Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2632 กลายเป็นเถ้าธุลีอย่างง่ายดาย

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2632 กลายเป็นเถ้าธุลีอย่างง่ายดาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2632 กลายเป็นเถ้าธุลีอย่างง่ายดาย

เสียงตูม…ดังสนั่น หลี่ชิเย่ปลดปล่อยพลังลมปรานออกมา ภายใต้พลังลมปรานที่น่ากลัวยิ่งของเขา ทุกอย่างล้วนดูเล็กจิ๋วอะไรขนาดนั้น โลกทั้งโลกภายใต้พลังลมปรานของเขาก็เป็นได้เพียงแค่หยดน้ำหยดหนึ่งท่ามกลางทะเลเท่านั้น

ตูม ตูม ตูมในเวลานี้เอง ฟ้าดินเสมือนดั่งจะพังทลายลงอย่างนั้น ทำเอาผู้คนทั้งหมดหวาดผวาจนหน้าถอดสี ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่หมอบอยู่กับพื้นท่ามกลางพลังลมปรานที่น่ากลัวเช่นนี้ ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ในขณะนี้

ปุ…เสียงหนึ่งดังขึ้น ด้วยความน่ากลัวของพลังลมปรานปราศจากผู้เทียบเทียมของหลี่ชิเย่ เปลวไฟที่ร้อนแรงดั่งคลื่นยักษ์ของระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่ไม่สามารถต่อกรได้อยู่แล้ว พลันถูกซัดจนย้อนกลับไป

อ๊ากก…เสียงร้องที่แหลมดังน่าเวทนาดังขึ้น เปลวไฟร้อนแรงที่ดั่งคลื่นยักษ์ถูกซัดจนไหลย้อนกลับไป เทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่พลันถูกเปลวไฟร้อนแรงที่ดั่งคลื่นยักษ์ของตนปกคลุม ในพริบตาเดียวนั่นเอง เปลวไฟร้อนแรงที่ดั่งคลื่นยักษ์ได้อาศัยพลังลมปราน พลังสัจธรรมของพวกเขามาเป็นน้ำมัน ทำให้เปลวไฟร้อนแรงนั่นโหมลุกไหม้อย่างร้อนแรงขึ้นมาทันที

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลือดแก่นของพวกเขากล่าวสำหรับเปลวไฟร้อนแรงแล้ว เสมือนดั่งงานเลี้ยงที่จัดอย่างยิ่งใหญ่อย่างนั้น เปลวไฟพลันถาโถมเข้าไปจัดการเผาเทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่จนหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว เผาผลาญเทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่จนกลายเป็นเถ้าธุลีล่องลอยกระจายไปตามลม

ก่อนที่เทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่จะตายถึงกับดวงตาทั้งสองเบิกกว้าง พวกเขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่า ท่าไม้ตายที่ทรงพลังที่สุดของพวกเขาที่เดิมทีต้องการนำมาเผาทำลายหลี่ชิเย่ นึกไม่ถึงว่ากลับจะมาแว้งกัดตนเอง เผาไหม้พวกเขาเองจนกลายเป็นเถ้าธุลี เกรงว่าสิ่งนี้เป็นการตายอย่างไม่เต็มใจของพวกเขา และน่าสิ้นหวังอะไรอย่างนั้น

สุดท้าย เสียงฟุบบบเสียงหนึ่งดังขึ้น เปลวเพลิงร้อนแรงดั่งคลื่นยักษ์ดูจะไร้ค่าคู่ควรจะกล่าวถึงเมื่ออยู่ภายใต้พลังลมปรานที่น่ากลัวของหลี่ชิเย่พุ่งเข้าใส่ เปลวไฟร้อนแรงดั่งคลื่นยักษ์พลันดับวูบลง

ในเวลานี้ หลี่ชิเย่จึงได้เรียกคืนพลังลมปราน ทั่วฟ้าดินจึงค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพปรกติที่เงียบสงบ

ในขณะนี้ ความเงียบสงัดกดดันพวกเขาทั้งหมดจนหายใจหอบ ในเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะที่แข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม จะเป็นราชันแท้จริงมู่เจี้ยนก็ดี ลู่เคอะเวิงก็ช่าง ในเวลานี้แม้พวกเขาจะแข็งแกร่งมากกว่านี้ก็ต้องรู้สึกหวาดกลัวจึงถูก

“น่าเบื่อจริงๆ” หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้เรียกคืนพลังลมปรานแล้ว คำพูดที่ดูเบื่อหน่ายได้ทำลายความเงียบสงัดนี้ลง เขาทำท่าหาวทีหนึ่ง และกล่าวว่า “การปลดปล่อยลมปรานออกมาเช่นนี้ข้าก็รู้สึกว่ามันเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตน ถ้าหากนักพรตไป๋ยื่อมาด้วยตนเองค่อยยังชั่ว”

คำพูดของหลี่ชิเย่ที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ยิ่ง ไม่เพียงดูถูกทุกๆ คนเท่านั้น ดูถูกแม้กระทั่งนักพรตไป๋ยื่อ

แต่ว่า ในเวลานี้ทุกคนต่างนิ่งเงียบโดยพลัน ทุกคนต่างรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง แม้แต่หลูเหว่ยจวินที่ร้องเอะอะเอ็ดตะโร ยกตนข่มท่านเมื่อครู่ก็หุบปากลงทันที ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก

“เอาล่ะ ได้เวลาที่ข้าจะได้เข่นฆ่าขนานใหญ่แล้ว เริ่มที่ตัวเจ้าก่อนก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉยทีหนึ่ง สายตาตกไปอยู่ที่ตัวของหลูเหว่ยจวิน ล็อคเป้าของเขาเอาไว้ทันที

ในเวลานี้ หลี่ชิเย่ก้าวเท้าเดินไปหาหลู่เหว่ยจวิน ทำให้หลูเหว่ยจวินถึงกับหวาดผวาจนหน้าถอดสี ท่าทางเปลี่ยนไปมากทีเดียว รีบก้าวถอยหลังไปทันที

ขณะที่ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่ยืนอยู่ด้านหลังหลูเหว่ยจวินเป็นคนสุดท้าย และนับเป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งที่สุด ในเวลานี้ก็ไม่มีทางเลือก ได้แต่ฝืนใจเข้ารับหน้าหลี่ชิเย่ เพื่อช่วงชิงให้ได้มาซึ่งเวลาในการหลบหนีให้กับหลู่เหว่ยจวิน

“คุณท่าน อภัยได้ก็จงอภัย” ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะผู้นี้เผชิญหน้ากับหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจัง และกล่าวว่า “การเป็นศัตรูกับนายผู้เฒ่าของข้าเป็นการกระทำที่ไม่ชาญฉลาด”

“แค่ชั้นคงความอมตะตลอดกาลเท่านั้น สามารถข่มขู่ข้าได้อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่ก้าวเท้าเข้าไป ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “ไสหัวไปเวลานี้ยังทัน”

“ล่วงเกินแล้ว” ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะได้แต่ร้องกล่าวเสียงทุ้มต่ำออกมา เวลานี้เขาไม่มีทางเลือก ได้รับผลประโยชน์จากผู้อื่นก็ต้องซื่อสัตย์ในหน้าที่ ร้องเสียงทุ้มต่ำขึ้นมาพร้อมกับอาวุธในมือ ‘มนุษย์ทองแดงขาเดียว’ ที่ฟาดเข้าหาหลี่ชิเย่

มนุษย์ทองแดงขาเดียวของเขาที่ฟาดเข้าไปนั้น มีน้ำหนักมากถึงห้าร้อยล้านตัน สามารถทำลายดวงดาวได้ เสียงตูมดังสนั่น มนุษย์ทองแดงขาเดียวพลันทำลายท้องฟ้าจนแตกละเอียด และฟาดใส่บริเวณหน้าอกของหลี่ชิเย่

เสียงปังดังสนั่น หลี่ชิเย่ไม่ได้มองสักแวบด้วยซ้ำ เพียงยื่นฝ่ามือไปข้างหนึ่งก็กันมนุษย์ทองแดงขาเดียวที่ฟาดเข้ามาได้แล้ว แม้ว่ามนุษย์ทองแดงขาเดียวนี้จะมีน้ำหนักมากถึงห้าร้อยล้านตัน ก็ไม่สามารถสั่นคลอนต่อฝ่ามือของหลี่ชิเย่ได้แม้เพียงน้อยนิด

ในเวลานี้หลี่ชิเย่เพียงพลิกฝ่ามือ และกดทับให้มนุษย์ทองแดงขาเดียวบดขยี้เทพแท้จริงขั้นอมตะผู้นี้กลับไป

“ไม่…” ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะถึงกับร้องเสียงดังขึ้นมา แต่ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว ได้ยินเสียงกระดูกแตกละเอียดดังคร๊ากกกขึ้นมา ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะผู้นี้ถูกมนุษย์ทองแดงขาเดียวของตนทับร่างจนแหลกละเอียดไป สุดท้าย ได้ยินเสียงดังปุเสียงหนึ่งดังขึ้น เทพแท้จริงขั้นอมตะผู้นี้พลันถูกทับจนกลายเป็นหมอกเลือดไป

ตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น หลี่ชิเย่จัดการโยนมนุษย์ทองแดงขาเดียวในมือลงกับพื้นและไม่ได้มองดูสักครั้งด้วยซ้ำ ยังคงเดินเข้าหาหลู่เหว่ยจวิน

“ราชาสวรรค์ รีบช่วยข้าเร็ว” ในเวลานี้ หลู่เหว่ยจวินได้หนีไปถึงใต้ต้นเหวินจุ๊จินสือที่อยู่ใกล้ที่สุด เขาร้องเสียงดังขึ้นมา

“คุณท่าน ออกจะเกินเลยไปแล้ว อย่าข่มเหงกันมากเกินไป” ในเวลานี้ราชาสวรรค์เหวินจุ๊ แห่งระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิเหวินจุ๊ร้องกล่างเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา

เวลานี้หลูเหว่ยจวินมาขอความช่วยเหลือ เขาไม่อาจไม่ออกหน้าได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขากับตระกูลหลูก็ได้มีการคบหากันแล้ว

“เกินเลยไป?” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “ข้ายังจะฆ่าพวกเจ้าทั้งหมดอยู่เลย รอให้เวลาข้าฆ่าเจ้าค่อยมาพูดคำว่า ‘เกินเลยไป’ ก็ยังไม่สาย”

ขาดคำ มือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ได้ยื่นไปคว้าต้นเหวินจุ๊จินสือ มือขนาดใหญ่ที่บดบังท้องฟ้า คว้าเซียนจับเทพ มือข้างเดียวที่คว้าเข้ามาไม่ได้มีอานุภาพของเทพผู้สูงส่ง และไม่มีกฎเกณฑ์ที่ปราศจากผู้ต่อกร แต่ว่า ภายใต้มือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ ดูเหมือนทุกอย่างกลับกลายเป็นเล็กจิ๋วมาก

เสียงตูมดังสนั่น ในพริบตาเดียวนั่นเอง ต้นเหวินจุ๊จินสือทั้งต้นเสมือนหนึ่งกลับกลายเป็นภูเขามีดอย่างนั้น ได้ยินเสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้น ในเวลานี้เอง มองเห็นกิ่งไม้ และใบไม้ทั้งหมดล้วนแล้วแต่กลายเป็นดาบยาว ทวนศักดิ์สิทธิ์ และธนูที่ส่งประกายเยือกเย็นแวบวับแทงและยิงใส่หลี่ชิเย่

ได้ยินเสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว ต้นเหวินจุ๊จินสือทั้งต้นได้พวยพุ่งเป็นประกายที่ดั่งคลื่นยักษ์ออกมา และกิ่งไม้ใบไม้ทั้งหมดที่แทงและยิงใส่หลี่ชิเย่นั้นล้วนแล้วแต่ดุดันยิ่งนัก ดาบยาว ทวนศักดิ์สิทธิ์นับหมื่นนับพัน และธนูจำนวนนับไม่ถ้วนเหมือนต้องการยิงทะลุมือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่อย่างนั้น

อานุภาพของต้นเหวินจุ๊จินสือแข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียม แต่ว่า กลับไม่สามารถขวางหลี่ชิเย่เอาไว้ได้ มองเห็นเพียงมือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ปรากฏประกายขึ้นมา ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังขึ้น เห็นเพียงมือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่เสมือนดั่งเป็นจานโม่ที่มีประกายแวบวับ อาศัยท่วงท่าสังหารที่เด็ดขาดบดขยี้เข้าไป

คร๊ากกก คร๊ากกก คร๊ากกกเสียงแตกละเอียดดังขึ้น สุดท้ายได้ยินเสียงดังปังเสียงหนึ่ง มองเห็นเพียงกิ่งไม้ ใบไม้ทั้งหมดล้วนแล้วแต่แตกละเอียดไปทีละอย่าง ต้นเหวินจุ๊จินสือทั้งต้นเหลือไว้แต่ลำต้นที่โล้นไม่เหลืออะไรอีกเลย

เสียงตูมดังสนั่น ฟ้าดินสั่นไหวโคลงแคลง มองเห็นมือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่จับต้นเหวินจุ๊จินสือเอาไว้ พลันจัดการถอนรากถอนโคนต้นเหวินจุ๊จินสือที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารขึ้นมาทั้งต้น

“ฆ่า…” นาทีนี้ ซาอวี่เฉิง ราชาสวรรค์เหวินจุ๊ได้ส่งคำรามเสียงดังและลงมาจากท้องฟ้าสูง ได้ยินเสียงกระบี่คำรามดังตึง ตึง ตึงขึ้นมาไม่ขาดสาย

พริบตาเดียวนั่นเอง ท้องฟ้าพลันมืดลง มองเห็นอาวุธจำนวนนับไม่ถ้วนที่พุ่งโจมตีลงมาจากท้องฟ้า มีเจดีย์วิเศษที่สยบทั่วหล้า มีกระบี่เซียนที่แทงทะลุฟ้าดิน มีธงเปลวเพลิงที่ทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์คับขันทั่วหล้า…

นาทีนี้ ซาอวี่เฉิง ราชาสวรรค์เหวินจุ๊ได้โจมตีรวดเดียวด้วยอาวุธทั้งหมดที่ตนมีอยู่ ได้สำแดงสุดยอดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของตนออกมาและลงมาจากท้องฟ้าในรวดเดียว หวังสังหารหลี่ชิเย่แบบชนิดที่ไม่ทันตั้งตัว

“ไสหัวไป…” หลี่ชิเย่ไม่ได้เลิกกระทั่งหนังตาด้วยซ้ำ ต้นเหวินจุ๊จินสือในมือกวาดผ่านไปโดยตรง ได้ยินเสียงดังปังดังสนั่นหวั่นไหว ขณะที่ลำต้นขนาดใหญ่ที่กวาดผ่านไปนั้น อาวุธของวิเศษทั้งหมดพลันแตกละเอียด

ลำต้นที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารเพียงแค่ถูกตัวของราชาสวรรค์เหวินจุ๊แบบถากๆ เท่านั้น อ๊ากกก ราชาสวรรค์เหวินจุ๊ร้องเสียงน่าเวทนาขึ้นมา กระอักเลือดสดๆ ออกมาอย่างแรง ได้ยินเสียงกระดูกแตกละเอียดดังคร๊ากกกขึ้นมา ร่างของราชาสวรรค์เหวินจุ๊ถูกฟาดจนปลิวออกไปกับร่างที่ชุ่มไปด้วยเลือด

ในเสี้ยววินาทีนี้เองราชาสวรรค์เหวินจุ๊ไม่สนเรื่องอาการบาดเจ็บ ไม่สนใจเรื่องเลือดที่ท่วมตัวของตนอีกต่อไป ดีดตัวเองให้พุ่งตัวออกไป หลบหนีไปทางที่ตั้งค่ายของตระกูลมู่

“คิดจะหนีรึ ไม่มีทาง” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย ต้นเหวินจุ๊จินสือขนาดยักษ์ที่อยู่ในมือพุ่งตามราชาสวรรค์เหวินจุ๊ที่กำลังวิ่งหนี

ราชาสวรรค์เหวินจุ๊ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า ต้นเหวินจุ๊จินสือคือต้นไม้วิเศษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิเหวินนจุ๊พวกเขา มาวันนี้กลับกลายเป็นอาวุธที่ล่าวิญญาณของตัวเขาเอง

“พี่ซา ไป” ขณะที่ราชาสวรรค์เหวินจุ๊กำลังจะถูกต้นเหวินจุ๊จินสือฟาดเข้าให้ ทันใดนั้นเอง ปรากฎเสียงทุ้มต่ำที่ร้องขึ้นมาเสียงหนึ่ง ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือต่อซาอวี่เฉิง โดยอาศัยมือขนาดใหญ่ที่เข้าคว้าตัวราชาสวรรค์เหวินจุ๊ หวังจะช่วยเหลือราชาสวรรค์เหวินจุ๊เอาไว้

“คิดจะช่วยคนรึ?” หลี่ชิเย่ยิ้มเยาะทีหนึ่ง ต้นเหวินจุ๊จินสือในมืออ้อมไปอีกมุมหนึ่ง แล้วฟาดเข้าหามือขนาดใหญ่ของราชันแท้จริงมู่เจี้ยน

สีหน้าของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนเปลี่ยนไป เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว ในพริบตาเดียวนั่นเอง มือขนาดใหญ่ของเขาปรากฎความไม่ชัดเจนที่ตลบอบอวล เห็นเพียงกฎเกณฑ์ราชันแท้จริงจำนวนนับไม่ถ้วนที่ทิ้งตัวลงมา ในพริบตาเดียวนั่นเอง มือขนาดใหญ่ของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนเสมือนหนึ่งถูกโลกๆ หนึ่งห่อหุ้มเอาไว้ จนมีขนาดหนาและหนักอย่างยิ่ง

นาทีนี้ มือขนาดใหญ่ข้างนี้ของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนไม่ได้หดกลับไป แต่เข้ารับมือกับต้นเหวินจุ๊จินสือที่หลี่ชิเย่ใช้ฟาดเข้ามานั่น

ปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ภายใต้การฟาดเข้าให้ของต้นเหวินจุ๊จินสือ ความขมุกขมัวไม่ชัดเจนพังทลาย กฎเกณฑ์ราชันแท้จริงพลันแตกละเอียด ได้ยินเสียงดังป๊าบบบเสียงหนึ่ง มองเห็นเลือดที่แตกกระจาย ต้นเหวินจุ๊จินสือได้ฟาดเข้ากับแขนของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนอย่างแรง จนเขาต้องขักมือกลับไปทันทีพร้อมกับเลือดที่ไหลหยดเป็นทาง

ทุกคนล้วนแล้วแต่สามารถจินตนาการได้กับการถูกฟาดด้วยต้นเหวินจุ๊จินสือ เกรงว่าแขนของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนคงได้รับบาดเจ็บไม่เบา ต้องถูกฟาดจนเป็นบาดแผลที่ฉีกขาดฉกรรจ์แน่นอน

ฉึก…เสียงหนึ่งดังขึ้น เสียงต้นเหวินจุ๊จินสือที่แหวกอากาศมาพริบตาเดียวกับที่ฟาดเข้ากับแขนของราชันแท้จริงมู่เจี้ยน ต้นเหวินจุ๊จินสือพลันไล่ตามทันราชาสวรรค์เหวินจุ๊ซาอวี่เฉิงที่กำลังวิ่งหนีอยู่

ส่วนปลายที่ทั้งยาวและแหลมของต้นเหวินจุ๊จินสือพลันทิ่มแทงออกไปทันที ได้ยินเสียงร้องแหลมที่เศร้ารันทดและน่าเวทนาอ๊ากกกดังขึ้นก้องฟ้าดิน มองเห็นราชาสวรรค์เหวินจุ๊พลันถูกส่วนปลายแหลมของต้นไม้แทงทะลุอก เลือดสดๆ สาดกระจาย

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *