Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 3125 แสงสุวรรณเรืองรอง

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 3125 แสงสุวรรณเรืองรอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3125 แสงสุวรรณเรืองรอง

เวลานี้ พระอาจารย์จินกวงมีลักษณะท่าทางที่สดชื่นเปล่งปลั่ง เสมือนหนึ่งเป็นช่วงเวลาที่อิ่มอกอิ่มใจที่สุดของชีวิตคนอย่างนั้น

ภายในใจของผู้คนบางส่วนไม่อาจเข้าใจได้ เมื่อมองเห็นอากัปกิริยาลักษณะเช่นนี้ของพระอาจารย์จินกวง มีผู้กล่าวเอาไว้ว่า ขณะที่มีชื่อว่าผ่านการสอบคัดเลือก ก็คือช่วงเวลาที่ดีใจที่สุดของชีวิต

ในทัศนะของผู้ใดก็ตามมองว่า เวลานี้พระอาจารย์จินกวงเพิ่งจะพ่ายแพ้จากการต่อสู้ ไม่มีอะไรสมควรให้ต้องดีใจ ไม่มีสิ่งใดคู่ควรให้ต้องตื่นเต้น หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น คงรู้สึกเศร้าซึมอย่างยิ่งนานแล้ว

แต่ทว่า ในขณะนี้พระอาจารย์จินกวงไม่เพียงแต่มีลักษณะท่าทางที่สดชื่นเปล่งปลั่งเท่านั้น กระทั่งมีท่าทีที่ตื่นเต้นดีใจ

ในฐานะที่เป็นปฐมบรรพบุรุษแห่งยุค มีอุปสรรคใดที่เขาไม่เคยประสบมา? แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้เขาต้องตื่นเต้นดีใจเพียงนี้

แน่นอน ผู้ที่ไม่สามารถเข้าใจได้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นผู้บำเพ็ญตนที่ไม่มีสิทธิ์ก้าวไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดได้ ประเภทปราศจากผู้ต่อกรที่แท้จริง บรรดบรรพบุรุษระดับคงความอมตะตลอดกาล พวกเขาสามารถเข้าใจถึงสภาพจิตใจของพระอาจารย์จินกวง

กล่าวสำหรับระดับปฐมบรรพบุรุษปราศจากผู้ต่อกรเช่นพระอาจารย์จินกวงแล้ว สามารถพานพบศัตรูกล้าแข็งที่เป็นอาจารย์ที่ดีและสหายในยามยากเช่นนี้ มันก็คือสิ่งที่น่าตื่นเต้นดีใจอยู่แล้ว ต่อให้พ่ายแพ้ในการต่อสู้ก็ไม่มีอะไรต้องอับอายอยู่แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น สุดยอดเคล็ดวิชาที่พระอาจารย์จินกวงได้คิดค้นขึ้น มีอานุภาพไร้ขอบเขต ใต้หล้านี้ไม่มีผู้ใดคู่ควรให้เขาต้องสำแดงเคล็ดวิชาลับที่ปราศจากผู้ต่อกร สิ่งนี้กล่าวสำหรับพระอาจารย์จินกวงแล้ว ไหนเลยจะไม่ใช่ความหดหู่อย่างหนึ่ง

สิ่งนี้ก็คล้ายช่างที่มีชื่อเสียงแห่งยุค ได้แกะสลักงานศิลปะที่ยอดเยี่ยมมากขึ้นมา แต่ว่าทำได้เพียงเก็บซ่อนเอาไว้ให้ตนเองได้ชื่นชม

มาวันนี้กลับมีสหายยามยากที่รู้คุณค่าคนหนึ่งเช่นนี้ การนำเอาผลงานที่สมบูรณ์แบบออกมาชื่นชมด้วยกัน สิ่งนี้ย่อมเป็นข่าวน่ายินดีที่ยิ่งใหญ่ของชีวิตคน

วันนี้พระอาจารย์จินกวงมีโอกาสได้สำแดงเคล็ดวิชาลับที่ปราศจากผู้ต่อกรของตน แล้วเขาจะไม่ตื่นเต้นดีใจได้อย่างไรเล่า

ถึงตายก็เพียงพอแล้ว” เวลานี้พระอาจารย์จินกวงมีท่าทางที่ฮึกเหิมและลำพองใจและกล่าวว่า “ต่อสู้เพียงครั้งเดียวใช้หมดสิ้นสรรพวิชา ถึงตายก็เพียงพอแล้ว”

หลี่ชิเย่ก็เผยรอยยิ้มขึ้นมา กล่าวเรียบเฉยว่า “ต้องการได้สัจธรรม สามารถเฝ้ารอคอยได้อยู่แล้ว ถ้าเช่นนั้นก็ขอรับการสอนสั่งจากเคล็ดวิชายอดเยี่ยมของเจ้า คิดว่าต้องสามารถสะเทือนเลื่อนลั่นได้แน่นอน

“ข้าตั้งชื่อเคล็ดวิชานี้ว่า ‘แสงสุวรรณเรืองรอง’ ท่าทีพระอาจารย์จินกวงเคร่งขริม จริงจังอย่างยิ่ง เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “หากมีความคาดหวังในชีวิต จะต้องถูกเผาไหม้ไป”

‘แสงสุวรรณเรืองรอง’ หลี่ชิเย่ค่อยๆ ลิ้มรสอย่างละเมียดละไมโดยไม่ได้กล่าวมากความ แต่เป็นการรับรู้ถึงเสียงสัจธรรมของพระอาจารย์จินกวง

ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่ได้ยินชื่อแสงสุวรรณเรืองรองชื่อนี้แล้ว ถึงกับตะลึงงันอยู่ตรงนั้น พระอาจารย์จินกวงเข้าใจเองว่า กระบวนท่านี้ปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้า เป็นเคล็ดวิชาที่ไร้เทียมทานที่สุดที่เขาเป็นผู้คิดค้นขึ้นมา

ทุกคนมองว่า ด้วยเคล็ดวิชาที่พาลรุนแรงปราศจากผู้ต่อกร ย่อมจะต้องมีชื่อที่สะเทือนเลื่อนลั่นหรือเปี่ยมด้วยลักษณะที่อันธพาลแน่นอน

แต่ว่า พระอาจารย์จินกวงไม่ได้ทำเช่นนั้น เพียงแค่ตั้งชื่อที่ฟังดูแล้วธรรมดาๆ อย่างยิ่ง นั่นก็คือแสงสุวรรณเรืองรอง

ทุกคนล้วนแล้วแต่ตะลึงงันอยู่ตรงนั้น ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรพระอาจารย์จินกวงจึงได้ตั้งชื่อที่ธรรมดาๆ เช่นนี้ ชื่อแบบนี้ไม่สามารถบ่งชี้ถึงอนุภาพที่ยอดเยี่ยมของกระบวนท่าที่ปราศจากผู้ต่อกรของเขาอย่างสิ้นเชิง

ในขณะที่ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากกำลังกลั้นลมหายใจอยู่นั้น ในเวลานี้บรรดาเหล่าบรรพบุรุษ และระดับคงความอมตะตลอดกาลที่แข็งแกร่งบางส่วน พวกเขาต่างได้กลั้นลมหายใจไปแล้ว รับรู้ถึงเสียงสัจธรรมของพระอาจารย์จินกวงแล้ว

มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งจนถึงระดับหนึ่งเท่านั้น จึงสามารถรับรู้ถึงเสียงแห่งสัจธรรมที่แตกต่างจากผู้อื่นได้อย่างแท้จริง สิ่งนี้คือพลังที่ต่างชั้น และต่างระดับชั้นอย่างสิ้นเชิง

ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั่วไปไม่สามารถเข้าใจในความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของเสียงสัจธรรมประเภทนี้ได้อยู่แล้ว ถ้าหากพวกเขาสามารถซาบซึ้งถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของเสียงสัจธรรมประเภทนี้แล้ว พวกเขาก็เข้าใกล้ความตายแล้ว

นี่คืออะไร…หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ บรรดาผู้ยิ่งใหญ่ที่แข็งแกร่งบางส่วนเริ่มสังเกตเห็นบางอย่าง

ในขณะนี้เอง บรรดาผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ล้วนรับรู้ถึงเสียงสัจธรรมที่แผ่กระจายออกมาจากพระอาจารย์จินกวง เสียงสัจธรรมประเภทนี้เหมือนเป็นพลังอะไรสักอย่างที่บอกไม่ถูก เหมือนเป็นระลอกคลื่นในทะเลสาบที่กระเพื่อมเบาๆ อย่างนั้น

ขณะที่เสียงสัจธรรมนี้กระเพื่อมเบาๆ นั้น ภาพของสัจธรรมเสมือนดั่งน้ำในทะเลสาบที่ค่อยๆ เอ่อท่วมผ่านร่างกายของตนไปอย่างนั้น ความรู้สึกเช่นนี้มีความพิเศษมาก และยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง แต่ กลับไม่ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงอันตราย

กระทั่งกล่าวได้ว่า ขณะที่เสียงสัจธรรมกระเพื่อมในลักษณะเช่นนี้นั้น ผู้คนจำนวนมากไม่คิดว่าพลังผันแปรลักษณะเช่นนี้จะส่งผลคุกคามต่อตนเองได้

อีกทั้งผู้คนจำนวนมากยังเข้าใจว่า ขณะที่เสียงสัจธรรมลักษณะเช่นนี้กำลังผันแปรอยู่นั้น ชั้นพลังของมันกับกำลังความสามารถของพระอาจารย์จินกวงเรียกได้ว่าเข้ากันไม่ได้เลย

สมควรทราบว่า พระอาจารย์จินกวงนั้นคือระดับปฐมบรรพบุรุษคนหนึ่ง แม้ว่าจะไม่สามารถต่อกรกับคนโหดอันดับหนึ่ง แต่ทว่า เขาก็สามารถสยบเหล่าชั้นฟ้าได้อย่างง่ายดาย กล่าวได้ว่า เพียงแค่เขาอาศัยพลังปฐมบรรพบุรุษเพียงเล็กน้อยบดขยี้เข้าไป ก็ส่งผลสะเทือนเลื่อนลั่น ถล่มภูเขาพลิกแม่น้ำ

เวลานี้เสียงสัจธรรมที่แผ่กระจายออกมาจากตัวของพระอาจารย์จินกวงนั้น มันมีความนุ่มนวลไม่รู้จะนุ่มนวลอย่างไรได้อีกแล้ว ไม่สอดรับกับตำแหน่งฐานะของพระอาจารย์จินกวงอย่างสิ้นเชิง

“แย่แล้ว ข้าขยับตัวไม่ได้แล้ว” ในขณะที่ผู้คนจำนวนมากกำลังรู้สึกประหลาดใจ ระดับบรรพบุรุษผู้หนึ่งรู้สึกหวาดผวา และร้องเสียงดังขึ้นมา

ภายใต้เสียงร้องดังลักษณะเช่นนี้ได้สร้างความตกใจตื่นให้กับทุกๆ คน ในเวลานี้ทุกคนต่างพบว่าตนเองไม่สามารถขยับตัวได้แล้ว

“นี่ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่! ” แม้แต่ระดับคงความอมตะตลอดกาลที่แข็งแกร่งยิ่งก็ไม่สามารถขยับตัวได้ในขณะนี้ พวกเขาถึงกับหวาดผวา

ระดับคงความอมตะตลอดกาลบางคนได้ขับเคลื่อนเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของตน เพื่อต้องการออกจากสถานการณ์คับขันเช่นนี้ แต่ว่า กลับไร้ผลใดๆ ถูกกักขังเอาไว้โดยสิ้นเชิง

แต่ว่า ลักษณะการกักขังเช่นนี้กลับทำให้ทุกคนไม่รู้สึกเลยแม้แต่น้อย ไม่เหมือนพลังปฐมบรรพบุรุษปราศจากผู้ต่อกรที่สยบเข้ามาโดยตรง พลังที่แข็งแกร่งสยบจนไม่สามารถขยับตัวได้

ขณะที่พลังซึ่งกักขังทุกคนเอาไว้นั้นปราศจากซุ่มเสียงใดๆ ทั้งสิ้น กระทั่งเจ้ายังไม่ทันรู้สึก และตรวจไม่พบใดๆ ก็ถูกพลังลักษณะเช่นนี้กักขังเอาไว้แล้ว เมื่อตรวจพบอีกทีทุกอย่างก็สายเกินไปเสียแล้ว ไม่สามารถต้านทานกับมันได้อีก

อย่างไรก็ตาม พลังที่สามารถกักขังระดับคงความอมตะตลอดกาลได้ สามารกักขังพลังของทุกคนได้นั้น มันไม่ได้ยิ่งใหญ่ไพศาลปราศจากผู้ต่อกรอย่างที่จินตนาการ ตรงกันข้าม พลังที่มีแต่เหมือนไม่มีเช่นนี้ เหมือนเป็นระลอกคลื่นที่กระเพื่อมเบาๆ อย่างนั้น

“เพราะอะไรข้ารู้สึกว่าตัวเองก็คือเทียนเล่มหนึ่ง” ระดับบรรพบุรุษผู้หนึ่งถึงกับหวาดผวา

“การลุกไหม้คือสิ่งที่เจ้าคาดหวัง” พระอาจารย์จินกวงเอ่ยขึ้นมาเบาๆ คำพูดนี้พูดเบามากๆ แต่ เมื่อเข้าไปในหูของทุกคนแล้ว ทำให้มีผู้ที่รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดเช่นนี้ล้วนวิญญาณแทบออกจากร่าง เหมือนว่านี่คือคำพูดที่สยองขวัญที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยได้ยินมาชั่วชีวิต

“พลังที่ประหลาดและยอดเยี่ยมมาก” หลี่ชิเย่ที่ถูกกักขังอดที่จะชมเปาะด้วยความตื่นตะลึง เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เมื่อจิตมีความคาดหวัง ย่อมต้องมีความปรารถนา นี่แหละคือการผูกมัดตัวเอง! ”

“ที่กักขังตัวเองหาใช่พระอาจารย์จินกวง แต่เป็นตัวเอง” ระดับบรรพบุรุษเข้าใจในความหมายที่หลี่ชิเย่พูด ถึงกับเสียวสันหลังวาบบบ

ในพริบตาเดียวนั่นเอง ผู้ยิ่งใหญ่ที่เข้าใจในสิ่งนี้จึงหาทางดิ้นรนทันที แต่ว่าไร้ประโยชน์ ไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม นาทีนี้พลังของพวกเขาดูช่างอ่อนแรงอะไรอย่างนั้น

เนื่องจากไม่มีเป้าหมายที่จะให้ขัดขืน เนื่องจากทุกสิ่งล้วนกำเนิดเกิดจากตัวเองทั้งสิ้น

ลักษณะเช่นนี้คล้ายจอมพลังที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่งอย่างนั้น เขาสามารถอุ้มสิ่งของที่มีน้ำหนักขึ้นมาได้ทั้งหมด แต่ว่า กลับไม่สามารถอุ้มตัวเองขึ้นมาได้ นี่แหละคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด

“ลุกไหม้เถอะ” พระอาจารย์จินกวงทอดถอนใจเบาๆ ทีหนึ่ง และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “หากข้าเผาผลาญสิ้นความปรารถนาทุกสิ่งทุกอย่างของข้าก็ไม่เสียใจอีก ขอบคุณพี่ท่านที่สามารถสู้กับข้า” ขาดคำ ได้ยินเสียงตูมดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง

ดูเหมือนว่าพระอาจารย์จินกวงถูกเผาไหม้จนสิ้นอย่างนั้น เหลือไว้เพียงประกายสายหนึ่งที่ส่ายโอนเอนไปมาอยู่ตรงนั้น

เสียงแว้งค์ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง หลังจากที่พระอาจารย์จินกวงถูกเผาจนกลายเป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนไปแล้ว ร่างกายของหลี่ชิเย่พลันเปล่งเป็นประกายขึ้นมา และเข้าสู่โหมดการป้องกันที่แข็งแกร่งมากทันที

เวลานี้ บนโลกนี้ไม่มีพระอาจารย์จินกวงอีกแล้ว มีเพียงประกายสายหนึ่งที่โอนเอนไปมาอยู่ตรงนั้น ประกายที่อยู่ท่ามกลางการโอนเอนไปมาคล้ายเป็นเปลวเทียนที่มีขนาดเท่าเม็ดถั่วเหลืองที่โอนเอนกลางอากาศ เหมือนว่าพร้อมจะถูกสายลมเบาๆ พัดจนดับอย่างนั้น

แต่ว่า พูดไปก็ให้แปลก ด้วยประกายลักษณะเช่นนี้สายหนึ่งกลับเหมือนเป็นนิรันดร์อย่างนั้น ที่มันเผาไหม้อยู่นั้นคือความปรารถนาทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก!

จิตเฝ้ารอ ย่อมมีสิ่งที่คาดหวัง และย่อมมีความปรารถนา! ทุกสิ่งล้วนลุกไหม้อยู่ตรงนั้น

พระอาจารย์ ไว้ชีวิตด้วย…นาทีนี้ ระดับคงความอมตะตลอดกาลปราศจากผู้ต่อกรรับรู้ถึงความคุกคามในลำดับแรก รู้สึกหวาดผวา

ในพริบตาเดียวนั่นเอง ทุกคนได้ยินเสียงตูมดังขึ้น ถึงกับเกิดลุกไหม้ตัวเองขึ้นมา โดยที่ร่างกายถูกเผาไปทีละนิดๆ

แย่แล้ว…ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยรู้สึกหวาดผวา และร้องเสียงแหลมขึ้นมา เมื่อรับรู้ว่าตนเองนั้นกำลังลุกไหม้ตัวขึ้นมา พวกเขาขับเคลื่อนเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของตน เพื่อหวังสยบเปลวไฟที่กำลังเผาไหม้อยู่ แต่ว่า ไม่ว่าพยกเขาจะสยบ หลีกเลี่ยงเพียงใดก็ตาม ล้วนไร้ประโยชน์

ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้…ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยขวัญหนีดีฝ่อ พวกเขาต่างสำแดงอภินิหาริย์ เพื่อหวังทำให้เปลวไฟบนตัวของตนหลับลง แต่ว่า กลับใช้การใดๆ ไม่ได้

เนื้อหนังของทุกคนถูกเผาไหม้ไปทีละนิดๆ ไหม้ไปถึงกระดูกและเอ็นของพวกเขา ไหม้ไปถึงฐานเต๋าของพวกเขา เผาไหม้จนถึงชะตาแท้

ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ พวกเขาสามารถมองเห็นร่างของตนที่ถูกเผาไหม้ไปทีละนิดๆ กลับทำอะไรไม่ได้

ไม่ว่าจะมีความแข็งแกร่งเพียงใด ไม่ว่าจะมีของวิเศษที่ปราศจากผู้ต่อกร แต่ว่า ในเวลายนี้ล้วนไม่สามารถดับเปลวไฟเช่นนี้ได้

“นี่ นี่ นี่มันคือตัวอะไรกันแน่! ” ผู้คนจำนวนมากต่างร้องเสียงแหลมขึ้นมา เมื่อมองเห็นร่างกายของตนถูกเผาไหม้ไปทีละนิดๆ ระดับบรรพบุรุษที่ปรกติแข็งแกร่งมาก เวลานี้ล้วนตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แทบอยากจะร้องเรียกหาคุณปู่ คุณย่าให้รู้แล้วรู้รอดไป

“การลุกไหม้คือสิ่งที่พวกเราปรารถนา” ระดับคงความอมตะตลอดกาลผู้หนึ่งเข้าใจในความลึกซึ้งยอดเยี่ยม และกล่าวว่า “ขอเพียงในใจยังคงมีความปรารถนา ปรารถนาต้องการมีชีวิต ความเมตตา ความรัก ความแค้น..ทุกสิ่งทุกอย่าง ขอเพียงมีอยู่น้อยนิด ก็สามารถเหมือนสะเก็ดไฟที่ไหม้ลามทุ่งหญ้าไปสิ้น! เว้นเสียแต่สามารถจิตใจที่เหมือนเถ้าที่มอดไหม้ไปแล้ว สิ้นหวังสุดๆ ไม่ปรารถนาสิ่งใดๆ มิฉะนั้นแล้ว จะต้องลุกไหม้ ต่อให้มีเพียงนิดเดียวก็สามารถเผาไหม้เจ้าจนไม่เหลือหลอ”

“มีใจที่ปรารถนา! ” ในที่สุดยอดฝีมือไม่น้อยก็เข้าใจแล้วว่า เพราะอะไรร่างกายของตนจึงได้ลุกไหม้ขึ้น หลังจากฟังคำบอกเล่านี้แล้ว นั่นเป็นเพราะภายในใจของตนมีความคาดหวังน้อยนิด มีความปรารถนาน้อยนิด ซึ่งก็เพียงพอที่จะจุดติดร่างกายของตนเองได้แล้ว และเผาตัวเองจนกลายเป็นเถ้า

เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องพลัง ไม่เกี่ยวกับกฎเกณฑ์ ไม่เกี่ยวกับสัจธรรม สิ่งนี้มาจากภายในจิตใจของทุกคน เว้นแต่เจ้าจะเป็นก้อนหินก้อนหนึ่ง และหรือสิ้นหวังจนปราศจากการคาดหวังใดๆ อีก มิฉะนั้นแล้วก็จะถูกความปรารถนาอันน้อยนิดของตนเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้า

“ไม่ จะทำเช่นนี้ไม่ได้นะ” พวกเขาต่างร้องเสียงแหลมขึ้นมา เมื่อรับรู้ได้ว่าร่างกายของตนเองกำลังถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าทีละนิดๆ

………………………………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด