Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 3123 ประกายทองคืนสู่ดั้งเดิม

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 3123 ประกายทองคืนสู่ดั้งเดิม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3123 ประกายทองคืนสู่ดั้งเดิม

พระอาจารย์จินกวงที่มีอยู่ทุกแห่งหน แต่เขากลับเสมือนดั่งไม่ได้อยู่บนโลกนี้อย่างนั้น ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่เคยได้เห็นร่างเงาของเขา ตัวเขาคล้ายหายไปจากโลกใบนี้อย่างสิ้นเชิงแล้วอย่างนั้น

ในเวลานี้ ฟ้าดินมีแต่ความเงียบสงัดไปทั่ว พระอาจารย์จินกวงยังไม่ได้ปรากฎตัว แต่ว่า กลับทำให้ผู้คนมีความรู้สึกหายใจไม่ออกอย่างหนึ่ง เหมือนว่าไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตามต่างรู้สึกว่าตนเองนั้นมีชีวิตอยู่ภายใต้การครอบงำของพระอาจารย์จินกวง

ไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ตาม เมื่อแหงนหน้าขึ้นมาก็จะรู้สึกเหมือนกับว่าบนท้องฟ้ามีมนุษย์ยักษ์คนหนึ่งที่กำลังก้มดูอยู่ ความกดดันที่ไร้รูปเช่นนี้ทำให้เกิดอารมณ์คลุ้งคลั่งขึ้นมาได้ เมื่อเวลาทอดยาวออกไป กระทั่งทำให้ต้องก้มลงกราบและไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก

เมื่อทุกคนรับรู้ถึงความกดดันที่ไร้รูปเช่นนี้แล้ว ต่างอดที่จะรู้สึกใจหายใจคว่ำไม่ได้

แม้ว่าเมื่อครู่นี้พระอาจารย์จินกวงได้กลับคืนสู่ความเป็นดั้งเดิมไปแล้ว ได้เก็บงำอานุภาพปฐมบรรพบุรุษทั้งหมดที่มีอยู่ ระหว่างฟ้าดินจะไม่มีอานุภาพที่ปราศจากผู้ต่อกรของเขาอีกต่อไป แต่ว่า หลังจากที่เขากลับคืนสู่ความเป็นดั้งเดิมแล้ กลับยิ่งทำให้ผู้อื่นรู้สึกแย่มาก โลกทั้งโลกล้วนถูกเขาครอบงำเอาไว้ อาณาประชาราษฎร์ระหว่างฟ้าดินล้วนมีชีวิตอยู่ภายใต้การครอบงำของเขา

‘ประกายทองคืนสู่ดั้งเดิม’ ระดับคงความอมตะตลอดกาลกล่าวพึมพำขึ้นมาว่า “นี่แหละคือสัจธรรมของพระอาจารย์จินกวง สรรพสิ่งคืนสู่ดั้งเดิม!”

ผู้ที่อยู่ในระดับปราศจากผู้ต่อกรและเคยมีประสบการณ์ในสัจธรรมของพระอาจารย์จินกวง มาวันนี้ได้เห็นพระอาจารย์จินกวงสำแดงสัจธรรมของตนอีกครั้ง ยังคงหวาดผวาอยูในใจแม้เหตุการณ์จะผ่านไปนานแล้ว พวกเขาต่างรู้ถึงสัจธรรมอันน่ากลัวของพระอาจารย์จินกวง

ในบรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ชมการต่อสู้นั้น มีประเภทปราศจากผู้ต่อกรอยู่ไม่น้อยที่เคยพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของพระอาจารย์จินกวง บรรดาผู้ซึ่งเคยเป็นบุคคลผู้ทรงอำนาจและอิทธิพลมาก่อน เคยเป็นระดับคงความอมตะตลอดกาลที่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้า มาวันนี้ได้รับรู้ถึงกลิ่นอายสัจธรรมของพระอาจารย์จินกวงอีกครั้ง พวกเขารู้สึกว่าเหตุการณ์ในอดีตยังคงเด่นชัดอยู่ในความทรงจำเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้เอง

สัจธรรมที่พระอาจารย์จินกวงสร้างขึ้นมานั้นแข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกร โดยเฉพาะเมื่อเขาบรรลุธรรมกลายเป็นระดับปฐมบรรพบุรุษแล้ว ใต้หล้ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่คู่ควรให้เขาต้องสำแดงสุดยอดสัจธรรมสูงสุด แน่นอน ผู้ที่พ่ายแพ้ภายใต้สัจธรรมสูงสุดของเขานั้น ล้วนแล้วแต่เป็นประเภทปราศจากผู้ต่อกรที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคทั้งสิ้น

ประกายทองคืนสู่ดั้งเดิม นี่แหละคือสัจธรรมที่พระอาจารย์จินกวงสร้างขึ้น สัจธรรมของเขาได้ออกจากข้อจำกัดของเขาเซียนถงซานไปแล้ว สัจธรรมของเขาสามารถเปิดต้นกำเนิดสัจธรรมได้โดยสิ้นเชิง ก่อตั้งระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของตนเอง

เสียงปุดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ในเวลานี้เอง ท่ามกลางท้องฟ้าที่ว่างเปล่า ปรากฏประกายสีทองขึ้นมาสายหนึ่ง ประกายทองสายนี้เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ว่า มันสืบทอดโลกเป็นพันเป็นหมื่นได้อย่างไรกัน

ขณะที่ทุกคนจ้องมองไปนั้น ประกายทองสายนี้มีคนผู้หนึ่งที่ก้าวเดินออกมา เขาก็คือพระอาจารย์จินกวง

แต่ว่า พระอาจารย์จินกวงในเวลานี้แตกต่างกับพระอาจารย์จินกวงที่เคยเห็นในยามปรกติ ปรกติแล้วพระอาจารย์จินกวงที่เห็นคือปฐมบรรพบุรุษที่ปราศจากผู้ต่อกร เป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะสูงสุด

เวลานี้พระอาจารย์จินกวงที่ก้าวเดินออกมาจากประกายสีทองเหมือนว่ายังคงเป็นเด็กหนุ่มตัวน้อยๆ คนนั้น บนใบหน้ายังคงมีพลังชีวิตของวัยใส มีคุณสมบัติประจำตัวที่เป็นความเรียบง่าย บริสุทธิ์ เหมือนว่าต่อให้ผ่านไปเป็นพันล้านปีเขาก็ยังคงมีลักษณะเช่นนี้

เหมือนว่าพระอาจารย์จินกวงที่ก้าวเดินออกมาจากประกายสีทองได้ก้าวผ่านมาเป็นพันล้านปีแล้ว แต่ว่า เมื่อเขากลับมายังคงเป็นวัยรุ่นที่มีอายุเพียงสิบแปดคนนั้น

พระอาจารย์จินกวงที่ก้าวเดินมา คล้ายก้าวเดินออกมาจากอดีต และคล้ายมาจากอนาคต ไม่ว่าจะเป็นอดีต หรือเป็นอนาคต เขาก็ยังเป็นวัยรุ่นที่มีอายุสิบแปดคนนั้น

เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น พระอาจารย์จินกวงก็ก้าวเดินถึงด้านหน้าของหลี่ชิเย่ เอ่ยเบาๆ ขึ้นมาว่า “พี่ท่าน ล่วงเกินแล้ว” พลันที่พูดขาดคำ ยกแขนฟันใส่หลี่ชิเย่ทันที

แขนข้างนั้นที่ฟาดเข้ามาง่ายๆ และตรงๆ อีกทั้งปราศจากเสียงที่สะเทือนเลื่อนลั่น ไม่มีเสียงแตกละเอียดดังตูมตาม เหมือนเป็นการต่อยกันของเด็กหนุมที่เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ทั้งยังตามอารมณ์ยิ่งนัก

แต่ว่า ด้วยการยกแขนขึ้นมาและฟาดลงมาตามอารมณ์เช่นนี้ ที่ยกขึ้นมานั้นไม่เพียงมีแต่แขนของพระอาจารย์จินกวงเท่านั้น ยังมีฟ้าดินทั้งหมด แดนสามเซียนทั้งหมด ยังมีอาณาประชาราษฎร์หนึ่งล้านล้านล้านล้านชีวิต และยังมีดินแดนที่ไม่มีขอบเขตสิ้นสุด

ดังนั้น เมื่อพระอาจารย์จินกวงควงแขนฟาดลงไปนั้น ทุกคนต่างรู้สึกว่าตนเองนั้นตัวลอยขึ้นกลางอากาศ ตนเองกับโลกทั้งโลกล้วนถูกยกขึ้นไปสูงมากอย่างนั้น

ขณะที่ผู้ที่ยกพวกเขาขึ้นมา ยกโลกทั้งโลกขึ้นมาก็คือพระอาจารย์จินกวงนั่นเอง

เวลานี้ ในมือของพระอาจารย์จินกวงไม่ได้มีอาวุธ เพียงยกแขนขึ้นมาแล้วฟาดลง แต่ว่า แขนของเขาก็คือโลกทั้งโลก คือแดนสามเซียน อาวุธของเขาก็คือโลกทั้งโลกเช่นเดียวกัน

ลองจินตนาการดู เมื่อแดนสามเซียนถูกยกขึ้นและฟาดลง อานุภาพเช่นนี้จะมีความแข็งแกร่งเพียงใด มีความน่าสยองขวัญเช่นใด

แดนสามเซียนนั้นมีน้ำหนักเพียงใด กล่าวได้ว่าขณะที่แดนสามเซียนกดทับลงมานั้น สามารถจัดการบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นประเภทปราศจากผู้ต่อกรให้กลายเป็นเนื้อบดทันที กระทั่งถูกบดขยี้จนหายวับไปกับตาในพริบตา

เมื่อหลี่ชิเย่เผชิญกับแขนข้างเดียวที่ฟาดลงมา ได้ใช้สองมือยกเอาหอกปีศาจแดนอเวจีขึ้นมาและตั้งขวาง ต้านรับแขนที่ฟาดลงมา

ได้ยินเสียงปังดังขึ้นเสียงหนึ่ง ท่อนแขนของพระอาจารย์จินกวงได้ฟาดลงบนหอกปีศาจแดนอเวจีอย่างแรง พลันสั่นคลอนอดีตถึงปัจจุบัน มองเห็นหอกปีศาจแดนอเวจีแอ่นลง ขณะที่หลี่ชิเย่ก้าวถอยหลังตึง ตึง ตึงติดต่อกันหลายก้าว

ลองจินตนาการดู ขณะที่ขวานเบิกฟ้าที่มีอานุภาพทำลายฟ้าดินจนพินาศย่อยยับจามลงมานั้น หอกปีศาจแดนอเวจีกลับไม่เสียหายแม้แต่น้อย เวลานี้ท่อนแขนของพระอาจารย์จินกวงฟาดลงมาถึงกับทำให้หอกปีศาจแดนอเวจีงอได้ ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่า พลังแขนของพระอาจารย์จินกวงนั้นน่าสยองขวัญเพียงใดแล้ว

จะอย่างไรเสีย พลังหนึ่งแขนนี้ได้แบกรับแดนสามเซียนทั้งหมด แบกรับอาณาประชาราษฎร์หนึ่งล้านล้านล้านชีวิต แบกรับดินแดนที่ไม่มีขอบเขตสิ้นสุด สิ่งนี้ย่อมสามารถจินตนาการได้โดยสิ้นเชิงว่าจะหนักอึ้งเพียงใดแล้ว

หนึ่งแขนไม่ประสบผล พระอาจารย์จินกวงได้ควงท่อนแขนขึ้นมา ได้ยินเสียงฟ่าววว ฟ่าววว ฟ่าวววดังขึ้น แขนแล้วแขนเล่าที่กระหน่ำฟาดลงมา ทุกๆ แขนที่ฟาดลงมาทั้งเร่งรีบและรวดเร็ว เสมือนดั่งพายุฝนฟ้าคะนองอย่างนั้น

การที่พระอาจารย์จินกวงควงท่อนแขนฟาดเข้ามาเช่นนี้ เสมือนหนึ่งยกเอาแดนสามเซียนขึ้นมาและทุบเข้าหาหลี่ชิเย่อย่างบ้าคลั่ง

เสียงทุบใส่ดังปัง ปัง ปังขึ้น ภายใต้การฟาดใส่หอกปีศาจแดนอเวจีครั้งแล้วครั้งเล่า นาทีนี้มองเห็นหอกปีศาจแดนอเวจีถูกฟาดจนงอถึงขีดสูงสุดแล้ว

เนื่องจากท่อนแขนของพระอาจารย์จินกวงที่ทุบลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ความเร็วของเขาเรียกว่ารวดเร็วเหลือเกิน เมื่อหอกปีศาจแดนอเวจีถูกทุบจนงอและยังไม่ทันคืนกลับดังเดิม ก็ถูกทุบลงมาอีกครั้ง

จากการฟาดลงบนหอกปีศาจแดนอเวจีครั้งแล้วครั้งเล่า โดยหอกปีศาจแดนอเวจีที่ถูกทำให้งอยังไม่ทันได้ดีดกลับ ส่งผลให้หอกปีศาจแดนอเวจีงอเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้าย ถูกฟาดให้งอจนถึงขีดสูงสุด หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าหอกปีศาจแดนอเวจีจะต้องถูกพระอาจารย์จินกวงฟาดจนหัก

เสียงปังดังสนั่นหวั่นไหว ในที่สุด ภายใต้การฟาดลงมาดั่งพายุฝนฟ้าคะนองครั้งแล้วครั้งเล่า ความสามารถในการต้านของหอกปีศาจแดนอเวจีได้ถึงขีดสูงสุดแล้ว พลังการฟาดที่มีการสะสมไว้จนถึงขีดสูงสุดพลันพุ่งกระแทกเข้าหาหลี่ชิเย่

ท่ามกลางเสียงปังที่ดังขึ้น หลี่ชิเย่พลันถูกฟาดจนกระเด็น พุ่งชนเข้าไปยังท้องฟ้าที่ไร้ขอบเขต ได้ยินเสียงแตกละเอียดปัง ปัง ปังดังขึ้นไม่ขาดสาย พริบตาเดียวนั้นหลี่ชิเย่ได้พุ่งชนไปยังช่องว่างของมิติๆ แล้วมิติเล่า ขณะที่เขาพุ่งชนออกมาจากช่องว่างของอีกหนึ่งมิตินั้น ปรากฏมีความขมุกขมัวที่ตลบอบอวลทั่วทั้งตัว

สิ่งนี้ไม่เพียงแค่พุ่งชนจนช่องว่างของมิติละเอียดไปเท่านั้น พลังที่แข็งแกร่งยิ่งได้จัดการพุ่งชนสิ่งที่แตกละเอียดให้กลับไปยังจุดเดิม ทั้งหมดกลับคืนสู่ความขมุกขมัวในทันที

ขณะเดียวกัน เสียงระเบิดดังตูม ตูม ตูมขึ้นมาไม่ขาดสาย หลี่ชิเย่ที่ถูกยิงจนลอยไปยังช่องว่างที่ไม่มีสิ้นสุด ไม่เพียงแต่พุ่งชนช่องว่างมิติเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังได้พุ่งชนดวงดาวแต่ละดวงจนละเอียด เสมือนดั่งดอกไม้ไฟที่บานเบ่งท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างนั้น

“แข็งแกร่งมากเหลือเกิน” ทุกคนต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ถูกฟาดจนลอยไปโดยพระอาจารย์จินกวง มีผู้ร้องเสียงแหลมขึ้นมา

หากเปลี่ยนเป็นตนเอง ภายใต้อานุภาพที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่าสามารถรองรับกับท่อนแขนพระอาจารย์จินกวงที่ทุบลงมาได้กี่ครั้ง เกรงว่าท่อนแขนที่ฟาดลงมาเพียงครั้งเดียวก็สามารถให้ตนต้องหายวับไปกับตาในพริบตา และถูกทุบจนกลายเป็นหมอกเลือกในทันที

บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่เลื่อมใสในพระอาจารย์จินกวงพลันอดที่จะตื่นเต้นดีใจขึ้นมา กระทั่งตื่นเต้นจนใบหน้าแดงก่ำ เมื่อเห็นหลี่ชิเย่ถูกท่อนแขนพระอาจารย์จินกวงที่ทุบลงมาดั่งพายุฝนฟ้าคะนองจนลอยออกไปแล้ว

“ต้องแบบนี้แหละ อัดเขาให้หนัก” ผู้คลั่งไคล้ที่เลื่อมใสศรัทธาได้กำหมัดแน่น อดที่จะชูและเหวี่ยงหมัดของตนด้วยความตื่นเต้นดีใจ และกล่าวว่า “ต้องสั่งสอนให้เขาหลาบจำว่าพระอาจารย์จินกวงนั้นคือผู้ปราศจากผู้ต่อกร”

“ถูกต้อง พระอาจารย์จินกวงคือผู้ปราศจากผู้ต่อกรตลอดกาล” เมื่อเห็นพระอาจารย์จินกวงลงมือได้โหดร้ายและปราศจากผู้ต่อกรในหล้าเช่นนี้ ทำให้ผู้คลั่งไคล้จำนวนมากต่างตื่นเต้นดีใจจนร้องเสียงแหลมขึ้นมา มีผู้สนับสนุนร้องเสียงดังขึ้นมาว่า “พระอาจารย์จินกวง จัดการสั่งสอนคนประเภทไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเช่นนี้ให้หลาบจำ!”

“พระอาจารย์ลงมือ กลับมาพร้อมกับชัยชนะ ปราศจากผู้ต่อกรตลอดกาล” ในเวลานี้ กระทั่งมีผู้คลั่งไคล้จำนวนไม่น้อยได้ถูกท่วงท่าที่ปราศจากผู้ต่อกรของพระอาจารย์จินกวงทำให้หลงใหล ต่างร้องเสียงแหลมขึ้นมา และร้องกล่าวเป็นคำขวัญขึ้นมาด้วยความบ้าคลั่ง

“พระอาจารย์ลงมือ กลับมาพร้อมกับชัยชนะ ปราศจากผู้ต่อกรตลอดกาล!” ในขณะนี้ เสียงคำขวัญดังสลับขึ้นลงไม่ขาดสาย ดังก้องไปบนท้องฟ้าทั่วด่านเทียนสงกวาน

ยอดฝีมือ และระดับบรรพบุรุษรุ่นอาวุโสจำนวนไม่น้อยที่มองเห็นบรรดาผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ตื่นเต้นดีใจและบ้าคลั่ง พวกเขาต่างยิ้มเจื่อนๆ ทีหนึ่ง

มีผู้คนจำนวนไม่น้อยแสดงออกซึ่งให้ความเข้าใจบรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่บ้าคลั่งเหล่านี้ จะอย่างไรเสียมีผู้คนจำนวนมากเหลือเกินในแดนลัทธิเซียนที่ถือเอาพระอาจารย์จินกวงเป็นแบบอย่าง

หลี่ชิเย่ถูกทุบจนลอยออกไปเป็นหนึ่งล้านล้านล้านลี้ ยังไม่ทันจะยืนได้อย่างมั่นคง พระอาจารย์จินกวงพลันไล่ไปทันในพริบตา ควงท่อนแขนขึ้นและทุบลงไปอย่างแรงอีกครั้ง โดยหนึ่งแขนนี้ได้ทุบเข้าหาบริเวณศีรษะของหลี่ชิเย่

ในขณะนี้ หลี่ชิเย่ปราศจากการป้องกัน อีกทั้งความเร็วของพระอาจารย์จินกวงนับว่ารวดเร็วเหลือเกิน ผู้คนไม่สามารถหลบได้ทันอยู่แล้ว

“แย่แล้ว” ผู้คนจำนวนไม่น้อยร้องเสียงหลงขึ้นมา เมื่อมองเห็นพระอาจารย์จินกวงที่ควงท่อนแขนทุบใส่ศีรษะของหลี่ชิเย่ ถ้าหากพระอาจารย์จินกวงทุบลงบนศีรษะหลี่ชิเย่ได้จริงๆ ล่ะก็ เมื่อเป็นเช่นนั้นหลี่ชิเย่คงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

เสียงตึงดังขึ้นเสียงหนึ่ง เสียงกระบี่คำรามหนักแน่นยิ่งนัก เสมือนดั่งโลกทั้งโลกพลันปรากฎเค้าโครงแรกเริ่มกระบี่โผล่ขึ้นมานับไม่ถ้วน มองเห็นประกายทองแดงแวบวับ

พริบตาเดียวนั่นเอง มองเห็นร่องรอยวิถีกระบี่ทั้งหนาและหนักพลันโผล่ขึ้นมากะทันหัน และห่อหุ้มตัวของหลี่ชิเย่เอาไว้ทันที คล้ายเป็นหินผาที่โผล่ขึ้นมาจากใต้ดินอย่างนั้น พลันห่อหุ้มหลี่ชิเย่เอาไว้ต้านการโจมตีทุกอย่าง

เสียงยิงโจมตีดังปัง ปัง ปัง ท่อนแขนของพระอาจารย์จินกวงได้ทุบลงบนร่องรอยวิถีกระบี่ครั้งแล้วครั้งเล่า

แต่ว่า ร่องรอยวิถีกระบี่ที่หนาและหนัก ขอบเขตกว้างขวาง มีความแข็งและแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียม ร่องรอยวิถีกระบี่ที่มีประกายทองแดงแวบวับ เสมือนดั่งทอดข้ามไปตลอดกาลไม่ดับสลาย ดังนั้น ในเวลานี้ไม่ว่าพระอาจารย์จินกวงจะทุบเช่นใดก็ไม่สามารถสั่นคลอนร่องรอยวิถีกระบี่ที่สะเทือนเลื่อนลั่นเช่นนี้ได้

“สิ่งที่หนาก็คือพื้นพสุธา” เวลานี้หลี่ชิเย่คำรามเสียงยาว ร่องรอยวิถีกระบี่เปิดออก เหินฟ้าขึ้นไปเข้าประชิดตัวพระอาจารย์จินกวง

………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด