นเอง” จักรพรรดิซีหวงถ่อมตนอย่างยิ่ง คำพูดของนางนั้นนับว่าน่าฟังเหลือเกิน

“เอาเถอะ” หลี่ชิเย่ไม่ถือสา อย่างไรก็ได้ และกล่าวว่า “ข้ากลับต้องการเปิดหูเปิดตาว่า เจียวเหิงกับปฐมบรรพบุรุษพวกเจ้ามีผลงานที่น่าทึ่งอะไร จะอย่างไรเสียเขาคือลูกรักของสวรรค์ อัจฉริยะบุคคลในโลกนี้ไหนเลยจะเทียบเคียงกับเขาได้เล่า”

คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ได้ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องมองตากันและกันอีกครั้ง ทุกคนต่างฟังออกว่า ดูเหมือนคนโหดอันดับหนึ่งจะชื่นชมในตัวเจียวเหิงอยู่มากทีเดียว

ทุกคนต่างรู้ดีว่า คนโหดอันดับหนึ่งไม่เคยมองเห็นใครอยู่ในสายตาอยู่แล้ว เรียกได้ว่าหยิ่งยโสโอหังยิ่งนัก เวลานี้กลับให้ความชื่นชมเจียวเหิงเพียงนี้ และยังเป็นยุคที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เจียวเหิงนั้นได้หายไปท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลาไปนานแล้ว แต่ว่า คนโหดอันดับหนึ่งในชาตินี้กลับชื่นชมเจียวเหิงเพียงนี้ สิ่งนี้ได้สร้างความประหลาดใจให้กับผู้คนแล้วล่ะ

“เจียวเหิง ก็คือพ่อค้าหน้าเลือดคนนั้นมิใช่รึ?” แต่ก็มีคนซุบซิบขึ้นมาด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่ง

พ่อค้าหน้าเลือดอย่างเจียวเหิงก็เคยฝากชื่อที่ไม่ดีเอาไว้ แม้ว่าเขาได้ก่อตั้งห้างเจียวเหิงที่เป็นสิ่งใหญ่โตมโหฬารเอาไว้ แต่ ฟังมาว่าเมื่อครั้งที่เขายังคงมีชีวิตอยู่ เคยมีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ จำนวนไม่น้อยที่สิ้นชื่อด้วยมือของเขา ต้องเสียเปรียบไม่น้อยภายใต้ฝีมือของเขา

ดังนั้น ผู้คนทุกคนในยุคหลังล้วนแล้วแต่รู้ว่า พ่อค้าหน้าเลือดอย่างเจียวเหิงหาใช่คนดีอะไรอย่างแน่นอน

พ่อค้าหน้าเลือดลักษณะเช่นนี้คนหนึ่ง ตายไปนมนานขนาดนี้แล้ว คนโหดอันดับหนึ่งที่ไม่มีใครอยู่ในสายตากลับยังคงชื่นชมเขาเพียงนี้ นับว่าเป็นสิ่งที่เหนือความคาดคิด และเป็นที่ตระหนกของผู้คน

“น้องขอล่วงเกินแล้ว” ในขณะที่ภายในใจของผู้คนจำนวนมากยังมีความสงสัยอยู่ จักรพรรดิซีหวงได้เอ่ยขึ้น

ทุกคนต่างกลั้นหายใจเอาไว้เมื่อจักรพรรดิซีหวงกล่าวขาดคำ คู่สายตาต่างเบิกกว้างมากๆ พวกเขาก็ต้องการดูว่าจักรพรรดิซีหวงมีวิธีการที่ฝืนลิขิตสวรรค์เช่นใด

ทุกคนล้วนแล้วแต่ทราบว่าจักรพรรดิซีหวงนั้นแข็งแกร่งมาก แม้แต่ผู้ที่หยิ่งยโสอย่างเทพสงครามจินเปี้ยนก็ไม่กล้าทำกำเริบเสิบสานต่อหน้าจักรพรรดิซีหวง ไม่เพียงเพราะนางคือภรรยาของพระอาจารย์จินกวงเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นยังเป็นเพราะตัวของจักรพรรดิซีหวงเองมีความแข็งแกร่งยิ่งนักอยู่แล้ว แข็งแกร่งมากถึงขนาดทำให้ราชันแท้จริงสิบสองลัคนาต้องหวั่นเกรง!

……………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด