Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2613 แคว้นเหล่าเทพ

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2613 แคว้นเหล่าเทพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2613 แคว้นเหล่าเทพ

“ผู้เยาว์ เมื่อเป็นเช่นนั้นก็มาวัดกันระหว่างความเป็นความตาย!” พวกแขกสวรรค์ชุดเขียวที่เป็นห้าแขกสวรรค์ต่างมองตากันและกัน ร่างกายของพวกเขาค่อยๆ ลอยตัวขึ้น

ในขณะนี้ แขกสวรรค์ชุดเขียวและพวกล้อมเป็นวงและลอยล่องอยู่บนท้องฟ้าสูง หลังจากที่ล้อมเป็นวงแล้วมันก็เหมือนหนึ่งเป็นวงกลมศักดิ์สิทธิ์ที่ทำการพันธนาการหลี่ชิเย่เอาไว้

ในเวลานี้เอง แขกสวรรค์ชุดเขียวพวกเขาที่เป็นห้าแขกสวรรค์ได้แต่สู้เต็มที่ สามารถมีชีวิตรอดจากที่นี่หรือไม่นั้น ต้องดูที่ท่าไม้ตายคราวนี้ของพวกเขาแล้ว

ในเวลานี้ สิ่งที่พวกแขกสวรรค์ชุดเขียวและพวกควรทำก็ได้ทำไปแล้ว สมควรยอมแพ้ก็ยอมไปแล้ว สิ่งที่ควรเจรจาก็เจรจาไปแล้ว ในเมื่อลอมชอมกันไม่ได้ พวกเขายังจะทำอะไรได้อีก? อย่างน้อยที่สุดพวกเขายังไม่สามารถทำถึงขั้นคุกเข่าโขกศีรษะยอมรับผิดต่อหลี่ชิเย่

จะอย่างไรเสีย ผู้ที่ก้าวมาถึงระดับอย่างพวกเขาแล้ว จะมากหรือน้อยก็ต้องมีเกียรติ ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือต้องมีศักดิ์ศรีกันบ้าง ดังนั้น ต่อให้โขกศีรษะยอมรับผิดแล้วหลี่ชิเย่สามารถละเว้นชีวิตให้กับพวกเขา พวกเขาก็จะไม่ทำ

เมื่อถึงขั้นนี้แล้ว พวกเขาได้แต่สู้เต็มที่ จะเป็นหรือตายขึ้นอยู่กับศึกครั้งนี้แล้ว ถ้าหากไม่สามารถมีชีวิตรอดไปจากที่ตรงนี้ได้ล่ะก็ พวกเขาได้แต่ยอมรับชะตากรรมแล้ว

เฉกเช่นระดับอย่างพวกเขา ชั่วชีวิตไม่รู้ว่าได้ผ่านอุปสรรคมากี่มากน้อย และไม่รู้ว่าได้ผ่านความเป็นความตายมาแล้วเท่าไร ดังนั้น ต่อให้วันนี้จะต้องสู้รบจนตายที่นี่ พวกเขาก็คงไม่มีอะไรต้องเสียใจอีกแล้ว

แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น นาทีนี้เอง จังหวะที่แขกสวรรค์ชุดเขียวและพวกทั้งห้าคนได้ล้อมวงอยู่กลางอากาศแล้ว พวกเขาได้ร่วมมือกันโดยพลัน เหมือนจัดการเฉือนเอาช่องว่างออกอย่างนั้น ช่องว่างบนท้องฟ้าเหมือนหนึ่งถูกพวกเขาเฉือนเป็นวงๆ หนึ่งออกมา

ท่ามกลางเสียงแว้งค์ที่ดังขึ้น ได้ยินเสียงกระเพื่อมของช่องว่างทีหนึ่ง ช่องว่างที่แขกสวรรค์ชุดเขียวและพวกทั้งห้ายืนอยู่ก็เหมือนดั่งน้ำในบึงที่กระเพื่อมเป็นระลอก จากการที่ช่องว่างกระเพื่อมเป็นระลอกทำให้ร่างกายของพวกเขากลับกลายเป็นลางเลือนขึ้น และเหมือนว่าจะเป็นไปตามการกระเพื่อมของช่องว่างที่กระเพื่อมไม่หยุดเช่นกัน กลายเป็นระลอกคลื่นของช่องว่างอย่างนั้น

เอี๊ยดดด เอี๊ยดดด เอี๊ยดดด…ในเวลานี้เอง เสียงสิ่งของหนักอึ้งดังขึ้น เสมือนดั่งประตูขนาดใหญ่โตมโหฬารถูกเปิดออกอย่างช้าๆ

และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ บริเวณช่องว่างที่ถูกเฉือนถึงกับมีประตูขนาดใหญ่โตมโหฬารถูกเปิดออกมา เสมือนหนึ่งบนท้องฟ้าได้ซ่อนแคว้นที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร หรือกำแพงเมืองเอาไว้ และในขณะนี้ แคว้น และหรือกำแพงเมืองที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารได้เปิดประตูออกมาช้าๆ

ประตูดังกล่าวคล้ายเป็นประตูเมืองที่เก่าแก่โบราณ มันถูกดึงให้เปิดออกมาช้าๆ เป็นแคว้นที่ใหม่เอี่ยมทั้งหมด เหมือนว่าต้องการแสดงตัวออกมาต่อหน้าทุกคนอย่างนั้น

ตูม…ตูม…ตูม…เสียงตูมตามดังขึ้นมาเป็นระลอกไม่ขาดสาย หลังจากประตูที่อยู่บนท้องฟ้าถูกดึงให้เปิดออกช้าๆ แล้ว พลังที่น่าเกรงขามและมากมายมหาศาลได้ถูกเทราดลงมา ประดุจดั่งน้ำหลากในยุคดึกดำบรรพ์ที่พุ่งลงมาอย่างไม่ขาดสาย กระแทกใส่ฟ้าดิน

แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น นาทีนี้เอง ทุกคนต่างรู้สึกประกายที่สว่างไสวแวบหนึ่งตรงหน้า เหมือนท้องฟ้าได้มีดวงตะวันดวงหนึ่งค่อยๆ ลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ โดยที่ดวงตะวันดวงนี้มีประกายที่ละลานตายิ่งกว่าสิ่งใดๆ กระทั่งผู้คนแทบจะลืมตาขึ้นมาไม่ได้

แสงที่เจิดจ้าละลานตาถูกทิ้งลงมาจากประตูบานนั้นที่ถูกเปิดออกนั่นเอง ขณะที่ประตูดังกล่าวเปิดออกเหมือนปรากฎแคว้นๆ หนึ่งขึ้นมาอย่างนั้น ภายในแคว้นแห่งนี้มีประกายศักดิ์สิทธิ์ไม่มีสิ้นสุดที่พวยพุ่งขึ้นมาทันที ส่องสว่างจนลืมตาทั้งสองไม่ขึ้น

“นั่นคืออะไร…” ไม่ง่ายนัก กว่าทุกคนจะมองเห็นแคว้นที่อยู่บนท้องฟ้าได้ชัดเจนท่ามกลางประกายที่เจิดจ้าละลานตานี้

ท่ามกลางแคว้นที่อยู่บนท้องฟ้าปรากฏเป็นร่างเงาแต่ละร่างที่สูงใหญ่ โดยร่างเงาสูงใหญ่ดังกล่าวได้ยืนเรียงแถวอยูท่ามกลางแคว้นแห่งนี้ เสมือนหนึ่งได้กลายเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์แต่ละลูกอย่างนั้น ตั้งตระหง่านสูงเด่นทำให้ผู้คนต้องแหงนหน้ามอง

ร่างเงาแต่ละร่างที่สูงใหญ่เสมือนดั่งเป็นหินแกะสลัก แต่ก็ไม่เหมือนหินแกะสลัก เนื่องจากร่างเงาแต่ละร่างล้วนแล้วแต่เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณ และร่างเงาทุกๆ ร่างเงาล้วนแล้วแต่ให้ความรู้สึกถึงร่างที่มีเลือดมีเนื้อทั้งสิ้น

“ดูนั่น ผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังของคนที่ยืนอยู่คนแรกก็คือแขกสวรรค์ทั้งห้ามิใช่รึ?” มีผู้ที่ร้องเสียงดังขึ้นมาหลังจากที่มองดูอย่างละเอียดแล้ว สามารถจดจำฐานะของร่างเงาแต่ละร่างได้

บรรดาร่างเงาที่สูงใหญ่อย่างยิ่งเหล่านี้จะยืนเป็นแถวเป็นแนว โดยแถวที่อยู่ด้านหลังจะมีจำนวนผู้คนในแถวเพิ่มมากขึ้นๆ ขณะที่ผู้ที่ยืนอยู่แถวด้านหน้าสุดเป็นผู้เฒ่าคนหนึ่ง ผู้เฒ่าที่มีสีผมดั่งขนนกกระเรียน ใบหน้าดั่งเด็ก ในมือของผู้เฒ่าถือไม้เท้ากวาง ด้านหลังของเขามีร่างเงาของคนห้าคนยืนอยู่ ซึ่งร่างเงาทั้งห้าก็คือพวกของแขกสวรรค์ชุดเขียวที่เป็นแขกสวรรค์ทั้งห้า

ด้านหลังของพวกแขกสวรรค์ชุดเขียวก็จะมียอดฝีมือจำนวนมากกว่าที่ยืนเรียงเป็นแถวแต่ละแถว อีกทั้งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะเทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสิ้น หรือจะกล่าวว่า หากไม่ใช่ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะยังไม่มีสิทธิ์ที่จะมายืนอยู่ในขบวนตรงนี้ด้วยซ้ำ

“นี่ไม่เพียงแค่แขกสวรรค์ทั้งห้าเท่านั้น” หลังจากมีผู้ที่มองเห็นร่างเงาทั้งหมดที่อยู่ภายในแคว้นแล้ว ได้กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “นี่คือเคอะเหมิงทั้งหมด! เคอะเหมิงทั้งหมดล้วนแล้วแต่อยู่กันทั้งหมดที่นี่แล้ว ดูนั่นสิ ที่ยืนอยู่แถวหน้าสุดก็คือลู่เคอะเวิง!”

“เคอะเหมิงทั้งหมดล้วนแล้วแต่อยู่กันที่นี่แล้ว?” ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ยังไม่เข้าใจ กล่าวด้วยความตระหนกว่า “เคอะเหมิงมาด้วยตนเองทั้งหมด? นี่มัน มัน มันออกจะเกินไปแล้วกระมัง เกรงว่าเคอะเหมิงทั้งหมดอย่างน้อยก็ต้องมีระดับเทพแท้จริงหลายสิบคนกระมัง การที่พวกเขาปรากฏตัวพร้อมกันเกรงว่าจะต้องเกรียงไกรไปทั้งเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินปราศจากผู้ต่อกรแล้ว”

เคอะเหมิงประกอบด้วยระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะแต่ละคน ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นระดับบรรพบุรุษที่ถอนตัวและตัดขาดจากโลกภายนอก ถ้าหากพวกเขาปรากฏตัวออกมาทั้งหมด ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวอะไรอย่างนั้น อย่าว่าแต่เป็นระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของสำนักเจ้าลัทธิโดยทั่วไปเลย เกรงว่าแม้แต่สามผู้ยิ่งใหญ่ขอวแดนลัทธิราชันก็ต้องหวั่นเกรงอยู่สามส่วน

แน่นอน กล่าวโดยทั่วไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เคอะเหมิงทั้งหมดจะปรากฏตัวพร้อมกันทีเดียว คิดจะรวบรวมระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งหมดของเคอะเหมิงใช่เป็นเรื่องง่ายดาย จะอย่างไรเสียระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะของเคอะเหมิงนั้นกระจายอยู่ทั่วทุกแห่งหนในแดนลัทธิราชัน

“ไม่ถูก ดูสิ ร่างที่แท้จริงของแขกสวรรค์ทั้งห้ายังอยู่ที่นี่เลย ร่างเงาทั้งห้านั่น นั่นที่อยู่ภายในแคว้นเกรงว่าจะเป็นร่างจำแลงอะไรสักอย่างกระมัง” เมื่อผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่มองเห็นแขกสวรรค์ทั้งห้ายังคงยืนอยู่บนท้องฟ้า และในแคว้นเองก็มีร่างเงาของพวกเขาอยู่ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วที่อยู่ภายในแคว้นไม่ใช่ร่างจริงของพวกเขาแล้วล่ะ

“คำเล่าลือเป็นความจริง” ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นช้าๆ เมื่อมองเห็นแคว้นที่อยู่บนท้องฟ้า

“คำเล่าลืออะไร?” มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนอดที่จะสงสัยไม่ได้

“แค้วนเหล่าเทพ” ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิผู้นี้มองดูแคว้นที่อยู่บนท้องฟ้า และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เล่าลือกันว่าหลังจากที่ลู่เคอะเวิงได้ก่อตั้งเคอะเหมิงแล้ว ได้เรียกระดมระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งหมดของเคอะเหมิงมาสร้างช่องว่างๆ หนึ่งขึ้นมา เล่าลือกันว่าช่องว่างนี้เป็นการเลียนแบบช่องว่างอมตะแห่งใดแห่งหนึ่งขึ้นมา และให้ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะแต่ละคนได้ฝากสุดยอดอภินิหารเอาไว้ ดำรงอยู่คู่ช่องว่างนี้เป็นนิรันดร์”

“เป็นอมตะ? นี่เป็นเรื่องจริงรึ?” ผู้คนจำนวนไม่น้อยถูกทำให้ตระหนกยิ่งนักเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ เรื่องความเป็นอมตะอย่าว่าแต่ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะเลย แม้แต่ระดับปฐมบรรพบุรุษก็ตามหา

“เพียงแต่มีความน่าจะเป็นเท่านั้น” ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิผู้นี้ทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่งและกล่าวว่า “เล่าลือกันว่าลู่เคอะเวิงเคยไปที่แดนลัทธิเซียนมาก่อน จริงเท็จไม่อาจรู้ได้ อีกทั้งลู่เคอะเวิงใช่เพียงเคยไปที่แดนลัทธิเซียนมาเท่านั้น ยังมีความเป็นไปได้ว่าได้สัมผัสกับแดนอมตะที่อยู่ในตำนาน ด้วยเหตุนี้เองได้ก่อเกิดแรงบัลดาลใจขึ้นกับลู่เคอะเวิง ทำให้เขาสร้างแคว้นเหล่าเทพขึ้นมา”

“แดนอมตะ?” มีผู้ที่ไม่เชื่อในเรื่องนี้ขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดคำนี้ และกล่าวว่า “ไหนบอกว่าแดนอมตะไม่ได้ดำรงอยู่จริงมิใช่รึ? นี่เป็นเพียงคำเล่าลือเท่านั้น ไม่เคยมีใครได้ไปยังแดนอมตะมาก่อนนี่ เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีแดนอมตะ”

“นี่ก็เป็นเพียงการคาดคะเนเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ” ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิผู้นี้ทำท่าไตร่ตรองแล้วกล่าวว่า “ส่วนลู่เคอะเวิงได้ขึ้นไปยังแดนลัทธิเซียนหรือไม่นั้น เรื่องนี้ยังไม่สามารถรู้ได้”

“ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะขึ้นไปกระมัง ได้ขึ้นไปยังแดนลัทธิเซียนแล้วยังจะกลับมาทำไม่ และหากคิดจะกลับมาจากแดนลัทธิเซียนใช่เป็นเรื่องง่ายดาย ยิ่งมีความแข็งแกร่งมากเท่าไร คิดจะกลับมาก็จะยากมากขึ้นเท่านั้น” มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนอดที่จะเอ่ยขึ้นด้วยความกังขา

“แต่ว่า เป็นความจริงที่ว่าอาศัยกำลังความสามารถของลู่เคอะเวิงแล้วมีสิทธิ์ขึ้นไปแดนลัทธิเซียนได้ เพียงแต่เขายังคงรั้งอยู่ที่แดนลัทธิราชันตลอดมาโดยไม่ได้ขึ้นไป” มีผู้อดที่จะเอ่ยขึ้นมาไม่ได้

ในเวลานี้เอง เห็นเพียงแขกสวรรค์ทั้งห้าล้วนแล้วแต่ลอยตัวขึ้นมาและลอยเข้าไปอยู่ในแคว้นดังกล่าว เมื่อพวกเขาลอยตัวเข้าไปอยู่ในแคว้นดังกล่าวแล้วพลันรวมตัวเข้ากับร่างเงาของตนทันที

เสียงตูม…ดังสนั่นขึ้นมา ครั้นแขกสวรรค์ทั้งห้ารวมตัวเข้ากับร่างเงาของตนนั้น ปรากฎว่ามีการสะเทือนหวั่นไหวขึ้นทั่วทั้งแคว้น และแคว้นดังกล่าวได้พวยพุ่งประกายที่สว่างเจิดจ้ายิ่งขึ้นกว่าเดิม

ชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง กลิ่นอายอมตะดุจดั่งน้ำหลากที่เอ่อล้นและท่วมอย่างไม่ขาดสาย กลิ่นอายอมตะที่เทราดลงมาพลันท่วมฟ้าดินจนจมมิดในพริบตาเดียว

ในเวลานี้เอง เรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่าได้เกิดขึ้นมาแล้ว มองเห็นบรรดาระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งหมดที่อยู่ในแคว้นเหล่าเทพ ไม่ว่าจะเป็นลู่เคอะเวิงหรือว่าระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะคนอื่นๆ ล้วนแล้วแต่ได้ลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมาในชั่วพริบตา

ในพริบตาเดียวนั่นเอง ประกายส่องสว่างเจิดจ้ายิ่งนัก เสมือนดั่งแคว้นทั้งแคว้นถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอย่างนั้น ก่อนหน้านั้น มนุษย์ยักษ์ทั่วทั้งแคว้นอยู่ระหว่างหลับใหล ครั้นเมื่อใดที่มันถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาแล้ว ก็จะระเบิดพลังที่น่ากลัวปราศจากผู้เทียบเทียมขึ้นมา พลังลักษณะเช่นนี้เหมือนว่าสามารถบดขยี้เหล่าชั้นฟ้าได้

“นี่แหละคือธาตุแท้ภายในของเคอะเหมิง เล่าลือกันว่าแคว้นเหล่าเทพของพวกเขาสามารถเปิดออกมาได้ทุกที่ทุกเวลา แน่นอน มีเพียงสมาชิกของเคอะเหมิงเท่านั้นที่สามารถเปิดออกมาได้ เมื่อใดที่ได้เปิดแคว้นเหล่าเทพออกมาและรวมตัวเข้ากับร่างเงาของตนแล้ว ก็จะปลุกแคว้นเหล่าเทพให้ตื่นขึ้นทั้งแคว้น จำนวนคนที่มีการรวมตัวยิ่งมากเท่าไร พลังที่ถูกปลุกให้ตื่นก็จะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น” ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิผู้นี้เอ่ยขึ้น

“ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งหมดของเคอะเหมิงล้วนแล้วแต่ได้ฝากอภินิหารเอาไว้ในนั้น เมื่อสุดยอดอภินิหารเช่นนี้ถูกเรียกหา ย่อมแทบไม่อยากเชื่อในอานุภาพของมัน” ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่ได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้วรู้สึกตื่นตระหนกลับๆ ในใจ และกล่าวว่า “ธาตุแท้ภายในเช่นนี้ไม่เห็นจะด้อยไปกว่าธาตุแท้ภายในของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิแห่งหนึ่งนะเนี่ย”

“ดังนั้น นี่แหละคือความแข็งแกร่งของเคอะเหมิง” ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิผู้นี้พยักหน้า

“ผู้เยาว์ กล้าหรือไม่เข้ามาสู้กันสักครั้ง” เวลานี้แขกสวรรค์ทั้งห้าได้เรียกความมั่นใจกลับมาได้บ้าง เมื่อตนเองได้รวมเป็นร่างเดียวกันกับร่างเงา และพลังของทั้งแคว้นได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ปรากฎทั่วทั้งแคว้นเต็มไปด้วยพลังที่น่าเกรงขามและมากมายมหาศาล

ในเวลานี้ ท่ามกลางแคว้นนั้นแขกสวรรค์ชุดเขียวได้ร้องกล่าวเสียงดังขึ้นมา

ทุกคนต่างจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่เมื่อได้ยินคำร้องท้าสู้ของแขกสวรรค์ชุดเขียว ย่อมไม่ต้องสงสัย หากหลี่ชิเย่เข้าไปยังแคว้นดังกล่าว เท่ากับเป็นการตกหลุมพลางเอง เข้าไปอยู่ในถ้ำเสือ

“มีอะไรไม่กล้า?” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉยทีหนึ่ง เหินฟ้าขึ้นไปพลันเข้าไปอยู่ท่ามกลางแคว้นเหล่าเทพทันที

………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *