Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2514 คำสาปสังหารเทพ

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2514 คำสาปสังหารเทพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2514 คำสาปสังหารเทพ
นาทีนี้ ภูเขาแต่ละลูกภายในเขาจิ่วเหลียนซานปรากฏเงาผู้คนที่เคลื่อนไหว ไพร่พลนับล้านของกองทัพส่วนกลางได้ยึดครองภูเขาแต่ละลูกเอาไว้

แม้จะกล่าวว่า ณ เวลานี้ทหารทั้งหมดของกองทัพส่วนกลางไม่ได้สวมใส่เสื้อเกราะเอาไว้ โดยเปลี่ยนมาเป็นสวมใส่ชุดธรรมดา แต่ทว่า ยังคงสามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่ดุดันกล้าหาญบนตัวของพวกเขา จะอย่างไรเสียนี่ก็คือกองทัพที่เกรียงไกรเชี่ยวชาญการศึกกองทัพหนึ่ง

ยามที่กองทัพนับล้านของพวกเขายึดครองภูเขาแต่ละลูกของเขาจิ่วเหลียนซานนั้น ทั่วทั้งเขาจิ่วเหลียนซานล้วนแล้วแต่ถูกกลิ่นอายที่องอาจห้าวหาญดุดันครอบคลุมเอาไว้ทั้งหมด โดยเขาจิ่วเหลียนซาน ล้วนแล้วแต่ตลบอบอวล ไปด้วยกลิ่นอายการเข่นฆ่าที่ไร้ความปราณีสายหนึ่ง

“จะเริ่มใช้คำสาปแล้ว” ระดับบรรพบุรุษตระกูลขุนนางโบราณเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว อดที่จะพูดพึมพำขึ้นมาว่า “หม่าหมิงชุนต้องการเอากองทัพทั้งกองทัพเดิมพันเข้าไปด้วยนะเนี่ย ทำแบบนี้มันคุ้มกันรึ?”

“คำสาปข้าดั้งเดิม สาปแช่งความชั่วร้ายหมื่นชาติ…” ในเวลานี้เอง ปากของหม่าหมิงชุนท่องบ่นคาถาขึ้นมา เมื่อคาถาของเขาถูกท่องขึ้นมาได้ยินเสียงดังแว้งค์เสียงหนึ่ง ร่างของเขาพลันดูเลือนรางขึ้นมาทันที เสมือนดั่งเป็นน้ำแข็งหรือหิมะที่หลอมละลายเข้ากับน้ำอย่างนั้น โดยร่างของเขาพลันหลอมรวมเข้ากับอากาศธาตุ เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ได้กลับกลายเป็นอักขระยันต์ดึกดำบรรพ์ตัวหนึ่ง

“คำสาปข้าดั้งเดิม สาปแช่งความชั่วร้ายหมื่นชาติ…” ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง มองเห็นกองทัพนับล้านของกองทัพส่วนกลางต่างท่องคาถาออกมาพร้อมๆ กัน เสียงของพวกเขาดังก้องไปทั่วเขาจิ่วเหลียนซาน สะท้อนกลับไม่หยุดนิ่งท่ามกลางฟ้าดินอยู่เป็นเวลานาน

“นี่คืออะไร?” กลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนมากไม่รู้ว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ เห็นกองทัพส่วนกลางจำนวนนับล้านไม่ได้ลงมือ ถึงกับท่องบ่นเป็นคาถาขึ้นมาเสียก่อน

“คำสาบสังหารเทพ…” ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสเมื่อได้ยินเนื้อหาของคำสาปเช่นนี้แล้วถึงกับสั่นเทิ้มขึ้นมา อดที่จะใจหายใจคว่ำอย่างช่วยไม่ได้ พึมพำขึ้นมาว่า “นี่คือท่าไม้ตายของกองทัพส่วนกลางนะเนี่ย!”

“คำสาบสังหารเทพทรงพลังอำนาจมากรึ?” กลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยรู้สึกแปลกใจยิ่ง

“ไม่สามารถเปรียบเปรยด้วยคำว่าทรงพลัง น่ากลัวอย่างยิ่ง มันไม่มีกระบวนท่า ไร้รูปไร้เงา” ท่าทีของอดฝีมือรุ่นอาวุโสผู้นี้ดูหนักแน่นจริงจัง เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “นี้เป็นคำสาปที่ชั่วร้ายมากอย่างหนึ่ง มันเข้าโจมตีกระทั่งไม่รู้ว่าควรจะป้องกันอย่างไรดี เนื่องจากการโจมตีของมันมาจากภายในจิตใจ”

“มาจากภายในจิตใจ?” เมื่อกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ยินแล้วถึงกับตะลึงงัน ไม่สามารถจินตนาการได้ว่าเป็นการโจมตีแบบบไหนกันแน่

“ถูกต้อง มาจากภายในจิตใจ” ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสผู้นี้กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เมื่อภายในจิตใจเจ้าบังเกิดด้านมืดขึ้นมา นาทีนี้เองคำสาปก็จะถือกำเนิดขึ้นที่ภายในจิตใจของเจ้า มันจะกัดกินร่างกายทั้งหมดของเจ้า รวมทั้งชะตาแท้ของเจ้า ภายในใจของคนเราทุกคนล้วนแล้วแต่มีด้านมืด เป็นไปไม่ได้ที่จะทำได้ถึงขั้นไม่มีด้านมืดเลยแม้แต่น้อย”

“น่ากลัวขนาดนี้เลยรึ?” ศิษย์ที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ถึงกับหวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกซู่ อดที่จะกล่าวด้วยท่าทีใจหายใจคว่ำไม่ได้

“ถูกต้อง มันน่ากลัวมาก อีกทั้งคำสาปนี้มาจากทหารของกองทัพส่วนกลางทั้งกองทัพที่มีจำนวนนับล้านดำเนินการพร้อมๆ กัน พวกเขากลับกลายเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ ค่ายกลดังกล่าวไม่เพียงเป็นการรวบรวมพลังของทุกๆ คนเท่านั้น ขณะเดียวกันก็หยิบยืมเอาความได้เปรียบของสถานที่ตั้งพวกเขา คำสาปลักษณะเช่นนี้ นอกเหนือจากความน่ากลัวของตัวมันเองแล้ว ความแข็งแกร่งของสถานที่ตั้งยิ่งทรงพลังมากเท่าไร อานุภาพของมันก็ยิ่งน่ากลัวมากยิ่งขึ้น”

เมื่อยอดฝีมือผู้นี้เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ได้มองดูเขาจิ่วเหลียนซานแวบหนึ่ง และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “สถานการณ์ความได้เปรียบของเขาจิ่วเหลียนซานไม่ต้องพูดถึงให้มากความ รับประกันได้ว่าคือหนึ่งในสถานการณ์ที่ทรงพลังมากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่อย่างแน่นอน การหยิบยืมเอาสถานการณ์เช่นนี้ เกรงว่าสามารถทำให้อานุภาพของคำสาปเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวจากปรกติ อย่างไรก็ตาม เมื่อใดที่ต้องคำสาปเช่นนี้เข้าแล้ว ไม่ว่าใครก็อย่าได้คิดหนีไป”

ศิษย์ที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่อดที่จะร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่งไม่ได้ รู้สึกขนลุกซู่ในใจเมื่อได้ยินคำพูดลักษณะเช่นนี้ และกล่าวว่า “คำสาปที่น่ากลัวถึงเพียงนี้ มิเท่ากับปราศจากผู้ต่อกรรึ?”

“โลกนี้ไหนดเลยมีเรื่องของปราศจากผู้ต่อกร” ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสผู้นี้ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ขอเพียงเจ้ามีความแข็งแกร่งที่มากพอ ไม่จำเป็นต้องมีจิตใจที่เปี่ยมด้วยความสว่างก็สามารถต้านกับคำสาปเช่นนี้ได้ ขอเพียงเจ้ามีความแข็งแกร่งที่มากพอ พลังที่เด็ดขาดสามารถบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่าง จะเป็นแสงสว่างความมืดมิดอะไรก็จะถูกบดขยี้ทำลายทิ้ง เพียงแต่ คำสาปนี้มีความน่ากลัวอย่างแท้จริง ครั้งนั้น กองทัพส่วนกลางได้รับคำบัญชาจากฮ่องเต้ไท่ชิงให้ไปปราบปรามศัตรูผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งของฮ่องเต้ไท่ชิง ท้ายที่สุด กองทัพส่วนกลางก็ได้อาศัยคำสาปนี้แหละจัดการกับศัตรูให้ทรมานและตายไปเป็นๆ”

“แม้ว่าคำสาปนี้จะแข็งแกร่งมาก แต่ไม่เห็นจะเป็นเรื่องดี” ในเวลานี้ ผู้เฒ่าผู้หนึ่งที่อยู่ด้านข้างได้เอ่ยท่าทีเรียบเฉยขึ้นมาว่า “ถ้าหากเจอะเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า กองทัพส่วนกลางทั้งหมดก็จะต้องพินาศย่อยยับ ไม่สามารถหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”

“ถูกต้อง หม่าหมิงชุนคราวนี้เป็นการเดิมพันกองทัพส่วนกลางเข้าไปทั้งกองทัพ” ยอดฝีมือผู้นี้ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า “เขาได้ทุ่มลงไปทั้งหมด เดิมพันสักครั้งหนึ่ง!”

“คำสาปข้าดั้งเดิม สาปแช่งความชั่วร้ายหมื่นชาติ…” เสียงของคำสาปดังก้องไปมาอยู่ในเขาจิ่วเหลียนซานไม่หยุด ทำไห้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้

“โง่ไม่มีที่ติ” หลี่ชิเย่มองดูกองทัพส่วนกลางที่กำลังสำแดงคำสาป เพียงกล่าวน้ำเสียงเย็นชาเรียบเฉย โดยไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด เพียงยืนสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น

แว้งค์ แว้งค์ แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้นมาเป็นระลอก ในเวลานี้เอง กองทัพนับล้านที่ยึดครองเขาจิ่วเหลียนซานได้หายตัวไปทีละคนๆ กลายเป็นอักขระยันต์แต่ละตัว โดยทีอักขระยันต์ดึกดำบรรพ์แต่ละตัวได้แผ่กลิ่นอายที่ชั่วร้ายแต่ละสายออกมา

“คำสาบสังหารเทพจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว” มีผู้เอ่ยขึ้นแผ่วเบาเมื่อมองเห็นภาพนี้แล้วว่า “ถ้าหากไม่สำเร็จ เกรงว่าจะหมดสิ้นย่อยยับทั้งกองทัพ กองทัพส่วนกลางทั้งหมดจะหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว จะไม่หลงเหลืออยู่อีกต่อไป”

“การกระทำเช่นนี้ของหม่าหมิงชุนออกจะเห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว เพื่อแก้แค้นส่วนตัวถึงกับนำกองทัพทั้งกองทัพเดิมพันเข้าไปด้วย” ศิษย์ของสำนักเจ้าลัทธิกล่าวอย่างไม่น่าเชื่อขึ้นมา

“กองทัพส่วนกลางในเวลานี้เกือบจะกลายเป็นกองทัพส่วนตัวตระกูลหม่าไปแล้ว” ยอดฝีมือสำนักเจ้าลัทธิมองดูแวบหนึ่ง แล้วกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ครั้งนั้นก่อการกบฏนั้น ภายในกองทัพยังคงมีทหารและแม่ทัพที่จงรักภักดีต่อราชวงศ์โต่วเซิ่นล้วนแล้วแต่ถูกกำราบไป เวลานี้หม่าหมิงชุนได้ยึดครองกองทัพทั้งกองทัพเอาไว้ในมืออย่างเหนียวแน่น ดังนั้น เวลานี้เขาจึงได้บ้าบิ่นที่เอากองทัพทั้งกองทัพมาเดิมพัน”

ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน และมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่จ้องตากันและกัน ทุกคนต่างเข้าใจเป็นอย่างดีว่า กองทัพส่วนกลางไม่ได้ขึ้นอยู่กับฐานอำนาจของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ยิ่งไม่ขึ้นตรงกับตระกูลหม่า มันขึ้นตรงอยู่กับราชวงศ์โต่วเซิ่น ในแง่มุมหนึ่งอาจกล่าวได้ว่า ขึ้นอยู่กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ เนื่องจากกองทัพส่วนกลางแบกภาระหน้าที่คุ้มครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่

เวลานี้ หม่าหมิงชุนเพื่อความแค้นส่วนตัวแล้วได้เดิมพันเอากองทัพส่วนกลางทั้งกองทัพ การกระทำเช่นนี้ช่างเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวเช่นใด

เสียงแว้งค์…แว้งค์…แว้งค์…ดังขึ้น ในเวลานี้ มองเห็นเขาจิ่วเหลียนซานทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกอักขระยันที่ดึกดำบรรพ์ยิ่งปกคลุมเอาไว้ เขาจิ่วเหลียนซานทั้งหมดเหมือนหนึ่งกลายเป็นทะเลอักขระยันต์ที่สุดลูกหูลูกตา

ที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ในเวลานี้เอง ทุกๆ อักขระยันต์ถึงกับแผ่กลิ่นอายที่ชั่วร้ายออกมาเป็นสายๆ โดยกลิ่นอายชั่วร้ายที่เป็นสายๆ เหล่านี้เสมือนดั่งเข็มที่แหลมคมทิ่มแทงจนทุกคนรู้สึกปวดขึ้นมา

“ช่างน่ากลัวมากเหลือเกิน” เมื่อทุกคนรับรู้ถึงกลิ่นอายที่ชั่วร้ายเช่นนี้แล้วต่างทยอยกันถอยหลังออกไปให้ห่างไกลมากเข้าไว้ เพื่อป้องกันการถูกลูกหลง

จี๊ด…จี๊ด…จี๊ด…เสียงการหลอมละลายดังขึ้นเป็รระลอก ในเวลานี้เองเรื่องที่เหลือเชื่อได้เกิดขึ้นแล้ว มองเห็นตัวอักขระยันต์ทั้งหมดทยอยกันหลอมละลาย เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น เหมือนหนึ่งทั่วทั้งเขาจิ่วเหลียนซานล้วนแล้วแต่ถูกหลอมละลายเป็นอย่างนั้น

ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ เมื่อช่องว่างทั้งหมดถูกหลอมละลายจนสิ้นแล้วถึงกับกลายเป็นคลื่นสีดำที่เข้มข้นยิ่ง เหมือนว่าคลื่นดำเหล่านี้แทรกเข้าไปได้ทุกรูขุมขน ไม่ว่าจะหลบไปอยู่ที่ใดก็ตาม ก็ไม่สามารถหลบหนีพ้นจากคลื่นสีดำเหล่านี้ไปได้

จี๊ด…เสียงหนึ่งดังขึ้น นาทีนี้เองมองเห็นคลื่นสีดำได้เคลื่อนตัวไปล้อมหลี่ชิเย่เอาไว้ เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น หลี่ชิเย่ก็ถูกคลื่นสีดำที่น่ากลัวล้อมเอาไว้ทุกด้าน

แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น หลังจากที่คลื่นสีดำได้รายล้อมหลี่ชิเย่เอาไว้แล้ว คำสาปที่ชั่วร้ายยิ่งเสมือนดั่งปรอทที่ถูกเทลงพื้นอย่างนั้น แทกไปทุกที่ เหมือนว่าในพริบตาเดียวนี้เอง คำสาปที่ชั่วร้ายทั้งหมดล้วนแล้วแต่มุดเข้าไปอยู่ในตัวของหลี่ชิเย่ไปแล้ว

เสียงจี๊ด…จี๊ด…จี๊ด…ดังขึ้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง ทุกคนต่างมองเห็นภาพที่น่าตกใจยิง มองเห็นตำแหน่งหัวใจของหลี่ชิเย่พลันกลายเป็นสีเทา

เหมือนดั่งเป็นกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง ทันใดนั้นได้ถูกไฟที่ไม่ค่อยลุกไหม้เผาไหม้ แม้ว่ากระดาษแผ่นนั้นยังคงอยู่ แต่ก็ได้กลับกลายเป็นเถ้ากระดาษไปแล้ว เพียงแต่มันยังคงรักษารูปลักษณ์คงเดิมเท่านั้นเอง

ขณะที่ตำแหน่งหัวใจของหลี่ชิเย่พลันกลับกลายเป็นสีเทานั้น เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังไม่ขาดสาย เหมือนว่าอานุภาพคำสาปชั่วร้ายได้เพิ่มพูนขึ้นเป็นเท่าตัว และพลังคำสาปชั่วร้ายได้กระจายลามไปทั่วตัวของหลี่ชิเย่โดยพลัน

“ฮ่องเต้องค์ใหม่ต้องคำสาปแล้ว” มีผู้ที่อดที่จะร้องเสียงดังขึ้นมาไม่ได้ เมื่อมองเห็นร่างกายของหลี่ชิเย่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีเทา เหมือนว่าถูกไฟที่ไม่ค่อยลุกไหม้เผาผลาญไปทั่วตัวอย่างนั้น

“ฮ่องเต้องค์ใหม่ต้านทานกับคำสาปชั่วร้ายแบบนี้ได้หรือไม่นะ?” ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกร่างสั่นเทิ้ม หวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกซู่ เมื่อรับรู้ถึงกลิ่นอายชั่วร้ายที่แผ่กระจายออกมาจากคลื่นสีดำนั่น

“ไม่ทราบเหมือนกัน ข้าเองก็เพิ่งได้เห็นคำสาปเช่นนี้เป็นครั้งแรก” ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสส่ายหน้า สีหน้าดูหนักแน่นจริงจัง

อย่างไรก็ตาม หลี่ชิเย่ที่ต้องคำสาปและอยู่ท่ามกลางถูกทำให้เน่าเปื่อยกลับไม่ใส่ใจ มองดูคำสาปชั่วร้ายที่กำลังลามไปทั่วตัวแล้วอดที่จะหัวเราะ ส่ายหน้าและกล่าวว่า “คำสาปเช่นนี้ก็คล้ายเด็กสามขวบที่ด่าทอไม่คู่ควรจะเอ่ยถึง ไม่ต้องอาศัยพลังวัตรด้วยซ้ำ แค่จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่สว่างไสวดวงหนึ่งก็เพียงพอแล้ว”

แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่หลี่ชิเย่พูดขาดคำ ตำแหน่งหัวใจของเขาได้มีประกายสายหนึ่งบานเบ่งออกมา มันคือประกายศักดิ์สิทธิ์ ยามเมื่อประกายศักดิ์สิทธิ์นี้เบ่งบานขึ้นมานั้น มันช่างศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ ขาวดั่งหิมะ มีความศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่อาจล่วงเกิน ทำให้ผู้พบเห็นอดที่จะลุกขึ้นเพื่อแสดงความเคารพเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดซึ้ง

แว้งค์ แว้งค์ แว้งค์เสียงของช่องว่างสั่นเทาดังขึ้นมาเป็นระลอก ในเวลานี้เอง บริเวณหัวใจของหลี่ชิเย่ได้เปล่งประกายศักดิ์สิทธิ์ออกมาเป็นสายๆ และประกายศักดิ์สิทธิ์ที่เปล่งออกมานั้นมีมากขึ้นเรื่อยๆ เสมือนดั่งบัวศักดิ์สิทธิ์ที่เบ่งบานเต็มที่อย่างนั้น

เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ประกายศักดิ์สิทธิ์ที่เบ่งบานเสมือนดั่งโลกที่สว่างไสวโลกหนึ่งถูกเปิดขึ้นอย่างนั้น และประกายศักดิ์สิทธิ์ก็คล้ายดั่งน้ำหลากที่เทลงมาอย่างนั้น

จี๊ด จี๊ด จี๊ดเสียงเผาไหม้ดังขึ้น เมื่อประกายศักดิ์สิทธิ์แต่ละสายเบ่งบานขึ้นนั้น คำสาปชั่วร้ายไม่สามารถต้านได้อยู่แล้ว คำสาปชั่วร้ายทยอยถูกประกายศักดิ์สิทธิ์ทำให้บริสุทธิ์ และกลายเป็นเถ้าธุลีแต่ละสายไป

ขณะที่คำสาปชั่วร้ายแต่ละสายถูกชำระให้บริสุทธิ์นั้น ร่างกายของหลี่ชิเย่ได้ฟื้นคืนเป็นปรกติอีกครั้ง ความเน่าเปื่อยสีเทาได้ค่อยๆ จางหายไป

เสียงแว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง ประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ดั่งน้ำหลากไหลพลุ่งพล่านออกไป ทำการกวาดล้างไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ขณะที่ประกายศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้พุ่งเข้าหาคลื่นสีดำนั้น ได้ยินเสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดที่ชำระให้บริสุทธิ์และเสียงเผาไหม้ดังขึ้นมาไม่ขาดสาย คลื่นสีดำทยอยถูกเผาไหม้และชำระให้บริสุทธิ์ เห็นเป็นควันที่ลอยม้วนตัวขึ้นไป

……………………………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *