Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2534 เหล่าบรรพบุรุษ

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2534 เหล่าบรรพบุรุษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2534 เหล่าบรรพบุรุษ
ในเวลานี้ ได้กลับกลายเป็นเงียบสงัดไปทั่วเขาจิ่วเหลียนซาน เมื่อราชันแท้จริงปาเจิ้นถูกสังหาร เงียบสงัดจนดูน่ากลัว กระทั่งทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก

ก่อนหน้านั้น หม่าหมิงชุนก็ถูกฆ่า แต่ทว่า ยังไม่บังเกิดความรู้สึกเช่นที่ราชันแท้จริงปาเจิ้นถูกฆ่า

ขณะที่หม่าหมิงชุนถูกฆ่านั้น บอกได้แต่เพียงผู้คนจำนวนมากรู้สึกสะเทือนหวั่นไหว และผู้คนจำนวนมากบังเกิดความรู้สึกหวาดกลัวต่อฮ่องเต้องค์ใหม่

แต่ว่า แตกต่างจากราชันแท้จริงปาเจิ้น ราชันแท้จริงปาเจิ้นนั้นเปรียบประดุจพระอาทิตย์ที่เพิ่งจะขึ้น อนาคตเปี่ยมด้วยความหวัง อนาคตเปี่ยมด้วยความน่าจะเป็น อนาคตยังสามารถก้าวไปยังระดับที่สูงมากกว่านี้

ขณะที่หม่าหมิงชุนนั้นเป็นพระอาทิตย์อัสดงแล้ว ชั่วชีวิตก็เป็นได้เท่านั้นแล้ว ดังนั้น การตายของเขากล่าวสำหรับผู้คนจำนวนมากแล้ว ห่างไกลจากความรู้สึกหวั่นไหวต่อราชันแท้จริงปาเจิ้นมากทีเดียว

“ยุคนี้ปราศจากอัจฉริยะบุคคลอีกแล้ว…” มียอดฝีมืออดที่จะหัวเราะเจื่อนๆ อดรู้สึกขมขื่นไม่ได้

ความจริงแล้ว ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกขมขื่นกับเรื่องนี้ ภายในใจมีความรู้สึกแปลกๆ ที่บอกไม่ถูก

ยกตัวอย่างราชันแท้จริงปาเจิ้นก็แล้วกัน มีชาติกำเนิดมาจากแคว้นว่านเจิ้น มีสายเลือดที่สูงส่งอย่างยิ่ง มีสุดยอดพรสวรรค์ที่เป็นหนึ่งไม่มีสองในหล้า ขณะที่เขาลืมตาดูโลกก็ถูกลิขิตแล้วว่าจะต้องมีความปราดเปรื่องน่าทึ่งยิ่งนัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวของราชันแท้จริงปาเจิ้นนั้น ไม่ว่าจะเป็นด้านของได้รับการอบรมบ่มเพาะ หรือบุคลิกลักษณะเฉพาะตัว ล้วนแล้วแต่เป็นมังกรและหงส์ในหมู่คน ยิ่งไปกว่านั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาทุกคนต่างก็รู้ว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นฝึกบำเพ็ญเพียรอย่างหนัก ขยันบรรลุธรรม ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า การที่เขามีความสำเร็จในวันนี้ก็เป็นเรื่องที่เรียกว่าสำเร็จเมื่อเงื่อนไขพร้อม ทุกอย่างล้วนสมเหตุสมผลอยู่แล้ว

กล่าวได้ว่า ในทัศนะคติของผู้คนจำนวนมาก ราชันแท้จริงปาเจิ้นได้รับการถ่ายทอดทางพันธุ์กรรมที่ดีเลิศอยู่ในครอบครอง มีภาพลักษณ์ที่ดีเยี่ยม ทุกคนต่างรู้สึกว่าตัวเขาคือแบบฉบับของความดีงาม เป็นแบบอย่างของทุกคน เป็นระดับที่ทุกคนใฝ่ฝันให้ได้มา

หันมามองดูฮ่องเต้องค์ใหม่ ชาติกำเนิดเป็นลูกนอกสมรส ฐานะไม่สามารถเปิดเผยได้ ถูกฮ่องเต้ไท่ชิง ดันขึ้นสู่ตำแหน่งฮ่องเต้โดยไม่มีลางสังหรณ์ใดๆ มาก่อน หลังจากดำรงตำแหน่งฮ่องเต้แล้ว มั่วโลกีย์ไร้คุณธรรม โหดร้ายทารุณไร้ซึ่งความปราณี ทำทุกอย่างตามอำเภอใจ เป็นทรราชอย่างชัดเจน!

อาจกล่าวได้ว่า ในสายตาของผู้คนจำนวนมากแล้วเขาก็คือทรราชคนหนึ่ง ขณะที่ราชันแท้จริงปาเจิ้นคืออัจฉริยะบุคคล คือผู้มีความรู้ความสามารถเหนือผู้คน

แต่มาวันนี้อัจฉริยะบุคคลผู้มีความรู้ความสามารถเหนือผู้คนกลับต้องตายน่าเวทนาภายใต้เงื้อมมือของฮ่องเต้องค์ใหม่ที่เป็นทรราช ดูเหมือนเรื่องราวความเป็นจริงไม่ได้เหมือนดั่งนิทานสำหรับเด็กๆ อย่างนั้น ช่างโหดร้ายเหลือเกิน และเปี่ยมด้วยความประชดประชัน

ทว่าในเวลานี้ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ และไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกหวาดผวาจนขนลุกซู่ในใจ จ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความรู้สึกตัวสั่นงันงก

เวลานี้ มีใครบ้างที่กล้าพูดคำว่า “ไม่” ต่อฮ่องเต้องค์ใหม่ ในจังหวะหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ใครกล้าต่อต้านฮ่องเต้องค์ใหม่เท่ากับเป็นการรนหาที่ตายเอง เท่ากับเป็นการหาเรื่องให้สำนักของตนถูกทำลายล้างสำนัก

ในขณะนี้ หลี่ชิเย่ได้เก็บกระบี่โบราณจูเซียนทั้งสามเล่มเอาไว้และยืนอยู่บนท้องฟ้า มองไปยังแคว้นว่านเจิ้นที่อยู่ระยะห่างไกลออกไป ยิ้มเรียบเฉยและกล่าวว่า “นับว่ายังมีความหยิ่งในศักดิ์ศรีของความเป็นปรมาจารย์อยู่บ้าง”

ทุกคนต่างรู้สึกตะลึงงันเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของหลี่ชิเย่ จากนั้นตามติดด้วยทุกคนได้สติคืนกลับมา ในขณะนี้ก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มองไปยังแคว้นว่านเจิ้น

นาทีนี้ทุกคนจึงได้นึกถึงปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของแคว้นว่านเจิ้น ซึ่งปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของแคว้นว่านเจิ้นคือหนึ่งในห้าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดในยุคปัจจุบัน ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในห้าผู้ที่แกร่งที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ มีผู้กล่าวเอาไว้ว่า ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เว้นแต่ฮ่องเต้ไท่ชิงแล้ว ก็ต้องเป็นห้าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว

แต่ทว่า ในขณะที่หลี่ชิเย่ตัดสินชี้ขาดกับราชันแท้จริงปาเจิ้นนั้น ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของแคว้นว่านเจิ้นไม่เคยลงมือตลอดมา ยิ่งกว่านั้นยังไม่ได้เข้าร่วมกับราชันแท้จริงปาเจิ้นลอบโจมตีต่อหลี่ชิเย่

จะอย่างไรเสีย ก่อนหน้านั้นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะเช่นหม่าหมิงชุนก็เคยลงมือลอบโจมตีหลี่ชิเย่มาก่อน แต่ว่า ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของแคว้นว่านเจิ้นกลับไม่ได้ลงมือลอบโจมตีหลี่ชิเย่ตลอดมา

แม้ว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นถูกสังหาร ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของแคว้นว่านเจิ้นยังคงเก็บตัวเงียบ และไม่ได้ลงมือเข้าช่วยเหลือ

“เพราะอะไรปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของแคว้นว่านเจิ้นจึงไม่ได้ลงมือเล่า?” มีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่อดที่จะเอ่ยถามเสียงแผ่วเบาขึ้นมา

สิ่งนี้ส่งผลให้ระดับบรรพบุรุษภายในสำนักของพวกเขาส่งแววตามาหาในทันที โดยระดับบรรพบุรุษของพวกเขาได้เหลือบมองด้วยท่าทีเย็นชาและเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ผู้บำเพ็ญตนไม่เพียงต้องแบ่งด้านแข็งแกร่งและอ่อนด้อยเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นสมควรต้องมีความประพฤติของตนเอง! ทุกๆ ความเคลื่อนไหวของปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดล้วนแล้วแต่เป็นตัวแทนของสำนักๆ หนึ่ง ยิ่งกว่านั้นยังต้องเป็นแบบอย่างที่ดีงามของผู้เยาว์! ไหนเลยจะทำเรื่องที่ต่ำช้าเช่นนี้ได้! เป็นการกระทำที่เสื่อมเสียงต่อชื่อเสียงของบรรพชน และทำลายภาพลักษณ์ของสำนัก”

“สมควรเป็นเช่นนี้” ระดับบรรพบุรุษอีกผู้หนึ่งก็แสดงความเห็นด้วยว่า “จะอย่างไรเสีย ราชันแท้จริงปาเจิ้นกับฝ่าบาทเป็นการตัดสินชี้ขาดอย่างยุติธรรม ราชันแท้จริงปาเจิ้นก็ได้ปกป้องศักดิ์ศรีของเขาในฐานะราชันแท้จริง ไม่ควรแปดเปื้อนชื่อเสียงของราชันแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้นไม่ควรเสื่อมเสียงอำนาจบารมีของตน”

พลันที่ระดับบรรพบุรุษทั้งสองได้พูดคำพูดเช่นนี้ออกมา ทำให้บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์รู้สึกสะดุ้งในใจ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการลอบโจมตีของทังเฮ่อเสียงอยู่ก่อน จากนั้นก็มีการลอบโจมตีของหม่าหมิงชุน

ไม่ว่าจะเป็นทังเฮ่อเสียง หรือจะเป็นหม่าหมิงชุนต่างก็เป็นผู้มีฐานะและตำแหน่งที่สูงส่ง คนหนึ่งคือแม่ทัพของกองทัพองครักษ์ อีกคนคือแม่ทัพกองทัพส่วนกลาง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะอีกด้วย

ขณะที่พวกเขาทั้งสองได้ลอบโจมตีติดต่อกันนั้น ได้ทำให้ผู้คนจำนวนมากรู้สึกตกใจ และทำให้ผู้คนจำนวนมากเหยียดหยาม แต่ทว่า กลับมีกระแสความนิยมของสังคมที่ไม่ดีอย่างหนึ่งเกิดขึ้นกับผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่

ในเมื่อแม้แต่บุคคลอย่างทังเฮ่อเสียงและหม่าหมิงชุนล้วนแล้วแต่ลอบโจมตีผู้อื่นได้ เช่นนั้นแล้วพวกเขาที่เป็นเพียงบุคคลตัวเล็กๆ เท่านั้นทำไมจะลอบโจมตีผู้อื่นไม่ได้? ด้วยเหตุนี้เอง ความคิดที่น่ากลัวได้กัดกินความสง่าผ่าเผยในใจของบางคน

“กระแสนิยมนี้ไม่ควรพัฒนาและขยายต่อไป การอาศัยพวกมากสู้กับคนน้อยกว่าเรื่องนี้ว่าไม่ได้” มีระดับบรรพบุรุษที่มีท่าทีแข็งแกร่งมั่นคง เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “แต่ทว่า การลอบโจมตีเป็นเรื่องที่เลวร้ายและไร้คุณธรรม ถ้าหากทุกคนล้วนแล้วแต่เลวร้ายและไร้คุณธรรมเช่นนี้ เป็นการทำลายรากฐานของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ที่มีมาเป็นรากฐานที่มีมาเป็นร้อยเป็นพันชาติ!”

“ในเรื่องนี้ราชันแท้จริงปาเจิ้นทำได้ดีมาก แม้ว่าจะต้องตาย ก็เป็นการตัดสินชี้ขาดที่เปิดเผยบริสุทธิ์และยึดมั่นในความเป็นธรรม ไม่ใช่เป็นการคิดจะอาศัยกาลอบโจมตีที่เป็นวิธีการต่ำทรามเพื่อเอาชนะการต่อสู้ในครั้งนี้ นี่แหละคือราชันแท้จริง ถึงจะต้องตายก็ตายอย่างสง่าผ่าเผย ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของแคว้นว่านเจิ้นก็นับว่ามีความหยิ่งในศักดิ์ศรีของความเป็นปรมาจารย์ ไม่ลงมือลอบโจมตีเพียงเพราะเสียดายอัจฉริยะบุคคลของสำนักตน” เวลานี้ ระดับบรรพบุรุษจำนวนไม่น้อยก็เห็นด้วยกับทัศนะคติเช่นนี้

จะอย่างไรเสีย การลอบโจมตีที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจากทังเฮ่อเสียงและหม่าหมิงชุนนั้น กระแสความนิยมของสังคมที่ไม่ดีเช่นนี้กำลังเติบโตขึ้นภายในใจของกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อย ซึ่งกระแสความนิยมเช่นนี้เป็นสิ่งที่ทำให้บรรดาเหล่าบรรพบุรุษและสำนักต่างๆ จำนวนมากรู้สึกกังวล ดังนั้น พวกเขาจึงต้องแก้ไขกระแสนิยมดังกล่าวให้ถูกต้อง

เสียงตูม…ดังสนั่นขึ้นมาเสียงหนึ่ง ในพริบตาเดียวนั่นเอง ที่แคว้นว่านเจิ้นได้พวยพุ่งเป็นแสงสว่างที่ไม่มีสิ้นสุดขึ้นมา ปรากฏเปลวแสงที่ดั่งคลื่นยักษ์พุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้า ส่องสว่างไสวไปทั่วอาณาจักรทั้งหมด

ในพริบตาเดียวนั่นเอง เสียงปังดังขึ้นเสียงหนึ่ง มองเห็นภายในแคว้นว่านเจิ้นปรากฎคนผู้หนึ่งลุกขึ้นยืน คนผู้นี้มีรูปร่างสูงใหญ่ที่สุด ศีรษะชนสุริยันจันทราและดวงดาว เท้าเหยียบทะเล

คนผู้นี้เป็นผู้เฒ่าคนหนึ่ง ขณะที่เขายืนอยู่ตรงนั้นเสมือนดั่งเป็นมนุษย์ยักษ์คนหนึ่งอย่างนั้น ทรงกำลังอำนาจและมีความศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ผู้คนอดที่จะแหงนหน้ามองและก้มลงกราบ

ขณะที่ผู้เฒ่าผู้นี้ยืนอยู่ตรงนั้น ในเวลานี้กลิ่นอายอมตะที่น่ากลัวตลบอบอวล กลิ่นอายอมตะที่แข็งแกร่งดุจดั่งพายุร้ายที่ปกคลุมไปทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่

“ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของแคว้นว่านเจิ้นปรากฏตัวแล้ว” มีผู้ที่มองเห็นผู้เฒ่าผู้นี้ที่ยืนอยู่จากระยะห่างไกลแล้ว อดที่จะร้องเสียงแหลมขึ้นมา

“ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุด ถึงจะต้องเสียเท่าไรก็ตามแคว้นว่านเจิ้นก็ยอมทุ่มจริงๆ รึ? ต้องการเล่นไม่เลิกกับฮ่องเต้องค์ใหม่ให้ถึงที่สุดรึ?” ครั้นทุกคนได้เห็นภาพนี้แล้วต่างก็เข้าใจ ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดขอวแคว้นว่านเจิ้นต้องการลงมือแล้ว

“แคว้นว่านเจิ้นยังจะมีทางเลือกอีกรึ?” ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ฮ่องเต้องค์ใหม่ปราศจากผู้ต่อกรแล้ว เมื่อเขาขึ้นนั่งบัลลังก์ฮ่องเต้ เกรงว่าคนแรกที่เขาจะทำลายก็คือแคว้นว่านเจิ้น หากไม่เล่นไม่เลิกกับฮ่องเต้องค์ใหม่ตอนนี้จะรอไปถึงเมื่อไร?”

ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมองหน้ากันและกันเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นว่านเจิ้นกับฮ่องเต้องค์ใหม่มาถึงขั้นนี้แล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่มีช่องว่างที่จะถอยได้อีกแล้ว ขอเพียงฮ่องเต้องค์ใหม่กลับคืนสู่บัลลังก์ คนแรกที่จะทำลายเกรงว่าก็คือแคว้นว่านเจิ้นแล้วล่ะ

“ข้าเพิ่งจะพูดชมไปหยกๆ เวลานี้ก็อดกลั้นเอาไว้ไม่ได้เสียแล้ว” หลี่ชิเย่มองดูปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดแคว้นว่านเจิ้นที่ยืนตระหง่านท่ามกลางฟ้าดิน อดจะยิ้มกล่าวเรียบเฉยขึ้นมาไม่ได้

ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว จังหวะที่หลี่ชิเย่พูดขาดคำ ทิศทางอันเป็นที่ตั้งของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือปรากฎลำแสงสายหนึ่งที่พุ่งขึ้นท้องฟ้าอย่างรุนแรง ติดตามด้วยเสียงตึงดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง เสียงอาวุธคำรามก้องฟ้าดิน เสมือนดั่งอาวุธทั่วฟ้าดินต่างร้องคำรามขึ้นมาพร้อมๆ กันอย่างนั้น

ในเวลานี้เอง ผู้เฒ่าอีกคนหนึ่งได้ลุกขึ้นยืนท่ามกลางฟ้าดิน บนศีรษะของผู้เฒ่าผู้นี้ดันอาวุธไว้เล่มหนึ่ง อาวุธเล่มนี้ได้แผ่อานุภาพราชันที่พาลและทรงพลังปราศจากผู้ต่อกรออกมา อานุภาพราชันที่อาวุธเล่มนี้ได้แผ่ออกมานั้นดูจะมีความพาลอย่างยิ่ง เหมือนว่าต้องการสะกดและปราบอาวุธทุกชนิดอย่างนั้น

“ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ!” มีผู้ที่ร้องเสียงแหลมออกมาเมื่อได้เห็นผู้เฒ่าผุ้นี้ยืนอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน

“นั่นคือไป่พั่ว…” ระดับปรมาจารย์จดจำได้ทันที เมื่อมองเห็นอาวุธชิ้นหนึ่งที่อยู่บนศีรษะของปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ ถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมากทีเดียว

“นี่คืออาวุธราชันที่หลอมสร้างขึ้นโดยราชันแท้จริงไป่พั่ว! มีชื่อว่าไป่พั่ว!” ยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยก็รู้สึกตื่นตระหนกอยู่ในใจ เมื่อได้เห็นอาวุธชิ้นนี้

เล่าลือกันว่า ไป่พั่วคืออาวุธราชันที่ทรงพลังมากที่สุดของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ

ราชันแท้จริงพั่วปิง ปฐมบรรพบุรุษของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือปราศจากผู้ต่อกรชั่วชีวิต วิชาหลอมสร้างของเขานั้นเป็นหนึ่งไม่มีสองในหล้า อาวุธที่เขาหลอมสร้างขึ้นมานั้นยอดเยี่ยมปราศจากผู้ใดเทียม ฟังว่าอาวุธที่เขาภูมิใจมากที่สุดก็คือไป่พั่ว กระทั่งมีผู้กล่าวว่า ไป่พั่วเล่มนี้สามารถต่อกรกับอาวุธปฐมบรรพบุรุษได้!

“เล่นของจริงแล้ว” ทุกคนต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน เมื่อเห็นว่าบนศีรษะของปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือมีไป่พั่วลอยอยู่

“แย่แล้ว…” ปิงฉือหานยวี่เองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมากทีเดียว เมื่อมองเห็นปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือของตนปรากฎตัวขึ้นอย่างกะทันหัน เนื่องจากนางไม่ต้องการให้ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือของตนถูกทำลายไป

“เรื่องนี้ไม่นับเป็นเรื่องแปลก จะอย่างไรเสียแคว้นว่านเจิ้น กับตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือเป็นพันธมิตรต่อกัน” มีผู้เอ่ยขึ้นมาเบาๆ

ทุกคนเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้วสามารถเข้าใจได้ ครั้งนั้นหกกองทัพใหญ่ล้อมโจมตีตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือนั้น เป็นแคว้นว่านเจิ้นที่ส่งกำลังทหารเข้าช่วยเหลือตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือเป็นคนแรก ภายหลังทั้งสองตระกูลก็ได้เกี่ยวดองสมรสกันด้วยเหตุนี้

กล่าวได้ว่า ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือกับแคว้นว่านเจิ้นเป็นผู้ที่ลงเรือลำเดียวกัน ในเวลานี้ทั้งสองฝ่ายจะต้องก้าวไปด้วยกัน ศัตรูของพวกเขาคือคนๆ เดียวกัน

ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ณ ทิศทางของดินแดนที่อยู่ไกลโพ้นก็ได้ปรากฎประกายศักดิ์สิทธิ์พุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง โดยที่ประกายศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง ผู้เฒ่าผู้หนึ่งได้ก้าวออกมาจากประกายศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว ท่าทางเหมือนมีท่วงท่าของยอดฝีมือที่บำเพ็ญเพียรในระดับที่สูงส่งมาก

“ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของวัดจิ้งเหลียนกวาน” ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกเหนือความคาดคิด เมื่อมองเห็นการก้าวออกมาของผู้เฒ่าผู้นี้ ไม่นึกเลยว่าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดวัดจิ้งเหลียนกวานก็ปรากฏตัวขึ้นมาเช่นกัน

“แย่แล้ว…” ในเวลานี้ พลันที่ฉินเจี้ยนเหยามองเห็นภาพนี้ สีหน้าของนางเปลี่ยนไปมากทีเดียว รู้สึกหวาดผวา และกล่าวว่า “เหล่าบรรพบุรุษล้วนเสียสติไปแล้วรึ? ข้าบอกแล้วมิใช่รึว่าอย่าได้เป็นศตรูกับฮ่องเต้องค์ใหม่อย่างเด็ดขาด? พวกเขาคิดอย่างไรกันแน่นะ?”

…………………………………………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *