Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2589 พังพินาศย่อยยับ

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2589 พังพินาศย่อยยับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2589 พังพินาศย่อยยับ
ทุกคนต่างรู้สึกงงงัน เมื่อเรือรบร้อยกว่าลำได้พุ่งเข้าชนเรือรบยานแม่ยานแม่ เป็นการโจมตีกันเองนะเนี่ย

ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว จังหวะที่เรือรบร้อยกว่าลำพุ่งเข้าชนเรือรบยานแม่พร้อมๆ กันนั้น เรือรบทั้งหมดรวมตัวกันคล้ายดั่งเป็นแผ่นดินเหล็กกล้าที่มีขนาดมหึมายิ่งชิ้นหนึ่ง มีขนาดกว้างขวางใหญ่โตมาก

แผ่นดินเหล็กกล้าที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารหอบเอาพลังที่ดุดันยิ่งพุ่งเข้าชนเรือรบยานแม่นั้น เสมือนดั่งเป็นดาวที่มีขนาดใหญ่โตยิ่งที่พุ่งชนเข้ามา อีกทั้งยังเป็นการพุ่งเข้าชนด้วยความเร็วที่สูงมากของกองเรือรบที่มีอานุภาพยิ่งใหญ่ มีท่าทีของการทำลายฟ้าดินให้พินาศย่อยยับทีเดียว

“แย่แล้ว…” แม่ทัพ และเหล่าศิษย์ทั้งหมดที่อยู่บนเรือรบร้อยกว่าลำนั้น อดที่จะร้องเสียงแหลมขึ้นมาไม่ได้ เมื่อมองเห็นกองเรือรบทั้งหมดพุ่งเข้าชนเรื่อรบหลักอย่างดุดัน แต่ทว่าเวลานี้พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว ได้แต่มองตาปริบๆ มองดูกองเรือรบพุ่งเข้าหา

ตูม ตูม ตูมเสียงตูมตามดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ขณะที่กองเรือรบทั้งกองพุ่งเข้าชนเรือรบยานแม่นั้น ปืนไฟทั้งหมดยังคงยิงใส่เรือรบยานแม่ต่อไป อีกทั้งอานุภาพของปืนไฟดูจะดุดันและทรงพลังยิ่งกว่า เหมือนว่าระเบิดทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกบรรจุเข้าไปในปืนไฟทั้งหมด ทำให้กำลังยิงทำลายเหมือนถูกเทออกมาในคราวเดียว

ภายใต้การยิงอย่างบ้าคลั่งเสียงดังตูม ตูม ตูม กำแพงที่เป็นแนวป้องกันของเรือรบยานแม่สั่นไหวโคลงเคลงไม่หยุดนิ่ง เหมือนว่ามันกำลังจะแตกละเอียดทันทีอย่างนั้น อีกทั้งกองเรือรบทั้งกองยังพุ่งเข้าชนอย่างบ้าคลั่งท่ามกลางเสียงดังตูมตาม หากถูกพุ่งชนเมื่อไรล่ะก็ กำแพงที่เป็นแนวป้องกันต้องแหลกละเอียดอย่างไม่ต้องสงสัย

“ยิง…” เรือรบยานแม่ทั้งสิบลำของฉางจินต้งไม่มีทางเลือกเมื่อมองเห็นภาพนี้ จึงสั่งการลงมา และปรากฏเสียงตูมดั่งสนั่นขึ้นมา เรือรบยานแม่ทั้งสิบลำได้ยิงออกไปพร้อมกัน

กำลังยิงทำลายของเรือรบยานแม่ทั้งสิบลำทรงพลังยิ่งกว่าเรือรบขนาดเล็กกว่าสิบเท่า ดังนั้น เมื่อเสียงตูมดังขึ้นมา ก็ทำให้ท้องฟ้าต้องแตกละเอียดไป

ตูม ตูม ตูมในเวลานี้เอง เรือรบยานแม่ทั้งสิบลำต่างระดมยิงอย่างเต็มกำลัง ยิงฟ้าดินจนแหลกละเอียด ทำให้ทั่วทั้งเมืองหมิงลั่วเฉิงกระทั่งทั่วฟ้าดินต้องสะเทือนหวั่นไหว เสมือนดั่งเป็นวันสิ้นโลกอย่างนั้น

พวกเดียวกันเอง…เมื่อบรรดาศิษย์ และแม่ทัพทั้งหมดที่อยู่ภายในเรือรบขนาดเล็กต่างหวาดผวาจนหน้าถอดสี อดที่จะร้องเสียงแหลมขึ้นมาไม่ได้ เมื่อมองเห็นเรือรบยานแม่ทั้งสิบลำระดมยิงมาเต็มกำลัง

ตูม…ตูม…ตูม…เสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระลอก เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ภายใต้การระดมยิงอย่างบ้าคลั่งของเรือรบยานแม่ เรือรบขนาดเล็กแต่ละลำถูกยิงจนแหลกละเอียด ภายในระยะเวลาอันสั้น เรือรบขนาดเล็กถูกทำลายไปกว่าครึ่ง

บรรดาศิษย์และแม่ทัพที่อยู่บนเรือรบไม่ทันได้ส่งเสียงร้องที่น่าเวทนาออกมาก็ถูกทำลายจนหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว ตายอย่างไร้ที่ฝัง

ในเวลานี้ เรือรบยานแม่ก็ไม่อาจไม่ทำเช่นนี้ ถ้าหากไม่จัดการยิงทำลายเรือรบขนาดเล็กเป็นส่วนใหญ่ล่ะก็ เมื่อกองเรือรบทั้งกองพุ่งชนเข้ามา ไม่เพียงแต่ทำให้กำแพงที่เป็นแนวป้องกันถูกชนจนแหลกละเอียด ยิ่งไปกว่านั้นยังจะพุ่งชนเข้ากับเรือรบยานแม่ของพวกเขา เมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาก็จะต้องเสียหายอย่างหนักยิ่งกว่า

ดังนั้น ภายใต้ไม่มีทางเลือก พวกเขาได้แต่ยิงเรือรบขนาดเล็กให้แหลกละเอียดเพื่อรักษากำลังส่วนใหญ่เอาไว้ เมื่อใดที่เรือรบยานแม่ได้รับความเสียหาย ศักยภาพของพวกเขาก็จะลดลงมากในทันที

ตูม…ท้ายที่สุด เสียงดังสนั่นขึ้นมาเสียงหนึ่ง เรือรบขนาดเล็กส่วนที่เหลืออยู่เสมือนดังดาวหางที่พุ่งชนโลกอย่างนั้น พุ่งชนเข้ากับกำแพงที่เป็นแนวป้องการอย่างแรง ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังสนั่น มองเห็นกำแพงที่เป็นแนวป้องกันแตกละเอียดอย่างสิ้นเชิง ขณะที่เรือรบขนาดเล็กที่พุ่งชนเข้ากับกำแพงซึ่งเป็นแนวป้องกันนั้นก็พังพินาศย่อยยับไปทั้งหมด

ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังสนั่น เรือรบขนาดเล็กที่เหลืออยู่ถูกชนจนแหลกละเอียด ท่ามกลางแสงไฟที่ดั่งคลื่นยักษ์ปรากฏเศษซากชิ้นส่วนที่ปลิวกระจายจนเกลื่อนเต็มพื้นไปหมด

ในเวลานี้ ฟ้าดินเงียบสงบ ได้ยินเสียงเปลวไฟที่ดั่งคลื่นยักษ์ดังขึ้นมา ท่ามกลางเสียงระเบิดที่สร้างความหวั่นไหวต่อฟ้าดิน สร้างความหวั่นไหวต่อทั่วหล้า ทุกคนที่ได้เห็นภาพนี้แล้วถึงกับตาค้างพูดอะไรไม่ออกอยู่เป็นเวลานาน

ในขณะนี้เอง เห็นเพียงหลี่ชิเย่ตบมือเบาๆ ท่าทางเอ้อระเหยสบายอกสบายใจและกล่าวว่า “พวกเศษเหล็กก็เป็นเสียอย่างนี้ทนอะไรไม่ได้เลย ยังไม่ทันได้ชนถูกเรือรบยานแม่ก็เรียบร้อยไปหมดแล้ว”

ในเวลานี้กองเรือรบทั้งกองจบสิ้นกันไปแล้ว เรือรบจำนวนร้อยกว่าลำถูกทำลายพินาศย่อยยับอย่างสิ้นเชิง แตกละเอียดไปทั้งหมด เศษชิ้นส่วนจำนวนนับไม่ถ้วนปลิวกระจายตกไปทั่วบริเวณ ในรัศมีหมื่นลี้ของเมืองหมิงลั่วเฉิงล้วนแล้วแต่มีเศษชิ้นส่วนที่กระจายตกอยู่ทั่ว

เศษชิ้นส่วนจำนวนไม่น้อยยังลุกเป็นไฟอยู่ ลองนึกภาพดู กองเรือรบลักษณะเช่นนี้มันมีความใหญ่โตเพียงใด ลำพังแค่กองเรือรบที่ทำหน้าที่คุ้มครองก็สามารถบดบังเมืองหมิงลั่วเฉิงได้ทั้งเมือง ยามที่เรือรบทั้งหมดล้วนถูกทำลายจนแตกละเอียดนั้นมันช่างอลังการอะไรอย่างนั้น ช่างเป็นภาพที่สร้างความสะเทือนหวั่นไหวจิตใจผู้คน

บรรดาราษฎรและผู้บำเพ็ญตนในพื้นที่ของเมืองหมิงลั่วเฉิงไม่เคยได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ และไม่เคยได้เห็นเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจเช่นนี้มาก่อน พลันถูกสยบอยู่ตรงนั้น

ความจริงแล้ว ใช่แต่เพียงพวกเขาที่ถูกทำให้สะเทือนหวั่นไหว บรรดายอดฝีมือและระดับบรรพบุรุษที่มาจากสำนักเจ้าลัทธิ และระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิต่างๆ ในแดนลัทธิราชันก็ถูกทำให้สะเทือนหวั่นไหวไปทันที พวกเขาก็นึกไม่ถึงว่าเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว กองเรือรบทั้งกองก็เล่นจบเกมแล้ว

ทุกคนต่างอ้าปากกว้างค้าง และอดที่จะหวาดหวั่นพรั่นพรึงไม่ได้ ขณะมองดูภาพที่อยู่ตรงหน้า

“วิ วิธีการเช่นนี้ช่างพาลเหลือเกิน นี่ นี่ นี่เท่ากับเป็นการประกาศสงครามกับฉางจินต้งแล้ว” มียอดฝีมือที่ร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง เมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้แล้ว

“นี่มันใช่เพียงแค่ประกาศสงครามเท่านั้น นี่มันคือไม่ตายไม่เลิกรา กองเรือรบคุ้มกันทั้งกองนี้ก็คือกำลังรบหนึ่งในสามของฉางจินต้งแล้ว เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้น หนึ่งในสามของกองกำลังรบทั้งหมดต้องถูกทำลาย ณ ที่ตรงนี้ สิ่งนี้หาใช่เรื่องง่ายแค่เรื่องของหน้าตาของฉางจินต้งเท่านั้น มันคือเรื่องของความแค้นที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกได้แล้ว” ระดับบรรพบุรุษกล่าวด้วยสีหน้าที่หนักแน่นจริงจัง

“จะเปิดศึกแล้ว ไม่ตายไม่เลิก” บรรดาผู้บำเพ็ญตน ยอดฝีมือที่มาจากสถานที่ต่างๆ ในแดนลัทธิราชันเมื่อมองเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้แล้วต่างรู้ดีว่า ความขัดแย้งคราวนี้ไม่สามารถประนีประนอมกันได้

กองเรือรบทั้งกองของฉางจินต้งถูกทำลายไปรวดเดียวทั้งกอง แม้กับฉางจินต้งที่ร่ำรวยทรัพย์สินเงินทองก็นับเป็นการเสียหายอย่างยับเยิน โดยสูญเสียกองเรือรบทั้งกองไป หากฉางจินต้งสามารถกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้นั่นคือเรื่องแปลก ต้องเล่นไม่เลิกจนถึงที่สุดกับหลี่ชิเย่แน่นอน

“เจ้าหนูคนนี้เป็นใครกันแน่นะ ลงมือเหี้ยมโหด พาลถึงเพียงนี้ ไม่มีเว้นช่องว่างให้เจรจากันได้เลย ช่างมุทะลุดุดันเหลือเกิน วิธีการที่ดุร้ายและอันธพาลเช่นนี้เทียบชั้นได้กับราชันแท้จริงต้วนยวี่แล้ว” ยอดฝีมือตระกูลขุนนางโบราณผู้หนึ่งอดที่จะทอดถอนใจออกมา

“ราชันแท้จริงต้วนยวี่ก็ไม่ได้โหดถึงเพียงนี้กระมัง แม้จะกล่าวว่าหากราชันแท้จริงต้วนยวี่พาลโกรธขึ้นมาจะเลือดล้างทั่วหล้า แต่ยังไม่ถึงขั้นคำพูดไม่เข้าหูก็เข่นฆ่ากองทัพนับล้าน” มีผู้บำเพ็ญตนที่อดจะซุบซิบขึ้นด้วยความสงสัย

“ราชันแท้จริงต้วนยวี่นับว่ามุทะลุดุดันมากพอ ในครั้งนั้น ด้วยความโกรธราชันแท้จริงต้วนยวี่บุกสังหารเข้าไปในตระกูลมู่จนพ่ายแพ้อย่างยับเยิน บุกสังหารจนตระกูลมู่ร้องระงมแสบแก้วหู ท่าทางต้องการทำลายล้างตระกูลมู่เสีย หากไม่เป็นเพราะตระกูลมู่ยอมอ่อนข้อให้ในที่สุด และเจรจาสงบศึกจากฝ่ายต่างๆ ไม่แน่นักราชันแท้จริงต้วนยวี่อาจไม่จบไม่สิ้นกับตระกูลมู่” ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิที่รู้สึกเบื้องหลังของเรื่องนี้กล่าวทอดถอนใจออกมา

“เวลานี้ปรากฏคนที่มีนิสัยมุทะลุดุดันมากเช่นเดียวกับราชันแท้จริงต้วนยวี่ขึ้นมาอีกคน เรียกได้ว่าเป็นคนหนุ่มที่มีพลังน่าเคารพเลื่อมใส ผู้เฒ่าอย่างพวกเราล้วนแล้วแต่ม้วนเสื่อกลับบ้านกันได้แล้ว” ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิหัวเราะเจื่อนๆ และกล่าวว่า “เวลานี้นึกๆ ดูแล้ว ฉายาคนโหดอันดับหนึ่งนับว่าเหมาะสมกับเขาแล้ว”

คนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน การที่สามารถจัดการกับกองเรือคุ้มกันหมดทั้งกองเรือรวดเดียว มันคือความพาลที่สุดจะเทียบเทียมได้แล้ว แรกเริ่มทีเดียวเมื่อได้ยินหลี่ชิเย่เรียกตัวเองว่า ‘คนโหดอันดับหนึ่ง’ ต่างก็รู้สึกว่ามันอย่างไรก็ได้ เวลานี้คิดไปคิดมา ด้วยความมุทะลุดุดันเช่นนี้ของเขา นับว่าสมกับฉายา ‘คนโหดอันดับหนึ่ง’ จริงๆ

“ราชันแท้จริงต้วนยวี่คนที่สองปรากฏขึ้นมาแล้ว” มีผู้อดที่จะพึมพำออกมาไม่ได้ว่า “จะว่าไปก็เป็นเรื่องแปลก ชื่อหลี่ชิเย่ชื่อนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน เหมือนว่าจู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาอย่างนั้น หรือว่าเขามีชาติกำเนิดมาจากตระกูลขุนนางโบราณตระกูลใดตระกูลหนึ่งจริงๆ”

ทุกคนต่างรู้สึกแปลกใจ และเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นสำหรับฐานะของหลี่ชิเย่ คนที่แข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้ก่อนหน้านั้นถึงกับไม่เคยปรากฎชื่อเลย เหมือนว่าโผล่ออกมาเพียงชั่วข้ามคืนอย่างนั้น

สมควรทราบว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่แข็งแกร่งในแดนลัทธิราชันยุคนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีชื่อเสี่ยงโด่งดังทั้งสิ้น เฉกเช่นราชันแท้จริงต้วนยวี่ ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วหล้า สยบเหล้าผู้กล้า แม้แต่ผู้สูงส่งที่เป็นรุ่นอาวุโสก็ถูกพวกเขากดดันจนหายใจไม่ออก และรู้สึกสลดและอับแสง

“บางที เขาอาจขึ้นมาจากแดนที่อยู่ข้างล่าง” ระดับบรรพบุรุษที่แก่กะลายิ่งมีท่าทีหนักแน่นจริงจัง และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ

“แดนล่าง? แดนลัทธิพรรษรึ?” มีผู้อดที่จะตาทั้งสองเบิกกว้าง รู้สึกว่าไม่น่าเชื่อ กล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “แดนลัทธิพรรษมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งเช่นนี้รึ? อีกทั้งยังหนุ่มแน่นขนาดนี้”

“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ใช่ว่าคนทั้งหมดในแดนลัทธิพรรษล้วนแล้วแต่เป็นผู้อ่อนแอ นับเป็นอดีตเป็นต้นมา ผู้ปราศจากผู้ต่อกรที่กำเนิดจากแดนลัทธิราชันมีจำนวนน้อยอย่างนั้นรึ? เคยมีผู้ที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งตลอดกาล ส่องประกายทั่วหล้า แม้แต่ยอดฝีมือของแดนลัทธิเซียนยังต้องสลดและอับแสง” ระดับบรรพบุรุษผู้เก่ากะลายิ่งถึงกับเอ่ยขึ้นช้าๆ

“ถ้าหากเขาขึ้นมาจากแดนลัทธิพรรษ เพราะอะไรจึงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ตามหลักแล้ว การที่มียอดฝีมือขึ้นมาจากแดนลัทธิพรรษต้องบังเกิดความเคลื่อนไหวไม่น้อยแน่นอน สมควรมีคนรู้เรื่องจึงจะถูกก” มียอดฝีมือตระกูลขุนนางโบราณกล่าว

“ไม่แน่ ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิดึกดำบรรพ์บางแห่งมีทางลับ จะอย่างไรเสีย ในแดนลัทธิพรรษมีระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจำนวนเท่าไรที่ตกลงไปจากแดนลัทธิราชัน กระทั่งจากแดนลัทธิเซียน ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิบางแห่งอย่างคงมีธาตุแท้ภายในอยู่” ระดับบรรพบุรุษผู้นี้มีประสบการณ์กว้างไกล

“ไม่แน่เสมอไปต้องเป็นคนของแดนลัทธิพรรษ ในแดนลัทธิราชันพวกเรามังกรเร้นกายพยัคฆ์หมอบ ไม่แน่นัก หลี่ชิเย่คนนี้ก็คืออัจฉริยะบุคคลที่ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิขนาดใหญ่แห่งใดแห่งหนึ่งบ่มฟักขึ้นมาอย่างลับๆ” มีผู้ที่ไม่ยอมรับว่าคนของแดนลัทธิพรรษเหนือกว่าคนของแดนลัทธิราชัน ดังนั้น จึงยืนยันว่าหลี่ชิเย่ต้องมีชาติกำเนิดจากแดนลัทธิราชัน

เรื่องนี้ก็ไม่นับเป็นเรื่องแปลก จะอย่างไรเสียคนในแดนลัทธิราชันมองตัวเองสูงเด่นเสมอมา พวกเขาเรียกแดนลัทธิพรรษว่าแดนล่าง กระทั่งมีผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากของแดนลัทธิราชันดูแคลนคนของแดนลัทธิพรรษอยู่ในใจอยู่แล้ว ในสายตาของพวกเขามองว่า ผู้บำเพ็ญตนของแดนลัทธิพรรษคือประชาชนที่ต่ำต้อย

“ไม่ว่าจะมีชาติกำเนิดเช่นใด คราวนี้ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ การที่ฉางจินต้งยกออกมาทั้งสำนัก หากไม่สังหารเขา ฉางจินต้งก็จะไม่มีที่ยืนแล้ว” มีผู้ที่พึมพำขึ้นมาด้วยความกังขา

“ก็ใช่ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉางจินต้งต้องการเบียดตัวเองเข้าไปเป็นหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่ หลายปีที่ผ่านมา ฉางจินต้งยิ่งมีพลังที่แข็งแกร่งยิ่ง ถ้าหากถูกหลี่ชิเย่เหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้าในเวลานี้ล่ะก็ พวกเขาอย่าหวังที่จะเบียดเข้าไปเป็นหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ฉางจินต้งก็ต้องไม่จบไม่สิ้นกับหลี่ชิเย่แน่นอน…”

“…ฉางจินต้งต้องการให้ผู้บำเพ็ญตน และระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิทั้งหมดในแดนลัทธิราชันได้เข้าใจ ฐานะของเขาไม่มีใครสามารถสั่นคลอนได้ ไม่มีใครมาท้าสู้อยู่แล้ว พวกเขามีศักยภาพเพียงพอที่จะเบียดเข้าไปในสามผู้ยิ่งใหญ่ได้” มียอดฝีมือที่เข้าใจในฉางจินต้งได้ทำการวิเคราะห์อย่างละเอียด

ผู้คนจำนวนมากได้ยินคำนี้แล้ว ต่างอดที่จะพยักหน้าไม่ได้

………………………………………………………….

  

  

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *