Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2538 ปิ้งจวิน

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2538 ปิ้งจวิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2538 ปิ้งจวิน
ในเวลานี้ สายตาของคนทั้งสี่ต่างตกอยู่บนตัวของหลี่ชิเย่โดยพร้อมเพรียงกัน พวกเขาล้วนแล้วแต่ จ้องเขม็งไปที่ตัวของหลี่ชิเย่ยังไม่คลาดสายตา เหมือนว่าต้องการค้นหาบางสิ่งจากบนตัวของหลี่ชิเย่

“แหะ เจ้าหนู เจ้ามาจากสำนักใด?” วัวคลั่งผู้มีอารมณ์ร้อนที่สุดได้แย่งพูดขึ้นมาก่อน เสียงของเขาดุจดั่งเสียงฟ้าร้องอย่างนั้น

“มีคนเขาบอกว่าข้าเป็นคนของราชวงศ์โต่วเซิ่น” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวท่าทีเอ้อระเหยว่า “ใช่หรือไม่ใช่ ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“ราชวงศ์โต่วเซิ่น? ราชวงศ์ของเจ้าแก่ฮ่องเต้ไท่ชิง” พวกเขาทั้งสี่ต่างอดที่จะมองหน้าซึ่งกันและกันทีหนึ่ง เมื่อได้ยินว่าหลี่ชิเย่มีชาติกำเนิดมาจากราชวงศ์โต่วเซิ่น

“แหะ แหะ แหะเจ้าหนูไปทำผิดร้ายแรงอะไร ถึงกับถูกจับโยนเข้ามายังคุกหลวงดึกดำบรรพ์ได้? นี่มันคือตายทั้งเป็นชัดๆ นะเนี่ย ตามหลักแล้ว มีเพียงตาแก่อย่างฮ่องเต้ไท่ชิงเท่านั้นจึงจะจับคนโยนเข้ามาในนี้” มังกรทองแปดแขนจ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ หัวเราะเสียงน่าเกลียดขึ้นมา

อวี่เหยียนเซินทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่ง จ้องมองหลี่ชิเย่และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “นับเวลาดูแล้วน่าจะผ่านไปยุคสมัยหนึ่งแล้วกระมัง คิดไปคิดมาให้ละเอียด พวกเราสมควรมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานกว่าตาแก่ฮ่องเต้ไท่ชิงจึงจะถูก เกรงว่าฮ่องเต้ไท่ชิงคงตายไปแล้วกระมัง”

ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว เขาจ้องมองดูหลี่ชิเย่และเอ่ยถามขึ้นมาว่า “เวลานี้ใครคือเจ้าของราชวงศ์โต่วเซิ่น?”

“ฮ่องเต้ไท่ชิงไหนเลยจะตายได้ง่ายดายปานนั้น” ในขณะนี้ เสียงกะปลกกะเปลี้ยเสียงหนึ่งดังขึ้น กล่าวด้วยท่าทีมีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรงว่า “ปาฏิหาริย์อย่างฮ่องเต้ไท่ชิงกับซุนเหลิ่งหยิ่งมีชีวิตอยู่สามยุคสมัยไม่ใช่ปัญหา”

เมื่อพวกของอวี่เหยียนเซินทั้งสี่คนได้ยินเสียงที่ กะปลกกะเปลี้ยนี้แล้ว ต่างทยอยกันหันกลับไปมอง

ในเวลานี้ มองเห็นผู้เฒ่าผู้หนึ่งเดินมาอย่างช้าๆ ผู้เฒ่าผู้นี้สวมชุดสีเทาทั้งชุด ในมือมีไม้เท้าอันหนึ่ง เขาก้าวเดินด้วยลักษณะหลังค่อมเหมือนมีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรง เดินก้าวหนึ่งโง่นแง่นไปสามที เหมือนว่าแค่ลมพัดมาสายหนึ่งก็สามารถทำให้ตัวเขาปลิวไปบนท้องฟ้าอีกทั้งดวงตาคู่นั้นของผู้เฒ่าดูขุ่นมัวปราศจากแวว คล้ายดั่งเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้ายอย่างนั้น

พวกของอวี่เหยียนเซินทั้งสี่คนต่างหลีกเป็นทางเมื่อมองเห็นผู้เฒ่าที่กะปลกกะเปลี้ยเดินเข้ามา อดไม่ได้ที่จะแสดงความเคารพอย่างสุดซึ้ง

“ปิ้งจวินมาแล้ว” แม้แต่วัวคลั่งที่มีนิสัยมุทะลุเมื่อมองเห็นผู้เฒ่าผู้นี้แล้วก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ดูมีวินัยขึ้นมาทันที

ผู้เฒ่าผู้นี้ก้าวเดินเข้ามา ดวงตาที่ตาลายคู่นั้นมองดูหลี่ชิเย่อย่างพินิจพิเคราะห์และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เจ้ามีชาติกำเนิดมาจากราชวงศ์โต่วเซิ่นรึ? ตามหลักแล้ว ผู้ที่สามารถถูกโยนเข้ามาในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ได้นั้นไม่มีผู้อ่อนแอสักคน แต่ว่า ข้ามองไม่ออกว่าเจ้าได้ฝึกปรือเคล็ดวิชาโตว่มี่และหรือเจ่อมี่มาก่อน”

“พูดแบบนี้ แสดงว่าเจ้าเชื่อมั่นในสายตาของตนเองมากสินะ” หลี่ชิเย่อดที่จะยิ้มกล่าวเฉยเมยไม่ได้

“เจ้าหนู เกรงว่าเจ้าคงไรรู้สินะ ถ้าหากเจ้ามีชาติกำเนิดมาจากราชวงศ์โต่วเซิ่นจริงล่ะก็ เจ้าน่ะได้พบกับระดับปรมาจารย์เข้าให้แล้ว ฐานะของปิ้งจวินในราชวงศ์โต่วเซิ่นนั้น เรียกได้ว่าสูงกว่าฮ่องเต้ไท่ชิงเสียอีก ถ้าหากเจ้าพูดมั่วซั่วล่ะก็ ไม่สามารถตบตาคู่นั้นของปิ้งจวินได้หรอกนะ” เทพไฉไลหงส์พิษยิ้มกล่าว

“พูดแบบนี้ พวกเจ้าก็คือผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นศัตรูที่แกร่งที่สุดห้าคนของฮ่องเต้ไท่ชิงที่ถูกจับโยนเข้าไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์น่ะสิ” หลี่ชิเย่มองหน้าพวกของปิ้งจวินทีหนึ่ง อดที่จะหัวเราะและเอ่ยขึ้นมา

“เจ้าหนู เจ้ายังไม่รู้นะว่า หากนับตามอาวุโสแล้ว ปิ้งจวินมีฐานะเป็นศิษย์พี่ของฮ่องเต้ไท่ชิง” นักพรตเหยียนหัวเราะส่ายหน้าและกล่าวขึ้นมา

หลี่ชิเย่รู้สึกเหนือความคาดคิดนิดหนึ่ง เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ หัวเราะและกล่าวว่า “ที่แท้ยังมีเรื่องเช่นนี้นะเนี่ย นับว่ารู้สึกเหนือความคาดคิดอยู่บ้าง”

“ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องเก่าแก่นมนานมาแล้ว ข้าเองก็ออกจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่มานานมากแล้ว” ผู้เฒ่าผู้นี้ไม่สนใจเรื่องนี้ เพียงหัวเราะและกล่าวขึ้น

ผู้เฒ่าที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็คือปิ้งจวิน ถูกบุคคลภายนอกยกย่องให้เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดของฮ่องเต้ไท่ชิง เป็นศัตรูแกร่งหมายเลขหนึ่งของฮ่องเต้ไท่ชิง

ในช่วงเวลาที่ยาวนานมากช่วงหนึ่ง ฮ่องเต้ไท่ชิงก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ กระทั่งมีผู้กล่าวว่า แม้แต่ฮ่องเต้ไท่ชิงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ผู้ที่สามารถต่อกรกับเขาได้อย่างแท้จริงทั่วทั้งแดนลัทธิราชัน เกรงว่าคงมีเพียงกู่อี้เฟยแห่งบ้านตระกูลหลี่แล้วล่ะ

แต่ทว่า ในยุคของราชันแท้จริงจิ่วหนิง อำนาจของฮ่องเต้ไท่ชิงได้ขึ้นไปถึงจุดสูงสุด ตัวเขาเองก็คือผู้ที่อยู่ในฐานะแข็งแกร่งสุดจะหาผู้ใดเทียมอยู่แล้ว บวกกับบุตรสาวที่เป็นราชันแท้จริงสิบเอ็ดหรือสิบสองลัคนา ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าฮ่องเต้ไท่ชิงในเวลานั้นมีความแข็งแกร่งถึงระดับเช่นใดแล้ว

ดังนั้น ปิ้งจวินจึงถูกฮ่องเต้ไท่ชิงจับเป็นในยุคนั้น สุดท้าย ถูกจับโยนเข้าไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์

แม้ว่าทุกคนต่างก็รู้ว่าปิ้งจวินคือยอดฝีมืออันดับหนึ่งในบรรดาผู้เป็นศัตรูของฮ่องเต้ไท่ชิง แต่ทว่า มีน้อยคนนักที่รู้ว่าปิ้งจวินมีชาติกำเนิดมาจากราชวงศ์โตว่เซิ่น ทั้งยังเป็นศิษย์พี่ของฮ่องเต้ไท่ชิงอีกด้วย

ปิ้งจวินขณะเยาว์วัยก็ได้แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ที่สะเทือนเลื่อนลั่น การฝึกปรือของเขาแกร่งและทรงพลังอย่างยิ่ง เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งทรงพลังยิ่งของฮ่องเต้ไท่ชิงมาตั้งแต่อายุยังน้อย

กระทั่งกล่าวได้ว่า ถ้าหากปิ้งจวินยังคงรั้งอยู่ในราชวงศ์โต่ว่เซิ่นล่ะก็ เกรงว่าตำแหน่งฮ่องเต้คงไม่มีโอกาสสำหรับฮ่องเต้ไท่ชิง

เพียงแต่ในภายหลังปิ้งจวินได้ก้าวสู่ฝ่ายอธรรม ละทิ้งเคล็ดวิชาของราชวงศ์โต่ว่เซิ่น คิดค้นเทพโรคระบาดสัจธรรมที่เป็นของตนเองขึ้นมา และออกจากความเป็นราชวงศ์โต่ว่เซิ่น และระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่นับจากนั้นเป็นต้นมา

สืบเนื่องจากการออกจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ของปิ้งจวินนั่นเอง ทำให้ภายหลังมีน้อยคนนักที่รู้ว่าปิ้งจวินมีชาติกำเนิดมาจากราชวงศ์โต่ว่เซิ่น ยิ่งกว่านั้นไม่รู้ว่าปิ้งจวินคือศิษย์พี่ของฮ่องเต้ไท่ชิง

ปิ้งจวินมองดูหลี่ชิเย่และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ดูจากเวลาก็ใกล้จะได้สามยุคสมัยแล้ว ฮ่องเต้ไท่ชิงสบายดีรึ?”

แม้จะกล่าวว่า ปิ้งจวินถูกฮ่องเต้ไท่ชิงจับเป็นและโยนเข้ามาอยู่ในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ แต่เมื่อมีการเอ่ยถึงฮ่องเต้ไท่ชิงเขากลับไม่มีอารมณ์เดือดดาลแม้แต่น้อย เหมือนหนึ่งเป็นการพูดถึงสหายเก่าอย่างนั้น ไม่เหมือนดั่งเช่นพวกของวัวคลั่งที่เรียกฮ่องเต้ไท่ชิงตรงๆ ว่าเป็น ‘ตาแก่’

“ทุกคนต่างก็บอกว่าเขาตายแล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว

“ตายได้เร็วขนาดนี้เชียว” ปิ้งจวินออกจะเหนือความคาดคิด ทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่ง และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ตามหลักแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะตายได้เร็วปานนี้”

ปิ้งจวินทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่ง และถามว่า “ฮ่องเต้ไท่ชิงตายด้วยเหตุอันใด?”

“แก่ตาย” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเรียบเฉย “จะอย่างไรเสียมีชีวิตอยู่มานานขนาดนี้ การตายก็นับเป็นเรื่องปรกติ แน่นอน หากไม่ตายล่ะก็เป็นเรื่องผิดปรกติแล้วล่ะ”

“ซุนเหลิ่งหยิ่งเป็นอย่างไรบ้าง?” ปิ้งจวินอดที่จะถามต่อไม่ได้

“ไม่ทราบ ร่องรอยไม่ชัดเจน อย่างน้อยที่สุดยังคงมีชีวิตอยู่” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเรียบเฉยด้วยท่าทีสงบนิ่งและดูสบายอกสบายใจ

“เป็นไปไม่ได้” ปิ้งจวินกล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมาทันทีว่า “หากซุนเหลิ่งหยิ่งยังคงอยู่ ฮ่องเต้ไท่ชิงจะแก่ตายได้อย่างไร ครั้งนั้นฮ่องเต้ไท่ชิงกับซุนเหลิ่งหยิ่งได้พานพบเรื่องราวประหลาดมหัศจรรย์พร้อมๆ กัน เคยพบเจอดินแดนอเวจี กล่าวได้ว่า พวกเขาสองคนจะเสริมให้แก่กันและกัน ซึ่งส่งผลให้พวกเขามีชีวิตอยู่ได้สามยุคสมัย”

“เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้แล้วล่ะ” หลี่ชิเย่ยักไหล่ทีหนึ่งยิ้มท่าทีอย่างไรก็ได้และไม่แคร์ ยิ่งกว่านั้นขี้คร้านจะไปใส่ใจด้วยซ้ำ

“ถ้าหากตาแก่ฮ่องเต้ไท่ชิงตายไปแล้วก็นับว่าน่าเสียดายมาก ข้ายังจะแก้แค้นกับเขาอยู่นะเนี่ย” เทพไฉไลหงส์พิษอดที่จะกล่าวด้วยความแค้น

“เขายังไม่ตายแล้วจะทำอะไรได้? ถ้าหากเขายังไม่ตาย ยังอยู่ดีอยู่อิสระเสรีมิยิ่งยั่วโมโหพวกเรามากขึ้นรึ? พวกเราถูกขังอยู่ที่ตรงนี้รับกรรมโดยแท้! ออกไปก็ไม่ได้ ต่อให้คิดจะไปแก้แค้นเขาก็เปล่าประโยชน์” อวี่เหยียนเซินโบกพัดและกล่าวขึ้น

“ฮึ ถ้าหากสามารถออกไปได้ ต่อให้เขาตายไปแล้ว ข้าก็จะไม่ละเว้นตาแก่นี้ ครั้งนั้นหากไม่เป็นเพราะเขาใช้อุบายข้าจะถูกเขาจับเป็นได้รึ? จะถูกเขาจับมาโยนเข้าไปยังสถานที่บ้าๆ ที่ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันรึ?” วัวคลั่งอดที่จะพูดนักเลงขึ้นมา

“เวลานี้ราชวงศ์โต่ว่เซิ่นใครเป็นผู้ปกครองเป็นผู้มีอำนาจ?” ปิ้งจวินที่นิ่งเงียบมาพักหนึ่ง จ้องเขม็งที่หลี่ชิเย่และเอ่ยขึ้น

“ข้าเอง” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ข้าก็คือฮ่องเต้ ดังนั้นใต้หล้าปัจจุบันมีเพียงข้าที่เป็นใหญ่แต่ผู้เดียว”

“เจ้าเป็นใหญ่แต่ผู้เดียว?” ในเวลานี้ วัวคลั่ง เทพไฉไลหงส์พิษ มังกรทองแปดแขน อวี่เหยียนเซิน กระทั่งปิ้งจวินล้วนแล้วแต่พินิจพิเคราะห์ตัวหลี่ชิเย่หลายที

“เจ้าหนู วาจาสามหาวมากเกินไปแล้ว” อวี่เหยียนเซินโบกพัดขนนกไปมา ยิ้มกล่าวว่า “โลกกว้างใหญ่มาก อาศัยเจ้าคิดจะเป็นใหญ่แต่ผู้เดียวใต้หล้ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ฮ่องเต้ไท่ชิงแข็งแกร่งเพียงใด ยังไม่กล้ายกย่องตนเองว่ามีเพียงข้าที่เป็นใหญ่แต่ผู้เดียว”

“แหะ แหะ แหะหลังจากตาแก่ฮ่องเต้ไท่ชิงตายไปแล้ว คงไม่เป็นเพราะราชวงศ์โต่ว่เซิ่นเสื่อมลงแล้วสินะ คงไม่ใช่ไม่มีผู้ที่มีความสามารถแล้ว ดังนั้น จึงผลักดันใครสักคนก็ได้ขึ้นมาเป็นฮ่องเต้ตามอารมณ์กระมัง” วัวคลั่งหัวเราะแหะ แหะเสียงดัง

“ฮ่องเต้ไท่ชิงดันให้เจ้าขึ้นบัลลังก์ฮ่องเต้?” ปิ้งจวินเหมือนนึกอะไรได้บางอย่าง จ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ

“ถูกต้อง เขาบอกว่ามีวาสนากับข้า ดังนั้น จึงยกบัลลังก์ฮ่องเต้ให้ข้า เมื่อขนมเปี๊ยะหล่นมาจากบนท้องฟ้า ของฟรีอย่าปฏิเสธ ดังนั้นข้าจึงได้เป็นฮ่องเต้” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว เวลานี้ท่าทางของเขาแลดูโง่และไร้เดียงสามาก ท่าทีเหมือนไม่มีพิษมีภัยอะไรอย่างนั้น ทุกคนต่างเชื่อในคำพูดของเขา ความจริงเรื่องราวก็เป็นเช่นนี้

“มีวาสนากับเจ้าก็ยกบัลลังก์ฮ่องเต้ให้เจ้าเลย?” เทพไฉไลหงส์พิษค้อนหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง และกล่าวว่า “หากไม่เป็นเพราะข้ามีความเข้าใจในตัวของฮ่องเต้ไท่ชิงล่ะก็ ต้องสงสัยว่าเจ้าคือลูกนอกสมรสของฮ่องเต้ไท่ชิง”

“ในเมื่อไม่ใช่ลูกนอกสมรส อาศัยแค่มีวาสนาก็ยกตำแหน่งฮ่องเต้ให้เขา ตาแก่ฮ่องเต้ไท่ชิงมิเท่ากับแก่เลอะเลือนไปแล้ว เอาตำแหน่งฮ่องเต้ยกให้คนอื่นตามอารมณ์” มังกรทองแปดแขนก็อดที่จะเหลือบมองหลี่ชิเย่อีกทีหนึ่ง เรื่องแบบนี้มันคือปาฏิหาริย์โดยแท้

“ไม่ เขาแค่เป็นผู้ที่ตายแทนเท่านั้นเอง” ปิ้งจวินส่ายหน้าและเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ถ้าหากพวกเจ้ามองฮ่องเต้ไท่ชิงง่ายดายเพียงนั้น เขาคงไม่ได้เป็นฮ่องเต้มาสายยุคสมัยแล้ว และพวกเจ้าก็คงไม่เสียท่าด้วยน้ำมือของเขา”

คำพูดของปิ้งจวินพลันทำให้หพวกของวัวคลั่งนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง มังกรทองแปดแขนกลับรู้สึกไม่ยอมรับอยู่บ้าง บ่นเสียงแผ่วเบาว่า “ฮึ ฮึ ฮึถ้าหากไม่เป็นเพราะถูกลอบโจมตีโดยตาแก่ซุนเหลิ่งหยิ่งโดยพลัน ข้าก็จะแลกกับฮ่องเต้ไท่ชิงแล้วล่ะ”

“เจ้าคงไม่ใช่ถูกผู้อื่นชิงเอาบัลลังก์ไป แล้วพวกเขาได้จัดการโยนเจ้าเข้ามาที่นี่กระมัง” เทพไฉไลหงส์พิษมองค้อนหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง พวกเขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรหลี่ชิเย่จึงถูกจับโยนเข้ามาในนี้

“ไม่ ข้ากระโดดเข้ามาเอง” หลี่ชิเย่ส่ายหน้า

“เจ้ากระโดดเข้ามาเอง?” พวกของเทพไฉไลหงส์พิษต่างงุนงงนิดหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่

“เจ้าหนู เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่คือสถานที่อะไร?” วัวคลั่งจ้องมองหลี่ชิเย่เสมือนหนึ่งกำลังจ้องมองคนปัญญาอ่อนคนหนึ่ง

“รู้ คุกหลวงดึกดำบรรพ์ คุกสำหรับผู้มีโทษตาย” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเรียบเฉย

“ในเมื่อเจ้ารู้แล้วยังกระโดดเข้ามา” สายตาของอวี่เหยียนเซินอดที่จะเพ่งไปข้างหน้าจ้องเขม็งที่หลี่ชิเย่ไม่ได้ กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เจ้าแน่ใจแล้วว่าตัวเองไม่ได้เสียสติ? การเหยียบเข้าคุกหลวงดึกดำบรรพ์เป็นการรนหาที่ตายเอง!”

“จะพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก พวกเจ้ามิยังมีชีวิตอยู่ดีหรอกรึ ดูท่าพวกเจ้ายังคงมีชีวิตอยู่ได้อีกนาน การอยู่ข้างนอกไม่แน่เสมอไปว่าสามารถอยู่มาได้ถึงวันนี้ด้วยซ้ำ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว

……………………………………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *