Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2521 สั่นเทา

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2521 สั่นเทา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2521 สั่นเทา
การสู้รบเพียงครั้งที่สะเทือนเลื่อนลั่น ทั่วทั้งเขาจิ่วเหลียนซานอดที่จะสั่นเทากับสิ่งนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ตัวสั่นงันงก

ก่อนหน้านี้ไม่นาน ฮ่องเต้โง่เขลาไร้ความสามารถถึงกับเป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะน้ำนิ่งไหลลึก พลันลงมือก็สังหารหม่าหมิงชุนที่เป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ สังหารกองทัพส่วนกลางที่มีกำลังพลนับล้าน ผู้ดำรงอยู่ในสถานะเช่นนี้ช่างน่ากลัวเช่นใด ทำให้ทุกคนล้วนแล้วแต่สั่นเทากับสิ่งนี้ ภายในเขาจิ่วเหลียนซานไม่รู้ว่ามียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนเท่าไรที่ตัวสั่นงันงกกับสิ่งนี้

โดยเฉพาะอดีตผู้ที่เคยเยาะเย้ยต่อฮ่องเต้องค์ใหม่มาก่อน และหรือสำนักของพวกเขาที่มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนเคยเข้าร่วมแย่งชิงอำนาจฮ่องเต้มา เวลานี้ยิ่งต้องรู้สึกตัวสั่นงันงก เกรงว่าฮ่องเต้องค์ใหม่จะคิดบัญชีเก่าขึ้นมากะทันหัน

ถ้าหากฮ่องเต้องค์ใหม่ถือสาและคิดบัญชีเก่าในอดีตขึ้นมาจริงๆ ต้องมีผู้คนจำนวนมากเท่าไรที่หัวหลุดจากบ่า มีสำนักจำนวนเท่าไรที่ถูกทำลายล้าง เมื่อนึกถึงว่าฮ่องเต้องค์ใหม่อาศัยท่าเตะวงกว้างก็สามารถฟันเอาหม่าหมิงชุนกลายเป็นสองท่อนได้ แค่ขยับตัวก็สามารถเข่นฆ่ากำลังพลนับล้านของกองทัพส่วนกลาง ผู้ดำรงอยู่ในฐานะที่น่ากลัวเพียงนี้ ถ้าหากเขาต้องการสังหารยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนคนใดคนหนึ่ง ต้องการทำลายล้างสำนักใดสำนักหนึ่ง เกรงว่าคงเป็นเรื่องที่ทำได้อย่างง่ายดาย

ดังนั้น ในเวลานี้ ภายในเขาจิ่วเหลียนซานไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกอกสั่นขวัญแขวน โดยเฉพาะผู้ที่เคยเยาะเย้ยถากถางต่อฮ่องเต้องค์ใหม่เมื่อไม่นานมานี้ เวลานี้ยิ่งเรียกว่าตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ พวกเขาแทบอยากจะคุกเข่าลงต่อหน้าฮ่องเต้องค์ใหม่ให้รู้แล้วรู้รอดไป เพื่อขอให้ฮ่องเต้องค์ใหม่อภัยโทษให้ไว้ชีวิตพวกเขาสักครั้ง

หลังจากการศึกครั้งนี้แล้ว ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่เงียบกริบดั่งจักจั่นในหน้าหนาว ไม่กล้าไปวิพากวิจารณ์ต่อฮ่องเต้องค์ใหม่ง่ายดาย

“ราชันแท้จริงปาเจิ้นจะรับคำท้ามาต่อสู้ด้วยหรือไม่นะ” แม้ว่าผู้คนจำนวนมากต่างเงียบกริบดั่งจักจั่นในหน้าหนาว แต่ยังคงมีผู้ที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทำการวิพากวิจารณ์อย่างลับๆ กับสหายข้างกาย และผู้อาวุโสของตน

สำหรับปัญหาข้อนี้ผู้คนจำนวนมากต่างนิ่งเงียบ หากเปลี่ยนเป็นอดีต ทุกคนล้วนแล้วแต่เห็นพ้องต้องกันว่า ผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะเช่นราชันแท้จริงปาเจิ้นไหนเลยจะมองฮ่องเต้องค์ใหม่อยู่ในสายตา ในครั้งนั้นเป็นราชันแท้จริงปาเจิ้นที่ตีวังหลวงแตก และขับไล่ฮ่องเต้องค์ใหม่ลงจากบัลลังก์

มาวันนี้ เมื่อถามคำถามลักษณะเช่นนี้ผู้คนจำนวนมากต่างนิ่งเงียบ ความจริงแล้ว ในพริบตาเดียวนั่นเอง ทุกคนต่างไม่มีความมั่นใจในตัวของราชันแท้จริงปาเจิ้นแล้ว

“จะอย่างไรเสียราชันแท้จริงปาเจิ้นก็คือราชันแท้จริง น่าจะต้องมากระมัง” ผู้อาวุโสเอ่ยประโยคนี้เสียงแผ่วเบาคำนี้คำเดียว แต่ว่า ขณะพูดคำพูดนี้ออกมาเขาเองก็ไม่มีความมั่นใจ

“แต่ว่า ฮ่องเต้องค์ใหม่นั้นแข็งแกร่งเกินไปแล้ว” ผู้เยาว์อดที่จะตกใจหวาดหวั่นพรั่นพรึงไม่ได้เมื่อนึกถึงฮ่องเต้องค์ใหม่อาศัยเท้าเดียวสังหารหม่าหมิงชุน เขาอดที่จะสั่นเทิ้มไม่ได้ สิ่งนี้เป็นภาพแห่งความทรงจำที่ยากที่เขาจะทำให้มันสลายไปตามกาลเวลาตลอดชีพ กระทั่งคงอยู่เป็นเงาทมิฬ ไม่สามารถสลัดทิ้งไปได้

ในอดีต ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนเท่าไรที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวของราชันแท้จริงปาเจิ้น ในทัศนะคติของผู้คนจำนวนมากมองว่า ราชันแท้จริงปาเจิ้นคืออัจฉริยะบุคคลผู้ผาดโผนที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง ทำให้กลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนมากถือเอาเป็นตัวอย่าง

ด้วยเหตุนี้เอง ครั้งนั้นขณะตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือเกี่ยวดองสมรสกับแคว้นว่านเจิ้น จึงมีผู้คนจำนวนเท่าไรที่คิดว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นกับปิงฉือหานยวี่เป็นคู่สร้างคู่สมกัน พวกเขาทั้งสองนับได้ว่าเป็นกิ่งทองใบหยก

แต่ว่า เวลานี้ฮ่องเต้องค์ใหม่ปราศจากผู้ต่อกร สำหรับฮ่องเต้องค์ใหม่นั้นทุกคนหาได้รู้สึกเลื่อมใสศรัทธา แต่เป็นความหวาดกลัวอย่างหนึ่ง คล้ายดั่งขณะฮ่องเต้ไท่ชิงยังคงอยู่อย่างนั้น ความหวาดกลัวที่อยู่ภายในใจของผู้คนจำนวนเท่าไรได้ล้ำเส้นขอบเขตแห่งความเลื่อมใสไปแล้ว การคงอยู่ของความน่ากลัวเช่นนี้ ทำให้ไม่ว่าใครก็ตามก็ต้องมีความหวาดกลัวอยู่ภายในใจ

“ราชันแท้จริงปาเจิ้นมาแน่ และสมควรมา” ระดับบรรพบุรุษมีสายตาที่ลึกล้ำยากจะหยั่งถึง มองไปที่แคว้นว่านเจิ้นและเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “หากว่าครั้งนี้ราชันแท้จริงปาเจิ้นไม่มา เกรงว่าต่อจากนี่เขาจะต้องชะงักไม่ก้าวหน้าอีก จะหยุดอยู่ที่ตรงนี้ตลอดไป จะไม่ได้กลายเป็นราชันแท้จริงผู้ยิ่งใหญ่ตลอดไป”

“เพราะอะไรล่ะ?” ผู้เยาว์เมื่อได้ฟังคำจากบรรพบุรุษแล้ว อดที่จะเอ่ยถามด้วยความแปลกใจไม่ได้

“ใจมาร” ระดับบรรพบุรุษเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “หากว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นไม่มา เกรงว่าเขาจะต้องถูกเงาทมิฬของฮ่องเต้องค์ใหม่ครอบงำตลอดไป เขาจะต้องมีชีวิตอยู่ภายใต้เงาทมิฬของฮ่องเต้องค์ใหม่ตลอดกาล”

“นั่นสิ” ผู้อาวุโสก็พยักหน้าและกล่าวว่า “องค์หญิงหานยวี่ตกอยู่ในกำมือของฮ่องเต้องค์ใหม่ ราชันแท้จริงปาเจิ้นไม่มาไม่ได้ ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องกลัวการต่อสู้ และไม่มีเหตุผลที่จะไม่มา จะอย่างไรเสียพวกเขาได้ชื่อว่าเป็นสามีภรรยากันแล้ว หากว่าเขาไม่มา เกรงว่าจะคงไว้ซึ่งเงาทมิฬอยู่ในจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเขา ชั่วชีวิตก็จะก้าวข้ามวิบากเต๋านี้ไปไม่ได้”

“แต่ว่า ฮ่องเต้องค์ใหม่น่ากลัวมากเหลือเกิน เกรงว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นจะไม่สามารถต้านกับเขาได้” ผู้เยาว์ลดเสียงให้ต่ำลง ภายในใจยังคงตกใจหวาดหวั่นพรั่นพรึงอยู่

ทุกคนต่างนิ่งเงียบกับคำพูดเช่นนี้ คำพูดลักษณะเช่นนี้พลันทำให้บรรยากาศกลับกลายเป็นหนักอึ้งขึ้นมาทันที

จะอย่างไรเสียราชันแท้จริงปาเจิ้นไม่ได้เหนือกว่าหม่าหมิงชุน ต่อให้ราชันแท้จริงปาเจิ้นมีปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดคอยปกป้องเข้าอยู่ข้างกาย ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะใช้ได้ จะอย่างไรเสียฮ่องเต้องค์ใหม่นับว่าน่ากลังโดยแท้

“เรื่องนี้ก็ต้องดูว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นสามทารถควบคุมค่ายกลโบราณจูเซียนได้ถึงระดับไหน” บรรพบุรุษนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง สุดท้ายครุ่นคิดและกล่าวว่า “ถ้าหากราชันแท้จริงปาเจิ้นสามารถสำแดงอาสุภาพของค่ายกลโบราณจูเซียนได้อย่างสิ้นเชิง แล้วยังมีระดับปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดคอยให้การปกป้องคุ้มครอง บางทีเขาอาจมีโอกาส มิฉะนั้นล่ะก็น่าเป็นหว่งมากจริงๆ แต่ว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เกรงว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นไม่อาจไม่มา เขาไม่มีทางเลือก”

บรรดาผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เคยเคารพเลื่อมใสศรัทธาราชันแท้จริงปาเจิ้นในใจมา ต่างอดที่จะรู้สึกเย็นวาบไม่ได้ อดที่จะหวาดหวั่นพรั่นพรึง หวาดกลัวแต่ก็จนด้วยเกล้า

“ถ้าหากราชันแท้จริงปาเจิ้นยอมศิโรราบต่อฮ่องเต้องค์ใหม่เล่า?” ผู้เยาว์กลุ่มคนรุ่นใหม่มีความคิดที่กล้าหาญในใจ

ความคิดเช่นนี้ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ทำให้บรรดาผู้อาวุโสที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองตากันและกัน สุดท้ายหนึ่งในบรรดาผู้อาวุโสยิ้มเจื่อนๆ ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “เรื่องนี้เกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้”

“เกรงว่าฮ่องเต้องค์ใหม่กับราชันแท้จริงปาเจิ้นจะเป็นเหมือนน้ำกับไฟเข้ากันไม่ได้ ครั้งนั้นเป็นราชันแท้จริงปาเจิ้นที่ขับไล่ฮ่องเต้องค์ใหม่ลงจากบัลลังก์ ฮ่องเต้องค์ใหม่จะให้อภัยราชันแท้จริงปาเจิ้นรึ? เกรงว่าคงไม่ได้” บรรพบุรุษเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “อีกอย่าง ราชันแท้จริงปาเจิ้นในฐานะเป็นราชันแท้จริงแห่งยุค เกรงว่าคงยากที่จะศิโรราบต่อผู้อื่น ยิ่งจะไม่ศิโรราบต่อผู้ที่เป็นศัตรูคู่อาฆาต”

ผู้เยาว์อดที่จะทอดถอนใจออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้

ณ เขาหงฮวงซาน หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้จับตัวปิงฉือหานยวี่กลับไปยังตำหนักศิลาแล้ว จับนางโยนบนเตียง และถือโอกาสปิดกั้นช่องว่างเสีย

“เจ้า เจ้า เจ้าคิดจะทำอะไร?” เมื่อปิงฉือหานยวี่ได้สติคืนกลับมาด้วยสีหน้าขาวซีด และรีบลุกขึ้นมาถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว แต่ว่า เมื่อช่องว่างถูกปิด ด้านหลังไม่มีทางที่จะถอยไปได้อีกแล้ว สุดอยู่ที่มุม

จังหวะที่ปิงฉือหานยวี่กำลังตระหนกและสับสน ทำให้เส้นผมของนางดูจะยุ่งเหยิง นางที่เดิมคือสาวงามที่เย้ายวนใจอย่างยิ่ง กับเสื้อผ้าที่ดูไม่เรียบร้อย เนื้อหนังขาวดุจหิมะวับๆ แวมๆ เปี่ยมไปด้วยความยั่วยวน ทำให้ผู้คนถึงกับร้อนวูบในใจ

หลี่ชิเย่พิจารณาปิงฉือหานยวี่ตั้งแต่หัวจรดเท้า ยิ้มกล่าวด้วยท่าทีสบายอกสบายใจว่า “เจ้าว่าเมื่อแพะตกอยู่ในมือของสุนัขจิ้งจอกแล้วจะมีชะตาอย่างไร?”

ภายใต้สายตาลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ภายในใจของปิงฉือหานยวี่อดที่จะเย็นวาบอย่างช่วยไม่ได้ ตื่นตระหนกและหวาดหวั่นพรั่นพรึง คิดจะถอยหลังไป แต่ด้านหลังเป็นกำแพงเสียแล้ว ไม่มีทางที่จะถอยได้อีก ทำเอานางพลันมีสีน้าที่ขาวซีดขึ้นมา

“ข้า ข้าแพ้แล้ว เจ้า เจ้าฆ่าข้าก็แล้วกัน” ปิงฉือหานยวี่ที่มีสีหน้าขาวซีด ในเวลานี้แม้แต่คำพูดก็ยังสั่นเทา

ในฐานะที่เป็นองค์หญิงของตระกลูกขุนนางโบราณปิงฉือ นางเรียกได้ว่าเป็นกิ่งทองใบหยกมีความสูงส่งยิ่งนัก นางเคยเรียกลมเรียกฝนได้ เคยรู้จักคำว่าหวาดกลัวเสียที่ไหน

แต่ว่า ในขณะนี้จิตใจของปิงฉือหานยวี่กลับถูกความหวาดกลัวสยบเอาไว้อย่างลึกซึ้ง ในเวลานี้นางจึงได้รู้สึกว่าตนเองนั้นช่างอ่อนแอเสียเหลือเกิน ตนเองช่างไร้ค่าไม่คู่ควรที่จะกล่าวถึง

“ข้าไม่เคยบอกว่าจะฆ่าเจ้า เป็นเจ้าที่บอกว่าสุดแต่ข้าจะจัดการ ในเมื่อสุดแต่ข้าจะจัดการ เช่นนั้นแล้วเจ้าคิดว่าข้าควรทำอะไรบ้างล่ะ?” หลี่ชิเย่เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มอันลึกซึ้ง หัวเราะพลางและกล่าวว่า “นั่นสิ ลืมบอกเจ้าไปเรื่องหนึ่ง สำหรับเรื่องการอบรมสั่งสอนผู้หญิงนั้นข้านับว่ามีความชำนาญ เชื่อข้าสิ เมื่อถูกข้าอบรมสอนสั่งแล้ว เจ้าจะไม่อยากไปจากแน่”

“เจ้า…” ในพริบตาเดียวนั่นเอง ภายในใจของปิงฉือหานยวี่รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง อดที่จะหวาดกลัวไม่ได้ เข่าอ่อนทั้งสองข้าง ในเวลานี้เอง นางบังเกิดความคิดที่จะหลบหนีขึ้นกะทันหัน หนีไปยิ่งไกลยิ่งดี นางรู้สึกว่าได้บังเกิดความหวาดกลัวอย่างยิ่งในใจต่อผู้ชายคนนี้ที่อยู่ตรงหน้า เหมือนว่าเขาก็คือมารร้ายอย่างนั้น กำลังล่อลวงให้นางต้องถลำลึก ล่อลวงให้นางต้องตกต่ำลง เมื่อใดที่ตกต่ำลงไปในหุบเหวลึกหมื่นจ้างล่ะก็ เกรงว่านางก็จะไม่มีวันได้ผุดได้เกิดอีกเลย!

“ไม่…” ภายในใจของปิงฉือหานยวี่รู้สึกหวาดผวา บังเกิดความคิดที่จะหลบหนี หวังจะลุยและหนีไปจากที่ตรงนี้

แต่ว่า นางเพิ่งจะก้าวขาก็ถูกหลี่ชิเย่จับตัวเอาไว้ทันที ขณะที่นางยังไม่ทันได้สติกลับมาหลี่ชิเย่พลันดันให้นางไปชิดอยู่กับเชิงกำแพง หลี่ชิเย่ไม่จำเป็นต้องลงมือ กลิ่นอายบนตัวของเขาแค่ขยับตามอารมณ์ นางก็มีสภาพที่อ่อนแอคล้ายดั่งมดปลวกอย่างนั้น ถูกสยบอยู่กับเชิงกำแพงโดยพลันไม่สามารถกระดิกตัว

“คิดจะหลุดรอดไปจากมือของข้าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉยและเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “จำเอาไว้ การเดิมพันเกมไหนๆ ก็ต้องแลกด้วยค่าตอบแทน ไม่เคยมีขนมเปี้ยะที่หล่นมาจากท้องฟ้า ยามที่เจ้าวางเดิมพันที่มีมูลค่าสูงสุด ภายในใจของเจ้าก็ควรมีการเตรียมใจเอาไว้ เตรียมใจกลายเป็นเนื้อบนเขียงของผู้อื่น!”

“เจ้า เจ้าคิดจะทำอะไร…” ในเวลานี้ ปิงฉือหานยวี่ดมได้กลิ่นอายที่อันตรายแล้ว ในขณะนี้แม้ว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้กดทับอยู่บนตัวของนาง แต่ว่า พวกเขาอยู่ใกล้กันแค่เอื้อม

นาทีนี้ ปิงฉือหานยวี่รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของหลี่ชิเย่ ในพริบตาเดียวนี้เอง หลี่ชิเย่อยู่ใกล้ถึงเพียงนี้ กลิ่นอายของเขาเปี่ยมไปด้วยการลุกล้ำ เต็มไปด้วยอันตราย ปิงฉือหานยวี่รู้สึกถึงตนเองนั้นอ่อนแอภายใต้กลิ่นอายที่แข็งแกร่งของเขา ในพริบตาเดียวนี้นางพลันรู้สึกว่าตนเองนั้นอ่อนแอ ไม่มีความกล้าหาญที่จะไปต่อต้านกับผู้ชายที่อันตรายและน่ากลัวซึ่งอยู่ตรงหน้าคนนี้

“เจ้าว่าล่ะ?” ลึกลงไปภายในดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่เผยให้เห็นถึงสายที่อันตรายยิ่ง สายตาของเขาตกอยู่บนตัวของปิงฉือหานยวี่ ทำการพิจารณาบนอกที่อวบอัดเต่งตึงนั่น

พริบตาเดียวที่สายตาของหลี่ชิเย่ตากอยู่บนตัวนั้น ปิงฉือหานยวี่พลันรู้สึกเหมือนว่าตนเองนั้นยืนเปลือยเปล่าอยู่ตรงหน้าหลี่ชิเย่ ไม่มีเสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียว ทำให้นางไม่มีที่ที่จะหลบซ่อนได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายตาของหลี่ชิเย่ที่ตกอยู่บนตัวของนางนั้น เสมือนหนึ่งเป็นการลูบคลำทุกตารางนิ้วบนตัวของนาง ค่อยๆ ลิ้มลองความขาวเนียนทุกตารางนิ้ว ไม่เว้นแม้แต่ส่วนที่เย้ายวนและลับที่สุด

“เจ้า…” ปิงฉือหานยวี่หวาดผวาและหวังยื่นมือไปปกป้อง แต่ว่า ในเวลานี้เองนางรู้สึกว่าตนเองก็คือเนื้อบนเขียง ไม่มีกำลังที่จะไปขัดขืนได้อยู่แล้ว แม้ว่านางจะขยับตัวได้ แต่สูญเสียความกล้าหาญไป เหมือนว่านางได้สูญสิ้นแม้แต่ความกล้าที่จะขัดขืนไปแล้ว

“เจ้า เจ้า เจ้าทำเช่นนี้ไม่ได้…” สีหน้าของปิงฉือหานยวี่ขาวซีด อดที่จะร้องเสียงแหลมขึ้นมาไม่ได้

พริบตาเดียวนี้เอง นางเข้าใจแล้วว่าหลี่ชิเย่ต้องการทำอะไรแล้ว ที่นางต้องเผชิญจะเป็นหุบเหวลึกหมื่นจ้าง ซึ่งจะส่งผลให้นางต้องถลำลึกลงไปไม่ได้ผุดได้เกิด

……………………………………………………………….

  

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *