Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2635 สี่พุทธา

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2635 สี่พุทธา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2635 สี่พุทธา

ขณะที่หลี่ชิเย่มองไปรอบๆ มองดูทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ พลันทำให้ทุกคนนิ่งเงียบไปโดยพลัน ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต่างจ้องมองตากันและกัน กระทั่งกล่าวได้ว่าผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เงียบกริบ

หลี่ชิเย่อาศัยเท้าเหยียบร่างเงาที่เป็นจิตเทพของนักพรตไป๋ยื่อแหลกละเอียดในทีเดียว และอาศัยเท้าเหยียบหัวของหลูเหว่ยจวินจนแหลกเละในครั้งเดียว การกระทำที่พาลมุทะลุดุดันเช่นนี้ เพียงพอที่จะให้ใครก็ตามต้องหวั่นเกรงอยู่สามส่วน เพียงพอที่จะให้ใครก็ตามต้องมองดูด้วยความหวาดกลัว

ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือเช่นใด ไม่ว่าจะเป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะอย่างไร ลองถามดู จะมีสักกี่คนที่กล้าเป็นศัตรูกับนักพรตไป๋ยื่อ จะมีสักกี่คนที่กล้าไปยั่วยุต่อนักพรตไป๋ยื่อ อย่างไรก็ตามหลี่ชิเย่กลับมองนักพรตไป๋ยื่อเหมือนไม่มีตัวตน อาศัยท่วงท่าที่รุนแรงและอันธพาล บดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่าง

คนที่น่ากลัวขนาดนี้ มีใครบ้างที่ไม่รู้สึกหวั่นเกรงสามส่วน? ใครบ้างที่เห็นแล้วไม่บังเกิดความหวาดกลัว

ในเวลานี้ ทั่วทั้งบริเวณเงียบสงัดขึ้นมา ทุกคนล้วนแล้วแต่สามารถได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน ทุกคนต่างรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงในใจ กระทั่งมองดูหลี่ชิเย่ด้วยความเคารพยำเกรง

นาทีนี้ทุกคนต่างมีความชัดเจนแล้วว่า คนโหดอันดับหนึ่งนั้นแข็งแกร่งจนไม่สามารถจินตนาการได้ พวกเขาเหล่านั้นห่างชั้นไม่สามารถต่อกรได้อยู่แล้ว หากสู้กันตัวต่อตัว ในบรรดาพวกเขาไม่มีใครสักคนกล้าคิดว่าตนเองนั้นเป็นคู่ต่อสู้ของคนโหดอันดับหนึ่งได้ กระทั่งอาจเป็นไปได้ว่าไม่สามารถรับมือคนโหดอันดับหนึ่งได้แม้แต่หนึ่งหรือสองกระบวนท่าด้วยซ้ำ

ในเวลานี้ แม้แต่ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนที่มีความปราดเปรื่องน่าทึ่ง แม้แต่ลู่เคอะเวิงที่มีกำลังความสามารถแน่นหนา แม้แต่สี่พุทธาที่มีของวิเศษมากมายอย่างกับดอกเห็ด พวกเขาล้วนแล้วแต่มีท่าทีที่หนักแน่นจริงจังยิ่งนัก หลี่ชิเย่ได้ให้ความกดดันที่สูงมากแก่พวกเขา

แม้ว่าพวกเขาเคยมีกำลังความสามารถที่เกรียงไกรทั่วหล้า แม้ว่าพวกเขาไม่เคยเกรงกลัวต่อผู้ใดเลย และไม่กลัวที่จะเป็นศัตรูกับใคร แต่ทว่า มาวันนี้หลี่ชิเย่เสมือนดั่งเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ที่มีขนาดใหญ่โตครอบคลุมท้องฟ้าของพวกเขาเอาไว้ เงามืดของหลี่ชิเย่ได้ครอบงำอยู่ภายในจิตใจของพวกเขา ไม่สามารถสลัดทิ้งให้จางหายไปได้เป็นเวลานาน

ไม่ว่าจะเป็นราชันแท้จริงมู่เจี้ยนหรือว่าลู่เคอะเวิง และหรือสี่พุทธา กำลังความสามารถของพวกเขานับว่าแข็งแกร่งมากแล้ว พวกเขาต่างมีวิธีการที่ฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งอยู่ในครอบครอง พวกเขากระทั่งสามารถมั่นใจในตนเองว่าอาศัยวิธีการที่ฝืนลิขิตสวรรค์จำนวนมากของพวกเขา สามารถท้าสู้กับศัตรูที่มีกำลังความสามารถแข็งแกร่งมากกว่าพวกเขาได้

แต่ว่า เวลานี้เมื่อเผชิญหน้ากับคนโหดอันดับหนึ่ง พวกของราชันแท้จริงมู่เจี้ยน ลู่เคอะเวิงล้วนแล้วแต่ขาดความมั่นใจ แม้ว่าวิธีการของพวกเขาจะฝืนลิขิตสวรรค์มากกว่านี้ ของวิเศษจะทรงพลังกว่านี้ แต่ว่า หากกล่าวว่าให้พวกเขาสู้กับคนโหดอันดับหนึ่งแบบตัวต่อตัวล่ะก็ พวกเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนโหดอันดับหนึ่งอย่างเด็ดขาด หากพูดถึงการต่อสู้เดี่ยวๆ ล่ะก็ พวกเขาไม่มีความามั่นใจเลยแม้แต่นิดเดียว พวกเขาที่เคยหมางเมินใต้หล้า ในขณะนี้พวกเขาไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย

เวลานี้ทางออกเพียงทางเดียวของพวกเขาก็คือร่วมมือกัน ถ้าหากพวกเขาไม่ร่วมมือกันล่ะก็ เกรงว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะต่อต้านกับคนโหดอันดับหนึ่งได้อยู่แล้ว อีกทั้งยังจะต้องถูกคนโหดอันดับหนึ่งสังหารไปทีละคนๆ ถึงเวลานั้นพวกเขามีเพียงตายสถานเดียว

ถ้าหากไม่ต้องการนั่งรอความตาย ลำพังการร่วมมือธรรมดาๆ ยังไม่ได้ พวกเขาจะต้องร่วมมือกันสำแดงท่าไม้ตายออกมา ต้องโจมตีให้หลี่ชิเย่เสียชีวิตในทันทีทันใด ไม่สามารถให้หลี่ชิเย่มีโอกาสได้พักหายใจ มิฉะนั้นล่ะก็ แม้ว่าพวกเขาจะร่วมมือกันก็มีความเป็นไปได้ที่จะถูกหลี่ชิเย่สังหารได้

ดังนั้น ในช่วงที่อยู่ระหว่างนิ่งเงียบนั้น ราชันแท้จริงมู่เจี้ยน ลู่เคอะเวิง สี่พุทธาพวกเขาได้ทำการพูดคุยกันแล้วท่ามกลางไร้ซุ่มไร้เสียงนั่น แน่นอนที่สุด ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาพูดคุยปรึกษาหารือกันได้อย่างไร

หลี่ชิเย่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเอ้อระเหย มองไปยังผู้คนที่อยู่รอบๆ ยิ้มเรียบเฉยและกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้าไม่ก้าวออกมาด้วยตนเอง เช่นนั้นแล้วข้าเป็นคนเลือกดีมั้ย? เลือกมาคนหนึ่งฆ่าคนหนึ่ง เมื่อฆ่าพวกเจ้าจนหมดแล้ว ข้าจะได้ไม่ต้องยุ่งยากอีก สามารถเงียบสงบได้สักพักหนึ่ง”

“คุณท่านนับว่ามีสิ่งพึงพิงอาศัยจริงๆ น่ะสิจึงไม่กลัว” ในเวลานี้ เสียงที่หนักแน่นของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนดังขึ้นมา “พวกเราก็ใช่จะเป็นเนื้อที่อยู่บนเขียง สุดแต่ผู้คนจะเชือดเฉือนได้” ขาดคำ บริเวณค่ายตระกกูลมู่ปรากฏร่างเงาสายหนึ่งขึ้นมา

หลังจากที่ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนได้ก้าวเดินออกมาจากบริเวณค่ายแล้ว ขณะที่เขาก้าวเดินออกจากค่ายและยืนอยู่ที่ตรงนั้น ทั่วฟ้าดินเสมือนหนึ่งกลายเป็นเงาหลังของเขา เมื่อแสงสว่างส่องมาจากด้านหลังของเขานั้น ยิ่งเป็นการแสดงให้เห็นความสูงตระหง่านปราศจากผู้เทียบเทียมของเขา

‘ราชันแท้จริงมู่เจี้ยน’ ผู้คนจำนวนไม่น้อยทยอยกันมองไป กระทั่งมีผู้ที่ร้องเสียงแผ่วเบาขึ้นมา เมื่อมองเห็นราชันแท้จริงมู่เจี้ยน

ความจริงแล้ว ก่อนหน้านี้ผู้คนจำนวนมากก็เพียงแต่เคยได้ยินชื่อเสียงที่โด่งดังของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนเท่านั้น ไม่เคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของราชันแท้จริงมู่เจี้ยน แม้แต่เมื่อครู่นี้เอง ก็ยังคงได้ยินแต่เสียงของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนมาโดยตลอด ไม่เคยเห็นตัวจริง

เวลานี้ ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนได้ก้าวเดินออกมาปรากฏต่อหน้าผู้คนทั่วหล้า ทุกคนต่างอดที่จะจ้องมองไปไม่ได้

“บุคลิกลักษณะท่าทางดูอิ่มเอิบมีชีวิตชีวา รูปหน้างดงามดั่งหยก” ไม่ว่าจะเป็นศัตรูหรือมิตรต่างอดที่จะทอดถอนใจออกมาเมื่อมองเห็นราชันแท้จริงมู่เจี้ยน และกล่าวว่า “ความสามารถโดดเด่นเช่นนี้ ก็คงมีเพียงฐานะความเป็นราชันแท้จริงจึงจะคู่ควรกับตัวเขาได้”

ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนสวมชุดสีดำ บนตัวไม่ได้มีเครื่องประดับเท่าไรนัก ชุดที่สวมใส่ดูเรียบง่ายอย่างยิ่ง มีเพียงบริเวณอกเสื้อด้านขวาปักรูปกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เอาไว้เท่านั้น

ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนมีรูปร่างที่สูงใหญ่ ขณะที่เขายืนอยู่ที่ตรงนั้นเสมือนดั่งเป็นจุดสนใจ แม้ว่าบนตัวของเขาจะไม่ได้แผ่อานุภาพราชันแท้จริงออกมา ยังคงดึงดูดสายตาผู้คนอะไรอย่างนั้น ตัวเขาที่มีบุคลิกลักษณะท่าทางดูอิ่มเอิบมีชีวิตชีวา รูปหน้างดงามดั่งหยกต่อให้ไม่ใช่ราชันแท้จริง ก็สามารถทำให้เขาเป็นที่จับจ้องของผู้คน เสมือนดั่งเป็นหงส์ในฝูงกา

การยืนอยู่ที่ตรงนั้นของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนนั้น มีความสูงตระหง่านดั่งภูเขา โดยเฉพาะกลิ่นอายราชันแท้จริงสะท้อนกลับรอบๆ ตัวของเขานั้น ไม่ว่าเขาจะยืนอยู่ที่ใดก็ตาม เสมือนดั่งกลายเป็นศูนย์กลางของฟ้าดินอย่างนั้น มีท่าทีที่สามารถควบคุมทั่วหล้า และจักรวาล

ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีอคติต่อราชันแท้จริงมู่เจี้ยนหรือไม่ก็ตาม เวลานี้เมื่อได้เห็นท่วงท่าที่มีความสง่างามของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนนั้น ล้วนแล้วแต่ถูกท่วงท่าที่มีความสง่างามของราชันแท้จริงทำให้สยบ

“บุคลิกลักษณะท่าทางดูอิ่มเอิบมีชีวิตชีวา รูปหน้างดงามดั่งหยก” ท้ายที่สุด ผู้คนจำนวนมากนึกไปนึกมาแล้ว ที่สามารถนึกถึงคำที่จะนำมาเปรียบเปรยกับราชันแท้จริงมู่เจี้ยนที่อยู่ตรงหน้าได้เท่านี้

หลี่ชิเย่เพียงมองหน้าราชันแท้จริงมู่เจี้ยนทีหนึ่ง ยิ้มกล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉยว่า “เจ้าก็คือพี่ใหญ่ของมู่เส้าเฉินกระมัง ข้าเชื่อว่าน้องของเจ้าก็คงได้นำเอาคำพูดไปแจ้งให้ทราบแล้ว”

ดวงตาทั้งสองของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนพลันดูน่าเกรงขาม เมื่อมีการเอ่ยถึงน้องชายของเขา ‘มู่เส้าเฉิน’ ได้ยินเสียงกระบี่คำรามดังตึง ประกายตาของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนพลันคุโชนขึ้นมา ภายในดวงตาทั้งสองเสมือนดั่งมีกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เป็นพันเป็นหมื่นเล่มกำลังวิวัฒนาการอยู่อย่างนั้น ทะเลกระบี่ที่น่ากลัวกลับกลายเป็นวังวน เหมือนว่าพร้อมที่จะกลายเป็นพายุที่รุนแรงจัดการฉีกฟ้าดินจนขาดกระจุยอย่างนั้น

ในขณะนี้แม้ว่าราชันแท้จริงมู่เจี้ยนจะไม่ได้โกรธอย่างบ้าคลั่ง แต่ว่า ทุกคนต่างสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนถึงกลิ่นอายที่รุนแรงซึ่งถ่ายทอดออกมาจากตัวของราชันแท้จริงมู่เจี้ยน พริบตาเดียวนั้นเอง เหมือนว่าราชันแท้จริงมู่เจี้ยนสามารถกลายเป็นพายุร้ายที่น่ากลัว และฉีกโลกใบนี้ให้แหลกละเอียดได้ทุกเวลา

ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่รู้ว่ามู่เส้าเฉินมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ ยิ่งไม่รู้ว่ามู่เส้าเฉินได้ตายอนาถภายใต้น้ำมือของหลี่ชิเย่ไปแล้ว

“ไม่ว่าจะเป็นบุญคุณความแค้นส่วนตัว หรือว่าการช่วงชิงใต้หล้า” เวลานี้ ดวงตาทั้งสองของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนคล้ายกลับกลายเป็นพายุทะเลกระบี่ที่รุนแรง กล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “วันนี้ เจ้ากับข้าจะต้องมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีชีวิตรอดไปจากที่ตรงนี้”

คำพูดนี้ของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนพูดได้เยือกเย็นอย่างยิ่ง เสมือนหนึ่งกระบี่สังหารเย็นยะเยือกเล่มหนึ่งปักตรึงอยู่บนพื้น คำพูดที่พูดออกมาหนักแน่นจริงจัง ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีก

“ไม่ เป็นพวกเจ้าที่ไม่สามารถมีชีวิตรอดไปจากที่ตรงนี้” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวท่าทีเมินเฉย ส่ายหน้าเบาๆ ว่า “แต่ไม่ใช่ข้า”

“เจ้าแน่ใจรึ?” นาทีนี้เอง เสียงที่เนิบๆ เบาๆ เสียงหนึ่งดังขึ้น กล่าวน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมาว่า “ข้าสี่พุทธาจะไม่เชื่ออะไรง่ายๆ อยากจะรู้นักว่าเจ้าจะรั้งพวกเราเอาไว้ได้”

ในเวลานี้ มองเห็นด้านข้างน้ำเต้าม่วงทองได้ปรากฏผู้เฒ่าผู้หนึ่งยืนอยู่ ผู้เฒ่าผู้นี้สวมชุดสีทองทั้งชุด โดยที่ชุดทองทั้งชุดนี้คล้ายดั่งตัดเย็บมาจากแพลทินัมอย่างนั้น แลดูบางเบาอย่างยิ่ง แต่ชุดดังกล่าวได้เปล่งประกายสีทองที่ละลานตายิ่งออกมา โดยประกายที่เปล่งออกมาเสมือนหนึ่งเป็นเข็มทองคำที่ที่มแทงเข้าตาทั้งสองข้างของผู้คน เหมือนว่าสามารถทิ่มแทงตาทั้งสองข้างของผู้คนจนบอดได้ในพริบตา

‘สี่พุทธา’ มีผู้ร้องเสียงแผ่วเบาขึ้นมา เมื่อมองเห็นผู้เฒ่าผู้นี้ที่อยู่ตรงหน้า

น้ำเต้าม่วงทองนับว่าเป็นสิ่งที่ปรากฏตัวขึ้นที่บริเวณด้านนอกของเมืองหมิงลั่วเฉิงค่อนข้างเร็วกว่าคนอื่นๆ แต่ว่า สี่พุทธาไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาโดยตลอด ในที่สุดเวลานี้ก็ได้เผยโฉมขึ้นมาแล้ว ทำให้ทุกคนอดที่จะจ้องมองตัวเขาหลายครั้ง ทุกคนต่างเปี่ยมด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับน้ำเต้าม่วงทอง

“สามพุทธาที่เหลือล่ะ?” ผู้คนจำนวนไม่น้อยได้มองเข้าไปภายในน้ำเต้าม่วงทอง เมื่อมองเห็นสี่พุทธามีเพียงผู้เฒ่าผู้หนึ่งยที่ยืนอยู่ข้างๆ น้ำเต้าม่วงทอง กระทั่งมีผู้ยืดคอออกไปเพื่อต้องการมองว่าในน้ำเต้าม่วงทองมีคนอยู่กี่คนกันแน่

มีระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิมองดูผู้ที่พูดคำพูดนี้ออกมาทีหนึ่งด้วยแววตาที่แปลกๆ และกล่าวว่า “เขาก็คือสี่พุทธานั่นแหละ”

“สี่พุทธาไม่ใช่คนสี่คนรึ? ไม่ใช่มีสี่พุทธาอยู่สี่คนรึ?” เจ้าของคำพูดถึงกับตะลึงงัน และรู้สึกงุนงงอยู่บ้าง สมองถึงกับแล่นตามไม่ทัน

ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิมองดูผู้บำเพ็ญตนผู้นี้ราวกับจ้องมองคนปัญญาอ่อนทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ใครบอกเจ้าว่าสี่พุทธาเป็นคนสี่คน? สี่พุทธาเป็นเพียงฉายาเท่านั้นเอง หมายถึงเจ้าของฉางจินต้ง”

เอิกกก…ผู้บำเพ็ญตนผู้นี้รู้สึกงงงันอย่างสิ้นเชิง แม้กระทั่งคำพูดก็ยังติดขัดไม่ลื่นไหล “สี่ สี่ สี่พุทธา เป็นเพียง เพียงฉายาของคนๆ หนึ่ง?”

“สี่พุทธาไม่ใช่คนสี่คนรึ? ถึงกับเป็นเพียงคนๆ เดียว?” ใช่มีเพียงผู้บำเพ็ญตนผู้นี้เท่านั้นที่งงงัน ความจริงแล้ว ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็งุนงงเช่นกัน

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้คนจำนวนมากต่างเข้าใจว่าสี่พุทธาหมายถึงมีพุทธาสี่คน หมายถึงคนสี่คน ไม่นึกเลยว่าสี่พุทธาถึงกับเป็นคนๆ หนึ่งเท่านั้นเอง

“ข้า ข้าเข้าใจว่าสี่พุทธาคือคนสี่คนมาโดยตลอด” ผู้คนจำนวนมากต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน ทุกคนต่างรู้สึกงุนงง พวกเขาล้วนแล้วแต่ได้รับรู้ว่าสี่พุทธาถึงกับเป็นเพียงคนๆ เดียวเท่านั้นเป็นครั้งแรก

“ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ไม่เป็นปัญหา” หลังจากการปรากฏตัวของสี่พุทธา หลี่ชิเย่ก็แค่มองแวบเดียวเท่านั้น ยิ้มเรียบเฉยและกล่าวว่า “รอให้เจ้านอนเป็นศพอยู่บนพื้นแล้ว เจ้าก็จะเชื่อแล้วล่ะ ถึงตอนนั้นเจ้าก็จะรู้สึกว่าสิ่งที่ข้าพูดนั้นช่างเป็นคำสอนคำเตือนที่ล้ำค่าอะไรอย่างนั้น”

“คนที่กลายเป็นศพนอนอยู่บนพื้นเป็นใคร เวลานี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึง” พลันที่หลี่ชิเย่พูดขาดคำ เสียงที่แก่หง่อมเสียงหนึ่งได้ดังขึ้น

เวลานี้ ปรากฏผู้เฒ่าผู้หนึ่งก้าวออกมาจากป่า ผู้เฒ่าผู้นี้มีผมเผ้าเป็นสีขาว หน้าเด็กสีผมดั่งนกกระเรียน ทำให้ผู้ที่มองเห็นผู้เฒ่าผู้นี้แล้วก็รู้ได้ทันทีว่าเขามีอายุมากแล้ว แต่ทว่า เขายังคงมีจิตใจที่กระปรี้กระเปร่า

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *