Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 3121 ขวานเบิกฟ้ากับหอกปีศาจแดนอเวจี

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 3121 ขวานเบิกฟ้ากับหอกปีศาจแดนอเวจี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3121 ขวานเบิกฟ้ากับหอกปีศาจแดนอเวจี

ดูเหมือนคำว่าขวานยักษ์ยังไม่เพียงพอที่จะนำมาเปรียบเปรยกับขวานยักษ์ที่พระอาจารย์จินกวงแบกเอาไว้ได้ ควรจะพูดว่ามันคือขวานยักษ์ยักษ์ยักษ์จึงจะเหมาะสมที่สุด

ขณะที่พระอาจารย์จินกวงแบกขวานยักษ์เล่มนี้อยู่นั้น ได้ทำให้ผู้คนรู้สึกเป็นกังวลอยู่บ้าง ขนาดของขวานยักษ์ที่ใหญ่ยักษ์ ทั้งหนาและหนักขนาดนี้จะทับเอาร่างของพระอาจารย์จินกวงจนกลายเป็นเนื้อบดหรือไม่นะ

โชคยังดีก็คือ แม้ว่าขวานยักษ์เล่มนี้จะมีขนาดใหญ่ยักษ์กว่านี้ เมื่อพระอาจารย์จินกวงแบกไว้บนบ่านั้น เหมือนไม่ได้แบกอะไรเอาไว้อย่างนั้น ดูจะสบายๆ

พระอาจารย์จินกวงหาใช่เป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยพละกำลังคนหนึ่ง ยิ่งไม่ใช่เป็นคนที่มีรูปร่างหนาสูงใหญ่กำยำ ตามหลักแล้ว การที่เขาแบกขวานยักษ์เช่นนี้เอาไว้นั้น มันไม่เข้ากันเสียเลยกับคุณสมบัติประจำตัวในฐานะที่เป็นปฐมบรรพบุรุษปราศจากผู้ต่อกรคนนี้ของเขา

แต่พูดไปแล้วก็แปลก เมื่อพระอาจารย์จินกวงแบกขวานยักษ์เล่มนี้ไว้กลับแลดูปรกติยิ่งนัก ให้ความรู้สึกผู้คนเหมือนว่าเป็นไปตามธรรมชาติไม่มีการปรุงแต่ง

ขณะที่พระอาจารย์จินกวงแบกขวานยักษ์เล่มนี้เอาไว้นั้น ความรู้สึกแรกที่ให้กับผู้คนก็คือปราศจากผู้ต่อกร!

ถูกต้อง มันคือความปราศจากผู้ต่อกร เหมือนว่ามีเพียงขวานยักษ์ที่มีขนาดยักษ์ปราศจากผู้เทียบเทียมเล่มนี้จึงรองรับกับความปราศจากผู้ต่อกรของพระอาจารย์จินกวงได้

“ขวานเล่มนี้มีชื่อว่าขวานเบิกฟ้า” พระอาจารย์จินกวงที่แบกขวานยักษ์ที่มีขนาดยักษ์ปราศจากผู้เทียบเทียมเล่มนี้ ยังคงมีท่วงทีที่สง่างามเช่นเดิม เหมือนเป็นไปตามธรรมชาติที่ไม่มีการปรุงแต่ง และกล่าวว่า “นี่คือสิ่งที่ปฐมบรรพบุรุษถงจู่ได้ทิ้งเอาไว้ให้ ขวานเล่มนี้สามารถเบิกฟ้า และผ่าดินได้”

‘ขวานเบิกฟ้า’ ทุกคนต่างรู้สึกว่าไม่มีชื่อใดเหมาะสมมากไปกว่านี้อีกแล้ว เมื่อมองดูขวานเล่มนี้แล้วได้ยินชื่อของมัน เหมือนว่าขวานยักษ์เล่มนี้ถูกสร้างขึ้นก็เพื่อชื่อนี้อย่างนั้น

แต่ว่า ยออฝีมีมือรุ่นอาวุโสที่รู้จักขวานเบิกฟ้านั้นต่างรู้สึกตระหนกในใจ และกล่าวว่า “ขวานเล่มนี้สะเทือนฟ้า ไม่สิ เบิกฟ้า มันสามารถเบิกฟ้าได้จริงๆ!”

ปฐมบรรพบุรุษถงจู่คือระดับปฐมบรรพบุรุษคนหนึ่งของเขาเซียนถงซาน เขาถือกำเนิดในยุคสมัยที่ดึกดำบรรพ์มาก ยุคสมัยที่เขาเกิดนั้นยาวไกลจนกระทั่งทุกคนไม่สามารถสรุปช่วงเวลาที่ถูกต้องได้

ปฐมบรรพบุรุษเขาเซียนถงซานผู้นี้คือระดับปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิเซียนผู้หนึ่ง เล่าลือกันว่ามีกำลังความสามารถที่น่าตกใจ หากไม่เป็นเพราะเขาถือกำเนิดในยุคสมัยที่ยาวนานมากเกินไป ไม่แน่นักเขาก็อาจจะถูกจัดให้อยู่ในหนึ่งในสิบยอดปฐมบรรพบุรุษก็เป็นได้

ขวานเบิกฟ้าคืออาวุธปฐมบรรพบุรุษที่ปฐมบรรพบุรุษถงจู่ในครั้งนั้นได้ทิ้งเอาไว้ เขาจะเป็นคนหลอมสร้างขวานเล่มนี้หรือไม่นั้นไม่มีใครล่วงรู้ แต่ว่า ผู้ที่เคยได้ยินชื่อของขวานเล่มนี้ต่างก็รู้ว่า ขวานเล่มนี้มีอานุภาพที่สูงมาก เหนือกว่าอาวุธปฐมบรรพบุรุษทั่วไปมากทีเดียว หนึ่งขวานที่จามลงมานั้นสามารถเบิกฟ้าได้อย่างแท้จริง

“ขวานเยี่ยม…” หลี่ชิเย่มองดูขวานยักษ์ที่สะเทือนเลื่อนลั่นเล่มนี้แล้ว พยักหน้าและเอ่ยชื่นชมคำหนึ่ง

แน่นอน การที่ขวานเล่มนี้สามารถได้รับคำชื่นชมเช่นนี้จากหลี่ชิเย่ได้ ย่อมมีความน่าตื่นตะลึงโดยแท้ จะอย่างไรเสีย หลี่ชิเย่จะมีปฏิกิริยาเรียบเฉยต่ออาวุธปฐมบรรพบุรุษทั่วไป

“เชิญพี่ท่านสำแดงอาวุธออกมา” ท่าทางพระอาจารย์จินกวงหนักแน่นจริงจัง ท่วงท่าดูจะให้ความเคารพนับถือ

“ดูเหมือนจะไม่มีอาวุธใดที่เหมาะมือ” หลี่ชิเย่เกาหัวและกล่าวว่า “เอาเถอะ ข้าจะลองดู” กล่าวพลางยืนมือไปคลำหาทีหนึ่ง

“นี่ออกจะประมาทเกินไปแล้ว” มีผู้ซุบซิบขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ เมื่อมองเห็นท่าทางเช่นนี้ของหลี่ชิเย่

ในทัศนะของคนบางคน โดยเฉพาะอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เลื่อมใสศรัทธาในพระอาจารย์จินกวงมองว่า นี่เป็นการเสแสร้งแกล้งทำของหลี่ชิเย่ จงใจอวดอ้างตนเอง

“หรือว่าเขาต้องการอาศัยมือเปล่ามาต่อสู้ชี้ขาดกับขวานเบิกฟ้าของพระอาจารย์จินกวงอย่างนั้นรึ?” มียอดฝีมือซุบซิบขึ้นมาด้วยความไม่พอใจยิ่ง

แน่นอน มีระดับบรรพบุรุษบางส่วนไม่คิดว่าเป็นการประมาทของหลี่ชิเย่ เนื่องจากนับตั้งแต่หลี่ชิเย่เข้าสู่ยุทธภพเป็นต้นมา ไม่เคยได้ยินว่าเขาใช้อาวุธ ปรกติล้วนแล้วแต่อาศัยมือเปล่าหมัดล้วนๆ เสียส่วนมาก มียกเว้นเพียงกรณีเดียวก็คือกระบี่ล้างบาปแล้วล่ะ

เสียงตึงดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง เสียงคำรามของหอกยาวดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่ได้หยิบอาวุธขึ้นมาถือไว้ในมือเล่มหนึ่ง

“ดูเหมือนการไม่ใช้อาวุธจะเป็นการไม่ให้ความเคารพต่อเจ้า” หลี่ชิเย่หัวเราะ ประเมินหอกยาวที่อยู่ในมือเล่มนี้ และกล่าวว่า “เอาเถอะ เอาหอกยาวเล่มนี้ก็แล้วกัน นับว่าพอใช้ได้อยู่”

แม้ว่าคำพูดนี้ของหลี่ชิเย่จะสร้างความไม่พอใจให้กับผู้คนบางส่วน และทำให้ภายในใจของผู้ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงต้องรู้สึกเสียวสันหลังวาบ รู้สึกตระหนกอยู่ในใจ

จากคำพูดของหลี่ชิเย่ฟังออกได้ว่า ต่อให้ในมือของพระอาจารย์จินกวงจะถือขวานเบิกฟ้า เขาก็สามารถอาศัยมือเปล่ารับมือได้เช่นกันขวานเบิกฟ้า

นับว่าเป็นความมั่นใจตนเองที่สร้างความตระหนกแก่ผู้คนมากเหลือเกิน

มีไม่กี่คนบนโลกนี้ที่กล้าบอกว่าตนเองสามารถอาศัยมือเปล่าล้วนๆ สู้กับพระอาจารย์จินกวงได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขามีขวานเบิกฟ้าในมือ แต่หลี่ชิเย่กลับมองเป็นเรื่องธรรมดาไม่ได้ให้ความสำคัญ ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวอะไรอย่างนั้น

เวลานี้สายตาผู้คนจำนวนไม่น้อยได้ตกไปอยู่ที่หอกยาวในมือของหลี่ชิเย่ หอกยาวเล่มนี้มีสีดำสนิท แวดล้อมด้วยไอหมอกผี เหมือนถือกำเนิดขึ้นจากความชั่วร้าย ต่อให้เป็นผู้ที่ไม่มีความรู้ ก็รู้ได้ว่าหอกเล่มนี้คืออาวุธอาวุธร้ายเมื่อได้เห็น

“หอกเล่มนี้กำเนิดที่แดนชั่วร้าย” พระอาจารย์จินกวงก็รู้สึกตกใจระคนกับความแปลกใจ เมื่อมองเห็นหอกยาวที่อยู่ในมือหลี่ชิเย่

“นับว่าเจ้ามีความรู้” หลี่ชิเย่พยักหน้า หัวเราะและกล่าวว่า “หอกเล่มนี้ถือกำเนิดในนรกอเวจีชั่วร้าย เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดอาวุธร้าย”

“นรกอเวจีชั่วร้าย!” ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกสะท้านในใจเมื่อได้ยินชื่อนี้ โดยเฉพาะผู้ที่รู้ถึงความอันตรายของสถานที่แห่งนี้แล้ว ยิ่งรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง

“กำเนิดจากนรกอเวจีชั่วร้าย ย่อมเป็นสุดยอดอาวุธชั่วร้ายแน่นอน” แม้แต่ระดับคงความอมตะตลอดกาลรุ่นอาวุโสก็รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง และพึมพำขึ้นมา

แดนนรกอเวจีชั่วร้ายนับได้ว่าเป็นสถานที่ชั่วร้ายสุดๆ เคยทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องหน้าถอดสีเมื่อเอ่ยถึง

อากัปกิริยาของพระอาจารย์จินกวงดูจะให้ความเคารพอย่างสูง และกล่าวว่า “ขอบคุณพี่ท่านที่ให้เกียรติ วันนี้ต้องได้ต่อสู้กันจึงจะเลิกรา!” แม้ว่าท่าทางหลี่ชิเย่ตามอารมณ์และดูสบายๆ แต่ว่า เมื่อหลี่ชิเย่หยิบเอาหอกปีศาจแดนอเวจีเล่มนี้ออกมานั้น พระอาจารย์จินกวงก็เข้าใจได้ว่า นี่คือการให้ความเคารพต่อเขาที่เป็นคู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่

จากคำพูดของหลี่ชิเย่นั้นสามารถฟังออกได้ว่า หลี่ชิเย่นั้นสามารถรับมือด้วยมือเปล่าอย่างสิ้นเชิง แต่ว่า เขากลับหยิบเอาอาวุธที่สุดชั่วร้ายนี้ออกมา เป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ไม่ได้ดูแคลนต่อพระอาจารย์จินกวง

“เริ่มกันเถอะ” หลี่ชิเย่ที่ถือหอกปีศาจแดนอเวจีในมือ ยิ้มกล่าวเรียบเฉยขึ้นมา

หอกปีศาจแดนอเวจีที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่เรียกได้ว่าล้อมรอบด้วยไอหมอกผี เหมือนว่าร้อยผีต้องการพุ่งออกมาจากไอหมอกผีนี้อย่างนั้น ทำให้ผู้พบเห็นถึงกับหวาดหวั่นพรั่นพรึง

หอกปีศาจแดนอเวจีเล่มนี้ของหลี่ชิเย่ก็นับว่ามีประวัติความเป็นมา เขาชิงเอามาจากมือของนักพรตไป๋เย่อขณะอยู่ที่แดนลัทธิราชัน

“ล่วงเกินแล้ว” พระอาจารย์จินกวงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง กอดขวานด้วยมือสองข้างด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจัง

นาทีนี้พระอาจารย์จินกวงลอยตัวขึ้นช้าๆ อานุภาพปฐมบรรพบุรุษบนตัวของของเขาเริ่มตลบอบอวล เหมือนน้ำขึ้นน้ำลงที่เอ่อขึ้นมาอย่างนั้น ท่ามกลางขั้นตอนการเพิ่มขึ้นนี้ไร้ซุ่มไร้เสียงโดยไม่ส่งเสียงตูมตาม

แต่ว่า จากการเพิ่มขึ้นสูงของอนุภาพปฐมบรรพบุรุษ แม้ว่าบรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดที่อยู่ห่างไกลถึงด่านเทียนสงกวานต่างรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกในทันที ขณะอานุภาพปฐมบรรพบุรุษพลันท่วมโลกทั้งโลกจนจมมิดนั้น ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกว่าตนเองนั้นถูกสยบเอาไว้ภายใต้อานุภาพปฐมบรรพบุรุษ คอหอยของตนถูกมือขนาดใหญ่ที่ไร้รูปบีบเอาไว้จนแน่น หายใจไม่ออก และไม่สามารถกระดิกตัวได้

พริบตาเดียวนั่นเอง ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดล้วนแล้วแต่รู้สึกว่าตนเองคือเนื้อบนเขียงในเวลานี้ สุดแล้วแต่ผู้อื่นจะเชือดเฉือนตามอำเภอใจ ภายใต้อานุภาพปฐมบรรพบุรุษพระอาจารย์จินกวง พวกเขาไม่สามารถขัดขืนได้อยู่แล้ว แม้แต่กำลังที่จะก้มกราบกับพื้นก็ยังไม่มี!

เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหวเสียงหนึ่ง ขณะอานุภาพปฐมบรรพบุรุษพระอาจารย์จินกวงท่วมฟ้าดินจนจมมิดในพริบตาเดียวนั้น ความปราศจากผู้ต่อกรของเขาจึงได้ระเบิดขึ้นมาอย่างแท้จริง ทุกคนมองเห็นกฎเกณฑ์ปฐมบรรพบุรุษพระอาจารย์จินกวงพลันพุ่งขึ้นฟ้าอย่างรุนแรง เสมือนดั่งระเบิดฟ้าดินให้แยกออกโดยพลันอย่างนั้น

นาทีนี้ กฎเกณฑ์ของพระอาจารย์จินกวงบงการเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน กลายเป็นสุริยันจันทราและดวงดาว ค้ำยันโลกทั้งโลกเอาไว้

นาทีนี้พระอาจารย์จินกวงยืนอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าด้านทิศเหนือ แต่ว่า ดวงดาวนับไม่ถ้วนล้อมรอบ โลกทั้งโลกที่ลอยล่อง ที่ที่เขาอยู่ก็ได้สร้างทางช้างเผือกที่ไม่มีสิ้นสุดขึ้น และบุกเบิกช่องว่างที่ไม่สิ้นสุดขึ้นมา

ตัวเขาก็คือผู้บงการของโลกทั้งโลก บรรดาอาณาประชาราษฎร์เหล่าชั้นฟ้า เทพมารหมื่นแดนล้วนแล้วแต่ต้องแสดงความเคารพสูงสุดเมื่ออยู่ต่อหน้าของเขา แม้แต่ความกล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมองก็ไม่มี

เขาก็คือพระอาจารย์จินกวง ยอดปฐมบรรพบุรุษปราศจากผู้ต่อกรแห่งยุค ทุกๆ การเคลื่อนไหวของเขาสามารถทำลายโลกๆ หนึ่งจนพินาศย่อยยับ และสามารถบุกเบิกสร้างช่องว่างไม่มีสิ้นสุดขึ้นมา

“พระอาจารย์จินกวง…” มีผู้ที่รู้สึกซาบซึ้งขึ้นมาโดยไร้เหตุผล ขณะมองดูบุรุษที่ยืนอยู่ท่ามกลางฟ้าดินผู้นั้น บังเกิดความรู้สึกที่น้ำตาเอ่อล้นอย่างหนึ่ง

“ฆ่า…” พริบตาเดียวนั่นเอง พระอาจารย์จินกวงคำรามเสียงยาวขึ้นมา เสียงคำรามยาวสามารถสะกดวิญญาณเหล่าเทพ ทำลายความกล้าของมังกรแท้จริง แค่หนึ่งคำรามก็สามารถปราบหมื่นยุคจนราบคาบ!

เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหว ขวานเบิกฟ้าได้จามลงมาโดยปราศจากกระบวนท่า ปราศจากการพลิกแพลง เป็นการจามลงมาตรงๆ เป็นหนึ่งขวานจามลงมาที่เรียบง่ายเท่านั้นเอง

ทว่า หนึ่งขวานเบิกฟ้า สวรรค์คล้ายถูกผ่าออกอย่างนั้น สายฟ้าแลบพลันถูกเทราดลงมา สายฟ้าแลบที่ไม่มีสิ้นสุดเสมือนดั่งเป็นสายฟ้าแลบเหลวข้นที่ถูกเทราดลงมาจากท้องฟ้า ดูเหมือนเป็นทางช้างเผือกที่ถูกแขวนเอาไว้บนเก้าชั้นฟ้าดูอลังการยิ่ง

หนึ่งขวานเพียงพอแล้วที่จะผ่าฟ้าดินแยกออก สังหารสิ้นเหล่าเทพ

ทุกคนต่างรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อขวานเบิกฟ้าที่จามลงมา ในพริบตาเดียวนั่นเอง ทุกคนไม่เพียงแต่รู้สึกว่าร่างกายของตนถูกผ่าออกเป็นสองซึกในทันทีเท่านั้น แม้แต่ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของพวกเขา โลกของพวกเขา ล้วนถูกผ่าออกในพริบตาเดียว

ทุกคนต่างมองดูตาปริบๆ เห็นร่างกายของตน โลกของตนพลันถูกแยกจากหนึ่งเป็นสองทันที ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง

หนึ่งขวานปราศจากผู้ต่อกร นาทีนี้ทุกคนต่างตระหนักได้ว่าอะไรที่เรียกว่าปราศจากผู้ต่อกร นี่แหละคือปราศจากผู้ต่อกร

ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงเมื่อต้องเผชิญหนึ่งขวานที่น่าสยองขวัญเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม หลี่ชิเย่หลับมองเป็นเรื่องธรรมดา หอกปีศาจแดนอเวจีในมือแค่แหย่ไปทีหนึ่งเท่านั้น

ภายในเสี้ยววินาทีนี้เอง ได้ยินเสียงตูมที่ดังสนั่นหวั่นไหว โลกชั่วร้ายโลกหนึ่งปรากฏขึ้น ที่ตรงนั้นคือแดนผีที่ไร้ขอบเขต ที่ตรงนั้นมีผีร้ายเป็นล้านล้าน ความมือได้ปกคลุมไปทั่วโลกทั้งโลก ผีร้ายได้กลืนกินอาณาประชาราษฎร์ไปเป็นล้านล้าน

ด้วยภาพที่น่าสยองขวัญเช่นนี้ ทำให้ทุกคนล้วนรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ถูกภายอันน่าสยองขวัญนี้ทำเอาตกใจจนสั่นเทาไม่หยุด

เสียงปังดังสนั่นหวั่นไหวดังขึ้น พลังของขวานเบิกฟ้าเกินต้าน พลันผ่าลงไปยังโลกแห่งความชั่วร้ายโลกนี้ จัดการผ่าความชั่วร้ายจากหนึ่งกลายเป็นสอง ผ่าแดนผีให้แยกออกในทันที

ขณะที่ขวานเบิกฟ้าจามลง ได้สังหารผีร้ายนับล้านล้าน คือท้องฟ้าที่สดใสให้กับโลก

เสียงตึงดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ในพริบตาเดียวนั่นเอง ขวานเบิกฟ้าได้จามลงบนหอกปีศาจแดนอเวจีอย่างแรง สะเก็ดไฟแตกกระจาย สะเก็ดไฟแต่ละลูกได้ยิงดวงดาวดวงแล้วดวงเล่าจนทะลุ ละลายทางช้างเผือกเส้นแล้วเส้นเล่า

พริบตาเดียวนั่นเอง ทางช้างเผือกแต่ละเส้นพลันระเบิดขึ้น สะเทือนเลื่อนลั่น เสมือนดั่งเป็นดอกไม้ฟ้าที่เจิดจ้าที่สุดนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน ทุกคนถูกกทำให้หวั่นไหวจนไม่สามารถได้สติกลับมาเป็นเวลานาน เกรงว่านี่คงเป็นภาพที่อลังการที่สุดที่พวกเขาเคยเห็นชั่วชีวิตของพวกเขาแล้ว

ครั้นภาพของดอกไม้ไฟปิดฉากลง ทุกคนต่างมองเห็นภาพของหอกปีศาจแดนอเวจีที่ต้านรับขวานเบิกฟ้าเอาไว้!

………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด